เลขมงคล พระบรมสารีริกธาตุ อัญเชิญมา จ.อุบลราชธานี

GIFT T.เผยแพร่: 10 มี.ค. 2567 16:24 น.| อัปเดต: 10 มี.ค. 2567 18:07 น.

2,567 1 minute read

ภาพจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดอุบลราชธานี

เมื่อเวลา 09.30 น. ของวันที่ 9 มี.ค. 67 ที่ผ่านมา ได้มีการจัดพิธีต้อนรับ พระบรมสารีริกธาตุ และพระอรหันตธาตุของพระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะ ที่อัญเชิญมาจากท่าอากาศยานทหาร กองบินที่ 41 จ.เชียงใหม่ มายังท่าอากาศยานทหาร กองบินที่ 21 จ.อุบลราชธานี ก่อนจะอัญเชิญไปประดิษฐาน ณ พระวิหารพระเจ้าใหญ่อินแปลง วัดมหาวนาราม พระอารามหลวง อ.เมือง จ.อุบลราชธานี เป็นการชั่วคราว ระหว่างวันที่ 9-13 มีนาคม 2567

ในการนี้ทางจังหวัดอุบลราชธานี ได้มีการจัดริ้วขบวนอัญเชิญ พระบรมสารีริกธาตุ และพระอรหันตธาตุฯ อย่างยิ่งใหญ่และสวยงาม ในวันที่ 10 มีนาคม 2567 ช่วงเวลาประมาณ 07.00 น. ภายในขบวนประกอบไปด้วย ขบวนธงชาติไทย, ธงชาติอินเดีย, ธงธรรมจักร, ธงฉัพพรรณรังสี, ขบวนโคมประทีป-โคมดอกบัว, ขบวนรถบุษบกพระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุฯ, ขบวนเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ, ขบวนต้นเทียนพรรษา ‘อุบลฮุ่งเฮืองเมืองธรรม งามล้ำเทียนพรรษา’, ขบวนงามภูษาผ้ากาบบัวอุบลฯ และปิดท้ายด้วยขบวนหลอมรวมเครือข่ายถวายพุทธบูชา

โดยริ้วขบวนได้เคลื่อนตัวออกจากบริเวณศาลหลักเมืองอุบลราชธานี ไปตามถนนสายรอง มายังวัดมหาวนาราม จากนั้นอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุฯ ขึ้นสู่มณฑปที่ประดิษฐานภายใน พระวิหารพระเจ้าใหญ่อินแปลง และมีกำหนดการประดิษฐานชั่วคราวระหว่างวันที่ 9-13 มี.ค. 67 เพื่อให้พุทธศาสนิกชนชาวจังหวัดอุบลราชธานีและจังหวัดใกล้เคียงได้สักการะเพื่อความเป็นสิริมงคลครั้งหนึ่งของชีวิต ซึ่งจะเปิดให้ประชาชนเข้าสักการะ ตั้งแต่เวลา 09.00 น. – 20.00 น.ของทุกวัน พร้อมขอความร่วมมือให้แต่งกายสุภาพ สีขาวหรือสีครีม เท่านั้น

นับเป็นครั้งแรกในประเทศไทยที่มีการอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ และพระอรหันตธาตุ ของพระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะ จากพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติอินเดีย มาประดิษฐานเป็นการชั่วคราว ณ ประเทศไทย เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องโอกาสพระราชพิธีมหามงคล เฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 72 พรรษา 28 กรกฎาคม 2567 ทั้งยังเป็นการส่งเสริมการเผยแพร่พระพุทธศาสนา และเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างสองประเทศอีกด้วย

โดยก่อนหน้านี้ พระบรมสารีริกธาตุ และพระอรหันตธาตุฯ ได้ถูกอัญเชิญไปประดิษฐานมาแล้ว 2 จังหวัดด้วยกัน โดยเริ่มต้นที่มณฑลพิธีท้องสนามหลวง กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ ถึง 3 มีนาคม 2567 ต่อมาได้มีพิธีอัญเชิญไปปรัดิษฐานยังภาคเหนือ ณ หอคำหลวงอุทยานราชพฤกษ์ จ.ชียงใหม่ ระหว่างวันที่ 4 – 8 มีนาคม 2567 ที่ผ่านมา

และหลังจากนี้จะมีกำหนดการอัญเชิญ พระบรมสารีริกธาตุ และพระอรหันตธาตุฯ ไปประดิษฐาน ณ วัดมหาธาตุวชิรมงคล จ.กระบี่ระหว่างวันที่ 14 – 18 มีนาคม 2567 เป็นจุดสุดท้าย ก่อนทำพิธีอัญเชิญกลับไปประดิษฐานยังพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติอินเดีย

รวมเลขมงคล พระบรมสารีริกธาตุ ประดิษฐาน จ.อุบลราชธานี

โดยประดิษฐานชั่วคราว ณ ท้องสนามหลวง เป็นที่แรก ในระหว่างวันที่ 24 ก.พ. – 3 มี.ค. 67
อัญเชิญต่อไปยัง หอคำหลวงอุทยานราชพฤกษ์ จ.ชียงใหม่ ระหว่างวันที่ 4 – 8 มีนาคม 2567
ปัจจุบันประดิษฐานเป็นการชั่วคราว ณ วัดมหาวนาราม พระอารามหลวง จ.อุบลราชธานี ระหว่างวันที่ 9 – 13 มีนาคม 2567
วัดมหาธาตุวชิรมงคล จ.กระบี่ จะเป็นจังสุดท้ายที่จะอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุ ไปประดิษฐานชั่วคราว ในระหว่างวันที่ 14 – 18 มีนาคม 2567
เปิดให้ประชนร่วมสักการะบูชา ตั้งแต่เวลา 09.00-20.00 น.ทุกวัน
จัดขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติ ในหลวง ร.10 เฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 72 พรรษา 28 กรกฎาคม 2567
วันศุกร์ ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 ปีจอ เป็นวันประสูติของพระพุทธเจ้า
623 ปีก่อนคริสศักราช และ 80 ปีก่อนพุทธศักราช ถือกำเนิด
ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า ณ ใต้ร่มไม้ศรีมหาโพธิ์ ตอนเช้ามืดของวันพุธ ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 ปีระกา ก่อนพุทธศักราช 45 ปี
พระพุทธเจ้า ตรัสรู้ เมื่ออายุ 35 ปี
พระพุทธเจ้า ปรินิพาน ในวันอังคาร ขึ้น 15 ค่ำเดือน 6 ปีมะเส็ง ขณะนั้นมีพระชนมายุ 80 พรรษา