เผยอาจซ่อมพระพุทธรูปยักษ์บามิยันได้

ศาสตราจารย์เออร์วิน เอมเมอร์ลิง แห่งมหาวิทยาลัยเทคนิค ในเมืองมิวนิค ประเทศเยอรมนี เปิดเผยเมื่อวันจันทร์ (28 ก.พ.) ว่านักวิจัยได้ศึกษาเศษชิ้นส่วนของพระพุทธรูปหินทรายอายุเก่าแก่นับ 1,500 ปี ที่เคยตั้งตระหง่านสูง 55 เมตรในบริเวณผนังภูเขาในจังหวัดบามิยัน ก่อนถูกกลุ่มตาลีบันที่เคยปกครองอัฟกานิสถานแบบเคร่งจารีต ใช้ระเบิดทำลายพร้อมกับพระพุทธรูปอีกองค์ที่มีขนาดเล็กกว่า เมื่อเดือนมีนาคม 2544 ไม่ถึงหนึ่งปีก่อนกองกำลังพันธมิตรบุกโค่นระบอบตาลีบันในคาบูล ท่ามกลางความเสียดายของผู้รักโบราณสถานทั่วโลก

 กลุ่มนักวิจัยเชื่อว่าจะฟื้นฟูสภาพพระพุทธรูปองค์เล็กที่มีขนาดสูง 38 เมตรจากเศษชิ้นส่วนที่เก็บกู้ได้ แต่ยังต้องฝ่าฟันอุปสรรคการเมืองและด้านการปฏิบัติอีกหลายประการ รวมถึงจำเป็นต้องสร้างโรงงานเล็กๆ ขึ้นมาแห่งหนึ่งในหุบเขาบามิยันเพื่อเก็บรักษาชิ้นส่วนเหล่านั้น  

 ศ.เอมเมอร์ลิง ซึ่งเชี่ยวชาญด้านการอนุรักษและปฏิสังขรณ์โบราณสถาน และไปเยือนบามิยัน 15 ครั้งนับจากปี 2550 เตรียมนำเสนอผลการศึกษาต่อที่ประชุมยูเนสโก ณ กรุงปารีส ในวันพุธ (2 มีค.) เพื่อหารือและกำหนดอนาคตของพระพุทธรูป

 หุบเขาบามิยัน ตั้งอยู่ห่างจากกรุงคาบูลไปทางตะวันออกประมาณ 260 กิโลเมตร เคยเป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางสายไหมในอดีต และเป็นเส้นทางส่วนหนึ่งของการเผยแผ่ศาสนาพุทธจากอินเดียไปยังภูมิภาคเอเชียกลาง

 ชิ้นส่วนหินทรายที่เป็นขององค์พระพุทธรูปที่หลงเหลือจากการระเบิดได้รับการรักษาอยู่ในคลังหรือใช้วัสดุปกคลุมในพื้นที่ระหว่างรอการตัดสินใจของรัฐบาลอัฟกานิสถาน