ศิษย์ "หลวงปู่กาหลง" จัดงานไหว้ครูประจำปี 66 ครั้งต่อไปจัดตรงวันลอยกระทง

9 มีนาคม 2566 เป็นอีกเรื่องราวของความเชื่อความศรัทธา เกี่ยวกับ "ของกายสิทธิ์" และ "ทนสิทธิ์" ที่ได้จากร่างกายมนุษย์ ที่ประกอบด้วย "เคราคนเป็นทองแดง - ตับคนเป็นเหล็ก - ฟันที่ขึ้นกลางเพดานปาก หรือ เขี้ยวแก้ว" ที่ว่ากันว่า ผู้มีฟันขึ้นกลางเพดานปาก จะมีพลังหรือฤทธิ์อยู่ในตัว ซึ่งเกจิครูบาอาจารย์ท่านหนึ่ง ที่จะไม่พูดถึงไม่ได้ เพราะท่านมี "เขี้ยวแก้ว" นั่นคือ "หลวงปู่กาหลง เตชวัณโณ" แห่งวัดเขาแหลม สระแก้ว
 

ว่ากันว่า เมื่อครั้ง "หลวงปู่กาหลง เตชวัณโณ" ยังไม่ละสังขาร เวลาใครไปกราบแล้วให้หลวงปู่ท่านปลุกเสกของ ท่านก็มักจะเอามือล้วงไปในปากท่าน แตะที่ เขี้ยวแก้ว ของท่าน แล้วนำมาคลึง ที่พระ หรือของที่นำมาปลุกเสก เป็นการเพิ่มพลังพุทธคุณ

ท่านมักกล่าวอยู่เสมอว่า "ของ ๆ ฉันตั้งใจทำมากับมือ ต่อไปจะมีค่ายิ่งกว่าทองคำ จะหายากยิ่งกว่าเพชร" ฉันทำเครื่องรางของขลัง ทั้งสัก ทั้งเสก เพื่อคุ้มครองชีวิตคนมาตั้งแต่ปี 2485 แต่ไม่เคยประกาศให้ใครรู้มี แต่บอกต่อกันแบบปากต่อปาก เมื่อก่อนใครจะมาเอาของ ๆ ฉันไปบูชา ต้องแบกปืนมาลองด้วย ถ้าฉันไม่แน่จริงฉัน คงสร้างโบสถ์ได้ไม่ถึง 8 หลังหรอก" 

 

โดยภายหลังจากที่ "หลวงปู่กาหลง เตชวัณโณ" ได้ละสังขารไปเมื่อวันที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2552 ลูกศิษย์ลูกหาของหลวงปู่ที่มีอยู่จำนวนมาก ยังคงระลึกถึงพุทธคุณ คำสอน รวมถึงสรรพวิชาที่ได้รับการถ่ายทอด และจัดทำพิธีไหว้ครูบูรพาจารย์ และครอบเศียรพระลักษณ์หน้าทองจันทร์ซ้อนจันทร์ ซึ่งเป็นวิชาของ "หลวงปู่กาหลง" ด้านเสน่ห์เมตตา ซึ่งท่านร่ำเรียนมาโดยเฉพาะ

ทาง ศิษย์สายวัดสุทัศน์ ได้จัดพิธีไหว้ครูขึ้นทุกปี และปีนี้ฤกษ์จันทร์ซ้อนจันทร์ ตรงกับวันที่ 4 - 5 - 6 มีนาคม 2566  พิธีบวงสรวงเริ่มเวลา 9.00-16.00 น. สถานที่ ตึกอิฐแดง 168 รวยทั้งชาติ ซอยรามอินทรา14 (มัยลาภ) ส่วนครั้งต่อไปจัดตรงกับวันลอยกระทง


 

ทางทีมข่าวได้มีโอกาสพูดคุยกับลูกศิษย์คนหนึ่ง ที่เคารพบูชา "หลวงปู่กาหลง" มีชื่อว่า เสือปอนด์ ที่เล่าว่า ได้เริ่มรู้จัก เคารพบูชาและศรัทธาหลวงปู่ มาตั้งแต่ปี 58 เดิมเป็นคนจังหวัดตาก แต่มาทำงานรับเหมาก่อสร้างที่สระบุรี พักอาศัยอยู่ห้องเช่า ซึ่งตลอดระยะเวลาที่พักอาศัยอยู่ที่ห้องเช่า ก็จะมีตาขี้เมาคนหนึ่ง ที่พักอาศัยอยู่ที่ห้องเช่าเดียวกัน กินเหล้าเมาเป็นประจำ

แต่ต่อตาขี้เมาคนดังกล่าวได่เสียชีวิตลง แต่ตนและคนในระแวกที่พัก กลับยังพบเจอพบเห็นตาขี้เมาอยู่ทุกวัน ทำเอาคนในละแวกซอยนั้น กินไม่ได้นอนไม่หลับ เพราะแกยังอยู่ที่เดิมตลอดนับแต่เสียชีวิต 

น้องชายของตน จึงได้เช่าบูชา ผ้ายันต์ท้าวเวสสุวรรณหลวงปู่กาหลง ซึ่งเป็นรุ่นแรกและรุ่นเดียวของหลวงปู่ ในปี 2550 มาให้บูชา ตนจึงนำมาแปะไว้หน้าห้องเช่า นับตั้งแต่นั้นมาไม่ได้เห็น ตาขี้เมาอีกเลย จึงเกิดจิตศรัทธาในตัวหลวงปู่แต่ตอนนั้น และเริ่มทำการศึกษาเรื่องราวของ "หลวงปู่กาหลง"
 

และมีอยู่เหตุการณ์หนึ่ง ที่ทำให้ทั้งครอบครัวของตน ศรัทธาใน "หลวงปู่กาหลงเขี้ยวแก้ว" ก็คือ ตนและครอบครัว นั่งทานข้าวล้อมวงกันอยู่ น้องชายก็ได้เล่าว่าได้ทำการบูชา "วัวธนู" หลวงปู่กาหลงมา โดยมีอิทธิฤทธิ์ทางด้านคุ้มครอง หรือแสดงปาฏิหาริย์ 

วัวธนูนี้กำลังจะนำมาส่งที่บ้านน้องชายตน จึงได้เตรียมเครื่องบูชาน้ำหญ้าคอกต่าง ๆ ไว้เมื่อของที่บูชามาถึง น้องชายก็ได้ขอตัวลุกออกจากวงกินข้าว ไปจัดการวางและบูชาวัวธนู เป็นที่เสร็จสรรพเรียบร้อย จึงกลับมานั่งทานข้าวต่อพอน้องชายกลับมานั่งทานข้าว ทุกคนในวงข้าว ได้กลิ่นสาบของขี้วัวอย่างมาก ซึ่งบริเวณบ้านละแวกบ้านของตนไม่มีใครเลี้ยงวัวเลย  จึงเชื่อว่า บารมีหลวงปู่มีอยู่จริง 

เสือปอนด์ ยังกล่าวทิ้งท้ายว่า "ตนประสบความสำเร็จ มีทุกวันนี้ได้ขณะที่อายุเพียง 30 เพราะบารมีของหลวงปู่ ตนเชื่อว่าอย่างนั้น นายจ้างคู่ค้าเจรจาธุรกิจไม่เคยติดขัด ถึงแม้ติดขัดก็สามารถแก้ไขปัญหาได้ทันท่วงที มีแต่คนรักคนเมตตา และสำหรับในวันไหว้ครู ที่จัดขึ้นนี้ก็เพื่อรำลึกถึงพระคุณบารมี ของครูบาอาจารย์ ได้เปิดโอกาสให้ศิษย์ ได้มาเคารพสักการะ หลวงปู่กาหลงได้มาขอขมาสิ่งที่ผิดพลาดพลั้ง ได้เปิดโอกาสให้คนที่มีจิตศรัทธาในหลวงปู่กาหลง ได้มากราบขอเป็นลูกศิษย์ ให้บารมีของหลวงปู่บูรพาจารย์ปกปักรักษา

ตนมีโอกาสได้พูดคุยกับลูกศิษย์ของหลวงปู่ มีอยู่ท่านหนึ่งท่านพูดเอาไว้ดีมาก ศิษย์มีครูก็เหมือนงูมีเขี้ยว ใครที่รู้สึกท้อแท้ หรือรู้สึกว่าช่วงนี้ชีวิตแย่ไร้ที่พึ่งทางจิตใจ ก็อยากให้ได้มากราบไหว้ หลวงปู่กาหลง ไม่ต้องบูชาวัตถุมงคลราคาหลายหมื่นแสนก็ได้ เพียงแค่ในใจเรามีจิตศรัทธาครูบาอาจารย์ เท่านี้ก็ถือว่าสำคัญที่สุดแล้ว