กะเหรี่ยงรบพม่าเดือดไทยเจ็บ-อพยพหนีตาย – 450 ชาวบ้านแม่สามแลบ แม่ฮ่องสอน อพยพหนีตาย ทหารกะเหรี่ยงบุกโจมตีทหารพม่า ห่างชายแดนไทยเพียงแค่ 1.5 ก.ม. ใช้อาวุธหนักถล่มกันดุเดือด ก่อนที่ฝ่ายกะเหรี่ยงเข้ายึดฐานพม่าได้สำเร็จ ผู้ว่าฯ สั่งปิดชายแดน ห้ามเข้าพื้นที่ นำชาวบ้านไปอยู่ในพื้นที่ปลอดภัย มีผู้หญิงโดนกระสุนปืนลูกหลงบาดเจ็บ

เมื่อเวลา 04.45 น. วันที่ 27 เม.ย. เกิดเหตุทหารกะเหรี่ยงเคเอ็นยูบุกโจมตีฐานทหารกองทัพเมียนมา ฝั่งตรงข้ามบ้านแม่สามแลบ หมู่ 1 ต.แม่สามแลบ อ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน โดยทั้ง 2 ฝ่ายปะทะด้วยอาวุธหนักนานาชนิดและอาวุธประจำกาย ส่งผลให้ชาวบ้านแม่สามแลบกว่า 100 คน ที่เปิดร้านขายสินค้าตรงข้ามฐานทหารพม่า พากันหลบหนีไปหลบภัยการสู้รบบริเวณสนามฟุตบอลทางเข้าหมู่บ้าน ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 1.5 กิโลเมตร

ต่อมาเวลา 07.00 น. ทหารกะเหรี่ยง เคเอ็นยูเข้ายึดฐานทหารพม่าได้สำเร็จ และกองกำลังทหารกะเหรี่ยงอีกชุดเข้าโจมตีฐานพม่าอีกจุด อยู่ห่างจากบ้านแม่สามแลบไปทางทิศเหนือประมาณ 2.5 กิโลเมตร โดยทั้ง 2 ฝ่ายยังคงสู้รบกันอย่างหนัก นอกจากผู้อพยพชาวกะเหรี่ยงจะหนีภัยสงครามมาอาศัยอยู่ริมฝั่งแม่น้ำสาละวินแล้ว จากเหตุการณ์ดังกล่าวมีชาวบ้านแม่สามแลบถูกลูกหลงบาดเจ็บ ทราบชื่อนางหน่อ เดหมื่อ อายุ 42 ปี อยู่บ้านเลขที่ 27/ช หมู่ 1 ต.แม่สามแลบ ถูกกระสุนปืนที่หัวเข่าซ้าย นำส่งร.พ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน

ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงของไทยปิดกั้นพื้นที่หมู่บ้านแม่สามแลบ ไม่ให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าออกพื้นที่ รวมถึงประสานส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเร่งดูแลประชาชนฝั่งไทย และลำเลียงคนส่งร.พ. แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน โดยมีเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองเข้าไปดูแลราษฎรในหมู่บ้านแม่สามแลบ ซึ่งส่วนใหญ่หลบหนีออกจากบ้านเรือนและร้านค้า ทันทีที่ได้ยินเสียงการปะทะกันของกองกำลังทั้ง 2 ฝ่าย

ที่กรมทหารพรานที่ 36 ค่ายเทพสิงห์ อ.แม่สะเรียง นายสิธิชัย จินดาหลวง ผวจ.แม่ฮ่องสอน แถลงว่าจากสถานการณ์การสู้รบกันของทหารพม่ากับทหารกะเหรี่ยง มีราษฎรไทยบ้านแม่สามแลบ 450 คน อพยพไปอาศัยอยู่ที่บ้านห้วยกองก๊าด โดยมีหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 36 ตำรวจ สภ.สภ.สบเมย เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง และเจ้าหน้าที่สาธารณสุขเข้าไปดูแลแล้ว ล่าสุดทางจังหวัดสั่งปิดจุดผ่อนปรนบ้านแม่สามแลบ ห้าม ผู้ไม่มีหน้าที่เกี่ยวข้องเข้าพื้นที่ เพื่อความปลอดภัยและการปฏิบัติหน้าที่เกิดประสิทธิภาพสูงสุด

นายสิธิชัยกล่าวว่า หากการสู้รบรุนแรงและยืดเยื้อ ให้เคลื่อนย้ายผู้หลบหนีภัยการสู้รบลึกเข้ามาชั้นในประมาณ 1 กิโลเมตร โดยจะดูแลตามหลักมนุษยธรรม มีองค์กรเอกชนที่เกี่ยวข้องช่วยเหลือ ส่วนการดูแลช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบเบื้องต้นอยู่ในความดูแลช่วยเหลือขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานภาครัฐ หากเกินขีดความสามารถจะประกาศรับบริจาคต่อไป ประเทศ ไทยไม่สนับสนุนฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง โดยมุ่งเน้นให้ประชาชนคนไทยที่อยู่ใกล้พื้นที่สู้รบ ได้รับความปลอดภัยสูงสุด และจะดูแลทั้ง 2 ฝ่ายตามหลักมนุษยธรรมอย่างเท่าเทียมกัน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน