เรื่องมีอยู่ว่า เมื่อ 3+ ปีก่อน คุณแม่เสีย แต่พอดีผมมีของฝากอยู่พอสมควร(ฝากไว้ในเซฟแม่) พอจัดการมรดกเสร็จ
ผมเลยแสดงความจำนงขอเปลี่ยนชื่อผู้เช่าเซฟจากคุณแม่ มาเป็นตัวผมเอง แต่ทางธนาคารบอกไม่ได้ครับ
ต้องช่วยซื้อประกันเงินฝากอย่างต่ำ ส่ง 1แสน /แบบฝาก5ปี ถอนได้ปีที่11 อ่ะครับ ถึงจะเช่าเซฟต่อและเปลี่ยนชื่อได้
ทั้งที่ของเดิมก็มีอยู่แล้ว รวมส่งปีละ 150.000 บาท (สาขาอื่น) แต่จนท.ยืนยัน บอกว่าต้องซื้อเพิ่มที่สาขานี้อย่างเดียว

โอเค คำนวนแล้วพอไหว ไม่มีปัญหา ก็ซื้อไปครับ รวมส่ง 250.000 บาท /ปี คิดว่าฝากเงินได้ดอกเบี้ยสูงอยู่
แต่....ผ่านไปเกือบ2ปี
วันนี้ตอนเช้าได้รับข่าวร้ายยย ทำลายจิตใจมากๆ ๆ ๆ จากทางธนาคารxxx
บอกว่าขอขึ้นราคาเช่าตู้เซฟ จาก1500 บาท/ปี  (ขนาดตู้น่าจะ12*18*4 นิ้วโดยประมาณ) เป็น4000บาท/ปี
อึ้งเลย พบการปรับราคาอย่างโหด พอเจรจากับระดับหัวหน้าที่ดูแลส่วนงานนี้ ก็สรุปได้ว่า

-ธนาคารขอปรับราคาขึ้น เพราะตอนนี้มีผู้ต้องการและรอคิวเป็นจำนวนมาก ถ้าลูกค้าเก่าต้องการและสู้ราคาไหวก็โอเค
-หรือถ้าสู้ไม่ไหว ก็มีทางช่วยครับ ต้องซื้อประกันเงินฝากเพิ่มอย่างต่ำ อีก**300.000 บาท/ปี ก็จะลดราคาเช่าตู้เซฟให้
ประมาณ 30-40 เปอร์เซน  ง่าาา...

จนท.พูดตรงจนผมอึ้ง แบบไม่ต้องคิดมาก สรุปก็คือ จนท.จะหาผลงานเลยต้องมาบีบกับลูกค้าน่ะแหละ T_T
กรรมแท้ เห็นใจและเข้าใจเขา แต่ถ้าตามใจเขา เอ็นเราอาจขาดได้

ผมกับแฟนปรึกษาด้วยความเครียดพอสมควร เพราะเสียความรู้สึกมาก อยากยุบประกันเงินฝากของเก่า แต่เราเสียเปรียบ
ต้องยอมฝากต่อจนครบ10ปี  แต่จะเพิ่มอีก3แสน/ปีก็กลัวไม่ไหวเกิดติดขัดแย่แน่

จบแล้วครับ ต่อไปขอรบกวนถามเพื่อนๆที่มีการเช่าตู้เซฟธนาคาร ได้เจอปัญหาแบบผม หรือคล้ายผมไหมครับ
หรือท่านที่ได้อ่านแล้ว หากเป็นผม ควรคิดหรือทำอย่างไร ปีนี้ยอม ปีต่อไปหาตู้เซฟมาไว้ที่บ้านดีไหม แต่ปัญหาคือ
ผมเดินทางไกลปีละ3-4ครั้ง ที่ต้องทิ้งบ้านไว้ บางทีนาน7-15วัน หรือควรตัดใจ เพราะราคานี้ เหมาะสมแล้วเพื่อความปลอดภัย
สะดวกอยู่ใกล้บ้าน เดิน5นาทีถึง  
แต่ถ้าครั้งนี้ ยอมที่ 4000 บาท/ปี แล้วอนาคต จะมีการบีบอะไรจากธนาคารไหมนิ ช้ำจริงๆ

ขอความเห็นจากเพื่อนๆด้วยนะครับ และขอบคุณทุกท่านนะครับที่มาแชร์กัน