เชียงใหม่-เชียงดาว แอ่วเหนือ 2 วัน 1 คืน ขี่มอเตอร์ไซค์ นอนดูดาว @พิมทิวาโฮมเสตย์

Published by graceiya on

เชียงใหม่-เชียงดาว Bike Trip เส้นทางสุดโรแมนติก ทางหลวงหมายเลข 107

**Update** 20/11/2562 ใครที่จะใช้สถานที่หรือพักค้างแรมบนพื้นที่ของเขตจะต้องกรอกแบบฟอร์มคำร้องขอเข้าไปด้วยนะคะ ข้อมูลจากเพจ  >> เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเชียงดาว จ.เชียงใหม่ <<—คลิกรายละเอียดเพิ่มเติม 

.

รถมอเตอร์ไซต์ที่เช่าไว้กับร้าน B-Bike ราคา 300 บาท/วัน เป็นรถออโต้ธรรมดาๆ อย่าง Filano นี่แหละ ที่พาเราเลี้ยวโค้งขึ้นเขาไปถึงที่หมายได้

ในฐานะคนซ้อนก็ยอมรับว่ามีช่วงตื่นเต้นบ้างเป็นธรรมดาเพราะก็มีทั้งทางลาด-ทางชันที่ต้องระมัดระวังมากๆ รถพร้อมแล้วมาลุยกันค่ะ

สถานที่เที่ยว !!

  1. ม่อนแจ่ม
  2. ม่อนตะวัน
  3. ร้านอาหารข้าวแฝ่
  4. เชียงดาว-พิมพ์ทิวา โฮมสเตย์
  5. วัดถ้ำเชียงดาว
  6. กาแฟฮิมน้ำ

ม่อนแจ่ม : แจ่มว้าว กับของหวานด้านบน

เราตื่นมาเที่ยวกันแต่เช้าก่อน ในจุดหมายแรกของวันนี้คือ ‘ดอยม่อนแจ่ม’ คนขี่บอกเคยมาตั้ง 6-7 ปีก่อน ทางขึ้นเป็นยังไงก็ยังเป็นเหมือนเดิมเลย แต่เพิ่มเติมคือคนอย่างเยอะเลยค่ะ

ด้านบนจริงๆ แล้วก็ไม่ได้ใหญ่มาก มีสวนดอกไม้ สวยงาม สามารถเดินเล่นถ่ายรูปได้ ถ้ามาในตอนเช้าอากาศก็จะเย็นสบาย มีแดดหน่อยๆ ถ่ายรูปสวยเลยทีเดียว

มากันแต่เช้าจะหาข้าวกินบนนี้ค่ะ แต่รู้สึกว่าอาหารราคาค่อนข้างสูง เป็นกับข้าวธรรมดาๆ อย่างเช่น ไข่เจียว ข้าวผัด และอาหารอีสาน ส้มตำ ลาบ เป็นต้น เราเลยเลือกกินของหวานแทน 55555

สั่งเป็นชาเขียวหนึ่งแก้วและมูสช็อกโกแลตหนึ่งที่ นั่งชิวๆชมวิวภูเขากว้างใหญ่ บรรยากาศดีมากๆเลย ส่วนของหวานที่สั่งมานั้นรสชาติเข้มข้น อร่อยถูกปาก ไม่หวานเลี่ยนจนเกินไปอีกด้วย ยกให้เขาเลย ถ้าใครมาม่อนแจ่ม ลองแวะมาชิมกันนะคะ

นอกจากบริเวณสวนดอกไม้ วิวภูเขา และร้านอาหารแล้ว ก็ยังมีจุดร้านค้าไว้สำหรับซื้อของฝากเป็นที่ระลึกอีกด้วย และไฮไลท์ของม่อนแจ่มจะเป็นอย่างอื่นไม่ได้นั่นก็คือนั่งรถไม้ กิจกรรมสนุกๆ ให้เพื่อนๆ ได้มันและหวาดเสียวกันแน่นอน ใครสนใจเล่น ราคานั่งเดี่ยวอยู่ที่ 50 บาท และนั่งคู่ 80บาท

.

ม่อนตะวัน : วิวมุมสูง ผักกาดเต็มทุ่ง

ไหนๆ ก็มีเวลาเที่ยวทั้งวันแล้ว ก็ขอแวะขึ้นมาจากม่อนแจ่มอีกนิด นั่นคือม่อนตะวันค่ะ ลองเปิด Google Map นำทางดู ไม่ไกลกันมากแต่ทางขึ้นแคบและชันพอสมควร มีโค้งเยอะด้วยวัดใจสุดๆเลย

ขึ้นมาสูงมาก สูงจนมองเห็นภูเขาได้หลายลูกเลย และคนก็ไม่เยอะด้วย เหมาะสำหรับมานั่งพักผ่อนชิวๆก่อนออกเดินทางกันต่อจะได้มีแรง ฮึบบๆ

ใช้เวลาถ่ายรูปเล่นอยู่บนม่อนตะวันไม่นาน ก็ออกเดินทางต่อกันเลยค่ะ เส้นทางต่อไปนี้ก็จะมุ่งหน้าสู่ถนนทางหลวงหมายเลข 107 เพื่อไปดอยหลวงเชียงดาวนั่นเอง

.

ร้านอาหารข้าวแฝ่ : ร้านอาหารเหนือ รสชาติเข้มข้น

จากที่ไม่ได้กินอะไรเลยมาแต่เช้ายันบ่ายและบ่ายแก่ๆ เราก็ได้มาแวะกันที่ร้านอาหารข้าวแฝ่ มื้อแรกของวัน!! เคยเป็นกันไหม เที่ยวจนลืมหิว เรานี่ประจำเลยค่ะ

ร้านข้าวแฝ่เป็นร้านอาหารเหนือตกแต่งสไตล์ไทยๆ บรรยากาศดีร่มรื่น ด้านในมีทั้งโซนร้านอาหารและโซนร้านกาแฟ มีที่จอดรถกว้างขวางรองรับนักท่องเที่ยวจำนวนมากได้เลย

เมนูที่เราสั่งคือข้าวซอยไก่และข้าวผัดกระเพรากรอบ รสชาติจัดจ้าน อร่อยมากกๆ

พักเหนื่อยที่ร้านอาหารนี้อยู่สักพักใหญ่ ไม่ได้เร่งรีบอะไรมาก แพลนว่าจะถึงที่พักให้ไม่เกิน 5 โมงเย็น เมื่อดูจากแผนที่แล้วเดินทางต่ออีกประมาณ 1 ชั่วโมงกว่าเท่านั้นก็จะถึงจุดหมาย

.

เส้นทางสู่ ดอยหลวงเชียงดาว

พักร่างกายกันเต็มที่เราก็เดินทางต่อ ตลอดเส้นทางเราใช้ถนนหมายเลข 107 ใครจะขับขี่ เส้นนี้ถือว่าไม่อันตราย ถนนทำดีมาก ช่วงขึ้นเขาก็ทำถนนได้กว้าง และไม่ชันมาก

ยิ่งใกล้ถึง ยิ่งตื่นเต้น เพราะเราเริ่มจะเห็นวิวดอยหลวงเชียงดาวอยู่ไกลๆ งดงาม สง่ามากๆ แสงอาทิตย์สาดส่องกระทบกับกลุ่มเมฆลอยฟุ้ง สวยงามสะกดตาจริงๆ

ทางที่จะขึ้นมาดอยหลวงเชียงดาวคือถนนชนบทหลายเลข 3024 สังเกตจากป้ายบอกทางไปวัดถ้ำเชียงดาวได้ค่ะ (ทางเดียวกัน) เมื่อเลี้ยวเข้ามาแล้ว ทางจะแคบและสองข้างทางในช่วงต้นทางจะเป็นป่า ไปทางชันขึ้นลง

ขับไปตามทางเรื่อยๆ ๆ จนมาถึงด่านอุทยาน ให้ลงชื่อพร้อมชำระค่าธรรมเนียมคนละ 20 บาท ก่อนจะขี่ต่อไป เราได้ถามเจ้าหน้าที่ว่าไปตรงที่พักอีกไกลไหม เขาตอบว่าไม่ไกลๆ กิโลเดียวลุยเลย!

แต่เมื่อมองไปตรงหน้าเห็นทางที่ต้องไปแล้วนั้น… น่าจะเป็นกิโลเดียวที่ไม่ธรรมดาเลยเพราะเป็นทางที่ทั้งโค้งและชันเอาเรื่องเลยค่ะ เตรียมบิดส่งแรงให้พร้อมส่วนคนซ้อนก็เอาใจช่วยอย่างเต็มที่เลย

.

ระหว่างทางเราเจอรถกระบะเครื่องดับ เลยต้องจอดข้างทางเพราะดันมาดับตรงทางขึ้นเขาพอดี เอาใจช่วยอยู่ห่างๆ สุดท้ายก็ผ่านไปได้

ขี่ไปพักเจอมอเตอร์ไซต์ที่ขี่ลงมาล้มตรงทางโค้ง โชคดีไม่เป็นอะไรมาก ใจหายเลยจริงๆ ทางอันตรายใช่ย่อย ทั้งคนที่จะขับรถมา หรือขี่มอเตอร์ไซต์มา ต้องมีประสบการณ์ขับรถมาประมาณหนึ่งนะ ยังไงก็ปลอดภัยไว้ก่อนค่ะ

.

เชียงดาว-พิมพ์ทิวา โฮมสเตย์ : ที่พักหลักร้อย วิวร้อยล้านเกินคำบรรยาย

ก่อนมาเราหาข้อมูลในอินเทอร์เน็ตว่าจะมานอนที่นี่มีที่พักไหนบ้าง? บอกเลยว่าแต่ละที่ติดต่อยากมาก บางที่โทรไปก็เต็มทั้งบ้านพักและเต็นท์ แต่ก็มี พิมพ์ทิวา โฮมสเตย์ นี่แหละที่เราติดต่อได้และเหลือเต็นท์อยู่ 1 หลังพอดี

ที่พักอยู่บริเวณเดียวกับที่พักอื่นๆ ซึ่งอยู่ติดกันเป็นแถบ หาไม่ยาก ราคาที่เราจ่ายเนี่ย 400บาท/คืน/คน ได้อาหารเย็น 1 มื้อ และก็อาหารเช้า 1 มื้อ เรามาถึงในช่วงเย็นพอดี พี่พิมพ์ (เจ้าของที่พัก) กำลังทำมื้อเย็นพอดีเลยค่ะ

ระหว่างรอเราอาหารก็ออกมาเดินเล่นชมบรรยากาศรอบๆ อากาศเย็นมาก วิวยามเย็นเห็นวิวภูเขาชัดเจน และรู้สึกว่าใกล้มากๆ ใกล้แค่เอื้อมเลย

สำหรับอาหารเย็นมื้อนี้ ทำเอาหายเหนื่อยเลย ทั้งอร่อยและเยอะมากๆ กินแทบจะไม่หมดเลย เมื่อทานเสร็จแล้ว พี่พิมพ์พาไปที่เต็นท์เพื่อเก็บของ และอธิบายถึงห้องน้ำ และไฟฟ้าต่างๆ เมื่อเราไปเห็นจุดกางเต็นท์ของเรานั้น ก็อึ้งๆ อยู่หน่อยๆ เต็นท์เล็กมากและเหมือนไม่ใช่จุดที่เขากางเต็นท์กันด้วย!!

ดูๆ แล้วเหมือนเป็นที่ที่พี่เขาเสริมมาอีกที แต่ก็ต้องนอนค่ะ  เบียดกันหน่อย นอนแป๊ปเดียว เดี๋ยวก็ต้องตื่นแล้ว 555555 ขณะที่เรากำลังขำและสงสารตัวเองกับที่นอนในคืนนี้ พี่พิมพ์ก็เดินมาและบอกว่า น้องจะย้ายไปบ้านไหม มีคนจองแล้วไม่มา

อะไรจะโชคดีปานนี้ และนี่คือบ้านที่เราได้ค่ะ มีที่นอน มีผ้าห่ม มีมุ้ง มีห้องน้ำอยู่ติดกัน และเป็นส่วนตัวมากขึ้น ด้านหน้าบ้านพักก็มีที่ให้ออกมานั่งเล่นนอนดูดาว ฟินสุดๆ เลยค่ะ ราคาบ้านอยู่ที่ 500/คืน/คน นะคะ

.

มานอนถึงดอยหลวงเชียงดาวแล้ว ต้องตื่นเช้ากันหน่อยนะ เพราะถ้าตื่นสายคุณคงจะพลาดอะไรดีๆ ไปอย่างแน่นอน เราตั้งนาฬิกาปลุกกันตั้งแต่ ตีห้า ตีห้าครึ่ง ตีห้าสี่สิบห้า แต่ตื่นจริงก็เกือบหกโมง 5555

สะลึมสะลือ ออกมาตรงจุดชมวิวของที่พักที่แห่งหนึ่ง มีระเบียงใหญ่ จุดนี้มองเห็นได้กว้างขวาง ไม่มีอะไรมาบดบังเลย สวยงามมากๆ

และช่วงที่พระอาทิตย์กำลังจะขึ้น ค่อยๆ ฉายแสงมากระทบกับยอดภูเขา มันช่างงดงาม ตระการตา เสียจริงอธิบายออกมายังไงก็ไม่หมด โอ้ยยยยสวยงามจริงๆค่าาา

มีเวลา ก็เดินเล่นบริเวณนั้นเสียหน่อย ได้เห็นบรรยากาศหลากหลายมุม และยังได้เห็นวิถีชีวิตแบบชาวบ้านที่นี่ด้วย

เมื่อพระอาทิตย์ขึ้นสุด ฉายแสงสว่างจ้าแล้ว อาจจะร้อนหน่อยๆ และในช่วงเช้าคนจะเยอะมากๆ มีทั้งคนที่พักอยู่ที่นี่ และคนที่สัญจรมาชมพระอาทิตย์ขึ้นกันแต่เช้า

บริเวณที่เรามาถ่ายรูปตรงนี้คือ “บ้านระเบียงดาว” ที่พักยอดฮิตสำหรับใครที่มาที่นี่ บริเวณนี้ค่อนข้างวุ่นวาย คนเยอะมากจริงๆค่ะ ทั้งคนจากที่พักเองและที่พักอื่น แต่ก็ต้องยอมรับว่ามุมนี้สวยงามมากๆ

ออกจากความวุ่นวายในมุมมหาชน ก็ยังมีพื้นที่ธรรมชาติอื่นๆอีกมากมายให้สัมผัสนะคะ

เราเดินเล่น อยู่ท่ามกลางธรรมชาติจนเต็มอิ่ม ก็กลับมากินข้าวเช้าที่บ้านพัก พี่พิมพ์ก็มาเสิร์ฟกันถึงหน้าบ้านเลย สำหรับมื้ออาหารเช้านี้จะเป็น ข้าวต้ม และโอวัลตินหรือกาแฟ อิ่มอยู่ท้องกำลังดี

เดินเล่นถ่ายรูปหมดแล้ว กินข้าวเช้าแล้ว เรายังมีเวลาเหลือก่อนที่จะถึงเวลาเช็คเอ้าท์อีกหน่อย จึงขอนอนต่อนิดนึงน้าาา (กินแล้วก็นอน 5555) หน่าๆๆ จะได้มีแรงกลับตัวเมืองอย่างปลอดภัยนั่นเอง

กลับแล้วจ้า ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าการขี่รถมาตั้งไกล นั่งรถหน้าชา ตูดชา เพื่อมานอนสัมผัสธรรมชาติใกล้ๆหนึ่งคืนมันดียังไง แต่มันมีความสุขมากๆเลยค่ะ สุขจากข้างใน ตอนได้เห็นยอดดอยหลวงเชียงดาวครั้งแรกก็ร้องว้าว ทุกอย่างหายเหนื่อยหมดเมื่อเห็นความสวยงามจากธรรมชาติที่นี่

.

วัดถ้ำเชียงดาว : ศักดิ์สิทธิ์และสวยงาม

ชื่อว่าวัดถ้ำเชียงดาว ก็ต้องมีถ้ำให้เที่ยวชมแน่นอน และสำหรับใครที่มาดอยหลวงเชียงดาวที่นี่เป็นทางผ่านใครสนใจก็แวะมาชมกันได้ค่ะ

ด้านหน้าวัดจะเป็นร้านค้าร้านขายและร้านอาหารต่างๆ เข้ามาด้านในจะเจอกับสระน้ำสีเขียวมรกตสวยงาม หากเพื่อนๆ อยากเข้าชมในถ้ำ มีค่าบริการ 20 บาท

ด้านในก็มีพื้นที่ให้เดินหลายจุด ใช้เวลาเดินภายในประมาณ 20 นาที แต่ถ้าหากอยากเข้าข้างในที่ลึกกว่านั้น จะต้องมีไกด์นำทาง ห้ามฝ่าฝืนนะจ๊ะ ไม่งั้นโดนค่าปรับและอันตรายด้วยหากเข้าไปโดยไม่รู้เส้นทาง

.

กาแฟฮิมน้ำ : วิวดี อาหารอร่อย แต่…

ที่สุดท้ายก่อนเข้าตัวเมือง ร้านกาแฟฮิมน้ำ จริงๆ เห็นตั้งแต่ขามาแล้ว แต่อยู่ฝั่งตรงข้ามกัน ขากลับคราวนี้เราเลยมาลองแวะดูค่ะ

ใครมาร้านนี้ทำใจเลย เพราะคนเยอะมาก ร้านมีทั้งเครื่องดื่ม ของหวาน และอาหาร เราสั่งเป็นอาหารจานเดียวกับเครื่องดื่ม ระหว่างรออาหารก็ไปถ่ายรูปเล่นภายในร้านได้ บรรยากาศมองออกไปเป็นแม่น้ำลำธาร สวยมากๆ

วิวดี อาหารอร่อย แต่เรารอเกือบ 1 ชั่วโมง และได้มาไม่ครบ ข้าวต้มตั้งแต่มื้อเช้าก็ย่อยไปหมดแล้ว เราตามอาหารสองรอบ ปรากฏว่าเขายังไม่ทำ TT เลยตัดสินใจยกเลิก เสียดายจริงๆ เพราะมาในช่วงที่คนเยอะและร้านจัดการไม่ค่อยดีนัก

.

สรุปค่าใช้จ่าย (ไม่รวมค่ากิน)

  • ค่าที่พัก 400 บาท
  • ค่าเข้าอุทยาน 20 บาท
  • ค่าเข้าถ้ำเชียงดาว 20 บาท
  • ค่าน้ำมัน 100 บาท หาร 2 = 50 บาท (เติมเต็มถัง 1 ครั้ง)
  • รวมทั้งหมด = 490 บาท

.

ติดตามทริปท่องเที่ยวอื่นๆได้ที่ : https://www.kalokkokgrace.com/

.

ถ้าใครชอบ ฝากติดตามเป็นกำลังใจให้ด้วยนะคะ
ขอบคุณทุกคนค่าาาา <3

Follow Me :
on Facebook Kalokkokgrace
on YouTube Kalokokgrace
on IG @kalokkokgrace

.

ติดต่อสอบถามข้อมูลกับ กะล็อกก็อกเกรซ ได้นะคะ