อะไรทำให้ เวียร์-ศุกลวัฒน์ ตัดสินใจรับงานแสดงภาพยนตร์อีกครั้งกับ "ดิว: ไปด้วยกันนะ"

Movie News16 ตุลาคม 2562

HIGHLIGHTS

  • จากผลงานที่พิสูจน์ความเป็นนักแสดงผู้ทุ่มเทเพื่อบทบาทของเวียร์-ศุกลวัฒน์ ในเรื่อง "มะลิลา" (2018) ของ อนุชา บุญยวรรธนะ ที่ทำให้เขาคว้ารางวัลสุพรรณหงส์ สาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยมไปครอง ล่าสุดเขาพร้อมจะพิสูจน์ความสามารถในการแสดงหนังอีกครั้งใน  'ดิว: ไปด้วยกันนะ'
     
  • เวียร์รับบท ภพ ชายหนุ่มผู้พังทลายจากชีวิตส่วนตัว และหอบหิ้วบาดแผลจากอดีตกลับมาตั้งต้นใหม่ที่บ้านเกิด ในฐานะครูประจำโรงเรียนมัธยมเล็กๆ ที่ทำให้เขานึกถึง ดิว เพื่อนชายสมัยเรียนอยู่ที่นี่ ผู้มอบประสบการณ์ความรักและความเจ็บปวดเป็นบทเรียนให้กับเขา
     
  • "ผมอ่านบทตั้งแต่ต้นจนจบ ไม่ได้อ่านเฉพาะพาร์ทของผมอย่างเดียว อ่านจบก็อยากรู้จังว่าใครจะเล่นเป็นภพตอนเด็ก เพราะเราต้องเล่นเป็นคนคนเดียวกัน เรื่องราวในพาร์ทเด็กมันเป็นยุคผมพอดี ประมาณยุค 90s ด้วยบรรยากาศ เพลงต่างๆ มันทำให้ผมรู้สึกเหมือนย้อนกลับไปสมัยยังเรียนหนังสืออยู่ที่ขอนแก่น จนมีความรู้สึกว่ายังไงผมก็ต้องเล่นเรื่องนี้ หรือขอมีส่วนร่วมกับหนังเรื่องนี้ให้ได้" เวียร์ กล่าว
     
  • จากวันแรกที่อ่านบทแล้วเวียร์อยากทำความรู้จักกับผู้รับบทภพในวัยเด็ก และแล้ววันนั้นก็มาถึง เมื่อเขาได้เจอกับ นนท์-ศดานนท์ ดุรงคเวโรจน์ และสิ่งที่เขาทำก็คือใช้เวลาร่วมกับนนท์ให้มากที่สุด แต่สิ่งหนึ่งที่เหนือความคาดหมายก็คือครั้งแรกที่ได้เจอนนท์ คือเขาเหมือนพี่ชายของเวียร์มากจนคนในกองยังพูดกันว่าเหมือนพี่น้องกัน

 


         เวียร์-ศุกลวัฒน์ คณารศ สร้างชื่อจากการแสดงละครโทรทัศน์ โดยเป็นนักแสดงในสังกัดสถานีโทรทัศน์สีกองทัพบก ช่อง 7 ละครที่ทำให้เขาเป็นที่รู้จักในวงกว้างคือ 'พลิกดินสู่ดาว' (2005) จากนั้นจึงมีผลงานละครเข้ามาอย่างต่อเนื่องจนทำให้เขาก้าวขึ้นสู่สถานะนักแสดงชายแถวหน้าของเมืองไทย ในขณะที่ผลงานภาพยนตร์นั้น เขาเริ่มต้นด้วย 'หนึ่งใจเดียวกัน' (2007) ตามด้วยภาพยนตร์ที่ไม่ได้ฉาย เรื่อง 'ปิตุภูมิ พรมแดนแห่งรัก' ของผู้กำกับ ยุทธเลิศ สิปปภาค ก่อนจะมารับบทเล็กๆ ใน 'คิดถึงวิทยา' (2014) ผลงานของ นิธิวัฒน์ ธราธร, หนังผีทำเงินเรื่อง '11 12 13 รักกันจะตาย' (2016) ของผู้กำกับ สราวุธ วิเชียสาร และผลงานที่พิสูจน์ความเป็นนักแสดงผู้ทุ่มเทเพื่อบทบาท เรื่อง 'มะลิลา' (2018) ของ อนุชา บุญยวรรธนะ ที่ทำให้เขาคว้ารางวัลสุพรรณหงส์ สาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยมไปครอง

ปี 2019 เวียร์-ศุกลวัฒน์ รับงานแสดงภาพยนตร์อีกครั้งกับ 'ดิว: ไปด้วยกันนะ' ในบท ภพ ชายหนุ่มผู้พังทลายจากชีวิตส่วนตัว และหอบหิ้วบาดแผลจากอดีตกลับมาตั้งต้นใหม่ที่บ้านเกิด ในฐานะครูประจำโรงเรียนมัธยมเล็กๆ ที่ทำให้เขานึกถึง ดิว เพื่อนชายสมัยเรียนอยู่ที่นี่ ผู้มอบประสบการณ์ความรักและความเจ็บปวดเป็นบทเรียนให้กับเขา

"ผมอ่านบทตั้งแต่ต้นจนจบ ไม่ได้อ่านเฉพาะพาร์ทของผมอย่างเดียว อ่านจบก็อยากรู้จังว่าใครจะเล่นเป็นภพตอนเด็ก เพราะเราต้องเล่นเป็นคนคนเดียวกัน เรื่องราวในพาร์ทเด็กมันเป็นยุคผมพอดี ประมาณยุค 90s ด้วยบรรยากาศ เพลงต่างๆ มันทำให้ผมรู้สึกเหมือนย้อนกลับไปสมัยยังเรียนหนังสืออยู่ที่ขอนแก่น จนมีความรู้สึกว่ายังไงผมก็ต้องเล่นเรื่องนี้ หรือขอมีส่วนร่วมกับหนังเรื่องนี้ให้ได้"



         สิ่งที่ทำให้เวียร์สนใจหนังเรื่องนี้นอกจากบรรยากาศของหนังที่ทำให้นึกย้อนไปในอดีตที่ผูกพันแล้ว ยังรวมไปถึงตัวละครภพนั้น มีความเป็นมนุษย์ที่เชื่อมโยงกับคนดูได้ไม่ยากด้วย "ภพเป็นคนเชื้อสายจีน ครอบครัวค่อนข้างมีวินัยโดยเฉพาะคุณพ่อ เราก็เลยเป็นเด็กที่อยากเรียนรู้สิ่งต่างๆ ที่ผ่านเข้ามาในชีวิต ไม่ว่าจะเป็นเพื่อน สิ่งแวดล้อม หรือโลกโซเชียลในสมัยนั้น ก็เป็นเด็กต่างจังหวัดทั่วไป ด้วยความเป็นเด็กน่ะ พอบอกซ้ายก็อยากไปขวา เป็นเด็กที่อยากเรียนรู้ มีความรัก เป็นตัวละครที่จับต้องได้จริง ผมเองก็มีเพื่อนที่คล้ายๆ ภพ พอโตมาก็เจอเรื่องราวต่างๆ เป็นเรื่องปกติ มีความผิดหวังในอดีต เกิดความรู้สึกว่าทำไมตัวเองถึงซวยและซวยได้ขนาดนี้ มีอาชีพการงานก็ซวย สุดท้ายก็ต้องกลับมาแก้ไขเรื่องที่มันไม่ดีให้กลับมาดี หรือขอแค่ได้กลับมาอยู่ในสิ่งแวดล้อมเดิมๆ แล้วทำให้มันดีขึ้น"



        จากวันแรกที่อ่านบทแล้วเวียร์อยากทำความรู้จักกับผู้รับบทภพในวัยเด็ก และแล้ววันนั้นก็มาถึง เมื่อเขาได้เจอกับ นนท์-ศดานนท์ ดุรงคเวโรจน์ และสิ่งที่เขาทำก็คือใช้เวลาร่วมกับนนท์ให้มากที่สุด นอกเหนือไปจากการเวิร์คช็อปร่วมกัน "โอเคหนังกับละครมันต่างกันแหละ แต่สิ่งหนึ่งที่เหมือนกันคือถ้าเราเชื่อ ผมว่าเล่นยังไงมันก็น่าเชื่อ ด้วยความที่เรามีเวลาเจอกับนนท์ค่อนข้างน้อยก่อนที่จะถ่ายทำ แต่โชคดีที่เราใช้เวลาร่วมกันในช่วงที่ถ่ายหนังค่อนข้างยาว หนังมันจะถ่ายสลับตอนเด็กตอนโตและในเรื่องเราก็มีได้เข้าฉากร่วมกันเลย แต่เราก็จะอยู่ในกองด้วยกัน วันไหนที่รุ่นเด็กถ่าย ผมก็จะไปดูเขาเล่น วันไหนที่รุ่นผมถ่าย เขาก็จะมาดูผมเล่น แล้วก็จะมาแลกเปลี่ยนกันว่าคิดอะไรอยู่ จากนั้นเราจึงปรับให้คล้ายกัน แต่สิ่งหนึ่งที่เหนือความคาดหมายก็คือครั้งแรกที่ได้เจอนนท์ คือเขาเหมือนพี่ชายผมมาก ซึ่งพี่ผมเสียไปแล้ว ผมยังคุยกับเขาว่า 'เฮ้ยนนท์ หรือว่าพี่กูกลับมาเกิดเป็นมึงรึเปล่า?' มันทำให้ผมต่อติดกับนนท์เร็วมาก และทำให้การแสดง แม้แต่การพูด การเทคไทม์ การรับความรู้สึก มีความใกล้กันจนเราตกใจ ผมสัมผัสได้ว่าเราคล้ายกันมาก จนคนในกองยังพูดกันว่าเราเหมือนพี่น้องกัน เราถูกชะตากันมาก"

เตรียมย้อนรอย หวนรำลึกความทรงจำไปด้วยกันใน "ดิว ไปด้วยกันนะ" 31 ตุลาคมนี้ ในโรงภาพยนตร์

 

ตัวอย่างภาพยนตร์