บันเทิง

คุยแบบตรงไปตรงมา"รุจ เดอะสตาร์"

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

เอ่ยชื่อ "รุจ" ศุภรุจ เตชะตานนท์ จะมีสาวคนไหนที่ปฏิเสธว่าผู้ชายคนนี้ไม่ใช่ ชายในฝัน ที่สาวๆ รอคอย เพราะตลอด 3 ปี หลังจากการประกวดเดอะสตาร์ ค้นฟ้าคว้าดาว ปีที่ 4 หนุ่มคนนี้ ก็ครองใจสาวๆ มาตลอด ล่าสุด "รุจ" ได้ส่งอัลบั้ม "โรแมนติก รุจ" อัลบั้มใหม่ล่าสุดที่

@@@ ผลงานเพลงที่รอคอย
**อัลบั้มที่สองแล้วใช้เวลาทำนานพอสมควรเลย
 อัลบั้มแรกใช้เวลาทำประมาณ 8 เดือน อัลบั้มนี้ใช้เวลาทำนานกว่าเดิม ประมาณสักเกือบปีครึ่ง จริงๆ สำหรับรุจไม่ได้มองว่ามันทิ้งห่างนานขนาดนั้น เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมา เราก็มีเพลงออกมาเรื่อยๆ ทั้งเพลงประกอบละคร เพลงในอัลบั้มพิเศษต่างๆ โดยมีซิงเกิ้ลของเราไปอยู่ในนั้นหมด และสุดท้ายแล้วเพลงเหล่านั้นก็จะกลับมารวมอยู่ในอัลบั้มของเราทั้งหมดอยู่ดี อัลบั้มนี้ พี่บอย (ถกลเกียรติ วีรวรรณ) พูดขึ้นมาเลยว่าอยากได้แนวเพลงโรแมนติก ชื่ออัลบั้มว่าโรแมนติก ถ้าผมตั้งเอง ผมอาจมีคำว่าร็อกแถมข้างหลัง แต่พอพี่บอยตั้งมาแบบนี้มันเหมือนเป็นการจำกัดคอนเซ็ปต์ว่าเพลงทั้งหมดที่จะทำออกมาต้องเป็นเพลงในแนวนี้ ต้องเป็นเพลงโรแมนติก

**คนจะมองว่าเราดื้อเงียบ พอ "พี่บอย" ให้โจทย์มาอย่างนี้ กล้าขัดใจไหม
 ถ้าในเรื่องของงานเพลง ช่วงหลังๆ มาไม่ค่อยมีปัญหากันเท่าไหร่ เพราะว่าส่วนหนึ่งเขาให้โอกาสเราเต็มที่ แต่ช่วงแรกมีปัญหาเยอะเหมือนกัน เลยจะมีปัญหานิดหน่อยเพราะว่ามันเป็นการทำงานด้วยกันครั้งแรก มันเลยต้องมีบ้าง แต่พออัลบั้มสองมา เขาเปิดโอกาสให้เราทำเต็มที่เลย ถึงอัลบั้มนี้ อาจจะไม่ใช่แนวทางดนตรีที่เราต้องการร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ว่ามันก็จะมีมุมมองของเรา อย่างพอโจทย์มาว่าโรแมนติก ความโรแมนติกก็คือความรัก เราก็จะเอาประสบการณ์ความรัก ที่เราได้ทดสอบ ทดลอง ได้ลิ้มลองผ่านมาทั้งหมดตั้งแต่สมัยเด็กๆ มาจนถึงตอนนี้ และส่วนมากจะหนักในช่วงความรักใน 2-3 ปีที่ผ่านมามากกว่า เพราะว่ามันสดกว่า พอมันสดกว่าเราเลยสามารถอธิบายอะไรได้ชัดเจนมากกว่า มันต้องมีอยู่แล้ว

@@@ ชีวิตในวงการมายา
**เมื่อไหร่ "รุจ" จะใจอ่อนยอมหันมาเล่นละครซะที
 ผมพูดตรงๆ เลยว่ามันจะเป็นแบบนี้แน่นอน 100 เปอร์เซ็นต์เลย ถ้าหากว่าเล่นละคร ผมมั่นใจเลยว่าเพลงจะขายได้มากกว่านี้ และถ้าเล่นละครผมเชื่อว่าผมจะดังมากกว่านี้ ต่อให้ผมจะเล่นแย่แค่ไหนก็ตาม ผมเชื่อว่ามันจะต้องไปได้ดีกว่านี้ ดีกว่าที่เราไม่เล่นเลย ซึ่งมันเป็นเรื่องปกติ แต่ถ้าจะถามว่าการที่ผมมาทำงานตรงนี้ผมทำเพื่ออะไร ผมไม่เคยบอกว่าผมมาเพื่อจะดัง ซึ่งไม่ได้หมายความว่าผมไม่อยากดังนะ แต่เราไม่ได้ที่จะมาเพื่อให้ดัง ให้คนรู้จักเรามากมาย แต่เราอยากให้เพลงที่เราทำมันดังมากกว่า และเพื่อพิสูจน์ให้เห็นว่าเราไม่จำเป็นต้องเอาตัวเข้าไปแลก เพื่อให้เพลงดัง นั่นคือประเด็น

**ร้องเพลงประกอบละครมาก็เยอะ ทำให้สนใจในการเล่นละครบ้างไหม
 ความสนใจก็มีเปลี่ยนไปบ้าง แต่ผมยังเชื่อว่าผมยังไม่เหมาะกับการเล่นละครอยู่ดี อย่างเหตุผลแรก คือเรื่องของการแสดง ที่ผมไม่ได้มีการแสดงที่ดีเลิศอยู่แล้ว และการที่เราไปเล่นละครเราต้องไปเป็นตัวละครตัวใดสักตัวหนึ่ง ซึ่งถ้าใกล้ตัวเราหน่อย มันยังโอเค แต่ถ้าไกลตัวออกไป ผมเชื่อว่าดาราหลายๆ คนเวลาเล่นละคร การได้ลองบทใหม่ๆ ที่ไม่ใช่ตัวเองเป็นสิ่งที่ดีที่ท้าทาย แต่สำหรับผมตรงข้ามกัน เพราะการที่เรามองว่าการที่เราไปเล่นเป็นคนอื่นมันไม่ใช่ตัวเรา พอไม่ใช่ตัวตนตัวเอง มันทำให้เราไม่เชื่อ พอไม่เชื่อปั๊บ เราจะเกิดการแอนตี้ ถ้าเราเล่นละคร มันต้องพูดตามบท ซึ่งผมพูดไม่ได้นะคำพูดหวานๆ ที่ว่าผมรักคุณ ผมรู้สึกว่ามันไม่ใช่แล้ว

**มีไหมที่ลงทุนเขียนบทให้เป็นตัว "รุจ" เลย
 กับทางเอ็กแซ็กท์เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ไม่เคยคุยกันมากกว่า เพราะเขารู้ว่าเสนอมาเราก็ใส่กลอนลงประตูไปแล้ว ถ้าจะให้พูดตรงๆ ผมรู้สึกว่าผมสนใจหนังมากกว่า ผมรู้สึกว่าหนังมันแสดงออกถึงความเท่ได้มากกว่าละคร เพราะผมเองมีมุมชัดเจนว่าเราจะเป็นนักร้อง แต่ผมคิดว่าการเล่นหนัง คือเขาไม่มาซีเรียสเรื่องการแสดงมากเท่าไหร่ เพราะว่าหนังฉายประมาณแค่ 3 ชั่วโมงเท่านั้น แต่ละครเล่นยาวขนาดนั้น เล่นหุ่นยนต์มีหวังโดนด่าแน่นอน แถมหนังยังมีโอกาสที่เป็นตัวเราได้มากกว่า ถ้าเลือกระหว่างหนังกับละคร ผมว่าหนังน่าจะเหมาะสมกับผมมากกว่า

**บทแบบไหนที่ "รุจ" อยากจะเล่น
 บทอะไรก็ได้ที่เป็นตัวเอง แต่เป็นตัวเองคนอาจจะเข้าใจผิดคิดว่าเป็นตัวเองของรุจ จะเป็นในแบบที่ว่าต้องนิ่งๆ พูดน้อยๆ น่ารักๆ อันนั้นจะไม่ใช่แล้ว แต่ถ้ามาดูตัวผมจริงๆ จะรู้ว่าผมเป็นคนที่ หนึ่ง ต้องปากเสีย ถ้าจะเล่นพระเอกจะต้องเป็นคนปากร้ายหน่อย แล้วก็ต้องห้าวๆ ถ้าให้ผมนึกถึงคาแรกเตอร์ที่ผมดูแล้วผมชอบ อย่างพระเอกซีรีส์เกาหลีเรื่องยูอาร์บิวตี้ฟูล (จางกึนซอกเล่นเป็นพระเอก) ผมอยากเป็นอารมณ์แบบนั้นเลย คือเท่ๆ กวนๆ มันทำให้เรารู้สึกว่าเล่นแล้วคงเป็นตัวเองดี แต่ไม่ใช่ว่าผมเป็นคนไม่มีมุมโรแมนติก ผมมีมุมแบบรักเธอนะ (ทำเสียงหวานๆ) แต่ผมไม่ให้ชาวโลกดู เก็บไว้ในใจ ถ้าผมเลือกที่จะบอกรักผมก็มีวิธีแบบที่ไม่ต้องโชว์ให้โลกเห็น (ยิ้ม)        

**3 ปีในวงการนี้ทำให้ “รุจ” เปลี่ยนไปเยอะไหม
 3 ปีที่ผ่านมาผมเปลี่ยนไปเยอะ เพราะหลายคนอาจจะมองว่าผมหยิ่ง อย่างเพื่อนบางคนเวลาเรากลับไปทำงานที่ขอนแก่น แล้วเจอเพื่อนที่แบบอาจจะไม่ค่อยได้เจอกัน หรือแฟนคลับที่เขาไม่ได้เจอเราบ่อยๆ เขาจะเข้ามาบอกว่าตัวจริงไม่หยิ่งเลย ซึ่งนั่นแสดงว่าคุณคิดว่าผมหยิ่ง อาจเพราะว่าด้วยความที่ผมเป็นคนนิ่งๆ คนเลยอาจจะมองว่าผมเป็นคนหยิ่ง แต่ถ้าคนที่รู้จักผม จะรู้ว่ามันไม่ใช่คนนิ่ง มันไม่ใช่คนเก๊ก มันไม่ได้หยิ่ง แต่มันบ้า แต่การที่ว่าเราไปอยู่ข้างนอก มุมผมที่คนอาจจะเห็นว่านิ่งๆ เพราะว่าส่วนหนึ่งผมต้องรักษากาลเทศะของงานมากกว่า จะให้เราไปบ้าๆ บอๆ ในแบบของเรามันก็คงไม่ได้ ถ้าคนที่รู้จักผมจริงๆ จะรู้ แต่มันเหมือนว่าเราอยู่นานเข้า เราก็มีการพัฒนาไปตามวิถีของมัน เพื่อให้เราเข้ากับสังคมได้มากขึ้น

**คนจะมองว่านิสัย "รุจ" อาจไม่เหมาะกับวงการนี้
 ไม่นะ ผมก็ยังเป็นตัวผม บางอย่างมันยังอยู่ในกรอบที่เราทำได้ ไม่ใช่ว่าหลุดกรอบออกไป จนไม่เป็นตัวเอง จะบอกว่าผมเป็นคนเสแสร้งไม่เป็นก็ไม่ใช่ ผมก็เป็นคนที่เสแสร้ง คือก็เสแสร้งเป็น แต่แค่เป็นความรู้สึกที่ว่าเราเสแสร้งแล้วมันไม่สนุก ประเด็นของผมก็คือเราคิดอะไร เราก็พูดไปแบบนั้น เราเป็นคนพูดตรงอยู่แล้ว อย่างบางที เราโตขึ้นเรื่อยๆ เราอยู่ในวงการนาน บางทีการพูดตรงมันก็ไม่ช่วยอะไร เลยทำให้เราต้องค่อยๆ ลดลงมาเรื่อยๆ เพราะบางทีพูดตรงมันก็เข้าตัว แต่เราจะเปลี่ยนให้ทุกคนพูดตรง เปลี่ยนให้ทุกคนซื่อสัตย์ ไม่โกหก มันไม่ได้อยู่แล้ว แต่ถ้าเราไปดึงการโกหกมา มันก็เหมือนเราเข้าไปอยู่ในตรงนั้น ซึ่งบางทีผมก็ไม่ทำอยู่แล้ว  

 แต่ก่อนผมมีปัญหาในการเข้าใจบางอย่าง อย่างเช่นผมไม่เข้าใจว่าทำไมดารามีแฟนแล้วจะต้องบอกว่าไม่ได้เป็นอะไรกัน เราก็จะรู้สึกว่าจะโกหกทำไม ทั้งที่ใครก็เห็นว่าคุณเดินคู่กัน ซึ่งมุมนี้เป็นมุมที่เราเคยอยู่นอกวงการมาก่อน เราเลยรู้สึกว่าทำไมคุณไม่รับ โกหกทำไม ทั้งที่ใครก็เห็นอยู่ ไม่คิดว่ามันหลอกลวงประชาชนเกินไปเหรอ แต่พอเราเข้ามาในวงการเราเลยรู้ว่าบางอย่างมันไม่ต้องพูดออกมาหมด พูดแค่บางอย่างก็พอ เราก็พยายามจะเข้าใจ ถึงแม้บางอย่างเราจะไม่เข้าใจก็ตาม ผมเลยมีวิธีการของผมที่จะพูดหลีกเลี่ยงไป ซึ่งบางทีอาจจะมีปัญหานิดหน่อยในการตอบคำถาม

**เคยมีประสบการณ์ที่เราพูดตรงไป แล้วของมันเข้าตัวไหม
 มีบ่อย บางทีเราพูดตรง มันก็มีหลายๆ ที อย่างตอนจบจากเดอะสตาร์มา เราก็โดนแล้ว ด้วยความที่เป็นเด็กต่างจังหวัด ก็เรียกบี้ (สุกฤษฏิ์ วิเศษแก้ว) ในสมัยนั้นว่ามัน ก็โดนแฟนคลับเขาจวกยับ พอช่วงหลังมา พอมีแฟนก็พูดตรงว่าเรามีแฟน ไม่ได้ซีเรียสอะไรเลย ไม่ได้แคร์อะไรเลย (หัวเราะ) มันเลยกลายเป็นว่าแฟนคลับที่มีก็หนีหายไปหมด มันก็เป็นเรื่องปกติ

**แปลว่าการที่ศิลปิน-ดาราจะมีแฟน มันมีผลต่อแฟนคลับเยอะมาก
 ผมว่ามันแล้วแต่การทำงานมากกว่า อย่างของผม เป็นคนที่มาจากเวทีการประกวด เพราะฉะนั้นการมีแฟนเป็นเรื่องที่ไม่ได้ผิด แต่ลำบากที่จะเข้าใจสำหรับแฟนคลับ ซึ่งแฟนคลับบางส่วนเขาก็เข้าใจและรับได้ถ้าเราจะมีแฟน บางคนที่เขาเป็นผู้ใหญ่พอ ชอบเราในมุมของการที่เขาติดตามผลงานของเรา แต่ก็จะมีบางคนที่เขาชอบในลักษณะของการคลั่งไคล้ในตัวเราแบบชาย-หญิง ซึ่งเขาก็อาจจะรู้สึกมากกว่าปกติเวลาที่เราจะมีใครสักคนขึ้นมา

@@ รักลับๆ
**เรื่องความรักเป็นยังไงบ้าง
 ไม่มีอะไร อยู่โล่งๆ ว่างๆ ชิลๆ ไป หรือถ้าผมมีผมจะบอกไหมล่ะ ไม่โผล่ให้เห็นหรอก (หัวเราะ) จากประสบการณ์ครั้งที่แล้วกับยิปซี (คีรติ มหาพฤกษ์พงศ์) ทั้งที่เขาก็ไม่ใช่คนในวงการร้อยเปอร์เซ็นต์ คือเขาประมาณ 50-50 มากกว่า ในตอนแรกที่เราเข้ามาในวงการ เราไม่เชื่อภาพที่เราเห็นของคนในวงการที่ว่ามีแฟนก็บอกว่าไม่มี เรารู้สึกว่ามันไม่ใช่ แล้วเราก็รู้สึก ว่าทำไมจะต้องตอบแบบนั้น ทำให้เราเข้าใจว่าวันแรกที่เรามีแฟนเราต้องบอก จะปิดทำไม ซึ่งโดยส่วนตัวผมเป็นคนที่ตามใจผู้หญิงมากกว่า ถ้าผู้หญิงอยากให้เราเปิด เราเปิดให้ เพราะเราแมนพอที่จะเปิดว่าคุณคือแฟนผม แต่ถ้าผู้หญิงไม่อยากจะเปิด เราก็ไม่บอกก็ได้ มันอยู่ที่ว่าเขาต้องการอะไรมากกว่า และด้วยความที่เราไม่รู้ เราก็เลยเปิดตัวแบบรุนแรงไปหน่อย พอเปิดไปปุ๊บเราไม่คิดว่าสิ่งที่ตามมาจะมีอะไรตามมาบ้าง เพราะที่ผ่านมาเราก็คิดว่าเรามั่นใจแล้ว เราถึงพูด ซึ่งบางทีมันไม่ได้เป็นแบบนั้นร้อยเปอร์เซ็นต์ ซึ่งจากประสบการณ์ครั้งที่แล้ว มันก็ให้อะไรกับเราหลายอย่าง

**เข็ดกับความรักเลยไหม
 ไม่ ความรักครั้งนั้นก็เป็นความรักที่น่ารักครั้งหนึ่ง แต่ว่ามันอาจจะมีปัญหาในสิ่งที่เราพูดออกไปเยอะ พอเราเปิดตัวปั๊บ แฟนคลับที่เราเคยมีก็ลดหายไปบ้าง ซึ่งแต่ก่อนเราคิดว่ามันจะอยู่ได้ แต่ว่าด้วยความที่เรามาจากเวทีประกวด สิ่งที่เราได้ทำมันก็ยังมีอีกเยอะ (แต่ดูตอนนี้ก็ยังแน่นแฟ้นอยู่) นี่ก็พยายามกู้กลับมาที่สุดแล้ว คือเราพยายามพิสูจน์ให้เขาเห็น ว่าตอนที่มีแฟน ผมก็ยังทำงานได้โอเค มันไม่ใช่ว่าเรามีแฟนแล้วต้องหนีจากแฟนคลับไปเลย ไปมีแฟนและไม่ต้องมายุ่งกับแฟนคลับ ถ้าเป็นอย่างนั้นรับรอง ว่าคุณต้องโดนด่าอยู่แล้ว แต่ถ้าเรายังรักษางานของเราให้เดินต่อไปได้ เราคิดว่ามันเป็นเรื่องที่น่าจะเข้าใจได้ และเราพยายามพิสูจน์ว่าเราเป็นแบบนั้น

  ไม่มีคำว่าเสแสร้งแกล้งทำเลยจริงๆ สำหรับผู้ชายชื่อ "รุจ"

เขาคนนี้ชื่อ : ศุภรุจ เตชะตานนท์
ชื่อเล่น : รุจ
วันเกิด : 13 กันยายน 2527
การศึกษา : ปริญญาโท วิทยาลัยบัณฑิตศึกษาการจัดการ เอ็มบีเอ มหาวิทยาลัยขอนแก่น
ผลงานที่ผ่านมา : อันดับ 2 เดอะสตาร์ ค้นฟ้าคว้าดาว ปีที่ 4, อัลบั้ม "รุจ"
ผลงานล่าสุด : อัลบั้ม โรแมนติก รุจ

เรื่อง : ณัฏฐิรา หลอดแก้ว
ภาพ : วริศรา วุฒิกุล

logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ