> SET > TU

24 สิงหาคม 2020 เวลา 08:15 น.

TUอาหารกระป๋องขายดี ออเดอร์สหรัฐ-ยุโรปพุ่ง

ทันหุ้น –สู้โควิด –TU ชูอาหารกระป๋องขายดีช่วงโควิด ตลาดต่างประเทศสหรัฐ-ยุโรปป้อนออเดอร์ต่อเนื่อง เชื่อไตรมาส 3/2563 เติบโตดี ระบุหลังคลายล็อกดาวน์ธุรกิจร้านอาหารกลับมามีกิจกรรมการค้าหนุนความต้องการอาหารแช่แข็งเพิ่ม พร้อมหั่นงบปีนี้เหลือ 3.7 พันล้านบาท เน้นรักษาเงินสด


นายบัลลังก์ ไวยานนท์ ผู้ช่วยผู้จัดการทั่วไปดูแลด้านนักลงทุนสัมพันธ์ บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TU เปิดเผยว่า ประเมินยอดขายในช่วงไตรมาส 3/2563 เชื่อว่าธุรกิจอาหารทะเลกระป๋องและธุรกิจอาหารแช่เยือกแข็ง (Frozen food) จะเติบโตดีต่อเนื่องจากไตรมาส 2/2563 เนื่องจากแนวโน้มความต้องการบริโภคที่สูง จากการแพร่ระบาดขงไวรัสโควิด-19 ในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลให้พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไปและหันมาให้ความสนใจบริโภคอาหารกระป๋องเพิ่มมากขึ้น


ประกอบกับการขยายตลาดต่างประเทศเพิ่มมากขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ทำให้ในปัจจุบันบริษัทยังได้รับคำสั่งซื้อ (ออเดอร์X จากทั้งประเทศสหรัฐอเมริกาและยุโรปเข้าต่อเนื่อง อีกทั้งจากการที่บริษัท Thai Union EU Seafood 1 S.A. (TUES1) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยในลักเซมเบิร์กได้มีการลงทุนใน บริษัท TUMD Luxembourg S.a.r.l (“TUMD”) ธุรกิจค้าปลีกปลาและอาหารทะเล และเป็นผู้ผลิตปลาทูน่ากระป๋องอันดับหนึ่งของประเทศรัสเซีย และเป็นเจ้าของตราสินค้า เช่น Maguro, Captain of Tastes และ Rybar ทำให้ในตอนนี้มีสัดส่วนการถือหุ้นเพิ่มเป็น 90% จากเดิม 45% นั้น เชื่อว่าจะช่วยสนับสนุนผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งหลังปี 2563 นี้ได้เพิ่มมากขึ้น


*ยอดขายกลับมาฟื้นตัว


ด้านธุรกิจ Frozen food ต้องยอมรับว่าในช่วงที่ผ่านมาได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้จำเป็นต้องมีการ Shut down ประเทศทำให้ธุรกิจร้านอาหารไม่สามารถดำเนินธุรกิจได้ตามปกติยอดขาย Frozen food จึงปรับตัวลดลง แต่ด้วยสถานการณ์ที่ดีขึ้นในปัจจุบันและร้านอาหารสามารถกลับมาดำเนินกิจกรรมการค้าได้ใกล้เคียงปกติแล้ว ทำให้ในตอนนี้ยอดขายใน Frozen food เริ่มกลับมาฟื้นตัวดีขึ้นกว่าเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้าแล้ว และคาดว่าจะดีขึ้นต่อเนื่องในช่วงที่เหลือของปีนี้ หากไม่มีปัจจัยลบใหม่เข้ามากระทบ


ขณะที่ธุรกิจร้านอาหาร Red Lobster ในปี 2563 อาจชะลอตัวลงเมื่อเทียบกับปีก่อน จากการ Shut down ทำให้กิจกรรมการค้าไม่สามารถดำเนินได้ตามปกติในช่วงไตรมาส 2/2563 แม้ว่าการปรับกลยุทธ์การขายเพิ่มช่องทางเดริเวอร์ลี่ที่มีการเติบโตถึง 48% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันกับปีก่อน แต่ยังไม่สามารถทดแทนรายได้จากช่องทางหน้าร้านซึ่งเป็นช่องทางหลัก และแม้ว่าในปัจจุบันร้านอาหารจะสามารถกลับมาเปิดให้บริการได้ตามปกติแล้วนั้นแต่ด้วย New Normal ทำให้อัตราการใช้พื้นที่ร้านค้าปรับตัวลดลงจากปีก่อน อย่างไรก็ดี บริษัทคาดว่ายอดขาย Red Lobster ในไตรมาส 3/2563 จะเติบโตได้ดีกว่าในไตรมาส 2/2563


*ลดงบลงทุนรักษาเงินสด


ส่วนแผนการลงทุนในปี 2563 จากสถานการณ์ที่ไม่ปกติในปีนี้ส่งผลให้บริษัทได้มีการปรับลดเงินลงทุนลงเหลือ 3,700 ล้านบาท จากเดิมที่วางไว้ 4,900 ล้านบาท ซึ่งสอดคล้องไปในทิศทาเดียวกันกับเศรษฐกิจ โดยในปีนี้บริษัทจะหันมามุ่งเน้นการลงทุนด้านการปรับปรุงประสิทธิภาพทางการผลิตที่ให้ผลในระยะยาวกับบริษัท และหันมาให้ความสำคัญในการรักษากระแสเงินสดในมือมากกว่า ทั้งนี้ ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2563 บริษัทได้ใช้เงินลงทุนไปแล้วราว 1,400 ล้านบาท ยังมีเงินงบทุนคงเหลือใช้ในช่วงครึ่งปีหลังนี้อีก 2,300 ล้านบาท


อนึ่ง ในไตรมาส 2/2563 บริษัทมียอดขายรวมอยู่ที่ 33,052 ล้านบาท แบ่งเป็นจากธุรกิจอาหารทะเลกระป๋อง (Ambient Seafood) ที่ 16,394 ล้านบาท เป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ให้มาร์จิ้น 23.3% ทำให้มีกำไรขั้นต้นอยู่ที่ 3,828 ล้านบาท, ธุรกิจ Frozen food ที่ 11,554 ล้านบาท เป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ให้มาร์จิ้นที่ 7.4% ทำให้ในไตรมาส 2/2563 มีกำลังขั้นต้นอยู่ที่ 856 ล้านบาท และธุรกิจอาหารสัตว์และสินค้าเพิ่มมูลค่า อยู่ที่ 5,103 ล้านบาท มีมาร์จิ้นเฉลี่ยที่ 26.3% ทำให้มีกำไรขั้นต้นนไตรมาสนี้อยู่ที่ 1,343 ล้านบาท

จาก
ถึง
Select...
หุ้น
Select...
หัวข้อ
Select...

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อ่านต่อ

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา  อ่านเพิ่มเติม

X