อะไรคือทุกข์ของ "แจ็ค หม่า" มหาเศรษฐีอันดับหนึ่งของจีน
“หลายคนพูดกับผมว่า “แจ็ค การเป็นคนรวยน่ะ ดี” ใช่ ดี แต่ไม่ใช่การเป็นคนรวยที่สุดในโลกหรือในจีน มันเจ็บปวดมาก เพราะเมื่อคุณเป็นคนที่รวยที่สุดในโลก คนที่ห้อมล้อมคุณอยู่อยู่กับคุณเพราะเงิน...
แจ็ค หม่า ซีอีโอผู้ก่อตั้งบริษัท อาลีบาบา กรุ๊ป โฮลดิ้ง ลิมิเต็ด เจ้าพ่อธุรกิจอีคอมเมิร์ซยักษ์ใหญ่ ผู้ครองตำแหน่งมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดของจีนกล่าวว่า ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในชีวิตของเขาคือช่วงที่ทำงานเป็นครูได้เงินเดือนเดือนละ 12 ดอลลาร์สหรัฐ
“หากเกิดใหม่ได้ ผมจะเก็บบริษัทของผมไว้เป็นบริษัทส่วนตัว” หม่ากล่าว
“อาลีบาบา” ทำสถิติเปิดขายหุ้นไอพีโอด้วยมูลค่าสูงสุดในตลาดหุ้นนิวยอร์ก ระดมทุนได้มากถึง 22,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา ตามรายงานของนิตยสารฟอร์บส์ เมื่อเดือนพฤษภาคม อาลีบาบา กรุ๊ป มีมูลค่ามากกว่า 201,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (6,750,000 ล้านบาท) ส่วนแจ็ค หม่ามีสินทรัพย์สุทธิมูลค่า 25,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (856,400 ล้านบาท) ณ วันที่ 10 มิถุนายน 2558
ย้อนไปในปี พ.ศ.2531 หลังจากเรียนจบใหม่ ๆ แจ็ค หม่าสอนภาษาอังกฤษที่มหาวิทยาลัยท้องถิ่นแห่งหนึ่งในเมืองหังโจวบ้านเกิด ได้เงินเดือนตั้งต้นที่ 12 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 400 บาท)
มหาเศรษฐีในวัย 50 กล่าวว่าชีวิตเมื่อครั้งเป็นเพียงครูคนหนึ่งนั้นเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุด โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับขณะนี้ซึ่งบริษัทของเขาได้เข้าตลาดหุ้นไปแล้วและเขาต้องรับมือกับกรรมการบริษัทจำนวนห้าคน ซึ่งล้วนมีชื่อเสียงโด่งดังและคร่ำหวอดในวงการธุรกิจ
“ถ้าคุณมีเงินไม่ถึงหนึ่งล้านดอลลาร์สหรัฐ คุณรู้ว่าจะใช้เงินยังไง แต่ถ้าคุณมีเงินหนึ่งพันล้านดอลลาร์ นั่นไม่ใช่เงินของคุณอีกต่อไป เงินที่ผมมีทุกวันนี้มันคือความรับผิดชอบ มันคือความเชื่อมั่นที่ผู้คนมีต่อตัวผม” หม่ากล่าวระหว่างร่วมงานของชมรมเศรษฐศาสตร์ในนิวยอร์กเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา
สื่อต่างประเทศรายงานคำพูดของหม่าอีกด้วย ว่า “ถ้าคุณมีเงินไม่ถึงหนึ่งล้านดอลลาร์ คุณรู้ว่าจะใช้เงินอย่างไร แต่เมื่อคุณมีเงินถึงหนึ่งพันล้านดอลลาร์ คุณจะต้องใช้ความร่ำรวยของคุณ “ในนามของสังคม”
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่หม่าพูดถึงภาระหน้าที่ของการเป็นมหาเศรษฐีพันล้าน ก่อนหน้านี้ก็เคยพูดที่งานประชุมอีกงานหนึ่งในนิวยอร์กว่า “ถ้าหากมีเงินถึงหนึ่งล้านดอลลาร์นับว่าโชคดี แต่ถ้ามีถึงสิบล้านดอลลาร์แสดงว่าเริ่มมีปัญหาแล้ว”
นอกจากนี้ ในรายการของสถานีโทรทัศน์ซีเอ็นบีซีเขาก็กล่าวเช่นนี้เหมือนกัน
“การขายหุ้นไอพีโอก็ดีนะ ผมดีใจกับผลที่ออกมา แต่ว่ากันตามตรง ผมคิดว่าเมื่อผู้คนมองคุณในแง่ดีมากๆ คุณก็ต้องรับผิดชอบด้วยการสงบใจและเป็นตัวของตัวเอง”
ในรายการสัมภาษณ์เมื่อเดือนพฤศจิกายน แจ็ค หม่า กล่าวว่า เขาไม่ค่อยมีความสุขเท่าใดนักเพราะมีความกดดันมากมาย สังคมคาดหวังว่าเศรษฐีพันล้านจะต้องฉลาดในการใช้เงินมากกว่าคนอื่น ๆ รวมทั้งรัฐบาลด้วย ดังนั้น ในอนาคตเขาอาจเดินตามรอยมหาศรษฐีบิล เกตส์แห่งบริษัทไมโครซอฟต์ หรืออาจจะเป็นคู่แข่งของบิล เกตส์เองก็ได้ในการก่อตั้งมูลนิธิเพื่อสังคม
หม่ากล่าวว่า เมื่อเริ่มต้นทำธุรกิจ เขาเคยถามภรรยาว่าต้องการอะไร ภรรยาไม่ได้เลือกความร่ำรวยแต่ขอให้เป็นธุรกิจที่ผู้คนนับถือ
“หลายคนพูดกับผมว่า “แจ็ค การเป็นคนรวยน่ะ ดี” ใช่ ดี แต่ไม่ใช่การเป็นคนรวยที่สุดในโลกหรือในจีน มันเจ็บปวดมาก เพราะเมื่อคุณเป็นคนที่รวยที่สุดในโลก คนที่ห้อมล้อมคุณอยู่อยู่กับคุณเพราะเงิน...
ผมมีเพื่อนเยอะแยะ แต่เมื่อผมเดินตามถนน ผู้คนจะมองผมต่างออกไป ผมอยากให้คนมองผมว่าเป็นนักปั้นธุรกิจ เป็นคนที่มีความสุขกับชีวิต และผมต้องการจะเป็นตัวของผมเอง แต่ทุกวันนี้ผู้คนอาจคาดหวังอย่างมากจากตัวผมและอะไรอีกหลาย ๆ อย่าง”
ขอบคุณภาพจาก http://board.postjung.com