เมื่อพูดถึงวงการเพลง K-POP เท่าที่ทราบมา คนเกาหลีใต้หลายคนใฝ่ฝันที่จะก้าวเข้ามาเป็นหนึ่งในไอดอลและศิลปินเกาหลีมากมาย เมื่อพูดถึงการฝึกหัดในแต่ละค่าย เรียกว่าหนักและหินอยู่พอสมควร เพราะกว่าจะได้เดบิวต์เป็นศิลปิน/ไอดอลแบบเต็มตัว ก็ต้องผ่านระยะเวลาการฝึกหัดและมีประสบการณ์ร้อง - เต้นที่ดี
แต่ใครจะคิดว่า มีเด็กไทยหนึ่งคนที่เข้าไปยืนอยู่ในวงการเพลงเกาหลีในช่วงที่เพลงเคป็อบกำลังเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก และกลายเป็นไอดอลตัวอย่างที่ปลุกให้เด็กไทยหลายคนกล้าที่จะทำตามความฝัน... นั่นก็คือ “นิชคุณ หรเวชกุล” หรือ “นิชคุณ” จากวงบอยแบนด์ชื่อดัง “2PM”
นิชคุณ หรเวชกุล ไอดอลเกาหลีสัญชาติไทย ที่ตอนนี้โด่งดังและเป็นที่รู้จักในวงการเพลงเกาหลีอย่างกว้างขวาง ถ้าให้ย้อนกลับไปพูดถึงช่วงแรก ๆ ของการเป็นไอดอล บอกเลยว่าประวัติของหนุ่มคนนี้ก็จะยาวอยู่หน่อย ๆ... ก็แน่ล่ะ เพราะ 10 ปีในวงการ K-POP ได้หล่อหลอมให้นิชคุณกลายมาเป็นผู้ใหญ่ที่แข็งแกร่งมากขึ้นในทุกวันนี้
ไปย้อนอ่านประวัติและความสำเร็จของหนุ่มนิชคุณที่เรารวบรวมมาฝากกัน บอกได้เลยว่าประสบการณ์ 10 ปีที่ผ่านมา จะผลักดันความสำเร็จของหนุ่มนิชคุณในอนาคตอีกครั้งแน่นอน
นิชคุณเกิดเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2531 ที่เมืองแรนโค คูคามอนกา (Rancho Cucamonga) รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา ในครอบครัวนับถือศาสนาพุทธ บิดาเป็นชาวไทย ชื่อ ธีรเกียรติ หรเวชกุล และมารดาเป็นชาวไทยชื่อ เย็นจิต หรเวชกุล นิชคุณเป็นลูกคนที่ 2 จาก 4 คนในครอบครัว มีพี่ชาย 1 คน และน้องสาว 2 คน
เมื่ออายุได้ 1 ปี ครึ่ง นิชคุณย้ายกลับมาประเทศไทยพร้อมครอบครัว หลังจากสำเร็จชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น นิชคุณย้ายไปศึกษาที่ประเทศนิวซีแลนด์ ณ โรงเรียนแห่งหนึ่ง ซึ่งดำเนินการสอนแบบคาทอลิก และมีอายุเก่าแก่กว่า 150 ปี
โดยในช่วงแรก นิชคุณพักอาศัยอยู่กับพี่ชายซึ่งศึกษาอยู่ใน นิวซีแลนด์ด้วยเช่นกัน แต่ภายหลังพี่ชายย้ายไปศึกษาต่อใน สหรัฐอเมริกา เป็นเหตุให้นิชคุณรู้สึกเหงา คิดถึงบ้านเป็นอย่างมาก และโทรติดต่อกับครอบครัวในประเทศไทยอยู่บ่อยครั้ง แต่ในที่สุดก็สามารถปรับตัวกับการอยู่เพียงลำพังคนเดียวได้
ในขณะที่นิชคุณอายุได้ 12 ปี และสำเร็จการศึกษาหลักสูตรภาษาอังกฤษโดยใช้เวลาศึกษาประมาณ 1 ปีครึ่ง ในประเทศนิวซีแลนด์ นิชคุณจึงตัดสินใจย้ายมาศึกษาต่อที่สหรัฐอเมริกา ในเมืองเล็ก ๆ แห่งหนึ่งในรัฐ แคลิฟอร์เนีย โดยเริ่มศึกษาในระดับ (เกรด) 9 ในช่วงแรกของการศึกษา ผลการศึกษาของนิชคุณ (คะแนนเฉลี่ย) อยู่ที่ประมาณ 3.8-3.9 แต่ในภายหลัง คะแนนเฉลี่ยลดลงเหลือ 3.7 เนื่องจากทุ่มเทเวลาให้กับการเรียนน้อยลงแต่ให้กับเพื่อน ๆ มากขึ้น เมื่อศึกษาไปได้ระยะหนึ่ง นิชคุณย้ายไปศึกษาต่อ ณ โรงเรียนมัธยม Los Osos ในลอสแอนเจลิส ซึ่งเป็นโรงเรียนที่เพิ่งเปิดใหม่ นิชคุณสามารถเล่นเปียโน กีตาร์ และพูดได้ 5 ภาษาคือ ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ ภาษาเกาหลี ภาษาญี่ปุ่น ภาษาจีน
ในปี พ.ศ. 2548 ขณะที่ศึกษาที่สหรัฐอเมริกา เพื่อนชาวเกาหลีชวนไปเที่ยวงานเทศกาลดนตรีเกาหลี (Korean Music Festival) ในเมืองลอสแอนเจลิส ซึ่งในวันนั้นบริษัทเจวายพี ซึ่งเป็นบริษัทตัวแทนในฮอลลีวูดกำลังหาคนมาออดิชั่นอยู่ จึงมีคนเข้ามาชักชวน และยังมีบริษัทพีเจ ซึ่งเป็นบริษัททำเพลงเช่นกันก็เข้ามาชวนเช่นกัน ในระหว่างที่ทั้งสองฝั่งคุยกันว่าใครมาก่อนมาหลัง นิชคุณก็เดินออกมา แต่ก็ให้เบอร์โทรศัพท์กับทั้ง 2
ซึ่งในวันรุ่งขึ้นบริษัทพีเจโทรมาก่อน แต่นิชคุณบอกไปว่ายังไม่สนใจ ในวันเดียวกันบริษัทเจวายพีก็โทรมา บอกว่าเป็นบริษัทที่เรนสังกัดอยู่ จึงสนใจขึ้นมาทันทีจึงตกลงจะไปออดิชั่นโดยนัดกันที่ร้านสตาร์บัคส์ ซึ่งมีการตั้งกล้องหน้าร้าน นิชคุณร้องเพลง "All Or Nothing" ของวงโอทาวน์ จากนั้นก็เต้น จนคนในร้านมองกันทั้งร้าน
หลังจากนั้นผ่านไป 2 อาทิตย์ก็โทรกลับมา โดยบริษัทชวนมาอยู่เกาหลี โดยจะจัดการเรื่องทุกอย่างให้ ถือเป็นเด็กไทยคนแรกและคนเดียวที่ผ่านการออดิชั่น และเป็นเพียงคนเดียวเท่านั้น ที่สามารถทำการออดิชั่นผ่านจากผู้เข้าออดิชั่นทั้งหมด 11 ประเทศทั่วโลก
ปี 2549 นิชคุณ ได้เป็นนักแสดงหน้าใหม่ในสังกัดของ เจวายพี เอนเตอร์เทนเมนต์ ซึ่งในขณะนั้นมีนักร้องนักแสดงดังอย่าง เรน อยู่ในสังกัดนี้ด้วย ซึ่งเซ็นสัญญาเป็นระยะเวลา 8 ปี โดยได้เปิดตัวงานแรกจากสังกัดเจวายพี กับการรับหน้าที่เป็นพิธีกรให้กับรายการ Super Star Survival ที่จัดขึ้นที่ประเทศไทย
เป็นรายการเรียลลิตี้หลังจากนั้นบินไปเกาหลี ดูการทำงานของบริษัท ดูการฝึกซ้อม เป็นเวลา 1 อาทิตย์ แล้วกลับเมืองไทยอีก 2 อาทิตย์ ถ่ายทำรายการที่สยามสแควร์ เริ่มมีคนมาขอถ่ายรูป เริ่มมีนักข่าว หนังสือแนวเกาหลีขอสัมภาษณ์ ทำให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น จึงกลับไปเรียนที่สหรัฐอเมริกา แต่เกิดปัญหาเรื่องส่งหนังสือลาไม่ถึง ทำให้ถูกปรับตก ไม่ได้จบแบบเต็มตัวแต่จบแบบ Diploma
นิชคุณเข้าฝึกที่หอพักฝึกของบริษัทเจวายพี ที่มีการเรียน การเต้น การแสดง และเรียนภาษาเกาหลี โดยเรียนตั้งแต่ 11 โมงถึง 3 ทุ่ม โดยทุกเดือนจะมีการทดสอบวัดความสามารถ มีอาร์ตทิสเทรนนิงเป็นผู้รายงานพัฒนาการของเด็กที่ฝึกหัด และยังดูเรื่องมนุษยสัมพันธ์
หอฝึกมีกฎห้าม อย่างห้ามกินเหล้า ห้ามมีแฟน ใครฝ่าฝืนโดนไล่ออก มีคนอยู่ร่วมโครงการเดียวกับนิชคุณ 5 คน ส่วนด้านการเรียนต่อระดับอุดมศึกษา นิชคุณพักการเรียนไว้ก่อนเนื่องจากความยุ่งยากในการเรียนที่เกาหลี แต่ก็ฝันว่าอยากจะเรียนต่อด้านการทำอาหาร
ในช่วงกลางปี พ.ศ. 2550 ทางต้นสังกัดเจวายพีประกาศว่าจะมีวงบอยแบนด์ ที่ประกอบด้วยสมาชิกประมาณ 12 หรือ 13 คน แต่ต่อมากลางเดือนสิงหาคม ประกาศรายชื่อสมาชิก 12 คน โดยมีนิชคุณอยู่ในกลุ่มนั้น
โดยเป็นกลุ่มเดียวกับที่อยู่ในรายการเรียลลิตี้ ของพวกเขาที่ชื่อ Hot Blood Guys หรือชื่อไทย "ปฏิบัติการหนุ่มล่าฝัน" ออกอากาศทางช่องเอ็มเน็ต ต่อมามีซิงเกิ้ลแรกออกอากาศทางเอ็ม ! เคาน์ดาวน์ เมื่อ 4 กันยายน พ.ศ. 2551 กับซิงเกิ้ลที่ชื่อ "Hottest Time of the Day" ที่มีเพลงอย่าง "10 out of 10" ภายใต้วงทูพีเอ็ม ส่วนสมาชิกที่เหลือคือวงทูเอเอ็ม ซึ่งทั้งหมดรวมกันภายใต้ชื่อ “วันเดย์”
เมื่อปี 2007 นิชคุณเป็นพิธีกรรายการ J's Studio ซึ่งคุณได้เป็นพิธีกรร่วมกับแทคยอนเพื่อนชาวเกาหลี แต่ออกอากาศได้ 2 ตอน รายการก็ถูกยกเลิกไป จากนั้นนิชคุณได้เป็นพิธีกรร่วมกับนักร้อง-นักแสดง และพิธีกรชื่อดังของเกาหลีซึ่งเริ่มออกอากาศเมื่อวันที่ 29 ก.ค. 2551 แต่ก็ต้องขอถอนตัวออกเนื่องด้วยภาษาที่ยังไม่แข็งแรง ซึ่งตอนนั้นนิชคุณยังเป็นแขกรับเชิญประจำของรายการวาไรตี้ชื่อดัง Star King อยู่
เดือนเมษายน 2552 นิชคุณเดินทางกลับมาประเทศไทย เพื่อเข้ารับการคัดเลือกทหาร แต่เนื่องจากในพื้นที่นี้มีผู้สมัครเป็นทหารครบตามจำนวนแล้ว จึงไม่ต้องเข้ารับการจับใบดำใบแดง ต่อมาในเดือนเดียวกันเมื่อวันที่ 16 เมษายน พวกเขาปล่อยซิงเกิ้ลที่สองคือ "2:00PM Time for change" และหลังจากนั้นวันที่ 23 เมษายน ได้แสดงโชว์คัมแบ็คในเวทีเอ็มเน็ตเอ็มเคานต์ดาวน์ กับเพลง "Again & Again"
โดยเดือนพฤศจิกายน 2552 วงทูพีเอ็มออกผลงานอัลบั้มใหม่กับสมาชิก 6 คนในผลงานชุด 1:59PM มีเพลงเปิดตัวคือ "Heartbeat" หลังจากนั้นไม่นานวงทูพีเอ็มยังได้รับรางวัล 2 รางวัลใหญ่จากรางวัลเอ็มเนตเอเชียนมิวสิกอวอร์ดส ในสาขาศิลปินแห่งปีและรางวัลกลุ่มชาย และกลายเป็นกลุ่มบอยแบนด์ที่โด่งดังมาจนถึงปัจจุบัน และนิชคุณได้รับฉายาจากแฟนเกาหลีว่า “เจ้าชายไทย”
ปี 2553 More Charming By The Day (EP76)
ปี 2554 Dream High (EP8)
ปี 2555 รัก 7 ปี ดี 7 หน
ชมรมรัก คลับมหาสนุก เดอะมูวี่
ปี 2556 One And A Half Summer
Kindaichi Shounen no Jikenbo
ปี 2557 Five Eagle Brothers
One and a Half Summer
ปี 2558 ฉลุย แตะขอบฟ้า
รับแซ่บ my boss
ปี 2561 น้อง.พี่.ที่รัก
เพลง Touch ของ Wilber Pan
เพลง เจ็บและชินไปเอง ของ อีทีซี (ETC.)
เพลง 이별이온다 (Farewell Is Coming) ของ 8eight
เพลง Your Wedding (결혼식) ของ JUN.K
เพลง รักน้องคนเดียวววว - UrboyTJ Feat. ซันนี่ และนิชคุณ (OST. น้อง.พี่.ที่รัก)
2008 มินิอัลบั้มแรกกับบอยแบนด์วง 2PM ชื่ออัลบั้ม "Hottest Time of the Day"
2009 มินิอัลบั้มที่สองกับบอยแบนด์วง 2PM ชื่ออัลบั้ม "2:00 PM Time for change"
2009 อัลบั้มแรกกับบอยแบนด์วง 2PM ชื่ออัลบั้ม "1:59PM"
2010 มินิอัลบั้มที่สามกับบอยแบนด์วง 2PM ชื่ออัลบั้ม "Don't Stop Can't Stop"
2010 มินิอัลบั้มที่สี่กับบอยแบนด์วง 2PM ชื่ออัลบั้ม "Still 2:00pm"
2011 อัลบั้มที่สองกับบอยแบนด์วง 2PM ชื่ออัลบั้ม "Hands Up"
2013 อัลบั้มที่สามกับบอยแบนด์วง 2PM ชื่ออัลบั้ม "GROWN"
2014 อัลบั้มที่สี่กับบอยแบนด์วง 2PM ชื่ออัลบั้ม "Go Crazy "
2015 อัลบัมที่ห้ากับบอยแบนด์วง 2PM ชื่ออัลบัม "NO.5"
แม้เป้าหมายในวงการบันเทิงของนิชคุณจะสำเร็จไปเกินครึ่งชีวิตแล้ว แต่ยังมีอีกหนึ่งเป้าหมายที่นิชคุณอยากทำให้สำเร็จ นั่นก็คือ การออกอัลบั้มโซโล่ เพราะตอนที่ทำเพลงในวงกับเพื่อน ๆ ตัวนิชคุณเองไม่ค่อยมีพาร์ทร้องเยอะ เพราะไม่ได้ร้องเก่งเหมือนเพื่อนร่วมวง เลยอยากจะลองทำและถ่ายทอดความเป็นตัวเองออกมาอย่างเต็มตัว ซึ่งเป็นอีกหนึ่งความท้าทายที่อยากจะทำให้สำเร็จเป็นอย่างมาก
ช่องทางการติดตาม : Twitter : Khunnie0624 , Instagram : khunsta0624
ส่องประวัติ 'ลิซ่า BLACKPINK' ไอดอลหญิงไทยคนแรกของค่าย YG Entertainment