“ชินจังเด็กสมาธิสั้นและผองเพื่อน”
หนึ่งในการ์ตูนวัยเด็กที่หมอประทับใจมากที่สุดเรื่องหนึ่ง คือ เรื่องเครยอนชินจัง (クレヨンしんちゃん) แต่งเรื่องและวาดภาพโดยคุณโยะชิโตะ อุซุอิ
เรื่องนี้มีทั้งมังงะ อานิเมะ เกม ไปจนเดอะมูฟวี่ เท่าที่จำได้น่าจะเข้าไทยประมาณปี 2535 สาเหตุที่ชอบเพราะดูเป็นเรื่องราวที่คล้ายกับตัวเองและเพื่อนแถวบ้านที่เล่นกันอย่างสนุกสนาน (ฮ่าๆ) ในสมัยที่ยังไม่มีเกมแพร่หลาย นอกจากนี้ยังเป็นเรื่องราวที่ฮาน่ารักของคนในครอบครัว ที่โรงเรียน และสถานที่ที่ไปผจญภัย เนื้อเรื่องเหมือนจะเป็นการ์ตูนที่เน้นขายขำไร้สาระ แต่หากวิเคราะห์กันให้ลึกซึ้ง เรื่องนี้มีคติสอนใจเยอะมาก เช่น เรื่องวิธีการเลี้ยงดูเด็กของแต่ละบ้าน, โรงเรียนเป็นบ้านหลังที่สองที่สั่งสอนเด็ก, การมีน้ำใจช่วยเหลือกัน
เรื่องย่อ: ชินจัง (โนะฮาร่า ชินโนะสุเกะ) พระเอกของเรื่องเป็นเด็กอนุบาลวัย 5 ขวบ มีนิสัยซุกซน ป่วนมาก บางทีแก่แดดเกินวัย ชอบแกล้งแหย่คนอื่นให้โมโหปรี๊ดได้เกือบตลอด ตอนเรียนไม่ตั้งใจเรียน พูดเก่ง ชวนคนอื่นคุยออกทะเล เล่นอะไรแปลก ๆ คนเดียวหรือชวนเพื่อนเล่นด้วยกัน เช่น เต้นมนุษย์ต่างดาวนู้ดครึ่งก้น, เอากางเกงในครอบหัวเป็นหน้ากากแอ๊คชั่น
ครอบครัวของชินจังมีคุณแม่ “มิซาเอะ” ที่มีพละกำลังเยอะ ใจร้อน ถูกชินจังปั่นให้โมโหเกือบตลอด จนบางทีเผลอทำโทษแรง ๆ อย่างการตี 10 ทีรวด, คุณพ่อ “ฮิโรชิ” พนักงานบริษัทที่เลี้ยงชินจังเหมือนเพื่อน ชอบกินเบียร์, น้องสาวสุดแสบ “ฮิมาวาริ” ชอบผู้ชายหล่อและเครื่องประดับสวยงาม, เจ้าหมา “ชิโร่” ผู้ซื่อสัตย์
ชินจังมีก๊วนเพื่อนอยู่หลายคน บางทีก็เล่นกันดีแต่บางทีก็ทะเลาะงอน เช่น “เนเน่จัง” สาวน้อยขี้โมโห ใช้ความรุนแรง ขี้นินทา ชอบบังคับให้คนอื่นเล่นพ่อแม่ลูกในเวอร์ชั่นที่เรียลเกินไป, “คาซาม่าคุง” ลูกคนรวย นิสัยคุณชาย ขี้อวด, “มาซาโอะคุง” ขี้ระแวง ขี้แย อ่อนแอ ถูกหลอกง่าย มักถูกเพื่อนแกล้ง, “โบจัง” ผู้เงียบขรึมและมีน้ำมูกไหลย้อยตลอดเวลา มีความสามารถพิเศษหลายอย่างที่ทำให้เพื่อนตะลึง
บางคนที่ดูเรื่องนี้อาจดูแล้วสนุกตลกมาก แต่บางคนดูแล้วหงุดหงิดกับความแสบเซี้ยวของเด็กกลุ่มนี้ ยิ่งชินจังตัวเอกที่มีพฤติกรรมไม่น่ารักทำให้ผู้ใหญ่เกลียดตัวละครนี้ไปเลย แต่หากวิเคราะห์ดูเรื่องนี้อย่างละเอียด แม้ชินจังมีส่วนที่น่าหมั่นไส้ แต่เขามีข้อดีหลายอย่าง เช่น มีน้ำใจ, เฉลียวฉลาด, กล้าหาญ, คิดดีทำดี, เห็นอกเห็นใจคนอื่น
หลังจากที่หมอได้มาเรียนเฉพาะทางด้านจิตเวชและวัยรุ่น พอหยิบจับมังงะชินจังที่เก็บสะสมทุกเล่มมาอ่านอีกรอบ ทำให้เข้าใจตัวละครทุกตัวในแง่มุมทางจิตเวชมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งตัวเอง “ชินจัง” ที่น่าจะเป็น “โรคสมาธิสั้น” เมื่อเขาได้อยู่ในสิ่งแวดล้อมที่มีคนเข้าใจและให้การช่วยเหลือ ชินจังสามารถแสดงศักยภาพด้านดีออกมาได้อย่างเต็มที่
>> ทำความรู้จักโรคสมาธิสั้น
โรคสมาธิสั้นเป็นโรคที่พบได้บ่อย ข้อมูลในประเทศไทยในไทยพบว่าเด็กชั้นประถมศึกษามีความชุกของโรคสมาธิสั้นร้อยละ 8.1 (หมายความว่าเด็ก 100 คน จะมีเด็กเป็นสมาธิสั้น 8 คน) เพศชายป่วยเป็นโรคสมาธิสั้นมากกว่าเพศหญิงในอัตราส่วน 4:1
โรคสมาธิสั้นทำให้เกิดปัญหาหลายด้านทั้งทางด้านพฤติกรรม การเรียน และความสัมพันธ์กับผู้อื่น โดยอาการของโรคนี้มี 3 กลุ่มหลักๆ คือ ขาดสมาธิ (inattention), ไม่นิ่ง (hyperactivity) และหุนหันพลันแล่น (impulsivity) กลุ่มที่พบมากที่สุด คือ แบบผสม (มีครบทั้ง 3 กลุ่มอาการ)
ผู้ป่วยส่วนใหญ่มักจะได้รับการวินิจฉัยตอนชั้นประถมศึกษา เด็กที่มีความรุนแรงของโรคสมาธิสั้นมาก อาการจะเริ่มปรากฏเห็นชัดตั้งแต่ตอนอนุบาล กลุ่มอาการที่จะเข้าถึงการรักษาได้ตั้งแต่เริ่มแสดงอาการ มักเป็นกลุ่มอยู่ไม่นิ่ง (hyperactivity) และหุนหันพลันแล่น (impulsivity) เนื่องจากเห็นอาการได้ชัด และอาการสมาธิสั้นทำให้เกิดผลเสียต่อตัวเด็กและคนอื่นชัดเจน เช่น เด็กใจร้อน ก้าวร้าว ทำอะไรรุนแรง ทำข้าวของเสียหาย เดินวุ่นวาย ป่วนชั้นเรียน คุยกับเพื่อนในห้องเรียน ยุกยิก เกิดอุบัติเหตุบ่อย ไม่ทำตามที่ผู้ใหญ่บอก ส่วนอาการที่มักพบได้ช้ากว่า คือ กลุ่มอาการขาดสมาธิ (inattention) เนื่องจากสังเกตอาการได้ยากกว่า มักพบตอนเรียนชั้นเรียนที่สูงขึ้น เนื่องจากเมื่อเด็กโตขึ้น การเรียนและการใช้ชีวิตมีความซับซ้อนมากขึ้น ผลจากการที่เด็กไม่มีสมาธิทำให้เด็กเริ่มมีผลการเรียนตกลง ดูเหมือนไม่มีความรับผิดชอบ ไม่มีระเบียบ จัดการชีวิตไม่ได้
โรคนี้เป็นโรคเรื้อรัง ผู้ป่วย 50%-70% ที่เป็นโรคสมาธิสั้นจะมีอาการต่อเนื่องจนเป็นผู้ใหญ่ (คือโตไปเป็นผู้ใหญ่สมาธิสั้น) หากไม่ได้รับการรักษาต่อเนื่องจะเพิ่มความเสี่ยงต่อการออกจากโรงเรียนก่อนวัยอันควร, ผลการเรียนไม่ดี, ล้มเหลวในการทำงาน, ใช้สารเสพติด, ใช้กำลังแก้ปัญหา, ตั้งครรภ์ก่อนวัยอันควร, อุบัติเหตุจากการขับขี่ยานพาหนะ, ทำผิดกฎหมาย, ล้มเหลวในการใช้ชีวิต นำไปสู่การเกิดโรคซึมเศร้า, โรควิตกกังวล หรือโรคอื่นๆ ดังนั้นการที่เด็กได้รับการวินิจฉัยและการรักษาช่วยเหลือตั้งแต่อายุน้อย จะช่วยลดภาวะแทรกซ้อนหรือผลกระทบในด้านลบอื่นๆที่จะตามมา
โรคนี้เกิดจากหลายสาเหตุร่วมกัน ทั้งที่เกิดจากการถ่ายทอดทางพันธุกรรมและปัจจัยอื่นๆ เช่น การติดเชื้อระหว่างการคลอด ปัจจัยทางเศรษฐกิจและสังคม สารพิษในสิ่งแวดล้อม โดยไม่สามารถอธิบายสาเหตุของการเกิดโรคได้ด้วยปัจจัยใดปัจจัยหนึ่งเพียงอย่างเดียว
>> ประวัติและวิธีสังเกตอาการ
อาการขาดสมาธิ (Inattention): มักมีประวัติว่าเด็กเหม่อลอยง่าย วอกแวก หูทวนลม ขี้หลงขี้ลืม ทำของหายบ่อย กลับมาบอกที่บ้านไม่ได้ว่าครูสั่งอะไร ไม่วางแผนเตรียมตัวล่วงหน้า ขาดความตั้งใจในการทำงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งงานที่ต้องใช้สมาธิและความพยายาม ส่งงานช้า ทำงานในชั่วโมงเรียนไม่ทัน เด็กชอบทำอะไรแบบจับจด ทำงานไม่เสร็จ สะเพร่า ตกๆหล่นๆ ทำอะไรโอ้เอ้ เรื่อยเปื่อย ไม่รู้จักเวลา ต้องเรียกเตือนหลายครั้ง เช่น การทำกิจวัตรประจำวัน อาบน้ำ แปรงฟัน สระผม เวลาจะให้ทำงานต้องตามประกบ นั่งทำการบ้านหรือการเรียนได้ไม่นาน อาการเหล่านี้มักจะมีต่อเนื่องไปจนถึงผู้ใหญ่ ในผู้ใหญ่ที่เป็นสมาธิสั้นบางคนจะไม่ประสบความสำเร็จในชีวิต มักจะทำงานผิดพลาด เปลี่ยนงานบ่อย ดูเป็นคนไม่รับผิดชอบ ขี้ลืม มาสาย ไม่รู้จักการจัดการเวลา จัดลำดับความสำคัญของสิ่งที่ต้องทำไม่ได้
อาการซน (Hyperactivities): มักมีประวัติว่าแรงเยอะ ทำอะไรตลอดเวลา ส่งเสียงดัง เล่นแผลงๆ มีอุบัติเหตุจากการเล่นบ่อยครั้ง เด็กจะยุกยิก ไม่นิ่ง มือไม้อยู่ไม่สุข ชอบจับของสะเปะสะปะ ขีดเขียนตามที่ต่างๆ พูดมาก พูดเก่ง อาการเหล่านี้เมื่อโตขึ้นจะค่อยๆลดลง หากยังมีอาการจนถึงผู้ใหญ่ มักจะเป็นคนที่ชอบเริ่มทำอะไรหลายๆอย่าง แต่ส่วนใหญ่ไม่ค่อยเสร็จ ชอบอะไรแปลกใหม่ เบื่อง่าย เวลาที่นั่งในสถานที่ที่ต้องนั่งนานๆ เช่น การประชุม จะรู้สึกกระวนกระวาย
อาการหุนหันพลันแล่น (Impulsivity): เป็นเด็กใจร้อน หุนหันพลันแล่น ทำอะไรโดยไม่คิดถึงผลที่จะตามมา ขาดความระมัดระวัง ชอบเล่นแรงๆ เวลาที่ต้องอดทนรอคอยจะอารมณ์เสีย พูดโพล่ง พูดแทรก ตอบคำถามโดยไม่รอฟังให้จบก่อน อาการเหล่านี้เมื่อโตขึ้นจะค่อยๆลดลง ในช่วงวัยรุ่นมักจะเข้าไปเกี่ยวข้องกับกิจกรรมที่เสี่ยงต่ออันตราย ทำอะไรไม่คิด ทำตามอารมณ์ เช่น ซิ่งมอเตอร์ไซค์, ใช้สารเสพติด, มีเรื่องทะเลาะวิวาทกับคนอื่น เด็กผู้หญิงบางคนอาจจะมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ยั้งคิด เมื่อโตเป็นผู้ใหญ่ดูเป็นคนใจร้อน เจ้าอารมณ์ ขี้รำคาญ มีเรื่องทะเลาะกับคนอื่น ทำอะไรโดยไม่คิดให้ดี
>> การช่วยเหลือรักษา
สิ่งที่สำคัญอันดับแรก คือ ต้องพาเด็กไปพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เช่น จิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น, กุมารแพทย์พัฒนาการ เพื่อให้ประวัติข้อมูลเพิ่มเติมจากผู้ใหญ่รอบข้างและจากการคุยกับเด็ก แพทย์สังเกตอาการและมีวิธีการทดสอบ เมื่อได้ข้อมูลมากพอจะให้การวินิจฉัยและเริ่มกระบวนการรักษา มีการศึกษาพบว่ายิ่งเด็กได้รับการรักษาเร็วเท่าไรจะเป็นผลดีกับเด็ก
>> วิธีการรักษาช่วยเหลือ
ต้องใช้หลายวิธีร่วมกันถึงจะได้ผลดี เช่น การกินยาและพาเด็กไปพบแพทย์ต่อเนื่อง, การให้ความรู้ (psychoeducation) เกี่ยวกับโรคทั้งตัวเด็กเองและผู้ใหญ่รอบข้างการปรับพฤติกรรมและสิ่งแวดล้อม ทุกคนที่อยู่รอบตัวเด็กมีความสำคัญในการที่จะช่วยให้เด็กมีอาการดีขึ้นทั้งที่บ้าน, โรงเรียน หรือสถานที่อื่นที่เด็กไปทำกิจกรรม โรคนี้เป็นโรคที่รักษาได้ ช่วยให้เด็กมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นและสามารถแสดงศักยภาพที่มีได้อย่างเต็มที่
หากใครสนใจศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ “โรคสมาธิสั้น” หมอเขียนหนังสือเรื่อง “โลก (ของเด็ก) สมาธิสั้น” สำนักพิมพ์นานมีบุ๊คส์ มีวางจำหน่ายตามร้านหนังสือชั้นนำทั่วไปค่ะ หรือสั่งซื้อจากทางสำนักพิมพ์โดยตรงได้นะคะ:))
ทักทายพูดคุยกับหมอแมวน้ำเล่าเรื่องได้ที่ www.facebook.com/sealpsychiatrist
เรื่องแนะนำ :
– “โต๊ะโคทัตสึ:ความอบอุ่นนี้ช่างดีต่อใจ”
– “ทิ้งของที่ไม่สปาร์กจอยหรือจะเก็บของจนเป็นโรคไม่ยอมทิ้ง-Hoarding Disorder”
– #ภาวะผู้นำของญี่ปุ่นในวิกฤตโควิด OMICRON
– “ลอยกระทงหลายเวอร์ชั่น: ไทย x ญี่ปุ่น”
– “ป๊อกกี้ช่วยชีวิตในยามจิตตก”
คลินิก JOY OF MINDS
ทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลรักษาปัญหาด้านสุขภาพจิตโดยเฉพาะ
https://www.facebook.com/Joyofminds/
Tel: 090-959-9304
#ชินจังเด็กสมาธิสั้นและผองเพื่อน