แบบพิมพ์เขียว (Blueprint) คือ แบบที่เกิดจากการทำสำเนาจากแบบต้นฉบับที่เป็นกระดาษไข เพื่อลดต้นทุนในการทำสำเนาแบบหลายๆชุด เพราะการทำสำเนาบนกระดาษขาว มีราคาแพงนั่นเอง
วิธีการทำคือ ต้องทำการฉายแสงผ่านกระดาษไข เพื่อให้ลายเส้นของแบบปรากฎลงบนกระดาษพิมพ์เขียว ที่เคลือสารเคมีที่มีส่วนประกอบของแอมโมเนีย ทำให้แบบพิมพ์เขียว มักมีกลิ่นแรง ชวนปวดหัวอยู่บ่อยๆ
โดยในอดีต กระดาษไข ถือเป็นนวัตกรรมที่เข้ามาช่วยให้สถาปนิกทำงานง่ายขึ้น แต่เมื่อเทคโนโลยีพัฒนาไปไกล ดูเหมือนกระดาษไข เพื่อการสำเนาแบบ จะจำเป็นน้อยลงเรื่อยๆ เนื่องจากตัวมันเองเก็บรักษายาก กลัวความชื้น รวมถึงราคาที่แพง ประกอบกับความต้องการใช้งานลดลงเรื่อยๆ อีกไม่นาน กระดาษไข อาจจะหายไปจากวงการสถาปัตยกรรมก็เป็นได้
แล้วเทคโนโลยี ที่มา Disrupt คืออะไร
มันคือ เทคโนโลยีการพิมพ์เขียวด้วยระบบดิจิทัล (Digital Blueprint) ทำให้ไม่จำเป็นต้องมีต้นฉบับเป็นกระดาษไข สามารถพิมพ์จากไฟล์ต้นฉบับได้โดยตรงโดยจะเสียค่าใช้จ่ายแพง แค่แผ่นแรก แผ่นต่อๆไป จะมีราคาถูก ไม่ต่างจากพิมพ์เขียวแบบเดิม ลองมาเปรียบเทียบค่าใช้จ่ายคร่าวๆ ดังนี้
– ต้นทุนพิมพ์เขียวแบบเดิม = ค่าพิมพ์ไข + ค่าพิมพ์เขียว
– ต้นทุนพิมพ์เขียวแบบ Digital Blueprint = ค่าทำชุดแรก + ค่าทำชุดต่อไป
ซึ่งทั้ง 2 แบบ ราคาออกมาไม่ต่างกัน แต่ข้อดีของ Digital Blueprint คือ
1.สะอาด ไม่เลอะ เส้นคมกว่า ดูสบายตา
2.ไม่มีกลิ่นเหม็นจากแอมโมเนีย
3.ไม่ต้องวุ่นวายกับกระดาษไข ที่เก็บรักษายาก
มาถึงตรงนี้แล้ว ต้องบอกว่า “กระดาษไขจ๋า สถาปนิกขอลาก่อนจ๊ะ”
