[CR] รีวิวเครื่องย่อยขยะเศษอาหาร คุ้มค่ามั้ย ช่วยอะไรเราได้บ้าง ??

สวัสดีครับเพื่อนๆ วันนี้ผมจะรีวิวเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านที่เป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าแบบ รักษ์โลก รักษ์สิ่งแวดล้อมครับ ^^  คือยังไงกันนะ มาดูกันครับ

เจ้าเครื่องที่ว่าคือ Klaren the composter หรือ เครื่องย่อยเศษอาหารและเปลี่ยนไปเป็นสารปรุงดิน นั่นเองครับ

***รีวิวนี้ไม่ได้สปอนเซอร์ใดๆ นะครับ ทดลองใช้เองครับ 5555*** 


***ตัวเครื่องดีไซน์มินิมอล ตั้งในบ้านได้สวยๆ เลย***
ช่วงสามสี่ปีที่ผ่านมาเชื่อว่าเพื่อนๆ หลายคนคงจะเคยเห็นเจ้าเครื่องแบบนี้ ที่กำลังนิยมที่ต่างประเทศ เริ่มเข้ามาทำการตลาดในบ้านเรานะครับ แต่ตอนน้ คนไทยก็สามารถผลิตเครื่องนี้ได้เองแล้ว มีมาตรฐาน และ อะไหล่ ที่รองรับกับการดูแลหลังการขายที่ค่อนข้างใช้ได้เลยครับ

หลักการเค้าคือ ทำหน้าที่เป็นถังขยะใส่เศษอาหารเหลือจากบ้านเรานี่ล่ะครับ ปกติเราทำครัว ทานอาหาร ก็มักจะมีเศษอาหารเหลือ ไม่ว่าจะเป็นวัตถุดิบ เศษพริกน้ำปลา เปลือกผลไม้ อะไรพวกนี้ เราก็จะใส่ถุงพลาสติกเอาไว้ไปทิ้งหน้าบ้านใช่มั้ยครับ ถ้ารถขยะมาทุกวัน ก็คงดี แต่บางที่ อย่างบ้านผม 1 สัปดาห์ มาสองครั้ง และนั่นล่ะครับ คือความวุ่นวายที่เกิดขึ้น

เพราะอาหารพอมันเน่าเสีย ก็พาแมลงหวี่ แมลงวัน ให้มาตอม ส่งกลิ่นเหม็นสร้างความรำคาญมากๆ ใครทำครัวคงรู้ใช่มั้ยครับ ว่าเราทิ้งไว้แปปเดียว แมลงหวี่ก็มาหาแล้วครับ 


****ในถังจะมีไม้คนเศษอาหาร ซึ่งจะเห็นภาพการทำงานในท้ายๆรีวิวครับ***
โดยนอกจากทำหน้าที่เป็นถังขยะใส่เศษอาหารแล้ว อีกความสามารถของเค้าคือ สามารถย่อยสลาย และ แปลงเศษอาหารเหล่านั้น ให้กลายเป็นสารปรุงดิน หรือ จะเรียกว่าปุ๋ย ก็ได้กลายๆ ครับ 555 เริ่มน่าสนใจแล้วใช่มั้ยครับ


***โหมดการทำงานต่างๆ ของเครื่องนี้ครับ***
เครื่องนี้จะทำงานแบบกึ่งอัตโนมัตินะครับ โดยการทำงานจะมีด้วยกันหลายโหมด ขออธิบายคร่าวๆ นะครับ
1.Composting โหมดนี้จะทำงานเองเมื่อเราใส่เศษอาหารและปิดฝาครับ เครื่องจะทำการย่อยสลายเศษอาหารต่างๆ เองครับ
2.Stand by เป็นโหมดที่รอเศษอาหารมาใส่ และคงสภาพสารปรุงดินที่เราหมักเอาไว้ครับ
3.Dehydrate บางครั้งสารปรุงดินที่เราหมัก อาจจะแฉะเกินไปจนเป็นลักษณะโคลน มีกลิ่น แบบนี้ยังเอามาใช้ไม่ได้นะครับ ต้องใช้โหมดนี้ในการทำให้มันแห้งขึ้นหน่อยครับ ก่อนนำไปใช้
4.Soil conditioner เป็นการกดเพื่อให้เครื่อง นำสารปรุงดินที่เราหมักไดที่ ออกมาใช้งาน โดยพอกดแล้ว มันก็จะออกมาอยู่ในถาดด้านล่าง เอาไปใส่ต้นไม้ หรือผสมดินได้เลยครับ


***สารตั้งต้น ที่จะใส่ไปก่อนใช้งานครับ ผสมน้ำ 1 ลิตร ในถุง แล้วเทลงเครื่องไปเลย***

แน่นอนว่า การจะหมักเศษอาหาร จำเป็นจะต้องมีสารตั้งต้น หรือ ตัวช่วยการย่อยสลายด้วย (ถ้าใครเคยทำปุ๋ยหมักจะทราบดีครับ) ซึ่งทางเครื่อง ก็มีมาให้ 1 ถุงครับ ลักษณะคล้ายๆ ดิน ผสม ปุ๋ยคอก หรือ อินทรีย์วัตถุต่างๆ ครับ เพื่อเป็นตัวช่วยในการย่อยสลายอีกชั้น

นอกจากนี้ เรื่องกลิ่น ที่เกิดจากการหมัก ก็ไม่ต้องกังวล เพราะเครื่องนี้ มีตัวกรองอากาศ ที่ใช้วัสดุกรองคาร์บอน อยู่ในเครื่องด้วย จะมาเป็นถุงๆ แบบภาพด้านล่างครับ เรากรอกใส่ลงไปในตัวกรองได้เลย

***ตัวกรองกลิ่น คล้ายๆ ถ่านคาร์บอน***

มาพร้อมแผ่นกรอง และกระบอกใส่ตัวกรองกลิ่นครับ ใส่ไปในนี้ได้เลย ก็จะช่วยไม่ให้กลิ่นไม่พึงประสงค์ออกมา ซึ่งจากการทดลองใช้งานเบื้องต้นแล้ว ยังไม่พบกลิ่นใดๆ ครับ ใช้ได้เลย


****ถาดใส่สารปรุงดินที่ทำเสร็จแล้ว พอกดปุ่มเค้าจะลงมาในถาดนี้ครับ สะดวกมาก***



มาครับ เรามาเริ่มเข้าถึงการใช้งานจริงกันเลย โดยผมได้ทดลองเก็บเศษอาหารที่เหลือจากการทานอาหารเอามารวมกันครับ ในชาม (ขออภัยที่เหลือน้อยครับ พอดีร้านนี้ทำอร่อยมาก กินแทบหมดจาน 5555)


หน้าที่เราคือ แทนที่จะใส่ถุงพลาสติกไปทิ้งขยะ ก็เอามาเทใส่เครื่องนี้แทนครับ อีซี่แบบนี้แหละ


แล้วถ้ามีวัตถุดิบจากการทำอาหารในครัวเหลือ เช่น เปลือกไข่ (ทุบให้ละเอียดหน่อยก็ดีนะครับ) เศษผัก ต่างๆ นานา ก็ใส่ไปได้เหมือนกันครับ


โดยคำถามที่ผมเองก็สงสัย และหลายท่านก็น่าจะสงสัย ก็คือ อะไรที่ห้ามใส่บ้าง 555 ตรงใจมั้ยครับ ในคู่มือ และเว็บไซต์ของเค้า ก็บอกเอาไว้ว่า จริงๆ สามารถเทอาหารทุกสิ่งอันลงไปได้เลย ยกเว้น กระดูกชิ้นใหญ่,ก้างปลาหัวปลาใหญ่ๆ,กระดองปู,เปลือกหอย,เปลือกทุเรียน,เปลือกมะพร้าว และสุดท้ายคือ น้ำมันทุกชนิด  รวมถึงของที่ย่อยสลายตามธรรมชาติไม่ได้เช่น พลาสติก แก้ว อะไรพวกนี้ ก็เลี่ยงนิดนึงครับ ที่เหลือจากนี้ เทได้เลย

คำถามต่อมาคือ แล้วถ้าเป็นแกงล่ะ ได้มั้ย ส้มตำมีน้ำเยอะๆ ได้มั้ย  คำตอบคือ ได้ครับ เทลงไปเลย ทางผู้ผลิตบอกว่า ออกแบบมาด้วยความเข้าใจการทานอาหารของคนไทยอยู่แล้ว จึงสามารถเทอะไรที่เป็นน้ำแกงลงไปได้เลย แต่ส่วนตัวคิดว่า ถ้าเป็นอะไรที่มันมากๆ อย่างพะแนง หรือ อะไรที่มันย่องๆน้ำมันลอยฟ่องเลย ก็กรองหน่อยดีกว่าครับ

กระบวนการทำงานในการย่อยของเค้า เค้าแจ้งไว้ว่าใช้เวลา 24 ชม ในการย่อยสลายครับ ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าหลักการข้างในยังไงทำไมย่อยเร็วขนาดนั้น แต่ที่ทดลองใช้ดู ปิดฝาทิ้งไว้ เครื่องทำงานไป พอตอนเช้ามาเปิด ก็ย่อยไปเยอะแล้วนะครับ แต่บางอันเศษๆ ก็ยังอยู่บ้างครับ คิดว่า ถ้าทำได้ก็คงหมักทิ้งไว้จนกว่าจะเป็นสีสวยๆ คล้ายๆ ปุ๋ยหมัก แล้วค่อยเอาออกครับ หมักนานยิ่งดีเนาะ


สรุปผลจากการใช้งานครับ

1. ราคา สามหมื่นกว่า ๆ ก็ค่อนข้างสูงหากต้องลงทุนซื้อ แต่หากใครกำลังทรัพย์ไหว ก็คุ้มค่าสองทาง คือ ได้ถังขยะเก็บเศษอาหารสวยๆ ใช้งานสบาย และได้สารปรุงดินธรรมชาติ เอาไปใช้ปลูกต้นไม้บำรุงต้นไม้ได้ครับ

2. เสียงการทำงานของเครื่อง ถือว่าค่อนข้างดังนะครับ (ประมาณคอล์ยร้อนแอร์ครับ) ถ้าตั้งในห้องครัว มันจะดังหึ่งๆ อยู่ตลอดเวลาเลยครับ และยิ่งตอนทำงานก็จะเสียงดังมากขึ้น หากใครไม่ชอบเสียงดัง ก็ไม่เหมาะครับ แต่ตอนเครื่องพักตัว ก็ดังไม่มากครับ

3. ถังจุได้เยอะพอสมควร หากทำอาหารทุกวัน บ้านสัก 5-8 คน ก็เอาอยู่ครับ สำหรับปริมาณอาหารเหลือแต่ละวัน (คู่มือเคลมว่า วันละ 3kg)

4. สารปรุงดิน และ ตัวกรองกลิ่น คือค่าใช้จ่ายประจำที่ต้องมี หากใช้งาน โดยอายุการใช้งานของสองอย่างนี้ ประมาณ 3-6 เดือนครับ

5. การกำจัดขยะแบบนี้ ช่วยลดขยะเปียก และ ลดเรื่องแมลงวันแมลงหวี่ก่อกวนได้ดีครับ อันนี้คือสิ่งที่ผมชอบมากที่สุด

6. การกินไฟ เครื่องนี้มีกำลังไฟ 110w ครับ กินไฟไม่ค่อยมากครับ ในวันที่เราไม่อยู่ ก็ปิดเครื่องได้ (หากไม่ได้ใส่อาหารเกิน7 วัน) แต่ปกติก็เสียบไว้ตลอดครับ

หลายๆ ท่านอาจจะมาแย้งว่า แพงแบบนี้ ทำปุ๋ยหมักเองก็ไม่ได้ยาก ทำเองก็ได้ ใช่ครับ การทำปุ๋ยหมักเศษอาหารจริงๆ ก็ไม่ได้ยากครับ แต่บางคนก็ไม่สะดวกที่จะต้องตั้งกองปุ๋ย ใส่ขี้วัวปุ๋ยคอก เจาะกองรดน้ำ อะไรแบบนี้ ก็ถือว่าเป็นตัวช่วยของคนเวลาน้อยแล้วกันครับ 555 หรืออาจจะไม่มีพื้นที่ให้ทำกองปุ๋ยก็ได้ อันนี้นานาจิตตัง ส่วนตัวผมคิดว่า ราคาเครื่องสูงไปนิด หากลดระดับลงมาสัก 1-2 หมื่น น่าจะทำให้คนสนใจเยอะขึ้นครับ อนาคตคงมีเครื่องแบบนี้ออกมามากขึ้นแล้วราคามันก็จะถูกลงมาเองจนเป็นเครื่องใช้ประจำบ้านกันได้ครับ

แต่ของกระแสรักษ์โลกอะไรแบบนี้ รวมถึงนวัตกรรมที่เค้าคิดมา ก็ต้องให้ราคาเค้าครับ 

หวังว่ารีวิวนี้คงเป็นประโยชน์กับผู้ที่กำลังหาข้อมูลเครื่องกำจัดขยะเศษอาหารนะครับ ขอบคุณคร้าบที่อ่านจนถึงตรงนี้นะครับ
ชื่อสินค้า:   Klaren the composter
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่