ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อมีรายงานข่าวว่า ปี 2022 ที่ผ่านมาไทยส่งออกถุงยางอนามัยสูงที่สุดในโลก พี่ทุยก็เลยอยากชวนเพื่อน ๆ มาติดตามข้อมูลเพิ่มเติมกันหน่อยว่า ในตลาดนี้เราเป็นผู้ส่งออกที่แข็งแกร่งแค่ไหน และตลาดสำคัญอยู่ตรงไหนของโลก
จากข้อมูลล่าสุดของกระทรวงพาณิชย์ พี่ทุย สรุปได้ดังนี้
ภาพรวม ไทยส่งออกถุงยางอนามัย ปี 2022 – 272.26 ล้านดอลลาร์
ประเทศที่ครองส่วนแบ่งส่งออกถุงยางอนามัยสูงสุดในโลก
- ไทย 44%
- จีน 12.8%
- มาเลเซีย 10.8%
ประเทศที่นำเข้าถุงยางอนามัยจากไทยมากที่สุด
- จีน
- สหรัฐฯ
- เวียดนาม
สรุปข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับการส่งออกถุงยางอนามัยของไทย
- อยู่ในกลุ่มสินค้าที่มีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นจากปี 2021 (+0.3%)
- มีส่วนแบ่ง 2.34% เมื่อเทียบกับยอดส่งออกผลิตภัณฑ์ยางของไทยรวมทุกประเภท
ที่มา : กระทรวงพาณิชย์ และเว็บไซต์ http://rubber.oie.go.th/
คราวนี้มาลองดูข้อมูลตลาดถุงยางอนามัยโลกกันบ้างดีกว่า ตลาดนี้มีขนาดใหญ่แค่ไหน
สรุปข้อมูลตลาดถุงยางอนามัยโลก
มูลค่าตลาดถุงยางอนามัยโลก
- ปี 2022 10,700 ล้านดอลลาร์
- ปี 2023-2030 คาดการณ์ +8.57% ต่อปี
ปัจจัยที่ส่งผลให้ตลาดเติบโต
- การรับรู้เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับการใช้ถุงยางอนามัย
- มีถุงยางอนามัยหลากหลายประเภท ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค
- มาตรการลดการแพร่เชื้อ HIV และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่นๆ
- การขับเคลื่อนตลาดโดยหน่วยงานภาครัฐ ที่มีการแจกถุงยางอนามัยฟรี โดยเฉพาะในพื้นที่ชนบท
ตลาดถุงยางอนามัย แยกตามประเภทวัตถุดิบ
- ถุงยางที่ผลิตจากน้ำยางธรรมชาติ (Latex condom) 88.42% ของมูลค่าตลาดถุงยางอนามัย
- ถุงยางที่ผลิตจากสารสังเคราะห์ (Non-Latex condom) คาดการณ์ +10% ต่อปี ในช่วงปี 2023-2030 เนื่องจากมีการออกแบบความหนาและบาง รวมถึงป้องกันการแพ้
ตลาดถุงยางอนามัย แยกตามผู้ใช้งาน
- ถุงยางอนามัยสำหรับผู้ชาย : 98.75% ของมูลค่าตลาดรวม การเติบโตมาจากผู้ผลิตมุ่งเน้นการผลิตถุงยางอนามัยสำหรับผู้ชาย และผู้ใช้งานเปิดใจรับมากกว่า
- ถุงยางอนามัยสำหรับผู้หญิง : คาดการณ์ +12.69% ต่อปี ในช่วงปี 2023-2030 จากการช่วยลดความเสี่ยงโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และการตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์ แต่ยังมีผู้ผลิตน้อยรายในกลุ่มนี้
ประเทศที่มูลค่าการใช้ถุงยางอนามัยมากที่สุดในโลก
- จีน
- สหรัฐฯ
- อังกฤษ
- ญี่ปุ่น
ถ้าดูจากข้อมูลที่พี่ทุยสรุปมาให้นี้ก็จะพบว่า กลุ่มผลิตภัณฑ์ถุงยางอนามัย เป็นอีกกลุ่มที่ไทยมีโอกาสเพิ่มมูลค่าการส่งออกได้ดีทีเดียวเพราะตลาดเต็มไปด้วยปัจจัยสนับสนุนให้มีการใช้ผลิตภัณฑ์มากขึ้น
แต่นอกจากมีโอกาสแล้ว พี่ทุยก็ต้องบอกว่าไทยมีโอกาสเผชิญกับการแข่งขันที่สูงขึ้นในตลาดนี้เช่นกัน โดยเฉพาะกับประเทศในอาเซียนด้วยกันที่ถือเป็นผู้ผลิตถุงยางอนามัยรายสำคัญของโลก ส่วนสำคัญก็มาจากประเทศในอาเซียนมีการปลูกยางพารามาก ซึ่งถือเป็นวัตถุดิบสำคัญของการผลิตถุงยางอนามัย
โดยประเทศในภูมิภาคนี้ ที่มีการส่งออกในตลาดโลกโดดเด่น นอกจากไทย ยังมี อินโดนีเซีย และมาเลเซียด้วย ขณะที่เวียดนาม ฟิลิปปินส์ กัมพูชา ลาว และเมียนมา เป็นประเทศที่ยอดการผลิตถุงยางอนามัยกำลังเติบโต
เห็นมูลค่าตลาดถุงยางอนามัยเติบโตแบบนี้ พี่ทุยเชื่อว่าบางคนอาจจะนึกสงสัยว่าในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) มีบริษัทจดทะเบียนที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับถุงยางอนามัยบ้างรึเปล่า
พี่ทุยก็ต้องตอบว่า มี ชื่อว่า บริษัท ไทยนิปปอนรับเบอร์อินดัสตรี้ จำกัด (มหาชน) หรือ TNR ซึ่งทำธุรกิจผลิตและจำหน่ายถุงยางอนามัยและเจลหล่อลื่นเป็นธุรกิจหลัก แต่ยังมีบริษัทย่อยที่ทำธุรกิจผลิตและจำหน่ายบรรจุภัณฑ์กระดาษด้วย
สรุปข้อมูลหุ้น TNR บริษัทผลิตถุงยางอนามัย
ก่อตั้งปี 1993 โดยครอบครัว ดารารัตนโรจน์ ดำเนินธุรกิจรับจ้างผลิตและจำหน่ายถุงยางอนามัยคุณภาพสูง
เริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ – 29 พ.ย.2016
อยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรม – สินค้าอุปโภคบริโภค
หมวดธุรกิจ – ของใช้ส่วนตัวและเวชภัณฑ์
โครงสร้างธุรกิจ
บริษัทแม่
บริษัท ไทยนิปปอนรับเบอร์อินดัสตรี้ จำกัด (มหาชน) – ผลิตและจำหน่ายถุงยางอนามัยและเจลหล่อลื่นทั้งในประเทศและต่างประเทศ
ธุรกิจต่างๆ ภายใต้บริษัทแม่
1. ผลิตและจำหน่ายถุงยางอนามัยและเจลหล่อลื่น ภายใต้เครื่องหมายการค้าของบริษัท
- แบรนด์ ONETOUCH เจาะตลาดในประเทศ เน้นกลุ่มเป้าหมายอายุ 20-40 ปี
- แบรนด์ CUSTOM เน้นขยายตลาดสหรัฐฯ
- และ แบรนด์ GASYM เน้นขยายตลาดยุโรป
สัดส่วนรายได้ปี 2022 8% ของการผลิตทั้งหมด
2. รับจ้างผลิตถุงยางอนามัยและเจลหล่อลื่นตามความต้องการของลูกค้า (OEM) – ลูกค้ากว่า 100 ประเทศ ครอบคลุมทุกทวีป
สัดส่วนรายได้ปี 2022 67.4% ของการผลิตทั้งหมด
3. งานประมูล – การเข้าร่วมการประกวดราคาของภาครัฐและองค์กรไม่แสวงหากำไร ทั้งในและต่างประเทศ
สัดส่วนรายได้ปี 2022 24.6% ของการผลิตทั้งหมด
ปริมาณการผลิต ปี 2022 – 1,150 ล้านชิ้นต่อปี (75% ของกำลังการผลิตเต็มที่)
บริษัทย่อย
- บริษัท บ๊อก เอเชีย กรุ๊ป อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ผลิตและจำหน่ายบรรจุภัณฑ์กระดาษ
- TNR (Beijing) Trading Co., Ltd. รองรับการขยายธุรกิจในจีน
- TNR USA Inc. รองรับการดำเนินธุรกิจในสหรัฐฯ
- บริษัท ทีเอ็นอาร์ ไบโอไซเอินซ์ จำกัด ผลิตและจำหน่ายพืชสมุนไพร
โครงสร้างรายได้ปี 2022
รายได้รวม 1,990.67 ล้านบาท +19.93% เทียบปี 2021
- ธุรกิจผลิตและจำหน่ายถุงยางอนามัยและเจลหล่อลื่น 93.3%
- ธุรกิจผลิตและจำหน่ายบรรจุภัณฑ์กระดาษ 6.5%
- รายได้อื่นๆ 0.2%
รายได้รวม
- ปี 2563 1760 ล้านบาท
- ปี 2564 1659 ล้านบาท
- และ ปี 2565 1991 ล้านบาท
กำไรสุทธิ
- ปี 2563 111 ล้านบาท
- ปี 2564 -465 ล้านบาท
- และ ปี 2565 262 ล้านบาท
ที่มา : ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และบริษัท ไทยนิปปอนรับเบอร์อินดัสตรี้ จำกัด (มหาชน)
จะเห็นได้ว่า TNR มีรายได้มาจากธุรกิจถุงยางอนามัยและเจลหล่อลื่นเป็นหลักจริง ๆ โดยที่งาน OEM ยังคงเป็นรายได้สำคัญที่สุดอยู่ แต่บริษัทก็มีความพยายามที่จะเพิ่มส่วนแบ่งรายได้ที่มาจากแบรนด์สินค้าของตัวเองให้มากขึ้น
เริ่มจาก ONETOUCH ซึ่งเป็นแบรนด์สินค้าที่เจาะตลาดในประเทศและในเอเชียเป็นหลัก รวมถึงการเพิ่มแบรนด์ใหม่ ๆ ไปเจาะตลาดต่างประเทศ ทั้ง CUSTOM และ GASYM เพื่อทดแทนแบรนด์ PLAYBOY ที่เดิม บริษัทเคยได้รับสิทธิผลิตและจำหน่ายถุงยางอนามัยและเจลหล่อลื่น ภายใต้เครื่องหมายการค้า PLAYBOY มาจากบริษัท เพลย์บอย เอ็นเทอร์ไพร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ประเทศสหรัฐฯ แต่ถูกบอกเลิกสัญญาอนุญาตให้ใช้ผลิตภัณฑ์ และมีเรื่องฟ้องร้องกันในชั้นศาล
เอาเป็นว่า ใครมองเห็นศักยภาพธุรกิจถุงยางอนามัยที่เติบโตได้ดี ก็ลองไปส่องหุ้น TNR กันดูได้
อ่านเพิ่ม