เที่ยวญี่ปุ่น เมือง ‘ยามานาชิ’  ชม ‘ฟูจิซัง’ สักครั้งหนึ่งที่ต้องไปให้ได้

ญี่ปุ่น ถือเป็นหนึ่งในประเทศลำดับต้น ๆ ของคนไทยที่นิยมชื่นชอบกันเป็นจำนวนมาก และหากใครได้ไปเที่ยวญี่ปุ่น สิ่งที่นักลงทุนเที่ยวไทยจะพลาดไม่ได้เลยนั่นคือ การได้พบกับ “ภูเขาไฟฟูจิ หรือ ฟูจิซัง (Mount Fuji หรือ Fuji-san-– 富士山) ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรม แห่งที่ 17 เมื่อปี 2556 เป็นภูเขาที่สูงที่สุดในญี่ปุ่น ตั้งอยู่ที่จังหวัดยานาชิ (Yamanashi) มีความสูงถึง 3,776 เมตร

ภูเขาไฟฟูจิ หรือ ฟูจิซัง แห่งนี้ คนญี่ปุ่นและคนทั่วโลกต่างถือว่า เป็นสถานที่อันศักดิ์สิทธิ์ เพราะเชื่อกันว่า ภูเขาไฟฟูจิซังเป็นที่สถิตของเทพเจ้า หากใครได้ปีนขึ้นหรือหรือได้ยลโฉมความสวยงามแล้ว เปรียบเหมือนกับเป็นการได้รับพรจากเทพเจ้าด้วย ดังนั้นหากใครไปเที่ยวญี่ปุ่นสักครั้งหนึ่งในชีวิตของไปเยือนให้ได้  

เปิดจุด Check-In ชม ภูเขาไฟฟูจิ วิวสวย ติดตา ตราตรึง จนลืมไม่ลง  

หมู่บ้านน้ำใส หรือ โอชิโนะฮัคไค ( Oshino Hakkai)

หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวของจังหวัดยามานาชิ ซึ่งถือเป็นไฮไลน์ที่นักท่องเที่ยวต้องมาให้ได้ และไม่พลาดที่จะเช็กอิน เพราะหมู่บ้านน้ำใสแห่งนี้อยู่ที่จังหวัดยามานาชิ เป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ แต่เห็นวิวภูเขาไฟฟูจิที่สวยงามอย่างชัดเจน และได้อย่างใกล้ชิดมากๆ 

หมู่บ้านโอชิโนะฮัคไค นี้ยังมีบ่อน้ำใสสะอาดที่ไหลมาจากภูเขาไฟฟูจิ และเชื่อกันว่าบ่อน้ำทั้ง 8 บ่อ เป็นน้ำที่มีความศักสิทธิ์ศักดิ์ด้วย โดยเชื่อกันว่า หากใครได้ดื่มกินจะมีอายุยืนยาว และปราศจากโรคภัย นอกจากนี้หมู่บ้านน้ำใสยังได้รับรับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกทางธรรมชาติในปี 2477 (ค.ศ.1934) และในปี 2528 (ค.ศ.1985) ยังได้รับคัดเลือกให้เป็นหนึ่งในภูมิทัศน์ทางน้ำที่งดงามมาจนถึงทุกวันนี้

เจดีย์แดงชูเรโท (Chureito Pagoda)

อีกหนึ่งมุมยอดฮิตที่ถือว่าเป็นแลนด์มาร์คชื่อดังของญี่ปุ่น ที่นักท่องเที่ยวพลาดไม่ได้อีกเช่นกัน ตั้งอยู่ที่เมืองฟูจิโยชิดะ (Fujiyoshida) จังหวัดยามานาชิ ซึ่งเป็นเจดีย์ 5 ชั้น สูง 19.5 เมตร ตั้งอยู่บนเขาอาราคุระยามะ ที่เป็นจุดชมวิวที่สวยงามเช่นกัน และมองเห็นภูเขาไฟฟูจิได้ชัดเจนมาก ๆ  ทั้งนี้นักท่องเที่ยวต้องเดินบันไดขึ้นไปกว่า 400 ขั้นเพื่อขึ้นไปชมความงดงามเจดีซูเรโท โดยเจดีย์ 5 ชั้นแห่งนี้ คืออนุสาวรีย์รำลึกถึงผู้ที่เสียชีวิตในสงคราม บริเวณโดยรอบคือสวนอาราคุระยามะเซ็นเก็งความสวยงามของบรรยากาศรอบๆ เจดีย์ก็จะเปลี่ยนไปตามฤดูทั้งสี่ของญี่ปุ่น

นอกจากวิวภูเขาไฟฟูจิแล้ว ญี่ปุ่นยังมีสถานทีี่ท่องเที่ยว ร้านอาหาร และชอปปิ้งที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาดอีกเช่นกัน 

ย่านเมืองเก่าคาวาโกะเอะ (Kawagoe : 川越)

เมืองเก่าแบบดั้งเดิม ที่อนุรักษ์ประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนานเป็นเมืองเล็ก ๆ ตั้งอยู่ในจังหวัด ไซตามะ (Saitama) ซึ่งมี “ศาลเจ้าคาวาโกเอะฮิคาวะ” (Kawagoe Hikawa Shrine) เชื่อกันว่า เป็นเทพเจ้าที่ให้พรด้านความรัก จึงเป็นสถานที่ช่วยเสริมดวงชะตาด้านความรัก และยังแหล่งชอปปิ้งขนมมากมาย รวมถึงมีร้านสตาร์บัค สาขาคาวาโกเอะ อีกหนึ่งแลนด์มาร์คที่นักท่องเที่ยวนิยมมาถ่ายรูปกันเป็นจำนวนมาก

ชมซากุระ ที่โตเกียว 

เข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิ ตั้งแต่เดือนมีนาคม - เดือนเมษายน ทั่วประเทศญี่ปุ่นจะมีดอกซากุระสีชมพูบานสะพรั่ง ไปทั่วท้องถนนรายล้อมไปด้วยสีชมพู เพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกที่มาเยือน โดยที่โตเกียวจะมีจุดชมซากุระที่แม่นำเมกุโระ (Meguro River) มีต้นซากุระอยู่เป็นแนวแถวเรียงรายไปตลอด 2 ข้างทางของแม่น้ำ

ย่านชอปปิ้ง ชินจูกุ (Shinjuku) โตเกียว

แหล่งชอปปิ้งยอดนิยมของคนญี่ปุ่นและนักท่องเที่ยวทั่วโลก และถือเป็นแหล่งชอปปิ้งที่ใหญ่ที่สุดในโตเกียว เนืองแน่นไปด้วยห้างสรรพสินค้าเต็มสองข้างทางถนน มีทั้งสินค้าแฟชั่น เสื้อผ้า ของแบรนด์เนม เครื่องสำอาง สกินแคร์ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เครื่องใช้ไฟฟ้า ของกินต่างๆ  มากมาย ร้านร้อยเยน ฯลฯ 

ร้านอาหาร Rokkasen ปิ้งย่างชื่อดัง ย่านชินจูกุ  

เมื่อมาชอปปิ้งย่านชินจูกุแล้ว หากใครชื่นชอบการกินปิ้งย่างเนื้อวัวต้องไมพลาดที่ เพราะเป็นบุฟเฟ่ต์ปิ้งย่าง เนื้อวัวพรีเมี่ยมและอาหารทะเล เนื้อคุณภาพดีๆ รสชาติอร่อยขอแนะนำ Yakiniku Tei Rokkasen  ร้านปิ้งย่างที่เปิดมากว่า 30 ปี 

โตเกียวทาวเวอร์ (Tokyo Tower)

แลนด์มาร์กอันดับหนึ่งของเมืองโตเกียวที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองอยู่ในเขตมินาโตะดื่มด่ำไปกับทัศนียภาพที่สูงแบบพาโนรามาแบบ 360 องศา นอกจากนี้ในตึกของโตเกีียวทาวเวอร์ยังมีร้านขายของที่ระลึกมากมาย 

Visa เผยปี 66 คนไทยชอบไปเที่ยวญี่ปุ่น

วีซ่า (Visa) เผยผลสำรวจ ปี 2566 เทรนด์การท่องเที่ยวต่างประเทศของนักเดินทางชาวไทย จุดหมายปลายทางที่คนไทยอยากไปเยือนมากที่สุด พบว่า อันดับ 1 ญี่ปุ่น  81% อันดับ 2 เกาหลีใต้ 52% อันดับ 3 นิวซีแลนด์ 43% อันดับ 4 สิงคโปร์ 41% อันดับ 5 สหราชอาณาจักร 35% อันดับ 6 สหรัฐอเมริกา 33% อันดับ  7 ออสเตรเลีย 31% อันดับ 8 ฝรั่งเศส 29% อันดับ 9 ฮ่องกง 26% และอันดับ 10 อิตาลี 23% โดยจากการสำรวจผู้ตอบแบบสอบถามคนไทย 2,000 คน

นอกจากนี้ในส่วนของรูปแบบการชำระเงินในต่างแดนที่นักเดินทางไทยเลือกใช้ อันดับ 1 ใช้บัตรในการชำระเงิน 69%  อันดับ 2 เงินสด 61% และ อันดับ 3 โมบายคอนแทคเลส และกระเป๋าเงินดิจิทัล 57% และที่เลือกชำระเงินในรูปแบบดิจิทัลระหว่างการเดินทาง อันดับ  1 ปลอดภัย 60% อันดับ 2 สะดวก 56% และ อันดับ 3 สามารถติดตามการใช้จ่ายได้ 49%

เที่ยวญี่ปุ่นปี 66 คนไทยใช้บัตรเครดิตกว่า 2,200 ล้านบาท 

สมหวัง โตรักตระกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัท บัตรกรุงศรีอยุธยา จำกัด บอกว่า ในปีที่ผ่านมา แคมเปญ “เรื่องญี่ปุ่น ต้องกรุงศรี” ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ในปี 2566 มียอดใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตในเครือกรุงศรี คอนซูมเมอร์ที่ญี่ปุ่น 2,200  ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 250% เทียบกับปีก่อน โดยผ่านแคมเปญ “เรื่องญี่ปุ่น ต้องกรุงศรี” ซึ่งหมวดใช้จ่ายสูงสุด เรียงตามยอดใช้จ่าย ได้แก่ 1. ห้างสรรพสินค้า 2. โรงแรม ที่พัก 3. สินค้าแฟชั่น เครื่องแต่งกาย  4. เครื่องสำอาง สินค้าเบ็ดเตล็ด  5. สนามบินและสินค้าปลอดภาษี โดยลูกค้าส่วนใหญ่ราว 80% เป็นกลุ่ม Gen X และ Gen Y มียอดใช้จ่ายต่อคน เฉลี่ย 32,000 บาท หรือ เติบโต 10% เทียบกับปี 2565 

จากข้อมูลยอดใช้จ่ายผ่านบัตรของกรุงศรี คอนซูมเมอร์ ในปี 2566 พบว่า จากสัดส่วนยอดใช้จ่ายผ่านบัตรในต่างประเทศ ญี่ปุ่นเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมของลูกค้าของเรา และมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของตลาดดังกล่าว 

ทั้งนี้ บัตรเครดิตในเครือ กรุงศรี คอนซูมเมอร์ ในฐานะบริษัทในเครือกรุงศรี หนึ่งในเครือของมิตซูบิชิ ยูเอฟเจ ไฟแนนเชียล กรุ๊ป (MUFG) จึงเตรียมต่อยอดแคมเปญ “เรื่องญี่ปุ่น ต้องกรุงศรี” ที่เปิดตัวไปเมื่อปีที่ผ่านมา โดยในปีนี้บริษัทได้ขยายความร่วมมือกับเครือข่ายทางธุรกิจที่แข็งแกร่งของ MUFG และพันธมิตรทั้งในญี่ปุ่นและไทยเพิ่มเติม รวมกว่า 600 แบรนด์ นำเสนอสิทธิประโยชน์ที่หลากหลายยิ่งขึ้น เพื่อสร้างประสบการณ์การใช้บัตรที่ดียิ่งขึ้น และเสริมภาพลักษณ์ของบัตรเครดิตในเครือกรุงศรี คอนซูมเมอร์ ในฐานะบัตรเครดิตหลักที่ลูกค้านิยมใช้จ่ายที่ญี่ปุ่น เพื่อขยายฐานลูกค้าและเพิ่มยอดใช้จ่ายผ่านบัตร โดยเฉพาะในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว

“ในปีนี้ กรุงศรี คอนซูมเมอร์ มุ่งต่อยอดความสำเร็จ สร้างระบบนิเวศทางธุรกิจที่แข็งแกร่ง ผ่านแคมเปญ “เรื่องญี่ปุ่น ต้องกรุงศรี” ขับเคลื่อนด้วย 4 แนวทางหลัก ได้แก่ 1. ขยายความร่วมมือโดยเพิ่มจำนวนพันธมิตร เพิ่มสิทธิประโยชน์ เสริมหมวดหมู่ใหม่ ๆ ภายใต้ระบบนิเวศธุรกิจเพื่อคนรักญี่ปุ่น 2. นำเสนอทางเลือกในการชำระเงินที่หลากหลาย อำนวยความสะดวกให้ลูกค้า 3. เสริมประสบการณ์ให้หลากหลาย ครบทุกเรื่องญี่ปุ่น ทั้งในและต่างประเทศ เช่น เพิ่มสิทธิประโยชน์ด้านร้านอาหาร การช้อปปิ้ง และบริการ งานอีเวนต์ที่เกี่ยวข้องกับญี่ปุ่น 4. ใช้ข้อมูลและนวัตกรรม เสริมประสิทธิภาพการตลาด ทั้งนี้คาดว่า สิทธิประโยชน์ที่ครบ จบ ทุกประสบการณ์เรื่องญี่ปุ่น และเครือข่ายพันธมิตรที่แข็งแกร่ง จะช่วยให้กรุงศรี คอนซูมเมอร์ เป็นผู้นำธุรกิจในเซกเมนต์ที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยวญี่ปุ่น และกระตุ้นยอดใช้จ่ายผ่านบัตร โดยบริษัทตั้งเป้ายอดใช้จ่ายผ่านบัตรที่ญี่ปุ่น 2,950 ล้านบาทในปี 2567 (เติบโต 50% เทียบกับปีก่อน)” นายสมหวัง กล่าวสรุป

โดยแคมเปญ “เรื่องญี่ปุ่น ต้องกรุงศรี” มอบสิทธิพิเศษจากบัตรเครดิตในเครือ กรุงศรี คอนซูมเมอร์ ที่ครอบคลุมบริการครบทุกประสบการณ์เรื่องญี่ปุ่น อาทิ ส่วนลดหรือสิทธิพิเศษเมื่อจองบัตรโดยสารสายการบินที่ร่วมรายการ, สิทธิพิเศษเมื่อเลือกจองโรงแรม สายการบิน และบัตรเข้าสถานที่ท่องเที่ยวที่ญี่ปุ่นกับแพลตฟอร์มบริการท่องเที่ยวที่ร่วมรายการ เช่น Klook, Traveloka, Trip.com, Agoda, การใช้คะแนนสะสมแลกซื้อซิมเพื่อใช้งานที่ญี่ปุ่นในราคาพิเศษ หรือแลกสิทธิเข้าเลานจ์ภายในสนามบิน, สิทธิพิเศษเมื่อใช้จ่ายผ่านบัตรที่ห้างและร้านค้าพันธมิตรที่ญี่ปุ่น เช่น Takeya, Mitsui Outlet Group, Bic Camera, Keio Department Store, Kintetsu Department Store 

ทั้งนี้ ทุกยอดใช้จ่ายผ่านบัตรที่ญี่ปุ่นตามเงื่อนไข ยังสามารถสะสมยอดเพื่อรับเครดิตเงินคืนเพิ่มสูงสุด 5,200 บาท และสำหรับบัตรเครดิตกรุงศรี เจซีบี แพลทินัม และบัตรเครดิตสยาม ทาคาชิมายะ เจซีบี ยังได้รับเครดิตเงินคืน 10% เมื่อใช้จ่ายผ่านบัตรที่ญี่ปุ่นตามเงื่อนไข (ระยะเวลาและเงื่อนไขของแต่ละโปรโมชันขึ้นอยู่กับร้านค้าและประเภทของบัตรที่ร่วมรายการ) 

อย่างไรก็ตาม ญี่ปุ่นนั้นมีสถานที่ท่องเที่ยวมากมายและสวยงาม อีกทั้งยังเป็นเมืองที่ค่อนข้างปลอดภัย ซึ่งหากใครมีเวลาช่วงวันหยุดยาว หรือวันหยุดประจำปีต้องไม่พลาดที่จะไปเที่ยวญี่ปุ่นสักครั้งหนึ่งในชีวิต