เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2558 สำนักข่าวบีบีซี รายงานว่า บริษัทพลังงานยักษ์ใหญ่ของโลกอย่าง เชลล์ จะเริ่มต้นการสำรวจขุดเจาะน้ำมันในอีก 2 สัปดาห์ข้างหน้า โดยในช่วงปลายเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา เรือสำรวจกว่า 30 ลำได้ออกเดินทางจากท่าเรือดัชช์ ในรัฐอะแลสกา ประเทศสหรัฐอเมริกา ไปยังคาบสมุทรอาร์กติก เพื่อสนับสนุนปฏิบัติการสำรวจและขุดเจาะแหล่งพลังงานแห่งใหม่ของโลก
ก่อนหน้านี้บริษัทเชลล์ได้บรรลุข้อตกลงมูลค่ากว่า 7 พันล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 2.3 แสนล้านบาท) เพื่อทำการสำรวจและขุดเจาะแหล่งน้ำมันแห่งใหม่ในคาบสมุทรอาร์กติก โดยเชลล์มั่นใจว่าการสำรวจและขุดเจาะในครั้งนี้พวกเขาจะพบบ่อน้ำมันที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในภูมิภาค แต่ถ้าหากว่าการสำรวจและขุดเจาะในครั้งนี้ไม่พบแหล่งน้ำมันอย่างที่คาดหวัง เชลล์อาจพิจารณายกเลิกการสำรวจทั้งหมดทันทีเนื่องจากความกังวลในเรื่องของต้นทุน
ทั้งนี้บริษัทเชลล์ได้รับไฟเขียวจากกระทรวงเกษตรของสหรัฐฯ ในการเริ่มต้นสำรวจแหล่งน้ำมันในคาบสมุทรอาร์กติกในช่วงเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา
โดยในระยะแรกบริษัทเชลล์จะเริ่มต้นสำรวจแหล่งน้ำมัน 2 แหล่งในเขตน้ำตื้น ซึ่งมีความลึกประมาณ 40-50 เมตร นอกชายฝั่งอะแลสกา โดยใช้เทคโนโลยีแท่นขุดเจาะขนาดใหญ่ในการสำรวจในครั้งนี้ และจากการประเมินก็มีความเป็นไปได้ว่าพวกเขาอาจต้องใช้เวลานานจนถึงสิ้นปี 2559 ในการสำรวจแหล่งน้ำมันทั้งหมดในคาบสมุทรอาร์กติกให้แล้วเสร็จ โดยในเวลานี้ การสำรวจและขุดเจาะดังกล่าวใช้งบประมาณไปแล้วถึง 1.4 พันล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 4.6 หมื่นล้านบาท)
ทั้งนี้ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่า 20% ของปริมาณแก๊สและน้ำมันทั้งหมดของโลกที่ยังไม่ได้รับการสำรวจนั้นอยู่ในคาบสมุทรอาร์กติก
