[SR] รีวิวบุฟเฟ่ต์อาหารอินเดีย "India Curry Lunch" อิ่มเต็มที่ 2.30 ชม. จ่ายแค่249.- ที่ Novotel เพลินจิต

วันนี้ได้รับการรับเชิญจาก PR ของทางโรงแรม Novotel เพลินจิต ให้มารับประทานบุฟเฟ่ต์อาหารอินเดีย ซึ่งจะจัดในทุกวันศุกร์ของทุกสัปดาห์ ราคาไม่แพงแค่ 249 บาท ก็อิ่มอร่อยกับอาหารอินเดียได้เต็มที่ แค่นั้นยังไม่พอ ใครที่มีบัตรสมาชิกแอคคอร์พลัส รับส่วนลดค่าบุฟเฟต์ไปเพิ่มอีก 10% ถูกขนาดนี้แล้วยังลดให้อีก แถมจากเชฟอิมพอร์ทมาจากเมืองโรตีโดยตรงที่ทางโรงแรมภูมิใจ ประสบการณ์เรื่องอาหารอินเดียเราก็พอมีบ้าง เลยตอบตกลงมารีวิวให้อย่างไม่ลังเล อยากรู้เหมือนกันว่าบุฟเฟ่ต์อาหารอินเดียบนโรงแรม กับพาหุรัตต่างกันแค่ไหน เข้าไปด้านในกันครับ

โดยบุฟเฟ่ต์อาหารอินเดียจะจัดตรงบริเวณชั้น 1 ของโรงแรม ใน DEE Lounge anD Beer Garden ปกติตรงนี้จะเป็นมุมนั่งดื่มชิลล์ๆ ถูกดัดแปลงมาเป็นร้านอาหารอินเดียชั่วคราว มีที่นั่งให้ทานทั้งตรงโซฟา และเก้าอี้ทรงสูง แต่วันนี้ถูกจองเต็มหมดทุกโต๊ะ แปลว่าอาหารอินเดียที่นี่รสชาติไม่ธรรมดา เรามาสำรวจไลน์อาหารกันดีกว่าครับ

เริ่มจากโซนแรกเป็นเครื่องเคียงสำหรับทานกับอาหารอินเดีย มีให้เลือกตั้งแต่ข้าวเกรียบอินเดีย (ปาปาดัม) / ผักดองสไตล์อินเดีย (ทั้งเค็มและเปรี้ยวเหมือนใส่ส้มแขก แนะนำให้ทานทีละน้อยๆ) /Mixed Raita (หรือเราเรียกว่าอาจาดอินเดีย ผักรวมกรอบสดชื่น ในโยเกิร์ตรสเปรี้ยว เอาไว้ทานแก้เลี่ยน) / Mint Sauce (เป็นซอสโหระพาที่รสไม่รุนแรงขนาดร้านที่พาหุรัต ทานง่ายรสกลมกล่อมกว่า) / Mango Chutney ไปหาข้อมูลมาคือ ผสไม้ผสมสมุนไพรและเครื่องเทศ ปรุงรสด้วยน้ำตาลและน้ำส้มสายชู ไว้ทานเป็นอาหารว่างกับปาปาดัม นอกจากนี้ยังมีพริกเม็ดสีเขียวให้กัดทาน (ถ้ารู้สึกว่าแกงไม่เผ็ดสะใจพอ) และมะนาวซีก เอาไว้บีบปรุงรสเพิ่มได้อีก หลากหลายดีครับ

กำลังจะถ่ายรูปแกงต่างๆในไลน์อาหาร เชฟบอกว่า "Wait a minute" ยังตกแต่งหน้าไม่เสร็จครับ มีการโรยขิง/ผักชี/โยเกิร์ต ก่อนทำการเสิร์ฟด้วย ดูอุปกรณ์การราดโยเกิร์ตของเชฟแล้ว นี่แหละอาหารดินเดียจริงๆ ไม่ต้องมีพิธีรีตรองมากมาย ตอนนี้เชฟบอกว่าพร้อมที่จะให้ถ่ายรูปแกงต่างๆในไลน์อาหารแล้ว มีอะไรให้ทานบ้าง? ดูกันครับ

เริ่มจากแกงแรก Lamb Rogan Josh อันนี้เป็นแกงเนื้อแกะ กลิ่นคล้ายๆมัสมั่นแต่รสชาติไม่ใช่ ตัวแกงมีความข้นรสชาติเค็มมัน หอมกลิ่นเครื่องเทศและกลิ่นเนื้อแกะกำลังดี ตัวเนื้อแกะนุ่มอร่อย ทานง่ายกว่าแกงเนื้อแพะเยอะ...

แกงถัดมาเป็น Butter Chicken (ป้ายวางสลับกับแกงเมื่อกี้) เป็นแกงไก่ที่รสชาติคล้ายๆกับสปาเก็ตตี้ซอสมะเขือเทศที่ผสมครีมลงไป มีความเข้มข้น แต่อมเปรี้ยวสดชื่น กลิ่นเครื่องเทศตามมาทีหลังอ่อนๆ ไม่ค่อยเผ็ด ทานง่าย ถ้าคุณกำลังจะฝึกหรือลองทานแกงสไตล์อินเดียครั้งแรก แนะนำเมนูนี้เลยครับ น่าจะคุ้นลิ้นคนไทยทั่วไปอยู่แล้ว

แกงต่อไปเป็นเมนูมังสวิรัติที่ชื่อว่า Mutter Paneer หรือแกงชีสสไตล์อินเดีย เป็นชีสก้อนสี่เหลี่ยมจตุรัสเนื้อแน่น มีสัมผัสคล้ายเต้าหู้เหลืองที่ใส่ในผัดไทย ปรุงเข้ากับแกงสีแดงรสมันเค็ม หอมกลิ่นเครื่องเทศอ่อนๆ ถือว่าทานง่ายครับ แต่คนที่ไม่ชอบทานเต้าหู้อาจจะไม่ชอบเมนูนี้สักเท่าไหร่ เพราะสัมผัสคล้ายกันมาก ประมาณ 90% เลยล่ะ

แกงสุดท้ายชื่อว่า Yellow Dal หรือแกงถั่วเหลืองสไตล์อินเดีย ก่อนหน้านี้เคยทานแกงถั่วดำมาก่อน ว่ารสชาติอร่อยแล้ว อยากบอกว่าแกงถั่วเหลืองอร่อยกว่า รสชาติกลมกล่อม หอมกลิ่นเครื่องเทศไม่ค่อยเผ็ด ถั่วเหลืองต้มจนสุกเป็นเนื้อครีม ทานกับข้าวหุงแบบอินเดีย หรือแป้งนาน(ขนมปังอินเดีย)ก็อร่อยดี แกงนี้ก็รู้สึกประทับใจเหมือนกัน

อันนี้ไม่ใช่แกง แต่เหมือนเป็นเมนูที่เอาไว้ทานเสริมกัน (เห็นแขกบางคนทานเมนูนี้แทนข้าวสวยเลยก็มี) เมนูนี้ชื่อว่า Aloo Mathi เป็นมันฝรั่งที่นำไปต้มจนเกือบเละ ปรุงรสด้วยเครื่องสมุนไพรแห้งอินเดีย และสมุนไพรสดโรยหน้าเล็กน้อย พอมีมีกลิ่นหอมอ่อนๆ คล้ายกับเมนูมันบดของฝรั่ง แต่รสชาติสดชื่นทานง่ายกว่า ไม่ค่อยรู้สึกแปลกเท่าไหร่
 
ข้าวสวยมื้อนี้ไม่ใช่ข้าวธรรมดา แต่เป็นข้าวสายพันธุ์อินเดีย เม็ดเรียวยาวที่เรียกว่า Basmati หุงกับสมุนไพรหญ้าฝรั่นราคาแพง กลายเป็น Saffron Rice สีเหลืองนวล กลิ่นหอมหญาแซฟร่อนอ่อนๆ ได้อารมณ์อินเดียดีครับ

และแกงอินเดียรสเข้มข้น จะขาดสิ่งนี้ไม่ได้เลย Naan Bread หรือแป้งนาน (ขนมปังอินเดีย) แป้งด้านนอกกรอบนิดๆ ด้านในนุ่มเหนียว มีความเค็มอ่อนๆ ไว้ทานเปล่าๆ หรือจะจิ้มกับแกงก็ได้ แต่ส่วนตัวว่าเหนียวทานยากไปนิด ถ้าใครฟันดีหน่อยก็ทานได้ไม่มีปัญหา แต่ถ้ามีปัญหาเรื่องสุขภาพฟันอยู่ล่ะก็ ทานเป็นข้าวสวยหรือปาปาดัมก็ดีครับ

ต่อกันด้วยของหวานที่นี่มีแค่อย่างเดียวเป็น Rice Pudding ชื่อว่า Suji Halwa เป็นเหมือนขนมข้าวฟ่างสไตล์อินเดีย ดูท่าทางจะหวาน (เพราะปกติขนมอินเดียจะหวานอินซูลินพุ่งอยู่แล้ว) ปิดท้ายด้วยผลไม้สด (สับปะรด / แก้วมังกร / แตงโม) และผักสำหรับทานเคียงกับแกง (แตงกวา / มะเขือเทศ / หอมใหญ่ ) ก็ครบหมดแล้วครับ

และเครื่องดื่มที่ผมชอบมากๆในร้านอาหารอินเดีย ที่นี่มีให้กดทานได้ไม่อั้นกับ Masala Tea ชาหอมกลิ่นนมและสมุนไพรอ่อนๆ จะเพิ่มความหวานด้วยน้ำตาลปกติ หรือน้ำตาลเทียมก็ได้ สะใจคนชอบทานชาอินเดียอย่างเรามาก (ร้านที่พาหุรัตถ้วยเล็กๆขายตั้ง 40 บาทแหนะ) แต่ที่นี่จะกดทานกี่ถ้วยก็ได้จนกว่าจะพอใจ ดีมากๆเลยครับผม

ตักแกงทุกอย่างใส่จาน จะราดบนข้าว หรือตักแยกใส่ถ้วย ทางโรงแรมก็มีภาชนะให้บริการครบถ้วน เลยตักมาชิมอย่างละนิดละหน่อย (รสชาติบางส่วนก็อธิบายไว้ตรงแกงหม้อต่างๆแล้ว) เดี๋ยวเรามาเริ่มลุยกันเลยดีกว่าครับ

ข้อดีของอาหารอินเดียคือทานได้สนุกหลากหลายรูปแบบ จะทานกับข้าวสวยสไตล์ข้าวแกงแบบไทยก็ได้ หรือจะวางแกงลงบนแป้งปาปาดัม ปรุงรสด้วนน้ำมันาวหรือผักดองช่วยเพิ่มรสอีกนิดก็ไม่ผิด นำขนมปังอินเดียจิ้มลงไปในแกงข้นๆแล้วทาน หรือตักแกงพร้อมเนื้อเน้นๆวางลงบนแป้งพร้อมเข้าปาก ก็อร่อยได้หลายสัมผัสในมื้อเดียวครับ

ปิดท้ายด้วยผลไม้สด และขนมข้าวฟ่างสไตล์อินเดียที่เราสงสัยในรสชาติ ถ้าคุณคิดว่ามันคือขนมอินเดียที่มีรสหวานจนทานแทบไม่ได้ คุณคิดผิด เป็นขมข้าวฟ่างที่รสหวาน หอมนเนยนม มีความหวาน (แต่ไม่ถึงกับหวานเจี๊ยบจนทานไม่ได้) กัดไปโดนความมันของเม็ดมะม่วงหิมพานค์ก็อร่อย หรือผลไม้แห้งชิ้นเล็กๆก็เคี้ยวหนึบ ทานกับ Masala Tea รสจืดหอมนมและกลิ่นเครื่องมาซาล่าอีกนิด เป็นการปิดท้ายมื้อที่ดีครับ ของหวานในไลน์อาหารจะไม่มีการเปลี่ยนแปลง มาก็จะได้กินขนมหวานสุกอร่อยนี้เสมอ แต่ทุกสัปดาห์แกงจะเปลี่ยนตลอด เพราะฉะนั้นถ้าจ้องว่าจะทานแกงไหนเอาไว้แนะนำว่าให้โทรถามทางโรงแรมก่อนนะครับ ไปทานแล้วจะได้ไม่เก้อ ได้ทานสิ่งที่อยากทานจริงๆ

****** เกิน 10,000 ตัวอักษร ขอรีวิวต่อในช่อง Comment นะครับ ******
ชื่อสินค้า:   India Curry Lunch Novotel เพลินจิต
คะแนน:     

SR - Sponsored Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ SR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - ได้รับสินค้าหรือบริการมาใช้รีวิวฟรี โดยไม่ต้องคืนสินค้าหรือบริการนั้น
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างแต่ได้รับผลประโยชน์อย่างอื่น เช่น บัตรกำนัล ค่าเดินทางตามจริง

    ข้อมูลเพิ่มเติม

  • Gift Voucher 2 ใบ สำหรับใช้ทำกิจกรรมในเพจ "เสพติดการกิน"
แสดงความคิดเห็น
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ  อาหารอินเดีย อาหารคาว อาหาร ร้านอาหาร
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่