‘ชีวิตมันยังยืนยันที่จะไป’ ศรัทธา ความฝัน และก้าวย่างที่ยิ่งใหญ่ของ ‘อาทิวราห์ คงมาลัย’

‘ชีวิตมันยังยืนยันที่จะไป’ ศรัทธา ความฝัน และก้าวย่างที่ยิ่งใหญ่ของ ‘อาทิวราห์ คงมาลัย’

คงไม่ใช่การพูดเกินจริงเลยหากจะกล่าวว่า ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา คือช่วงเวลาที่ยิ่งใหญ่ของตูน–อาทิวราห์ คงมาลัย

ในด้านของนักดนตรี ไม่เพียงแต่ วิชาตัวเบา อัลบั้มล่าสุดของ Bodyslam จะกวาดคำชื่นชมถล่มทลายเท่านั้น แต่คอนเสิร์ตใหญ่ของวงที่สนามราชมังคลากีฬาสถานยังขายบัตรหมดเกลี้ยงในพริบตา

ในด้านของนักวิ่ง ทั้งการวิ่งมาราธอนและวิ่งในรายการต่างๆ แต่ช่วงปลายปี 2559 ตูนได้ยกระดับการวิ่งของตัวเองสู่อีกขั้น เมื่อเขาได้ริเริ่มโครงการ ‘ก้าวคนละก้าว’ การวิ่งการกุศลระยะทาง 400 กิโลเมตร จากกรุงเทพฯ ถึงอำเภอบางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เพื่อระดมทุนในการจัดซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ให้กับโรงพยาบาลในพื้นที่ ก่อนที่ในอีกหนึ่งปีให้หลังตูนจะสานต่อโครงการนี้ด้วยการออกวิ่งอีกครั้งจากอำเภอเบตง จังหวัดยะลา สู่อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย เพื่อหาเงินช่วยเหลือ 11 โรงพยาบาลทั่วประเทศ

ก้าวคนละก้าวทั้งสองครั้งประสบความสำเร็จถล่มทลาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องยอดเงินบริจาคที่พุ่งสูงเกินเป้าหมายที่กำหนดไว้ หรือการที่โครงการนี้ได้ส่งต่อรอยยิ้ม ความหวัง และพลังชีวิต ให้กับคนไทยที่ร่วมลุ้นให้ร็อกเกอร์หนุ่มวิ่งถึงเส้นชัยได้สำเร็จ ตูน บอดี้สแลม ไม่ได้ถูกจดจำแค่ในฐานะของนักร้องนำวงบอดี้สแลมอีกต่อไป แต่เขาคือชายหนุ่มผู้มีหัวใจยิ่งใหญ่ที่กลายเป็นที่รักของคนทั้งประเทศ

แต่อะไรกันที่ทำให้ตูนกลายเป็นตูนอย่างในทุกวันนี้? อะไรกันที่ทำให้เขากลายเป็นชายหนุ่มที่ทั้งคนใกล้ชิดและคนแปลกหน้าต่างพากันยกย่อง?

ไม่กี่ปีก่อนหน้า ในบ่ายวันหนึ่งที่อุณหภูมิไม่ถึงกับร้อนนัก เราได้มีโอกาสสนทนาเป็นการส่วนตัวกับเขาบนโต๊ะไม้เก่าๆ ในบ้านของนักร้องหนุ่ม แลกเปลี่ยนกันถึงมุมมองชีวิต ทั้งกับตัวตนในอดีต ปัจจุบัน และความฝันต่ออนาคตของเขา

เราขอถือโอกาสนี้พาย้อนกลับไปยังบ่ายวันนั้น บ่ายวันที่เราได้มีโอกาสพูดคุยกับ ตูน บอดี้สแลม

 

Go

“คนไม่รู้ไม่เห็นนึกว่าผมไม่เคยล้ม ไม่เคยพลาด แต่ความจริงมันสะบักสะบอมนะ”

ตูนเอ่ยประโยคนี้ขึ้นมา ก่อนจะเริ่มต้นเล่าถึงชีวิตวัยละอ่อนที่เขายังเป็นเพียงเด็กหนุ่มหน้าละอ่อนจากจังหวัดสุพรรณบุรี เขาเกิดที่นั่น โตที่นั่น แต่แล้วอยู่ๆ ก็จับพลัดจับผลูต้องมาเรียนต่อชั้นมัธยมที่กรุงเทพฯ

เพราะหลงใหลในเสียงเพลง ตูนได้จับกลุ่มกับเพื่อนๆ ฟอร์มวงดนตรีเล็กๆ ขึ้นมา แน่นอนว่าเขายึดตำแหน่งร้องนำ

เมื่อเริ่มมีกลุ่มเพื่อนห้อมล้อม มีก๊วนเด็กผู้ชายที่มักจะชวนกันไปซ้อมดนตรีอยู่เป็นประจำ ชีวิตในเมืองกรุงของเขาจึงเปลี่ยวเหงาเพียงไม่นานนัก แต่แม้ว่าตูนกับเพื่อนๆ จะซ้อมดนตรีกันอย่างจริงจัง ไม่รู้คืนรู้วัน แต่เขาก็บอกกับเราว่า ความฝันในเส้นทางดนตรีกลับเป็นเรื่องที่ไกลตัวเสียเหลือเกิน

“เหมือนพักเที่ยงลงไปเตะบอล ก็ไม่ได้คิดหรอกว่าจะเป็นนักบอลทีมชาติ” ตูนเปรียบเปรยให้เห็นภาพ

แต่แล้วโดยไม่ทันจะรู้ตัวด้วยซ้ำ ภาพฝันซึ่งครั้งหนึ่งเคยเลือนพร่าและห่างไกล กลับขยับเข้ามาใกล้ตัวตูนในชั่วพริบตา เมื่อ ‘ละอ่อน’ วงของตูนและเพื่อนๆ จากโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัยในวันนั้น ได้คว้ารางวัลชนะเลิศจากเวที Hotwave Music Awards ครั้งที่ 1 ในฐานะนักร้องนำวงละอ่อน จากโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย

“การชนะการประกวดครั้งนั้นทำให้เราได้ก้าวขาเข้ามาในดินแดนของคนที่ทำงานดนตรีจริงๆ เปิดประตูให้เราได้เข้ามาอยู่ค่าย Music Bugs ได้เจอพี่เอก (ธเนศ วรากุลนุเคราะห์) ได้เข้ามาเจอรุ่นพี่วงดนตรีที่เก่งๆ ใน Music Bugs ตอนนั้น อย่างเช่น Friday, Big Ass เป็นประตูให้เราได้เข้ามาเจอคนเหล่านี้และทำให้เรามีวันนี้”

แม้ว่าวงละอ่อนจะได้ออกอัลบั้มเพียงชุดเดียว ก่อนที่สมาชิกในวงจะแยกย้ายกันไปตามเส้นทางของแต่ละคน แต่ด้วยหัวใจที่ยังหลงใหลการร้องเพลง ตูนจึงได้ชักชวนสมาชิกวงละอ่อน อย่าง เภา–รัฐพล พรรณเชษฐ์ (มือกีตาร์) และปิ๊ด–ธนดล ช้างเสวก (มือเบส) มาปลูกปั้นวงดนตรีด้วยกัน ล้มลุกคลุกคลานอยู่หลายปี กระทั่งในที่สุด อัลบั้มแรกของบอดี้สแลมก็ได้คลอดออกมา ตูนนึกย้อนถึงช่วงเวลานั้นก่อนจะเล่าให้เราฟังด้วยรอยยิ้ม

“ความสำเร็จของอัลบั้มแรกที่คิดไว้คือให้ออกมาเป็นแผ่นซีดี มีหน้าปกที่สวยงาม ข้างในมีชื่อเรา มีเครดิต มีรูปเราอยู่ มีเพลงเพราะๆ ที่เราตั้งใจนำเสนอ กลับไปบ้านให้พ่อแม่เห็นว่า 2 ปีที่เราไม่ได้ทำงานประจำ นี่แหละ มันอยู่ในนี้ มันไม่ใช่เหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ มีอะไรให้เขาจับต้องได้ มีสตางค์ซื้อข้าวแล้ว มีสตางค์ให้พ่อให้แม่แล้ว นี่แหละคือความสำเร็จของผมในการทำบอดี้สแลมชุดแรก”

 

Go Big

บอดี้สแลมมีผลงานกับ Music Bugs 2 อัลบั้มด้วยกัน หลังจากหมดสัญญากับค่าย ตูนได้ตัดสินใจพาวงไปอยู่ใต้ชายคาของ Genie Records ในเครือแกรมมี่ ภายในช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน บอดี้สแลมเองก็มีการปรับเปลี่ยนสมาชิกใหม่ ได้มือกีตาร์อย่าง ยอด–ธนชัย ตันตระกูล และมือกลองอย่าง ชัช–สุชัฒติ จั่นอี๊ด เข้ามาเสริมทัพหลังจากที่เภา มือกีตาร์คนเดิมโบกมือลาจากวงไป

เป็นจังหวะที่ดีที่เราได้มาอยู่ในค่ายใหญ่ในช่วงเวลานั้น วงได้ทำงานหนักใน 2 อัลบั้มแรก ได้เข้ามาในแบบที่พอมีเครดิตติดตัวมาบ้าง ถ้าอัลบั้มแรกเราได้มาอยู่ค่ายใหญ่เลยผมว่าอาจไม่ดีเท่าเราได้ทำจากค่ายเล็กๆ มาทีละเล็กทีละน้อย สะสมประสบกาณ์ในตัวเองมาก่อน จาก 1 มา 2 เราได้เพิ่มพูนความรู้ความสามารถมากขึ้นเรื่อยๆ จนมาอัลบั้มที่ 3 เหมือนเราสุกงอมพอดี”

ชื่อเสียงที่เข้ามาเปลี่ยนชีวิตไปไหม” เราถาม

“ก็เห็นโลกเยอะ ได้ไปเล่นในที่ที่เราไม่คิดว่าจะได้ไป ได้เล่นในเวทีที่มันใหญ่มากขึ้น ได้มีคอนเสิร์ตที่ชื่อ Bodyslam Believe Concert ที่ขายบัตรเป็นของตัวเอง บัตรขายหมดเกลี้ยง ทำให้รู้ว่าเราก็ทำแบบนี้ได้ด้วยนะ มีแฟนเพลงเราเยอะขนาดนี้เลยเหรอ”

หากยังจำกันได้ Bodyslam Believe Concert จัดขึ้นที่ธันเดอร์โดม เมืองทองธานี สำหรับตูน การได้เปิดคอนเสิร์ตในฮอลล์แห่งนี้ซึ่งจุคนได้นับพัน คือเรื่องเหนือจริงเสียยิ่งกว่าที่เขาเคยจะคิดฝันไว้ ทว่ากาลเวลาก็ได้ยืนยันแล้วว่า คอนเสิร์ตนี้เป็นเพียงปฐมบทของวงดนตรีที่จะก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งวงร็อกอันดับหนึ่งของประเทศไทย ตูนไม่รู้เลยว่าในระยะเวลาแค่ 5 ปีหลังจากที่เขาก้าวลงจากเวทีธันเดอร์โดมในวันนั้น บอดี้สแลมจะกลายเป็นวงที่แม้แต่เวทีที่ใหญ่ที่สุดในเมืองทองธานีก็ไม่อาจรองรับแฟนๆ ของวงที่เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลได้อีกต่อไป

27 พฤศจิกายน 2553 วันที่ประวัติศาสตร์ของวงการดนตรีไทยต้องจารึกไว้ เมื่อตูน ปิ๊ด ยอด และชัช ได้ก้าวขึ้นสู่เวทีสนามราชมังคลากีฬาสถานกับคอนเสิร์ต BODYSLAM LIVE IN คราม ท่ามกลางผู้ชมเต็มความจุสนามกว่า 65,000 คน กับเพลงที่อัดแน่นกว่า 29 เพลง และระยะเวลาการแสดงที่ยาวนานถึง 4 ชั่วโมง

ถ้าไม่เรียกว่าบ้า ก็ไม่รู้จะเรียกว่าอะไร

แต่อย่าเพิ่งคิดว่านี่คือความบ้าทั้งหมดของคอนเสิร์ตนี้ เพราะไม่กี่เดือนก่อนหน้า BODYSLAM LIVE IN คราม ในผับแห่งหนึ่งขณะที่ตูนกำลังยืนโยกหัวร้องเพลง อกหัก อยู่บนเวที อยู่ๆ เขารู้สึกเจ็บที่สะบักหลังจนต้องล้มลงไปนอนร้องกับพื้นเวทีด้วยความทรมาน แฟนเพลงข้างล่างเวทียังคงตะโกนโห่ร้อง คิดว่านั่นเป็นท่วงท่าในการแสดงของเขา คงไม่เป็นปัญหาถ้านั่นเป็นเพลงสุดท้ายในการโชว์คืนนั้น หากแต่เขาต้องฝืนยืนขึ้นร้องต่ออีกเกือบชั่วโมง เขารู้ถึงอาการผิดปกติของร่างกายเมื่อโยกคอเขารู้สึกชาที่ปลายเท้า แต่ก็ฝืนร้องจนจบโชว์

คืนนั้นเขาถูกหามส่งโรงพยาบาลและพบว่าตัวเองป่วยด้วยโรคกระดูกคอทับเส้นประสาท

“พอรู้ตัวว่าเรามีความเสี่ยงที่จะเป็นอัมพาตได้ มันเป็นช่วงที่ดาวน์สุดของชีวิตเลย ในช่วงนั้นของชีวิตมันหนักมากนะ เราไม่มีทางอยู่กับรถเข็น กับเตียงนอนได้แน่ๆ แล้วมันเป็นช่วงที่กำลังจะมีคอนเสิร์ต BODYSLAM LIVE IN คราม พอดี ต้องตัดสินใจว่าจะเล่นมันไหม หรือจะแคนเซิล หรือจะเลื่อนมันไปก่อน คือตอนนั้นค่ายเขาลงทุนไปหลายล้านแล้ว เราต้องตัดสินใจ

“ในช่วงที่ผมดาวน์สุดๆ แล้วยังตัดสินใจไม่ได้ว่าเดินหน้าคอนเสิร์ตต่อไปหรือจะแคนเซิลดี ก็มีสายจากคุณไพบูลย์โทรมาหาผม บอกว่า ตูนไม่ต้องสนใจเลยนะว่าแกรมมี่จะเสียหายเท่าไหร่หรือจะขาดทุน ดูแลตัวเองให้ดีที่สุดก่อน ตัดสินใจเอาจากตัวเอง ไม่ต้องตัดสินใจในมุมของบริษัท มุมของกำไร-ขาดทุน ไม่ต้องเป็นกังวลหรือกดดันในมุมนี้ เอาสุขภาพตัวเองเป็นที่ตั้ง แต่สุดท้ายด้วยความเป็นผม อย่างที่บอกว่าผมตายบนเวทีได้น่ะ ผมไม่สนใจ ผมตัดสินใจขึ้นเวที

“เรามี 50-60 เปอร์เซ็นต์ เราก็ใส่มันหมดนะครับ ตอนนั้นไม่คิดอะไร คิดแค่คอนเสิร์ตวันนั้นเราอยากเต็มที่กับมัน มันใหญ่ที่สุดในชีวิตเราแล้ว เป็นอีกหลักไมล์ของเรา เราไม่ยอมที่จะทำมันครึ่งๆ กลางๆ เราก็มีแค่นี้ในตอนนั้น แต่เราก็ให้หมด”

นับแต่วินาทีแรก จนนาทีสุดท้ายของ BODYSLAM LIVE IN คราม ตูนกระโดดโลดเต้นอย่างไม่รู้เหนื่อยโดยไม่ได้ล้มพับไประหว่างทาง รถพยาบาลที่สแตนด์บายอยู่ข้างเวทีไม่เคยได้ใช้งาน

ไม่มีเสียงหวีดร้องอย่างเจ็บปวดของตูนในค่ำนั้น มีเพียงเสียงของเขาที่ร้องเพลงบอดี้สแลมดังสนั่นราชมังคลากีฬาสถาน

 

Go Bigger

แม้จะรู้ว่าตูนจริงจังกับการวิ่งมาราธอน แต่สารภาพตรงๆ ครั้งแรกที่เราได้ยินว่าเขาจะวิ่งจากกรุงเทพฯ ไปอำเภอบางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เราเองก็นึกปรามาสอยู่ในใจ

แต่อย่างที่เราต่างก็รู้กันดีว่าลูกอึดและลูกบ้าของตูนไม่เพียงจะส่งให้เขาพิชิตระยะทางกว่า 400 กิโลเมตรภายในระยะเวลา 10 วันเท่านั้น เพราะในหนึ่งปีให้หลัง ตูนก็ได้ท้าทายขีดจำกัดของตัวเองด้วยการวิ่งจากอำเภอเบตง จังหวัดยะลา สู่อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย ชัยชนะของเขาในครั้งนี้ไม่เพียงจะส่งให้ตูนกลายเป็นที่รักของคนทั้งประเทศเท่านั้น แต่ยอดบริจาคเงินให้โครงการก้าวคนละก้าวยังพุ่งทะลุเป้าไปอย่างถล่มทลาย

ไม่ว่าจะเป็นการเปิดคอนเสิร์ตในสนามราชมังคลากีฬาสถาน หรือการพิชิตระยะทางกว่า 2,215 จากใต้ขึ้นเหนือ ก้าวแต่ละก้าวของตูนมักจะใหญ่ขึ้นเสมอ เราอดสงสัยไม่ได้ว่า การทำอะไรใหญ่ๆ อยู่เรื่อยๆ นี้ เขามีวิธีจัดการกับความคิดตัวเองอย่างไร

“วิธีจัดการตัวเองเมื่อเราตัดสินใจทำอะไรที่มันใหญ่ขึ้น คือการกลับมาย้อนดูตัวเองก่อนว่า ถ้าจะไปในทางนั้นเราจะยังมีความสุขอยู่ไหม เราไม่ได้อยากจะใหญ่ขึ้นแต่มีความสุขน้อยลง ในตอนแรกที่คิดว่าเราจะทำสิ่งนี้ เราต้องย้อนกลับมาดูตัวเองก่อนว่า เราทำแล้วมันยังสนุกอยู่ไหม กดดันเกินไปไหม หรือทำไปเพื่ออะไร พอตอบตัวเองได้ว่าเรายังสนุกอยู่ แม้แต่ตอนคิดถึงมันยังมีรอยยิ้ม เราก็จะทำ และทำอย่างเต็มที่”

“แล้วกับโปรเจกต์ต่อไปที่คิดไว้ล่ะ จะยังทำอะไรที่ใหญ่ขึ้นอยู่ไหม” เราถามทิ้งท้าย

“มีโปรเจกต์หนึ่งที่อยากทำให้สำเร็จ และอาจจะใช้คำว่าใหญ่ขึ้นได้ คือการทำอัลบั้มโซโล่ดีๆ เป็นไซด์โปรเจกต์ที่เราได้เขียนเพลงเอง เรียบเรียงเองทุกอย่าง ทำอาร์ตเวิร์กดีๆ เก็บไว้เป็นอนุสรณ์กับตัวเองว่าเราเคยมีตัวตนเป็นแบบนี้ ฟังดนตรีแบบนี้ ร้องเพลงแบบนี้ คิดแบบนี้ ชอบท่วงทำนองแบบนี้ เป็นเหมือนบทสรุปของคนคนนี้ เราไม่ได้อยากจะเอาไปทัวร์หรือเอาไปทำอะไร แค่อยากทำเพื่อเป็นสมุดบันทึก อย่างนักเขียนเขาก็จะมีหนังสือรวมเล่มดีๆ ว่าที่ผ่านมาเคยเขียนเรื่องอะไรดีๆ ไว้บ้าง อันนี้อาจจะเป็นรวมชีวิตของเราในหนึ่งอัลบั้ม เขียนออกมาเป็นเพลง”

หันกลับไปมองความเปลี่ยนแปลงของตูนนับจากวันนั้นที่เราสนทนากัน ในแง่ของนักดนตรี บอดี้สแลมยังคงเป็นสุดยอดวงร็อกที่ในทุกๆ การแสดงสด พวกเขาจะยังคอยส่งต่อพลังงานให้กับคนดูอยู่เสมอ และตูนจะยังคงเต็มที่ในทุกครั้งที่เขาอยู่บนเวที ราวกับว่าการกระโดดขึ้นไปในแต่ละที คือการเล่นคอนเสิร์ตครั้งแรกของเขา

เพียงแต่ยังมีอีกเรื่องหนึ่งที่เกิดขึ้นแล้วในวันนี้ แต่ตูนซึ่งเราพูดคุยด้วยในวันนั้นอาจไม่ได้วาดฝันถึง คือสถานะของตัวเขาเองที่ได้กลายเป็นมากกว่านักร้องวงร็อกไปแล้ว

3 ปีก่อน ไม่ใช่ทุกคนที่เมื่อได้ยินชื่อตูน บอดี้สแลมแล้วจะพยักหน้ารู้จัก

หากในวันนี้ เชื่อว่าน้อยคนนักที่จะไม่ตระหนักว่าชายคนนี้เป็นใคร

ถ้าลองถามวัยรุ่น พวกเขาอาจตอบว่า อ๋อ นักร้องนำวงบอดี้สแลมน่ะครับ

ถ้าลองถามผู้ใหญ่ พวกเขาอาจตอบว่า อ๋อ ไอ้หนุ่มที่วิ่งระดมทุนช่วยเหลือโรงพยาบาลทั่วประเทศนั่นไง

แต่ถ้าถามเราว่า ตูน บอดี้สแลม คือใคร นิยามสั้นๆ ที่นึกออกในทันใดคือ ชายหนุ่มยิ้มง่าย ผู้มุ่งมั่น และมีฝันที่ยิ่งใหญ่อยู่เสมอ


เชิญพบกับความสนุกที่มากกว่าเคยพร้อมเปิดโลกจินตนาการที่กว้างกว่าเดิมใน 5 เวิร์คช็อปจาก Nike AirMax ที่คุณไม่ควรพลาด ที่ WAREHOUSE26 ซอยสุขุมวิท26 วันที่ 30 มีนาคม 2561

หากใครสนใจทั้ง 5 เวิร์กช็อป ดูข้อมูลเพิ่มเติมและลงทะเบียนได้ที่ nike.com 

AUTHOR

PHOTOGRAPHER

นวลตา วงศ์เจริญ

ช่างภาพสาวสุดเท่ที่หลงรักการถ่ายภาพพอร์เทรต มีความสามารถในการดึงตัวตนของแบบออกมาได้ชัดเจน และชื่นชอบการทำให้ภาพที่ถ่ายดูมีชีวิต นอกจากถ่ายภาพ นวลตายังชื่นชอบการเดินทางอีกด้วย