เขลางค์นคร เมืองต้องมนต์ ที่ใครๆต้องหลงรัก

“3 วัน 2 คืน ลำปางเหงายัง ลำพังไม่เห็นเหงาเล้ยยยยย”
สวัสดีอีกครั้งมิตรรักแฟนเพลงทุกท่านของจินนนนน  55555555
กระทู้นี้ไม่พูดมาก เริ่มเลยดีกว่า ฮี่ๆ
ทุกคนอาจสงสัย ว่า เขลางค์นคร คืออะไร?
ใช่ค่ะ มันคือ “จังหวัดลำปาง” หรือที่คนรุ่นเก่าและรุ่นใหม่คุ้นเคยกันในชื่อ “เมืองรถม้า”  ลำปางเป็นจังหวัดเล็กๆ ที่มอบความสุขไม่เล็กให้กับผู้คนที่ได้มาเยือนเพราะ นอกจากจะมีวัฒนธรรมที่หลากหลาย ชนเผ่ากลุ่มน้อยใหญ่มากมาย ผู้คนในจังหวัดลำปางก็แสนจะใจดีและน่ารักยิ่งนัก ทำให้ชะนีตัวน้อยๆอย่างฉันตกหลุมรักและไปเที่ยวลำปางมาแล้วถึง  3 ครั้ง
เหมือนเดิม ไม่เปลี่ยน การเดินทางครั้งนี้ เริ่มต้นจากสถานีรถไฟดอนเมือง(ออกจากสถานีดอนเมือง 22.15น.) ปลายทางสถานีรถไฟนครลำปาง
(นอกจากจะตกหลุมรักลำปางแล้ว ฉันยังตกหลุมรักการเดินทางด้วยรถไฟอีกด้วย)
เวลา 10.10 เราก็มาถึงสถานีรถไฟนครลำปางแล้วววว
ไม่รอช้า เดินออกมาหน้าสถานีจะเจอรถสองแถวสีเหลืองคันเล็กจอดรอรับผู้มาเยือนอยู่มากมาย รอบเวียง(รอบเมือง) 20 บาท ตลอดสาย (นี่แหล่ะแพงสุดในเขตลำปาง 55555555 รถสองแถวนั่งระยะทางไม่ไกลเลยของทางเหนือนี่แอบแพงทุกจังหวัดเลยนะเราว่า) ก็จากสถานีรถไฟไปขนส่งลำปางจ้า เพราะเราจะพักแถวนั้น
วันแรก เราพักที่ ออมสิน & อาร์มเพลส เป็นห้องพักธรรมดา ราคาห้องพัดลม 250 บาทต่อคืน ห้องแอร์ 300 บาทต่อคืน ไม่ได้ถ่ายเบอร์ติดต่อมาให้ แต่ถ้าใครจะพัก ก็นั่งรถเหลืองไปบขส.เดินมาฝั่งด้านหลังเจอร้านซ่อมมอเตอร์ไซส์ด้านซ้ายมือเลี้ยวเข้าซอยก็จะเจอเลยค่ะ
และเมื่อเก็บของเรียบร้อยเดินออกมาหน้าซอยทางเดิมเลี้ยวซ้ายเดินตรงไปนิดหน่อยเจอร้านเช่ารถมอไซส์ด้านฝั่งขวามือ ถ้าเช่าวันต่อวัน คิดวันละ 300 บาท แต่ถ้าเช่าต่อกัน 2 วันขึ้นไป คิดวันละ 250 บาท  เราก็จัดเลยครับ 3 วัน 750 บาท (มัดจำอีก 1000 บาทได้คืนในวันที่เอารถมาคืนนะจ๊ะ)
(นี่ขนาดร้านเช่ารถยังแลดูคลาสสิคแล้วอ่ะยูววว)
มาถึงลำปางก็ต้องหาของกินที่ขึ้นชื่อของเขาซักหน่อย ร้านนี้เลยค่ะ “นิยมโอชา ก๋วยเตี๋ยวปู่โย่ง”
ตั้งอยู่ในตัวเมืองเลย ใครอยากไปกินก็เปิด GPS หาทางไปเอาเด้อ 5555555
พอมาถึงเท่านั้นแหล่ะ ปิดจ้า!!! ไม่ได้ปิดวันเดียวนะ ปิดตั้งแต่วันที่เราไปยันวันที่เรากลับ สรุป อด!!! 5555555
ใครที่ได้ไปก็ลองแวะไปทานดูนะคะ แล้วมาบอกเราหน่อยนะว่าอร่อยสมคำร่ำลือเปล่า
เดินทางต่อไปเรื่อยๆตามแพลนที่วางไว้ โดยการประเดิมที่แรก
วัดศรีรองเมือง
วัดศรีรองเมือง ตั้งอยู่ที่บ้านท่าคร่าวน้อย ตำบลสบตุ๋ย ในเขตเทศบาลเมืองด้านทิศตะวันตก เป็นวัดพม่าที่สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5 โดยคหบดีที่ร่ำรวยจากการทำไม้สมัยที่ลำปางเป็นศูนย์กลางการค้าขายและการทำป่าไม้ สถาปัตยกรรมที่สำคัญได้แก่ วิหารไม้ซึ่งมีหลังคาจั่วซ้อนกันเป็นชั้นเล็กชั้นน้อย มียอดแหลม 9 ยอด แบบศิลปะพม่า เพดานเป็นลายไม้แกะสลัก และเสากลมใหญ่จำหลักลวดลายประดับด้วยกระจกสี ฝีมือประณีต วิจิตรสวยงาม
ทำเวลาซักนิด เพราะจากตรงนี้ไปเราจะไปไกล อีกคนละอำเภอเลยค่ะ
วัดพระธาตุจอมปิง
วัดพระธาตุจอมปิง ตั้งอยู่ที่ ม.5 บ้านจอมปิง ต.นาแก้ว อ.เกาะคา จ.ลำปาง เป็นวัดศิลปะแบบล้านนา โดดเด่นเห็นได้ชัดที่ลักษณะตัวของพระธาตุที่สวยงามอร่ามด้วยสีทอง และฐานเป็นลักษณะย่อมุม องค์พระธาตุภายในบรรจุพระบรมสารีริกธาตุไว้ สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าติโลกราช
จุดเด่นสำคัญของวัดนี้คือ การเกิดเงาสะท้อนเป็นภาพสีธรรมชาติขององค์พระธาตุ ผ่านรูเล็กบนหน้าต่างมาปรากฏบนพื้นภายในพระอุโบสถตลอดเวลาที่มีแสงสว่างทั้งกลางวันและกลางคืน  
และหากเราใช้โทรศัพท์ของเราส่องเข้าไปในรูก็จะเจอรูปแบบนี้ค่ะ
นอกจากนี้ ภายในบริเวณวัดยังมีพิพิธภัณฑ์ จัดแสดงโบราณวัตถุต่างๆ เช่น เศษภาชนะดินเผา ตะขอสำริด กำไลหิน กำไลสำริด ใบหอก  เป็นต้น ที่ขุดเจอในบริเวณวัดและพื้นที่ใกล้เคียง
บริเวณวัดยังมีร้านกาแฟและร้านขายของเล็กๆไว้บริการนักท่องเที่ยวด้วยนะจ๊ะ
เดินทางกันต่อ ไปยัง
วัดไหล่หินหลวง หรือ วัดเสลารัตนปัพพตาราม
วัดสำคัญเก่าแก่ของจังหวัดลำปางที่มีอายุหลายร้อยปี จากหลักฐานทางด้านโบราณ จารึกและตำนานต่าง ๆ ได้กล่าวถึงวัดไหล่หินในอดีตว่าเป็นวัดที่มีความสำคัญทางศาสนา
ความสำคัญของวัดไหล่หินนอกเหนือจากเป็นวัดสำคัญเก่าแก่ของจังหวัดลำปางแล้วนั้น ยังเป็นสถานที่เก็บคัมภีร์โบราณที่ผู้คนทั้งในและนอกชุมชนเข้ามาศึกษาและคัดลอกกัน ปัจจุบันคัมภีร์ส่วนหนึ่งที่ชำรุดเสียหายไป แต่ยังมีบางส่วนที่คงสภาพดีและได้เก็บรักษาไว้ในโรงธรรมของวัด คัมภีร์โบราณของวัดเป็นหลักฐานสำคัญทางประวัติศาสตร์และศาสนาที่แสดงให้เห็นความสำคัญของวัดไหล่หินในฐานะที่เป็นแหล่งศึกษาพระธรรมในสมัยโบราณ พบว่ามีเอกสารโบราณที่มีอายุเก่ากว่า 700 ปีเศษ จารึกเป็นภาษาบาลี ตัวอักษรล้านนา ซึ่งจารึกไว้เมื่อปี จ.ศ.601 (พ.ศ.1782 ชื่อคัมภีร์ “สกาวกณณี” มีทั้งสิ้น 7 ผูก จำนวน 364 หน้า)
ในวัดไหล่หินยังมีโบราณสำคัญต่าง ๆ มากมาย อาทิ วิหารโถง โบสถ์ เจดีย์ ซุ้มประตูโขงและโรงธรรม ซึ่งนับเป็นโบราณสถานสำคัญทั้งในด้านความเก่าแก่และมีคุณค่าทางด้านศิลปะที่แสดงออกถึงความสามารถในเชิงช่าง การสร้างสรรค์ความงามในด้านโครงสร้างสถาปัตยกรรมและการประดับตกแต่งตามคติความเชื่อและการใช้ประโยชน์ของชุมชน
ตอนที่เราอยู่วัดไหล่หิน เจอชาวลำปางคนหนึ่งแนะนำว่าให้เราลองมาที่วัดนี้ดู (พี่เขาขับรถนำเรามาส่งที่วัดด้วย ใจดีแถมยังมีน้ำใจอีก บอกทั้งบุญ บอกทั้งทาง)
วัดสันตินิคม
วัดสันตินิคม เดิมชื่อ “วัดสันตินิคมสามัคคีธรรม” เริ่มก่อตั้งเมื่อ วันที่ ๑๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๒๕ ในที่ดินของสหกรณ์นิคมห้างฉัตร มีเนื้อที่ ๑๕ ไร่ ๘๕ ตารางวา โดยเริ่มก่อสร้างเป็นสำนักสงฆ์ขึ้นมาก่อน
ซึ่งทางวัดมีการสร้างดินแดนนรกขึ้น เพื่อสอนให้คนทำความดี ไม่ประพฤติชั่ว โดยการจำลอง เปรต กระทะทองแดง ต้นงิ้ว พร้อมระบบแสงสีเสียง ที่ดูแล้วน่ากลัว สะท้อนชีวิตหลังความตาย ที่มีความเชื่อว่า คนทำดีได้ไปสวรรค์ แต่คนทำความชั่วต้องไปชดใช้กรรมที่นรก
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่