หลักศิลาจารึกพ่อขุนรามคำแหง (ศิลาจารึกหลักที่ ๑)
ทะเบียนจารึก (ศิลปากร, กรม. ๒๕๓๓ : ๑๙)
อักษร ไทยสุโขทัย
ภาษา ไทย
ศักราช พุทธศักราช ๑๘๓๕
จารึกอักษร จำนวน ๔ ด้าน ด้านที่ ๑ และ ๒ มีด้านละ ๓๕ บรรทัด ด้านที่ ๓ และ ๔ มีด้านละ ๒๗ บีีทัด
วัตถุจารึก หินทรายแป้ง
ลักษณะวัตถุ หลักสี่เหลี่ยมด้านเท่า ทรงกระโจม หรือทรงยอ
ขนาดวัตถุ กว้างด้านละ ๓๕ เซนติเมตร สูง ๑๑๑ เซนติเมตร
บัญชีทะเบียนวัตถุ สท.๑ (สท./๑) คณะกรรมการพิจารณาและจัดพิมพ์เอกสารทางปนะวัติศาสตร์, สำนักนายกรัฐมนตรี. ประชุมศิลาจารึกภาคที่ ๑. (กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี. ๒๕๒๑) เรียกศิลาจารึกหลักนี้ว่า "ศิลาจารึกหลักที่ ๑"
พบเมื่อ พุทธศักราช ๒๓๗๖
สถานที่พบ เนินปราสาทเมืองเก่าสุโขทัย อ.เมือง จ.สุโขทัย
ผู้พบ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์
ปัจจุบันอยู่ที่ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ กรุงเทพมหานคร
พิมพ์เผยแพร่ ในหนังสือประชุมศิลาจารึกสยาม ภาคที่ ๑, ประชุมศิลาจารึก ภาคที่ ๑, ศิลาจารึกสุโขทัย หลักที่ ๑. จารึกพ่อขุนรามคำแหง และจารึกสุโขทัย
ประวัติ (ศิลปากร, กรม. ๒๕๓๓ : ๑๙ - ๒๐)
พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
ศิลาจารึกพ่อขุนรามคำแหงมหาราช (ศิลาจารึกหลักที่ ๑) ถูกค้นพบโดยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อครั้งยังดำรงพระอิสริยยศเป็นสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้ามงกุฏฯ ขณะผนวชได้เด็จจารึกธุดงค์ไปทางหัวเมืองเหนือ ในปีพุทธศักราช ๒๓๗๖ ได้ทรงพบศิลาจารึกพ่อขุนรามคำแหงมหาราชที่เมืองเก่าสุโขทัย ดังปรากฏในสมุดจดหมายเหตุ สมุดไทยฉบับของสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาปวเรศวิริยาลงกรณ์ ที่ได้มาจากราชเลขาธิการในพระบรมหาราชวัง (ก่อนเปลี่ยนแปลงการปกครอง) ว่า
สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาปวเรศวิริยาลงกรณ์
"เมื่อศักราช ๑๑๙๕ [พ.ศ. ๒๕๓๗] ปีมเสง เบญจศก จะเสด็จขึ้นไปประภาสเมืองเหนือ มัศการเจตียสฐานต่าง ๆ ...ครั้น ณ วันขึ้นหกค่ำกลับมาลงเรือ เจ็ดค่ำเวลาเที่ยงถึงท่าธานี เดินขึ้นไปเมืองศุโขทัย ถึงเวลาเยน อยู่ที่นั้นสองวัน เสด็จไปเที่ยวประภาษ พบแท่นสีลาแห่งหนึ่งอยู่ริมเนินปราสาท ก่อไปไว้เปนแท่นหักพังลงมา ตะแคงอยู่ที่เหล่านั้น ชาวเมืองเครพย์ สำคัญเป็นสานเจ้า เขามีมวสมโพธทุกปี...รับสั่งให้ฉลองลงมา ก่อเป็นแทนขึ้นไว้ใต้ต้นมะขามที่วัดสมอรายกับเสาสีลาที่จารึกเปนหนังสือเขมร" (ศิลปากร, กรม. ๒๕๓๓ : ๗)
ทรงโปรดให้นำลงมาที่กรุงเทพฯ พร้อมกับจารึกวัดป่ามะม่วง (อักษรขอม ภาษาเขมร) และพระแท่นมนังคศิลาบาตร เก็บรักษาไว้ที่วัดราชาธิวาสเป็นแห่งแรก ต่อมาเมื่อเสด็จไปประทับ ณ วัดบวรนิเวศวิหารราชวรวิหาร ทรงโปรดให้ย้ายศิลาจารึกทั้ง ๒ หลักไปด้วย เมื่อทรงเสวยราชย์ ในปีพุทธศักราช ๒๓๙๔ แล้ว โปรดเกล้าฯ ให้นำศิลาจารึกไปตั้งที่ศารารายวัดพระศรีรัตนศาสดาราม จนถึง พุทธศักราช ๒๔๖๖ พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้ย้ายจารึกทั้ง ๒ หลักไปรวมไว้กับศิลาจารึกหลักอื่น ๆ ที่พบในภายหลังซึ่งเก็บไว้ที่ตึกถาวรวัตถุหน้าวัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษดิ์ราชวรมหาวิหาร ซึ่งเป็นที่ทำการหอพระสมุดวชิรญาณสำหรับพระนคร ส่วนพระแท่นมนังคศิลาบาตรยังคงอยู่ในวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ตลอดมาจนถึงปัจจุบัน
ครั้นพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเหล้าเจ้าอยู่หัวสวรรคตแล้วพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้ย้ายหนังสือตัวเขียนและสาลาจารึกมาเก็บไว้ ณ พระที่นั่งศิวโมกขพิมานในพระราชวังบวรสถานมงคล และใช้เป็นที่ทำการของหอพระสมุดวชิรญาณสำหรับพระนครด้วย ส่วนตึกถาวรวัตถุใช้เป็นที่เก็บหนังสือตัวพิมพ์และพระราชทานนามใหม่ว่า หอพระสมุดวชิราวุธ
พระที่นั่งศิวโมกขพิมาน พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร
ที่เก็บศิลาจารึกพ่อขุนรามคำแหงมหาราช
ต่ือมาในปรพุทธศักราช ๒๕๐๙ กรมศิลปากรได้ย้ายศิลาจารึกทั้งหมดกลับไปไว้ ณ หอพระสมุดวชิราวุธตามเดิม จนกระทั่งปลายปีพุทธศักราช ๒๕๑๑ จึงได้เคลื่อนย้ายศิลาจารึกพ่อขุนรามคำแหงไปเก้บไว้ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ และนำออกตั้งแสดงในส่วนขอห้องแสดงพิพิธภัณฑ์สมัยสุโขทัย ตั้งแต่พุทธศักราช ๒๕๑๒ จนถึงพุทธศักราช ๒๕๒๕ ได้ย้ายไปแสดง ณ ห้องแสดงประวัติศาสตร์ชาติไทย ในพระที่นั่งศิวโมกขพิมานจนถึงปัจจุบัน
การศึกษาและการตีพิมพ์ (ศิลปากร, กรม. ๒๕๓๓ : ๗ - ๑๓)
ผู้อ่านศิลาจารึกเป็นคนแรกคือพระบามสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ในพุทธสักราช ๒๓๗๙ โดยมีคณะนักปราชราชบัณฑิตในความควบคุมของ สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์ ทรงเป็นแม่กองคัดอักษรศิลาจารึก
เซอร์ จอห์น เบาริ่ง
(Sir. John Bowring)
ราชทูตอังกฤษเข้มาประเทศไทยในสมัยรัชกาลที่ ๔
ผู้ลงนามในสนธิสัญาเบาริ่ง พ.ศ. ๒๓๙๕
นับเป็นจุดเริ่มของการเปิดประเทศไทยกับนานาชาติ
เมื่อ เซอร์ จอห์น เบาริ่ง เข้ามาในเมืองไทยเมื่อศักราช ๒๓๙๘ ได้รับพระราชทานสำเนาคัดอักษรพิมพ์หินของศิลาจารึกพ่อขุนรามคำแหง พร้อมด้วยคำแปลงเป็นภาษาอังกฤษบางคำ เซอร์ จอห์น เบาริ่ง ได้นำตัวอย่างลงพิมพ์ในหนังสือ The Kingdom and peple of Siam พร้อมทั้งพระราชทานให้กับคณะทูตฝรั่งเศสอีกด้วย สำเนาจารึกพิมพ์หินชุดนี้เก็บไว้ที่หอสมุดแห่งชาติฝรั่งเศส มีคำอธิบายภาษาอังกฤษเขียนไว้ว่า
"สำเนาจารึกสยามสมัยโบราณ ต้นฉบับมีอายุราว คริสตศักราช ๑๑๙๓ ปรากฏว่า จารึกไว้บนเสาหินในเมืองสุโขทัยโบราณ ซึ่งเป็นพระนครหลวงของสยามในครั้งนั้น ตีพิมพ์ ณ โรงพิมพ์หลวงด้วยเครื่องพิมพ์หิน กรุงเทพฯ" (ศิลปากร, กรม. ๒๕๓๓ : ๙)
คำอ่านศิลาจารึกบางตอนได้ปรากฏอยู่ในสมุดไทยของสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์ ต่อมาได้ตีพิมพ์ในหนังสือวชิรญาณ ตอนที่ ๓๖ เดือนกันยายน ร.ศ. ๑๑๖ (พ.ศ. ๒๔๔๐, จ.ศ.๑๒๕๙) หน้า ๓๕๓๔ ให้ชื่อเรื่องว่า อภินิหารการประจักษ์
ต่อมาหนังสือ เรื่องเมืองศุโขทัย ตีพิมพืคำอ่านหลักศิลาจารึกพ่อขุนรามคำแหง และคำแปล พร้อมกับศิลาจารึกเมืองสุโขทัยและกำแพงเพชร อีก ๒ หลัก แต่ไม่ปรากฏปีที่พิมพ์และสำนักพิมพ์
สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมพระยาดำรงราชานุภาพ
บิดาแห่งประวัติศาสตร์ไทย
เมื่อสมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ขณะที่ทรงดำรงตำแหน่งสภานายกหอพระสมุดวชิรญาณสำหรับพระนคร ทรงดำริจัดพิมพ์หนังสือเรื่องราวที่เป็นข้อมูลทางประวัติศาสตร์ไทย เ็ป็นหนังสือชุดประชุมพงศาวดาร ได้รวบรวมศิลาจารึกที่เกี่ยวกับสุโขทัยไว้ด้วย พิมพ์ครั้งแรกในชุดนี้เมื่อ ๒๔๕๗
ศาสตราจารย์ ยอร์ช เซเดส์
(George Coedès)
ต่อมาได้มีการจ้างศาสตราจารย์ ยอร์ช เซเดส์ (George Coedès) นักประวัติศาสตร์ โบราณคดี และนักภาษาศาสตร์ (มีความสามารถทางภาษาศาสตร์และอักษรของประเทศต่าง ๆ ทางตะวันออก) ชาวฝรั่งเศส เข้ามาเป็นบรรณารักษ์ใหญ๋ คณะกรรมการหอพระสมุดวชิรญาณฯ ท่านได้รับมอบหมายเป็นผู้ตรวจสอบและสิลาจารึกหลักต่าง ๆ รวมถึงศิลาจารึกพ่อขุนรามคำแหงด้วย หอสมุดวชิรญาณได้ให้พิมพ์เผยแพร่เมื่อ พ.ศ. ๒๔๖๗ ในงานฉลองทำบุญอายุครบ ๔ รอบของพระยาราชนุกุล (อวบ เปาโรหิตย์) ชื่อหนังสือ ประชุมจารึกสยาม ภาคที่ ๑ มีทั้งภาษาไทยและภาษาฝรั่งเศส
นอกจากนั้นยังมีนักวิชาการมากมายทั้งไทยและต่างชาติได้ทำการศึกษาศิลาจารึกพ่อขุนรามคำแหงมากมายเช่น ศ.ดร. ประเสริฐ ณ นคร, ศ. ฉ่ำ ทองคำวรรณ, ยุวดี ทองคำวรรณ, เพ็ญศรี บ้านไกรทอง, พิชัย สันตภิรมย์, Adof Bastian ชาวเยอรมนี, Yoneo Ishii ชาวญี่ปุ่น เป็นต้น อีกทั้งยังมีการตีพิมพ์ บทวิเคราะห์ วิจารณ์ เกี่ยวกับศิลาจารึกพ่อขุนรามคำแหงมากมายทั้งในด้านบวกและด้านลบ
ศิลาจารึกพ่อขุนรามคำแหง มรดกไทย มรดกโลก
หลักศิลาจารึกพ่อขุนรามคำแหงมหาราช
ได้รับการยกย่องให้เป็นหลักฐานที่ทรงคุณค่าต่าง ๆ คือ ประวัติศาสตร์
อักษรศาสตร์ ภาษาศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ และนิติศาสตร์
เนื้อความที่ปรากฏบนหลักศิลาจารึกบ่งบอกถึงวัฒนธรรมความเป็นอยู่
สภาพเศรษฐกิจ สังคม รวมถึงหลักการเมืองการปกครอง ความเชื่อต่าง ๆ
ที่เกิดขึ้นในช่วงสมัยนั้น
ซึ่งมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งในการศึกษาประวัติศาสตร์ในยุดเริ่มแรกของประเทศไทย
ที่พวกเราคนรุ่นหลังสมควรอย่างยิ่งที่จะได้รับรู้เอาไว้
และนำความรู้เหล่านั้นมาประยุคใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อไปในอนาคต
ด้วยความโดดเด่นและทรงคุณค่าทางวัฒนะธรรม
องค์การศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนะธรรมแห่งสหประชาชาติ
หรือยูเนสโก้ ได้จดทะเบียนให้เป็น
เอกสารทางความทรงจำแห่งโลก (Memory of the world)
เมื่อวันที่ ๑๖ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๔๖
หลักฐานหรือเอกสารทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญที่บ่งบอกถึงความเป็นมาของประเทศไทย
มีหลายชิ้นที่มีความเป็นมาอย่างพิษดารมากมาย
บางชิ้นเกือบจะสูญเสียไปอย่างไม่ได้ตั่งใจ
บางชิ้นค้นพบด้วยความบังเอิญ
ถ้าพวกเราคนไทยลองศึกษาการได้มาของเอกสารและหลักฐานต่าง ๆ
เหล่านั้นจะรู้ว่า ประเทศของของเรามีบุญหนักหนา
เหมือนกับว่ามีสิ่งศักดิ์สิทธิ์อะไรบางอย่างช่วยไม่ให้สิ่งเหล่านั้นสูญหายไป
และได้ช่วยดลให้มีคนไปค้นเจอ
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น
เมื่อเราได้มีหลักฐานทางประวัติศาสตร์ไว้เป็นที่ศึกษาและเป็นมรดกของประเทศแล้ว
พวกเราก็ควรที่จะศึกษาอย่างจริงจัง
ที่สำคัญควรที่จะช่วยกันอนุรักษ์เอาไว้ให้อยู่คู่กับประเทศไทยไปอย่างยาวนาน
* ปรับปรุงใหม่ ๒๗ มีนาคม ๒๕๕๓
เรียบเรียง : วาทิน ศานติ์ สันติ
ที่มา : ป้ายแสดงข้อความ หน้าหลักศิลาจารึกหลังที่หนึ่ง ในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนคร. พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนคร.
ศิลปากร, กรม. ศิลาจารึกสุโขทัย หลักที่ ๑ จารึกพ่อขุนรามคำแหง. กรุงเทพฯ :หอสมุดแห่งชาติ กรมศิลปากร. ๒๕๓๓.
http://watphopratabchang.igetweb.com/index.php?mo=18&display=view_single&pid=64659. สืบค้นเมื่อ ๒๗ มีนาคม ๒๕๕๓.
http://www.thaitambon.com/tambon/ttrvtypetlist.asp?PLC=31. สืบค้นเมื่อ ๒๗ มีนาคม ๒๕๕๓.
http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=13562. สืบค้นเมื่อ ๒๗ มีนาคม ๒๕๕๓.
http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%A2%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%8A_%E0%B9%80%E0%B8%8B%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B8%AA%E0%B9%8C. สืบค้นเมื่อ ๒๗ มีนาคม ๒๕๕๓.
http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B9%87%E0%B8%88%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%88%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B8%A8%E0%B9%8C%E0%B9%80%E0%B8%98%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%94%E0%B8%B3%E0%B8%A3%E0%B8%87%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%B8%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E. สืบค้นเมื่อ ๒๗ มีนาคม ๒๕๕๓.
http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%80%E0%B8%8B%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%88%E0%B8%AD%E0%B8%AB%E0%B9%8C%E0%B8%99_%E0%B9%80%E0%B8%9A%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B9%88%E0%B8%87. สืบค้นเมื่อ ๒๗ มีนาคม ๒๕๕๓.
ขอบคุณแทนนักเรียนด้วยค่ะ
ปรับปรุงใหม่ ๒๗ มีนาคม ๒๕๕๓
ขอบคุณมาก เพลงเพราะมากค่ะ