posttoday

เรื่องเล่า ของธรรมชาติ

13 ตุลาคม 2559

ตลอดชีวิตของผมมาจนถึงวันนี้ นับว่าเป็นโชคดีที่ผมมีโอกาสได้เดินทางท่องเที่ยวไปยังที่ต่างๆ

โดย...จตุรภัทร หาญจริง ภาพ... ภูริต ธนหิรัญสกุล

ตลอดชีวิตของผมมาจนถึงวันนี้ นับว่าเป็นโชคดีที่ผมมีโอกาสได้เดินทางท่องเที่ยวไปยังที่ต่างๆ และได้สัมผัสกับความเป็นธรรมชาติของมันในระดับลึกถึงจิตวิญญาณ หมายความว่าเมื่อเราได้นำพาตัวเองไปอยู่ ณ ที่แห่งใดแห่งหนึ่ง เราได้อยู่นิ่งๆ แล้วมองดูในสิ่งที่มันเป็น สูดกลิ่นธรรมชาติที่ไม่ได้ปรุงแต่งใดๆ ได้สัมผัสกับความร้อน ความเย็น ความเบาสบาย และความเหนื่อยหนัก ซึ่งทั้งหมดล้วนเกิดขึ้นโดยธรรมชาติ โดยการได้สัมผัสกับความเป็นธรรมชาติจากสิ่งที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ

ผมยังจำได้ดีถึงตอนที่ผมเรียนอยู่ระดับชั้นมัธยมปลายในจังหวัดเล็กๆ ทางภาคเหนือตอนบน ผมมักได้รับคัดเลือก ได้เป็นตัวแทนของเด็กนักเรียนไปร่วมทำกิจกรรมตามที่ต่างๆ โดยเฉพาะกิจกรรมที่ต้องบุกป่าฝ่าดง ซึ่งก็รวมไปถึงการได้ขึ้นดอยอินทนนท์ จ.เชียงใหม่ ในเดือน เม.ย.

ว่ากันว่าการได้ขึ้นไปยังดอยอินทนนท์ซึ่งเป็นยอดเขาที่สูงที่สุด สูงจากระดับน้ำทะเลถึง 2,565 เมตร โดยเฉพาะในเดือน เม.ย. เราจะได้พบกับเสน่ห์ของมันนั่นก็คือการได้ขึ้นที่สูง ที่ต้องเดินผ่านทั้งสภาพอากาศแบบร้อนชื้น ไปจนถึงการได้ยืนตระหง่านอยู่บนยอดเขา ที่ได้พบเจอแสงแดดอุ่นท่ามกลางลมหนาวเย็น บอกเลยว่านั่นเป็นห้วงเวลาที่ผมได้เรียนรู้ว่า นับตั้งแต่ที่เราเดินขึ้นเขาหากเราปล่อยกายใจให้เป็นส่วนหนึ่งส่วนเดียวกันกับสิ่งที่มันเป็น มันจะต้อนรับเราให้เป็นส่วนหนึ่งส่วนเดียวกันกับมันเช่นกัน

เมื่อเติบโตผมได้มีโอกาสไปเที่ยวทะเลในหลากหลายที่ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ทะเลแต่ละที่ก็ให้มนต์เสน่ห์ที่แตกต่างกัน แต่ทุกครั้งที่ผมได้ไปเที่ยวทะเล ผมไม่เคยลืมที่จะสัมผัสทะเลให้ได้ในทุกแง่มุมในทุกช่วงเวลา ไม่ว่าจะเป็นเช้า สาย บ่าย เย็น ไปจนกระทั่งช่วงเวลาที่ได้เหม่อมองดูทะเลสีดำในเวลา
กลางคืน แล้วได้ฮัมเพลงเบาๆ เคล้าคลอไปกับสายลม

เมื่อพูดถึงสายลม ผมคิดว่าถ้ามาถึงทะเลแล้วไม่ได้หยุดอยู่นิ่งๆ ทำตัวให้เบาสบาย คลายความหนักเหนื่อยของชีวิตลง เพื่อจะได้สูดกลิ่นลมทะเลเข้าไปให้เต็มปอด ก็เหมือนเราไม่ได้มาถึงทะเลยังไงยังงั้น ซึ่งคนโบราณเขาเล่ากันว่าในเวลากลางวันลมจะพัดจากทะเลเข้าสู่ชายฝั่ง เรียกกันว่าลมทะเล หรือลมขึ้น ส่วนในเวลากลางคืนลมจะพัดจากบกไปสู่ทะเล เรียกว่า ลมบก หรือลมล่อง แล้วมันแตกต่างกันอย่างไร สำหรับผมมันแตกต่างกันตรงที่ “รสสัมผัส” เวลากลางวันลมทะเลจะเย็น ด้วยความเย็นจากน้ำทะเล ส่วนในเวลากลางคืนผืนทรายจะเย็น ส่วนสายลมก็จะอุ่นๆ ซึ่งถามว่าแบบไหนดีกว่ากัน ผมคิดว่ามันดีทั้งสองแบบ

เมื่อไม่นานมานี้ ผมมีโอกาสได้ไปล่องเรือที่แม่น้ำท่าจีน ในเขต จ.นครปฐม และมีโอกาสได้ไปเล่นน้ำตกที่น้ำตกเอราวัณ จ.กาญจนบุรี ซึ่งนอกจากความพิเศษของการเดินทางเหล่านี้จะอยู่ตรงที่เราได้ไปกับใคร ความพิเศษสุดของมันก็อยู่ตรงที่ตัวมันเองด้วยนี่แหละครับ

สิ่งที่ผมอยากบอกก็คือ “แม่น้ำ” นอกจากมันจะบอกเล่าถึงตัวมันเอง ในความสวยงามและความเย็นฉ่ำแล้ว ยังได้บอกเล่าถึงวิถีชีวิตของผู้คนที่อาศัยอยู่ริมฝั่งแม่น้ำ ซึ่งมันเป็นวิถีชีวิตที่สอนให้เราได้เรียนรู้ว่า ที่ไหนมีน้ำที่นั่นมีความอุดมสมบูรณ์ และที่ไหนมีน้ำที่นั่นมี “ชีวิต”

สำหรับการไปเล่นน้ำตก ผมคิดว่าความมหัศจรรย์คือการที่เราได้มุ่งมั่นเดินขึ้นที่สูง เพื่อจะได้พบเจอว่ายิ่งสูง ยิ่งสวย ยิ่งใส ซึ่งความรู้สึกนั้นไม่ต่างจากการได้ขึ้นดอยอินทนนท์ในวัยเด็ก (ของผม) ยิ่งพอเราได้ลงไปว่ายน้ำ หรือลงไปแช่ตัวอยู่ในน้ำ รสสัมผัสของมันนั้นเย็นชื่นใจมาก มันทำให้เรารู้สึกเป็นสุขได้อย่างบอกไม่ถูก แล้วความสุขนี้ก็สอนให้ผมได้เรียนรู้ว่าธรรมชาติสร้างสิ่งสวยงามมาให้เรามากเท่าไร หากเราอยากพบเจอสิ่งสวยงามแบบลึกล้ำให้ได้มากเท่านั้น เราต้องยอมแลกกับความเหนื่อย

และในฐานะที่ผมเติบโตมากับกว๊านพะเยา บึงที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 1 ในภาคเหนือ และเป็นอันดับ 4 ของประเทศไทย (รองจากบึงบอระเพ็ด หนองหาน และบึงละหาน) บอกได้เลยว่าทุกครั้งที่ได้มองออกไปยังผืนน้ำที่อีกปลายฟากฝั่งจรดกับภูเขาลูกงาม รวมทั้งท้องฟ้าสีครามตัดสลับกัน มันทำให้ผมไม่เคยคิดตั้งคำถาม และไม่เคยคิดหาคำตอบใดๆ ให้กับมัน สิ่งที่ผมทำได้ดีที่สุด คือ “เสพ” ความงามตามธรรมชาติของมันให้ได้ลึกล้ำมากที่สุด เพราะสิ่งสวยงามแบบนี้ ท้องฟ้า สายน้ำ และภูเขา ที่บรรจงสร้างเข้าไว้ด้วยกันดั่งจิตรกรรมที่ธรรมชาติได้สร้างสรรค์มาแบบนี้ ใช่ว่าใครจะทำขึ้นมากันได้ง่ายๆ

หลายคนคงทราบดีว่า ช่วงเวลาที่ผ่านมากว๊านพะเยานั้นน้ำแห้งขอดมากที่สุดในรอบ 70 ปี แต่ธรรมชาติก็สอนให้เราได้เรียนรู้กับสิ่งที่เกิดขึ้นกับกว๊านพะเยาในครั้งนั้นว่า น้ำนั้นมีขึ้นย่อมมีลง มีลงย่อมมีขึ้น เมื่อน้ำแห้งได้ก็ย่อมมีน้ำได้ดังเดิม เมื่อมีฝนโปรยปรายมาดั่งเช่นในช่วงฤดูฝนนี้ สายฝนก็ได้ช่วยทำให้กว๊านพะเยาคืนกลับมาเป็นแหล่งชีวิตให้กับคน จ.พะเยา เหมือนเดิมเรียบร้อยแล้ว

เมื่อย้อนกลับมาดูที่ตัวเรา เราทุกคนต่างเป็นสิ่งปลูกสร้างที่สร้างขึ้นมาจากธรรมชาติ เติบโตด้วยสภาพแวดล้อมที่เป็นธรรมชาติ แม้จะบิดเบี้ยวไปบ้างด้วยตึกรามบ้านช่อง รถรา ควันพิษ หรือของเน่าเสีย แต่เมื่อไรที่เรานำพาตัวเองคืนกลับสู่ธรรมชาติ ด้วยการดื่มด่ำกับธรรมชาติอย่างล้ำลึก เราจะค้นพบความสวยงามตามแบบที่ธรรมชาติได้สรรค์สร้างมา แต่เมื่อใดที่เรานำพาตัวเองกลับไปสู่ธรรมชาติ แล้วมัวแต่ก้มหน้าอยู่กับหน้าจอ แม้แต่กลิ่นหอมของสายลมโชยก็จะไม่ได้สัมผัสถึงมัน!