เป็นวัยรุ่นก็ต้องตามให้ทันทั้งเรื่องแฟชั่นและเทรนด์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นชอปปิง กิน เที่ยว ถ่ายรูป โดยเฉพาะคาเฟ่ในกรุงเทพฯ ที่ต่างก็มีจุดดึงดูดวัยรุ่นให้เข้าไปสัมผัสทั้งเรื่องของกาแฟ ขนม มุมถ่ายรูปเก๋ๆ พร้อมบรรยากาศร้านที่ตกแต่งแตกต่างกันออกไปอย่าง 6 คาเฟ่ที่เราจะมาแนะนำในวันนี้
และเพื่อความปังแบบวัยรุ่นสายแฟชั่นตัวจริง เราเลยชวนทุกคนฮอปปิงคาเฟ่ทั้ง 6 ร้าน ไปพร้อมกับ All New Yamaha Fazzio Hybrid Connected รถจักรยานยนต์ออโตเมติกรุ่นใหม่ที่มาพร้อมสีสัน Colorful ให้เลือกหลากหลาย ตอบโจทย์สายแฟชั่นได้อย่างลงตัว อีกทั้งยังมีฟังก์ชันที่ช่วยเติมสีสันให้ทุกการขับขี่ง่ายขึ้น ใช้ชีวิตได้สนุกทุกวันไม่มีเบื่อ ถ้าพร้อมแล้วออกสตาร์ทไปกับ All New Yamaha Fazzio Hybrid Connected กันเลย!
|
Credit : https://www.facebook.com/fatsandangry/
|
Fats and Angry
คาเฟ่สไตล์อเมริกันไดเนอร์ยุค 50 ในย่านเจริญกรุง ที่เราเชื่อว่าแฟนหนังหรือซีรีส์อเมริกันต้องคุ้นเคยกับร้านหน้าตาแบบนี้ในบางฉากกันดีอยู่แล้ว เพราะถือเป็นไลฟ์สไตล์สุดป๊อปของวัยรุ่นอเมริกันยุค 50 ซึ่งเจ้าของร้าน Fats and Angry ก็ทำร้านนี้ขึ้นมาจากความชื่นชอบในวัฒนธรรมอเมริกัน ถึงขั้นบินไปดูร้านอเมริกันไดเนอร์ถึงที่แล้วนำไอเดียมาตกแต่งร้านไดเนอร์ในแบบของตัวเอง จนเกิดเป็นคาเฟ่สุดชิคในย่านอาร์ตๆ ของกรุงเทพฯ อย่างเจริญกรุงที่ใครก็อยากไปเช็กอิน
ด้านนอกตัวร้าน Fats and Angry ตกแต่งด้วยผนังกระเบื้องสีขาวดำกลิ่นอายความคลาสสิกมาเต็ม และมี Mr.Hangry มาสคอตตัวอ้วนกลมสีแดงหน้าบึ้งเหมือนคนโมโหหิวแปะอยู่หน้าร้าน หน้าร้านมีที่นั่งรอแถมเหมาะกับการถ่ายรูปเช็กอินมาก ส่วนด้านในเต็มไปด้วยของใช้ของตกแต่งสีสันสดใสตามแบบอเมริกันไดเนอร์ เช่น โต๊ะสีเงิน ป้ายไฟนีออน โปสเตอร์แนวย้อนยุคที่ทางร้านออกแบบเอง
เมนูเครื่องดื่มที่เราอยากแนะนำให้สั่งเมื่อมาที่ Fats and Angry ก็คือมิลก์เชกหรือนมปั่น เช่น Cookie and Cream Milkshake (165 บาท) สำหรับคนที่ต้องการความหวานมันเข้มข้นขั้นสุด หรือ Strawberry Milkshake (165 บาท) สำหรับใครที่ชอบความหวานมันอมเปรี้ยว ส่วนอาหารเราแนะนำ Cheese Burger (200 บาท) เบอร์เกอร์หมูชิ้นแป้งนุ่ม และ Hot Dog (150 บาท) ฮ็อตด็อกชิ้นใหญ่ราดซอสมะเขือเทศและมัสตาร์ด รวมถึง The Platter ของทอดนานาชนิดที่เสิร์ฟมาในจานใหญ่
Fat & Angry อยู่ที่ซอยเจริญกรุง 46 ร้านเปิดทุกวัน เวลา 10.30-21.00 น.
|
Credit : https://www.facebook.com/fics31/
|
FICS
มองเผินๆ จากด้านหน้านึกว่าเป็นโรงหนังสแตนด์อโลน แต่จริงๆ แล้วมันคือคอมมูนิตี้ของคนรักหนังที่มาในรูปแบบของ Gallery and Cafe หนึ่งในคาเฟ่กรุงเทพฯ ที่เราอยากแนะนำเพราะเจ้าของร้านก็คือ บาส-ณัฐวุฒิ พูนพิริยะ ผู้กำกับหนังดังอย่างฉลาดเกมส์โกงและวันสุดท้ายก่อนบายเธอ ที่ตั้งใจสร้างพื้นที่นี้ขึ้นมาเพื่อให้คนรักหนังได้มาพบปะกัน
ภายในร้านจะแบ่งเป็นโซน Director’s Cup ขายเครื่องดื่มที่ได้แรงบันดาลใจมาจากหนัง เช่น Lost in Translation (160 บาท) ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากหนังชื่อเดียวกับเมนูที่เนื้อหาว่าด้วยเรื่องราวความสัมพันธ์ของชายหญิงที่มาจากสองวัฒนธรรมที่แตกต่างกันโดยมีกรุงโตเกียวเป็นฉากหลัง โซน Concept Store ที่ขายสินค้าเอาใจคอหนัง และโซน Poster District ที่รวมโปสเตอร์หนังหายากแบบ Original Version จากหลากหลายที่มาไว้ในที่เดียว
FICS อยู่ที่ซอยสุขุมวิท 31 ร้านเปิดทุกวัน เวลา 10.00-17.30 น.
|
Credit : https://www.facebook.com/timoandtintin/
|
TIMO & TINTIN
คาเฟ่ในตึกแถวเก่า 5 ชั้น ที่เป็นทั้งคาเฟ่และแกลเลอรี่ โดยเจ้าของร้านตั้งใจใส่ความโมเดิร์นลงในย่านสุดคลาสสิกอย่างตลาดน้อย จึงปรับปรุงหน้าตาตึกแถวเก่าให้ดูมีความ Modern Contemporary ผสม Loft ส่วนชื่อร้านก็มาจากชื่อน้องหมา 2 ตัวของเจ้าของร้าน พอเดินเข้ามาในร้านจะเจอมุมนั่งชิลล์ได้หลายมุมที่ถูกออกแบบมาให้มีความเป็นส่วนตัว ใครอยากดูงานศิลปะสามารถขึ้นไปดูได้ที่แกลเลอรี่บนชั้น 2
สำหรับเครื่องดื่มที่ร้านจะใช้วัตถุดิบคุณภาพจากหลากหลายแหล่ง เช่น เมล็ดกาแฟจากเชียงใหม่ เอธิโอเปีย และลำปาง อูจิมัทฉะจากเกียวโต ประเทศญี่ปุ่น และชาอู่หลงจากดอยแม่สลอง จังหวัดเชียงราย โดยมีเมนูแนะนำคือ Cocoa Shake (120 บาท) โกโก้รสเข้มข้นเชกกับน้ำแข็งจนได้ความเย็นและเนื้อสัมผัสนุ่มละมุน
TIMO & TINTIN อยู่ที่ซอยวานิช 2 ร้านเปิดวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 09.00-17.00 น. และวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 09.00-19.00 น.
|
Credit : https://www.bkkmenu.com/eat/we-recommend/oh-vacoda-cafe
|
Oh Vacoda
วัยรุ่นตัวจริงต้องไม่พลาดคาเฟ่กรุงเทพฯ สีชมพูพีชกลิ่นอายยุค 60 - 70 ในย่านอารีย์ ที่อยากชวนทุกคนมากินอะโวคาโดผ่านเมนูที่เจ้าของร้านครีเอทมาเอาใจทั้งคนที่รักอะโวคาโดและมือใหม่หัดชิม เช่น Avoothie (150 บาท) อะโวคาโดหนึ่งลูกครึ่งปั่นโดยไม่ผสมน้ำหรือนมและนำไปแช่เย็นก่อนเสิร์ฟ Mocado (140 บาท) กาแฟมอคค่าเย็นผสมอะโวคาโดกับช็อกโกแลต
นอกจากเครื่องดื่มแล้วก็ยังมีทั้งอาหารและขนมน่ากินอีกหลายเมนูที่ไม่คิดว่าจะนำอะโวคาโดมาใช้เป็นวัตถุดิบได้ เช่น กะเพราอะโวคาโด (190 บาท) ผัดกะเพราหมูสับใส่อะโวคาโดหมักเครื่องกะเพราทอดกรอบ เสิร์ฟพร้อมข้าวสวยร้อน ๆ หรือจะเป็น Avocado Honey Lemon (155 บาท) เนื้อสอดไส้อะโวคาโด และ Avocado Tea Pot (140-160 บาท) ชาที่ผ่านการเบลนด์กับเม็ดอะโวคาโดจนได้รสชาติกลมกล่อม
Oh Vacoda อยู่ที่ซอยอารีย์สัมพันธ์ 4 ร้านเปิดทุกวัน 10.00-22.00 น.
|
Credit : https://www.facebook.com/ChimChimBangkok
|
Chim Chim Bangkok
คาเฟ่และร้านอาหารที่ชั้นล่างของโรงแรม Siam@Siam Design Hotel มาพร้อมคอนเซ็ปต์ Art - inspired social diner ตกแต่งแบบสวยแปลกแหวกแนวและเหนือจินตนาการตามแบบศิลปะแนว Dadaism
พื้นที่ในร้านจะแบ่งเป็นโซนสำหรับนั่งจิบกาแฟและทานอาหาร และโซนชั้นลอยสำหรับจัดแสดงผลงานศิลปะและ จัดเวิร์กช็อปต่างๆ ที่นี่จะเสิร์ฟอาหารสไตล์คอมฟอร์ทฟู้ดแบบตลอดวัน เช่น พิซซ่า พาสต้า ขนมหวาน กาแฟ และเครื่องดื่มต่างๆ ทุกเมนูจะใช้วัตถุดิบจากผู้ผลิตในประเทศที่มีคุณภาพ เช่น ไส้กรอกจาก Sloane, ปลาจากจังหวัดชุมพร, เนื้อวัวจากฟาร์มในภาคอีสานและเมล็ดกาแฟจากโรงคั่ว Roots
Chim Chim Bangkok อยู่ที่ชั้นล่างโรงแรม Siam@Siam Design Hotel ร้านเปิดทุกวัน 08.00-22.30 น.
|
Credit : https://www.facebook.com/trustcafeandstudio/
|
Trust cafe and studio
ปิดท้ายด้วยคาเฟ่ที่เป็นทั้งสตูดิโอ ร้านขายเสื้อผ้า ร้านตัดผม และร้านอาหารที่มาพร้อมปรากฏการณ์คนต่อคิวเข้าร้านตั้งแต่ร้านเปิดตัวใหม่ๆ แม้จะต้องจ่ายค่าเข้าร้านคนละ 50 บาทก็ตาม (สามารถนำไปใช้เป็นส่วนลดสำหรับเครื่องดื่มในโซนคาเฟ่ได้)
สนามบาสสีสดใสและสนามเด็กเล่นคือโซนแรกที่ทุกคนต้องหยุดแชะภาพสวยๆ ฟีลเกาหลี ก่อนเข้าไปภายในร้านที่ตกแต่งคุมโทนสีน้ำตาล ขาว และครีม เป็นคาเฟ่ที่เหมาะกับการไปถ่ายรูปจริงๆ ใครสนใจแนะนำว่าควรเช็กเรื่องจองคิวให้ดีก่อนไป เพราะเป็นหนึ่งในคาเฟ่กรุงเทพฯ ที่ใครๆ ก็อยากไปเช็กอิน!
Trust Cafe and Studio อยู่ที่ซอยกิ่งชำนาญอักษร ถนนพหลโยธิน 7 ร้านเปิดทุกวัน 11.00-19.00 น.
|
เป็นยังไงกันบ้างกับพิกัดคาเฟ่กรุงเทพฯ ที่เราแนะนำ ถ้าใครตามเก็บครบทั้ง 6 คาเฟ่ เราขอยกให้เป็นสายแฟชั่นตัวจริง โดยเฉพาะคนที่เดินทางไปพร้อม All new Yamaha Fazzio Hybrid Connected รถมอเตอร์ไซค์ออโตเมติกแฟชั่นดีไซน์เทรนดี้รุ่นใหม่ที่นอกจากจะประหยัดน้ำมันและอัตราเร่งดีเยี่ยมด้วยเครื่องยนต์บลูคอร์ (Blue Core Hybrid 125 cc) แล้ว ยังโดดเด่นที่งานดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์และฟีเจอร์เทคโนโลยีจัดเต็มโดนใจวัยรุ่น เช่น ช่องต่อไฟชาร์จแบตเตอรี่มือถือพร้อมฝาปิดและช่องใส่ของด้านหน้า กล่องเก็บของใต้เบาะจุได้เยอะถึง 17.8 ลิตร และมิเตอร์แบบดิจิทัลสไตล์ใหม่ ดีไซน์แคปซูล บอกครบทุกฟังก์ชันและเชื่อมต่อกับแอปพลิเคชัน Y-Connect บนสมาร์ตโฟนได้ ที่สำคัญยังมาพร้อมการรับประกันคุณภาพทั้งคันตลอดระยะเวลา 5 ปี หรือ 50,000 กิโลเมตร สามารถเข้าไปสอบถามรายละเอียดรถเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์ผู้จำหน่ายรถจักรยานยนต์ยามาฮ่า ทุกสาขาทั่วประเทศ
|
