ดูแลยานยนต์

เกียร์ออโต้ มีทั้งหมดกี่เกียร์ แล้วต้องเลือกใช้งานอย่างไรถึงจะเหมาะสม

ผู้เขียน : คะน้าใบเขียว

นักเขียนรุ่นไฮบริด ผู้พยายามเข้าใจมักเกิ้ล นิยมชมชอบกลางคืน สามารถผูกมิตรได้ด้วยของกินอร่อยๆ ตอนนี้กำลังหลบลี้หนีภัยจากออฟฟิศซินโดรมอยู่

Published January 04, 2024
เกียร์ออโต้

รถยนต์ยุคใหม่มักจะมีการติดตั้งระบบเกียร์ออโต้กันเป็นส่วนใหญ่แล้ว แต่บางครั้งเรามักจะเห็นคำว่าเกียร์ CVT หรือคอนเวอร์เตอร์กันบ่อย ๆ จนอาจเกิดความสงสัยว่ามันแตกต่างกันอย่างไร มีหลักการทำงานเหมือนกันไหม และสำหรับมือใหม่ที่เพิ่งหักขับรถได้ไม่นาน ถึงแม้เกียร์ออโต้จะช่วยให้เราขับขี่ได้อย่างสะดวกสบาย แต่อย่างน้อยลงมาเพิ่มเติมความรู้ เพื่อดูรายละเอียดกันว่าในแต่ละเกียร์ มีการเลือกใช้งานอย่างไรให้เหมาะสม เพราะนอกจากใช้งานได้ดี มันยังช่วยรักษาประสิทธิภาพ ควบคู่กับการยืดอายุการใช้งานของชุดเกียร์ได้อีกต่างหาก

 

เกียร์ออโต้ คือ อะไร

เกียร์ออโต้ คือ ระบบเกียร์แบบอัตโนมัติช่วยทำหน้าที่ในการเปลี่ยนตำแหน่งเกียร์ ให้เหมาะสมกับความเร็วหรือน้ำหนักที่บรรทุก โดยในเกียร์ออโต้ของรถยนต์ปัจจุบัน จะมีตัวอักษรภาษาอังกฤษกำกับควบคุมเอาไว้ เพื่อให้ง่ายต่อการใช้งาน และไม่จำเป็นต้องเข้าเกียร์สลับไปมาเพื่อทำความเร็วเหมือนเกียร์ธรรมดาอีกต่อไป

 

เกียร์ออโต้ มีกี่ประเภท

เกียร์ออโต้เบื้องต้นมีทั้งหมด 2 ประเภทหลัก คือ ระบบเกียร์แบบคอนเวอร์เตอร์ และระบบเกียร์แบบ CVT ซึ่งทั้งสองประเภทมีคุณสมบัติที่ค่อนข้างแตกต่างกันอย่างชัดเจน โดยมีรายละเอียดดังนี้

  • ระบบเกียร์คอนเวอร์เตอร์ : เป็นระบบที่ใช้งานคอนเวอร์เตอร์พร้อมกับน้ำมันในการส่งถ่ายกำลัง ซึ่งทำให้ต้องมีการดึงพลังงานจากเครื่องยนต์มาใช้มากกว่าเกียร์ธรรมดา ส่งผลให้พละกำลังเครื่องยนต์ไม่แรงหรือเร้าใจมากนัก แต่ทั้งนี้ปัจจุบันระบบดังกล่าวได้มีการพัฒนามากขึ้น จนใช้งานได้แบบที่ไม่กินพลังงานจากเครื่องยนต์มากเหมือนในอดีตแล้ว
  • ระบบเกียร์แบบ CVT (Continuously Variable Transmission) : ระบบเกียร์ออโต้ที่สามารถเปลี่ยนเกียร์ได้อย่างต่อเนื่อง รวมถึงมีความนุ่มนวลมากกว่าเดิม พร้อมกับประสิทธิภาพในการรักษารอบเครื่องยนต์ ทำให้ประหยัดน้ำมันได้ด้วย ซึ่งตัวเกียร์ทำการเพิ่มระดับขึ้นไปเรื่อย ๆ ตามรอบอัตราเร่งของตัวรถยนต์ และสามารถคำนวณความเหมาะสมให้ตรงกับความเร็วรอบได้ เป็นเหตุผลให้เวลาเปลี่ยนเกียร์ เครื่องไม่มีอาการตุกให้ได้รู้สึกเลย

นอกเหนือจากเกียร์ออโต้ 2 ประเภทหลักที่เรายกตัวอย่างไป ยังมีอีก 2 ประเภทที่ยังมีใช้งานอยู่ในรถยนต์ทั่วไป แต่อาจไม่ได้มีขายมากนักในประเทศไทย คือ ระบบเกียร์ออโต้ DCT ที่มีการใช้คลัทช์ไฟฟ้าควบคู่กับการทำงานของเกียร์ ทำให้ได้ความรู้สึกเหมือนกึ่งอัตโนมัติ มักถูกเลือกใช้ในรถสปอร์ตแบรนด์ยุโรป และระบบเกียร์ออโต้ AMT แบบกึ่งอัตโนมัติเช่นกัน โดดเด่นเรื่องการถ่ายทอดกำลังเครื่องยนต์ไปสู่ล้อ แต่ใช้เวลาเปลี่ยนเกียร์นาน จึงทำให้ความเร็วรอบต่ำ มักถูกเลือกใช้ในรถยนต์เก๋ง หรือ SUV ที่มีความสูงต่ำกว่า 4 เมตร 

 

เกียร์ออโต้ มีอะไรบ้าง

 

เกียร์ออโต้ มีอะไรบ้าง

เกียร์ออโต้ มีอะไรบ้าง คำตอบ คือ มีทั้งหมดประมาณ 7 เกียร์ ได้แก่ เกียร์ P, เกียร์ R, เกียร์ N, เกียร์ D, เกียร์ B, เกียร์ L และเกียร์ S โดยทุกเกียร์มีหน้าที่แตกต่างกันออกไป ทำให้การเลือกใช้งานต้องเลือกให้เหมาะสม ซึ่งมือใหม่หัดขับหลายคนนั้นอาจไม่ได้ลงลคกถึงรายละเอียด เพียงแค่รู้ว่าเข้าเกียร์ไหนเดินหน้า ถอยหลัง หรือจอด ก็คงเพียงพอต่อการขับขี่แล้ว แต่ในความเป็นจริงหากเราได้อ่านข้อมูลทั้งหมดต่อจากนี้เพิ่มเติม นอกเหนือจากขับขี่ได้ชำนาญมากขึ้น ยังเป็นการช่วยรักษาชุดเกียร์ให้มีอายุการใช้งานได้ยาวนานด้วยเช่นกัน

 

เกียร์ P

เกียร์ P ในระบบเกียร์ออโต้ หมายถึง Parking ใช้สำหรับช่วงที่รถยนต์ต้องการจอดสนิทอยู่กับที่ เมื่อเข้าเกียร์นี้แล้วระบบเกียร์ออโต้จะทำการล็อกล้อ ไม่สามารถเคลื่อนที่ได้ เหมาะกับการใช้งานในช่วงที่ติดไฟแดงนานมาก ๆ หรือการจอดสนิทในช่องจอด รวมถึงจอดบริเวณที่ลาดชัน 

 

เกียร์ R

เกียร์ R ในระบบเกียร์ออโต้ หมายถึง Reverse เป็นเกียร์สำหรับการขับเคลื่อนแบบถอยหลัง โดยเวลาที่เข้าเกียร์รถยนต์จะเคลื่อนที่ถอยหลังทันทีแบบอัตโนมัติ พร้อมกับความเร็วในถอยที่ต่ำมาก ซึ่งถูกเซตเอาไว้ให้เหมาะสมต่อการถอยหลังอย่างปลอดภัย

 

เกียร์ N

เกียร์ N ในระบบเกียร์ออโต้ หมายถึง Neutral เป็นเกียร์ว่างที่ใช้สำหรับจอดชั่วคราว ซึ่งการทำงานของระบบเกียร์นี้ จะหยุดการส่งกำลังจากเครื่องยนต์ไปสู่ล้อ เหมาะกับการใช้งานเมื่อต้องจอดรถแบบชั่วคราว เช่น ติดไฟแดงไม่นาน หรือจอดรถซ้อนคันแบบที่ต้องมีการเลื่อนรถ เพราะหากเราดับเครื่องยนต์ขณะที่อยู่เกียร์ N เกียร์ออโต้นี้จะไม่ล็อกล้อ ทำให้รถยนต์สามารถขยับและเคลื่อนที่ได้นั่นเอง

 

อ้างอิงข้อมูลการใช้งานอย่างเหมาะสมจากสถาบันยานยนต์

 

เกียร์ D

เกียร์ D ในระบบเกียร์ออโต้ หมายถึง Drive เป็นเกียร์ปกติที่ใช้สำหรับขับเคลื่อนรถยนต์ไปข้างหน้า ระบบเกียร์ออโต้เมื่อเข้าเกียร์นี้แล้ว เครื่องยนต์จะส่งแรงขับเคลื่อนไปยังล้อรถ เพื่อให้รถเคลื่อนที่ออกไปด้วยความเร็วเริ่มต้นช้าสุด พอมีการเหยียบคันเร่งเพิ่มเข้าไป ตัวเกียร์ออโต้จะทำการเปลี่ยนเกียร์โดยอัตโนมัติ และนอกเหนือจากเกียร์ D ธรรมดา ในระบบเกียร์ออโต้จะมีเกียร์ D3 และ D2 มาให้ด้วย ส่วนหน้าที่ของเกียร์ที่เพิ่มเข้ามาจะมีดังนี้

  • เกียร์ D3 เกียร์ออโต้ที่เหมาะกับการใช้เพื่อเร่งแซง เพราะเมื่อเข้าเกียร์นี้แล้วเครื่องยนต์จะมีกำลังแรงมากขึ้น หรือควรใช้งานเมื่อต้องขับขึ้นทางชันเล็กน้อย เช่น การขึ้นสะพาน
  • เกียร์ D2 เกียร์ออโต้ที่จะทำให้เครื่องยนต์มีกำลังมากขึ้น เหมาะกับการขึ้นทางชันกว่าเกียร์ D3 เช่น ขับขึ้นภูเขา, ทางคดเคี้ยว หรือทางขึ้นลงห้างที่มีความชันมากกว่าปกติ โดยตัวเกียร์จะทำการสับเปลี่ยนระหว่าง D1-2 อัตโนมัติ เพื่อให้เหมาะสมกับระดับความชันที่เจอ

เกียร์ B

เกียร์ B ในระบบเกียร์ออโต้ที่เราอาจไม่ค่อยได้เห็นกันมากนัก เพราะว่าเกียร์นี้ทำหน้าที่ในการช่วยเบรก ควรใช้เมื่อต้องเจอทางลาดชันมากกว่าปกติ

 

เกียร์ L

เกียร์ L ในระบบเกียร์ออโต้ หมายถึง Low เป็นเกียร์ต่ำที่ใช้งานเหมิอนกันกับเกียร์ D2 เพียงแต่นีรถยนต์บางรุ่นจะใช้ตัวอักษรนี้เข้ามาแทนเท่านั้น

 

เกียร์ S

เกียร์ S ในระบบเกียร์ออโต้ หมายถึง Sport มีหลักการทำงานที่จะช่วยเปลี่ยนอัตราทดเกียร์ให้ช้าลง ส่งผลให้เครื่องยนต์ลากรอบได้มากกว่าปกติ จนรถยนต์มีกำลังมากขึ้น เหมาะกับการใช้ในช่วงเวลาที่ต้องการเร่งแซงรถยนต์คันด้านหน้า

 

เกียร์ออโต้ มีอะไรบ้าง

 

ข้อดีของระบบเกียร์ออโต้

  • ไม่ต้องเสียเวลาเปลี่ยนเกียร์ตามความเร็วแบบเกียร์ธรรมดา เพราะเกียร์ออโต้ ช่วยเปลี่ยนให้แบบอัตโนมัติตามความเร็ว และรอบเครื่องยนต์ที่เหมาะสม
  • ขับง่ายกว่าหลายเท่า มือใหม่หัดขับหลายคนสามารถเริ่มต้นได้ง่าย ควบคุมได้ไม่ยาก เพียงแค่เหยียบคันเร่งอย่างเหมาะสม
  • มีเทคโนโลยีใหม่ ๆ ในเกียร์ทำให้สามารถขับขี่ได้สะดวกสบายหลายภูมิประเทศ ไม่ว่าจะเจอทางลาด ทางชัน เนื่องจากมีเกียร์อื่น ๆ คอยสนับสนุน
  • ไม่ต้องเลี้ยงคลัทช์เพื่อรอเปลี่ยนเกียร์เหมือนเกียร์ธรรมดา ซึ่งในระบบเกียร์ปกติถ้าเราเลี้ยงคลัทช์ไม่ดี อาจทำให้เครื่องยนต์ดับได้
  • ประหยัดน้ำมันมากกว่าเกียร์ธรรมดา สาเหตุมาจากการที่เราไม่ต้องเลี้ยงคลัทช์ มีเกียร์ N คอยช่วยแบ่งเบาภาระเครื่องยนต์เวลาที่จอดติดไฟแดง หรือจอดไว้ชั่วคราว

 

สรุปความแตกต่างระหว่างเกียร์โต้กับเกียร์ธรรมดา

เกียร์ธรรมดา

เกียร์ออโต้

ถ้าใช้รอบเครื่องต่ำจะประหยัดน้ำมันกว่า ให้ความสะดวกสบายในการขับขี่สูง
ดูแลรักษาได้ง่าย ทนทาน ดูแลรักษาได้ยากหากใช้งานไม่เหมาะสม
เหมาะสำหรับคนชอบขับรถที่สัมผัสแรงได้ดี ออกตัวได้นุ่มกว่า โดยเฉพาะออกตัวบนเนิน
หากชำนาญมีความปลอดภัยมากกว่า เหมาะกับผู้ขับขี่มือใหม่มากที่สุด

 

จบกันไปแล้วกับรายละเอียดทั้งหมดเกี่ยวกับเกียร์ออโต้ หวังว่าผู้ใช้รถยนต์ทุกคนจะได้รับความรู้ในเรื่องนี้อย่างครบถ้วน และอย่าลืมเอาไปปรับใช้งานอย่างเหมาะสม โดยเฉพาะช่วงเวลาที่จอดติดไฟแดง การเข้าเกียร์ D และเหยียบเบรกค้างไว้ อาจดูไม่มีปัญหาอะไรก็จริง แต่มันส่งผลให้ชุดเกียร์ทำงานหนักได้เช่นกัน ดังนั้นทางที่ดีใช้ให้ถูก ให้เหมาะสมจะดีกว่า รวมถึงพิจารณาเลือกประกันรถยนต์เพิ่มเติมเอาไว้ เผื่อเกิดเหตุไม่คาดฝันชุดเกียร์พัง จะได้มีคนช่วยดูแลเรื่องค่าซ่อมแซม ซึ่งหากคุณสนใจทำประกันรถยนต์ สามารถติดต่อหา เอเชียไดเร็ค ได้ตลอด 24 ชั่วโมงที่เบอร์ 02-089-2000 หรือไลน์แอด @asiadirect

บทความดูแลยานยนต์
Rabbit Care Blog Image 1051

ดูแลยานยนต์

ถุงลมนิรภัย คือ อะไร ใช้งานเมื่อไหร่ ต้องเปลี่ยนไหม แล้วมีค่าใช้จ่ายเท่าไหร่

จุดเริ่มต้นของถุงลมนิรภัยเกิดขึ้นในปี ค.ศ.1971 ที่ทางบริษัทฟอร์ดได้สร้างรุ่นทดลองขึ้นมาวิจัย
คะน้าใบเขียว
clock icon01/02/2024
Rabbit Care Blog Image 1047

ดูแลยานยนต์

Crossover คือ รถอะไร แล้วมีความแตกต่างจากประเภทอื่นอย่างไรบ้าง

พอพูดถึงประเภทรถยนต์ที่คุ้นหูในยุคนี้ คงหนีไม่พ้นรถ SUV, Sedan, Hatchback หรือ Crossover อย่างแน่นอน ซึ่ง 3 ประเภทแรกที่เรากล่าวมา มันก็มีความชัดเจนอยู่แล้วภายใต้ชื่อรุ่น
คะน้าใบเขียว
clock icon30/01/2024
Rabbit Care Blog Image 1024

ดูแลยานยนต์

ไฟตัดหมอกมีความสำคัญอย่างไร และแยกออกเป็นกี่ประเภท

โดยปกติแล้วคนที่ซื้อรถยนต์ในปัจจุบันจะมีไฟตัดหมอกติดตั้งมาให้เป็นพื้นฐานอยู่แล้ว เพียงแต่บางคนอาจไม่ทราบข้อมูลอย่างแท้จริงว่าไฟตัดหมอก คือ อะไร
คะน้าใบเขียว
clock icon25/01/2024