การเรียกค่าเสียหายในกรณีหมิ่นประมาท
วันนี้ขอ พูดถึงกระบวนการขั้นตอนในการเรียกค่าเสียหายกรณีหมิ่นประมาท ซึ่ง มี 3 วิธีการฟ้อง โดยแต่ละวิธีมีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันดังนี้
1. ฟ้องเป็นคดีอาญา (โดยไม่ได้เรียกค่าเสียหายเข้าไปในคดีและไม่ได้ฟ้องคดีแพ่งต่างหาก) วิธีแรกนี้มักจะพบบ่อยเพราะไม่ยุ่งยาก กล่าวคือ ยื่นคำฟ้องในคดีอาญาข้อหาหมิ่นประมาทโดยการโฆษณาเท่านั้น ไม่ต้องเสียเวลาและไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมในการฟ้องคดีแพ่งต่างหาก และไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมในคดีอาญา ส่วนวิธีการเรียกค่าเสียหายนั้น โจทก์หรือผู้เสียหายจะใช้วิธีนำยอดเงินที่ตนต้องการไปเจรจากับจำเลยในชั้นศาลไม่ว่าในวันนัดไกล่เกลี่ยวันนัดไต่สวนมูลฟ้องหรือการไกล่เกลี่ยไต่สวนมูลฟ้องก็ดี โดยหากตกลงกันได้ ได้ยอดค่าเสียหายที่พึงพอใจเมื่อจำเลยชำระค่าเสียหายแล้วโจทก์ก็ทำการถอนฟ้อง วิธีนี้สะดวกรวดเร็วไม่เสียค่าธรรมเนียม ถ้าหากจำเลยต่อสู้คดีโจทก์จะยังไม่มีสิทธิ์ได้ค่าเสียหายนอกจากไปยื่นฟ้องคดีแพ่งเพิ่มเติม
2. ฟ้องคดีอาญาควบคู่คดีแพ่ง กรณีต่อมาต่อยอดจากวิธีที่ 1 คือ นอกจากโจทก์หรือผู้เสียหายจะยื่นฟ้องคดีอาญาแล้ว ยังยื่นฟ้องคดีแพ่ง(ละเมิด) เรียกค่าเสียหายจากจำเลย 2 ทาง โดยในคดีอาญาเป็นมาตรการบังคับกับเนื้อตัวร่างกายคือโทษจำคุกหรือปรับ แต่ส่วนของค่าเสียหายอันเป็นตัวเงินนั้นโจทก์แยกไปฟ้องเป็นคดีแพ่งต่างหาก โดยโจทก์มีหน้าที่จะต้องพิสูจน์ความเสียหายต่อศาล ส่วนมากคดีแพ่งที่ฟ้องไปนั้น จะรอฟังผลในคดีอาญาว่าการกระทำของจำเลยเป็น ความผิดหรือไม่ หากการกระทำของจำเลยในคดีอาญาเป็นความผิดในส่วนของคดีแพ่งก็พิสูจน์กันเฉพาะเรื่องของค่าเสียหาย โดยในการฟ้องแบบนี้จะมีประสิทธิ์ภาพมากที่สุดเพียงแต่ฝ่ายโจทก์จะต้องยื่นฟ้องคดีถึง 2 คดี จะต้องสละเวลาในการมาศาลถึง 2 คดีและในส่วนของคดีแพ่งจะต้องเสียค่าดำเนินการรวมถึงค่าธรรมเนียมศาลด้วย
3. ยื่นฟ้องคดีอาญาโดยเรียกค่าเสียหายทางแพ่งไปในคดีอาญาเลย การดำเนินการรูปแบบนี้เป็นวิธีที่สามารถเรียกค่าเสียหายจากจำเลยได้เช่นเดียวกับวิธีที่ 2 แต่รวบการพิจารณาคดีให้เหลือในคดีเดียว โดยการเสียค่าธรรมเนียมศาลนั้นเช่นเดียวกับคดีแพ่งเพียงเพียงแต่ไม่ต้องไปแยกฟ้องและไม่ต้องไปศาลถึง 2 คดี มีความสะดวกกว่าแต่มีข้อสังเกตกล่าวคือ ในการพิสูจน์ค่าเสียหายนั้น ผู้เขียนมีความคิดเห็นว่าอาจพิสูจน์ยากกว่าหรืออาจจะได้น้อยกว่าวิธีการฟ้องแยกแบบวิธีที่ 2
ไว้จะมาเล่าต่อ..
ผู้เขียน
13/1/2563