จิ๊กซอว์ Ecosystem โลจิสติกส์ทางทะเล ‘อู่เรือมารีนแอ็คมีไทย’ ซ่อมเรือเดินสมุทรครบวงจร อีกหนึ่งฟันเฟืองขับเคลื่อนเศรษฐกิจเมืองไทย

การที่ภาคธุรกิจจะสามารถนำเข้าและส่งออกทางทะเล นอกจากต้องมีท่าเรือเพื่อเป็นสถานที่ขนส่ง รวมถึงเรือสำหรับบรรทุกสินค้าแล้ว ยังต้องมี ‘อู่ซ่อมเรือ’ ด้วย เพื่อบำรุงรักษา - ซ่อมแซมให้เรือมีสภาพสมบูรณ์พร้อมเดินทางไปยังจุดหมาย ดังนั้น บทสัมภาษณ์นี้จึงชวนพบกับ บริษัท อู่เรือ มารีน แอ็คมี ไทย จำกัด ผู้ประกอบการ SME ซึ่งดำเนินธุรกิจด้วยการเป็นอู่ซ่อมเรือบรรทุกสินค้าขนาดใหญ่ครบวงจรแถวหน้าของเมืองไทย ที่ประสบความสำเร็จด้วยการ Project Management สร้างชื่อให้เป็นที่รู้จัก ทำให้ลูกค้าต่างๆ รวมถึงบริษัทเรือขนส่งต่างชาติประทับใจทั้งการซ่อมเรือและเซอร์วิสต่างๆ กลายเป็นส่วนสำคัญเติมเต็ม Ecosystem นำเข้า – ส่งออกทางทะเลบ้านเรา

คุณดิสสวุฒิ มุ่งถิ่น Asst. Managing Director บริษัท อู่เรือ มารีน แอ็คมี ไทย จำกัด เผยว่า ธุรกิจครอบครัว (Family Business) เริ่มต้นจากคุณปู่ ซึ่งได้ก่อตั้งบริษัท เอ็ม เอส มารีน เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ เซอร์วิส จำกัด เมื่อประมาณ 30 ปีที่แล้ว โดยเป็น ผู้ประกอบการ SME ทำธุรกิจบริการซ่อมเรือออนไซต์ ต่อมาคุณพ่อมองทิศทางความเป็นไปของธุรกิจว่า ต้องมีอู่ซ่อมเรือเป็นของตัวเองเพื่อสร้างความเติบโตและประสบความสำเร็จในอนาคต จึงนำมาสู่การเปลี่ยนแบรนด์เป็น บริษัท อู่เรือ มารีน แอ็คมี ไทย จำกัด (ปี พ.ศ. 2545) ก่อนที่ตนเองจะมารับช่วงต่อเป็นรุ่นที่ 3 เมื่อปี พ.ศ. 2558 

 

คุณดิสสวุฒิ กล่าวว่า เนื่องจากประเทศไทยมีภาพรวมของระบบการขนส่งทางน้ำที่ครอบคลุมทั่วประเทศ มีท่าเรือพาณิชย์หลายแห่งที่เป็นประตูการค้านำเข้าและส่งออกระหว่างประเทศ อีกทั้งเมืองไทยเป็นอันดับต้นๆ ของโลก ในการส่งออกผลิตภัณฑ์แปรรูปจากปลาทูน่า ดังนั้นจึงมีเรือบรรทุกปลาทูน่าจากต่างชาติมาเทียบท่าเรือในเมืองไทยจำนวนมาก เพื่อส่งสินค้าในเมืองไทย ซึ่งการมีอู่ซ่อมเรือเพื่อเช็กสภาพบำรุงรักษา ซ่อมแซมต่างๆ จะช่วยให้เรือไม่ต้องไปแวะอู่ซ่อมที่อื่นนอกเหนือจากเส้นทางขนส่งสินค้าของตัวเอง ช่วยประหยัดเวลา ค่าใช้จ่าย ให้กับเจ้าของเรือ ก่อนนำเรือกลับประเทศ

‘มารีน แอ็คมี ไทย’ มองเห็นความสำคัญดังกล่าว จึงได้ก่อตั้งบริษัทขึ้นมาเพื่อทำธุรกิจซ่อมเรือเดินสมุทรทุกรูปแบบ เช่น เรือบรรทุกสินค้า เรือบรรทุกน้ำมันขนาดใหญ่ โดยบริษัทมีอู่ลอย (Floating Dock) ที่มีความยาวกว่า 126 เมตร เป็นเครื่องมือที่สามารถยกเรือทั้งลำขึ้นมาบนบกเพื่อทำการซ่อมได้เลย ซึ่งการซ่อมเรือขนาดใหญ่จะใช้เวลาประมาณ 14 วัน โดยบริษัทมีลูกค้ามาใช้บริการประมาณ 50 - 60 ลำต่อปี

โดยการซ่อมเรือจะแบ่งเป็น 2 ประเภทคือ

2. งานห้องเครื่อง (Engine Room) เช่น เครื่องจักรใหญ่ เพลาใบจักร หางเสือเรือ ซึ่งทุกอย่างที่เป็นระบบทำให้เรือขับเคลื่อนได้

บริษัทสามารถซ่อมได้ทั้งหมด ครบจบวงจรที่ ‘มารีน แอ็คมี ไทย’

ในเรื่องนี้ คุณดิสสวุฒิ ให้ความรู้ว่า ‘มารีน แอ็คมี ไทย’ ให้บริการงานซ่อมเรือเป็นหลัก ปฏิบัติตามกฎระเบียบ มาตรฐาน - คุณภาพระดับสากล โดยเรือเดินสมุทรทุก 2 ปี จำเป็นต้องขึ้นอู่ เพื่อตรวจสอบเช็กสภาพ ซ่อมแซมส่วนที่ชำรุดเสียหาย รวมถึงต่อทะเบียนเรือตามนโยบายขององค์การทางทะเลระหว่างประเทศ หรือ IMO (International Maritime Organization) เพื่อที่เรือเดินสมุทรสามารถเดินทางได้โดยไม่มีอันตรายต่อทะเล ซึ่งคล้ายๆ กับการต่อตรวจสภาพ ต่อภาษีรถยนต์

เมื่ออู่ซ่อมเรือเสร็จเรียบร้อยแล้ว จากนั้นจะเป็นกระบวนการตรวจสอบคุณภาพ โดยในเมืองไทยจะมีกรมเจ้าท่าของไทยที่อู่ซ่อมเรือต้องทำตามมาตรฐาน ซึ่งเจ้าท่าจะมาตรวจเรืออย่างละเอียด หากเป็นระดับนานาชาติจะใช้องค์กรตรวจสอบ IACS Ship Classification จากประเทศต่างๆ เช่น ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ฝรั่งเศส โดยมีตัวแทนในบ้านเรา

องค์กรตรวจสอบคุณภาพเรือจะมีหน้าที่ตรวจเรือที่ขึ้นอู่ เมื่อผ่านตามมาตรฐานจะมีการออก Certificate ให้ว่า เรือลำนี้พร้อมออกสู่ทะเล อู่ซ่อมเรือได้ปฏิบัติตามกฎ - เงื่อนไขขององค์กรตรวจเรือ ซึ่งอู่ซ่อมเรือไม่สามารถออกหนังสือรับรองเองได้ โดยเจ้าของเรือที่นำเรือมาเข้าอู่จะจ้างองค์กรมาตรวจสอบ เพื่อให้เกิดความมั่นใจเมื่อนำเรือเดินทางสู่ท้องทะเลและมหาสมุทร เพราะชีวิตคนบนเรือเป็นสิ่งสำคัญ เนื่องจากใช้เวลาเดินเรือเป็นเวลานานในทะเล หากเรืออยู่ในสภาพไม่สมบูรณ์พร้อมเดินทางก็อาจเกิดอันตรายได้ 

สำหรับเรื่องนี้ คุณดิสสวุฒิ อธิบายว่า อู่ซ่อมเรือหน้าที่หลักคืองานซ่อม งานเชื่อมเรือ โดยเทคนิค ประสบการณ์ช่างมีความสำคัญมาก นอกจากนี้ ‘มารีน แอ็คมี ไทย’ ยังให้ความสำคัญเรื่องการสื่อสารเป็นอย่างมาก Project Manager ต้อง Manage ประสานทั้งการพูดคุยกับลูกค้า และการสื่อสารกับทางช่าง ให้เข้าใจตรงกัน เพื่อตอบโจทย์ความต้องการ - แก้ปัญหาอย่างตรงจุด

 

คุณดิสสวุฒิ เผยว่า ด้วยความที่มีลูกค้าเรือไทยซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นเจ้าประจำที่ใช้บริการอู่ซ่อมเรือมาหลายปี มีความไว้เนื้อเชื่อใจกันอยู่แล้ว ดังนั้นบริษัทจึงวางแผนสำหรับอนาคตว่าจะรุกตลาดซ่อมเรือต่างประเทศมากขึ้น โดยต่างชาติจะมีเอเยนต์จัดหาอู่ซ่อมเรือตามประเทศต่างๆ ซึ่งสิ่งสำคัญที่จะเอาชนะใจลูกค้าและเอเยนต์ก็คือ การประสานงานที่ดี และสื่อสารกับลูกค้าให้ทั้งสองฝ่ายมีความเข้าใจตรงกันเพื่อไม่ให้งานเกิดความผิดพลาด ดังนั้นการบริหารโครงการ Project Management จึงมีความสำคัญมาก เวลาเป็นสิ่งมีค่า ต้องใช้เวลาให้น้อยที่สุด  เดดไลน์ต้องเป๊ะ ส่งมอบงานให้เร็วที่สุด แต่ต้องได้มาตรฐานมีคุณภาพ ซึ่งจะ Win Win ทั้งลูกค้าและอู่ซ่อมเรือ

นอกจากนี้บริษัทยังได้มีการต่อยอดธุรกิจอู่ซ่อมเรือด้วยการสร้างเรือยอชต์ (Yacht) จากอะลูมิเนียม เปลี่ยนความเชี่ยวชาญด้านงานซ่อมทดลองมาจับงานสร้าง เพื่อเปิดตลาดใหม่ๆ ด้วย

บทสรุปส่งท้าย คุณดิสสวุฒิ มุ่งถิ่น Asst. Managing Director บริษัท อู่เรือ มารีน แอ็คมี ไทย จำกัด ได้ให้ทรรศนะอย่างน่าสนใจว่า โลจิสติกส์ทางทะเลไม่ได้มีแค่เรือและท่าเรือนั้น แต่ยังต้องมี ‘อู่ซ่อมเรือ’ ด้วย เพื่อช่วยให้เรือบรรทุกสินค้าทุกลำเดินทางเป็นไปอย่างปลอดภัย ก่อนเป็นเหตุผลทำให้ ‘มารีน แอ็คมี ไทย’ ประสบความสำเร็จ ในการเป็น ผู้ประกอบการ SME ขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศ เติมเต็ม Ecosystem นำเข้า - ส่งออกทางทะเลเมืองไทย ที่พร้อมพัฒนาคุณภาพมาตรฐานอู่ซ่อมเรือเพื่อสร้างชื่อในระดับโลกต่อไปในอนาคต