11 ต.ค. 2019 เวลา 05:00 • ประวัติศาสตร์
“ไมเคิล แจ็กสัน (Michael Jackson) ราชาเพลงป๊อปผู้สร้างประวัติศาสตร์วงการดนตรี” ตอนที่ 2
ก้าวที่รุ่งเรืองของ The Jackson 5
ภายหลังจากได้รับโทรศัพท์จาก Motown พี่น้อง The Jackson 5 ก็เก็บของ มุ่งตรงไปยังดีทรอยท์ทันที
พวกเขาต้องไปร้องเพลงให้ “เบอร์รี่ กอร์ดี้ (Berry Gordy)” ผู้บริหาร Motown ฟัง
หากกอร์ดี้ชอบพวกเขา พวกเขาก็จะได้เซ็นสัญญาอัดแผ่นเสียงกับ Motown
เบอร์รี่ กอร์ดี้ (Berry Gordy)
ทันทีที่กอร์ดี้ได้ยินเสียงร้องของ The Jackson 5 เขาก็รู้ว่าได้พบขุมทองเข้าแล้ว โดยเฉพาะไมเคิลที่ฉายแววซูเปอร์สตาร์อย่างชัดเจน
กอร์ดี้บอกกับเด็กๆ วง The Jackson 5 ว่า
“ฉันจะทำให้พวกเธอดังที่สุดในโลก”
กอร์ดี้รับรองกับ The Jackson 5 ว่าแผ่นเสียงแผ่นแรกของวงจะต้องขึ้นอันดับหนึ่งในมิวสิคชาร์ตส์
1
The Jackson 5 ขณะเข้าเป็นศิลปินในสังกัด Motown
ขณะนั้นไมเคิลมีอายุเพียง 10 ขวบ แต่เขากำลังจะก้าวขึ้นเป็นตำนานแห่งวงการดนตรี
ค.ศ.1969 (พ.ศ.2512) กอร์ดี้ได้ย้ายออฟฟิศของบริษัทไปยังลอสแอนเจลิส แคลิฟอร์เนีย โดยมี The Jackson 5 ย้ายตามไปด้วยเพื่ออัดแผ่นเสียง
โจและแคทเทอรีน พ่อแม่ของพี่น้อง The Jackson 5 ยังคงอาศัยอยู่ในอินเดียนา แต่พวกเขาก็เตรียมตัวจะย้ายตามลูกๆ ไปลอสแอนเจลิสเช่นกัน
ในช่วงนั้น ไมเคิลอาศัยอยู่กับกอร์ดี้ ก่อนจะไปอาศัยอยู่กับเพื่อนบ้านที่ชื่อ “ไดอาน่า รอสส์ (Diana Ross)”
1
ไดอาน่า รอสส์ (Diana Ross)
รอสส์เป็นหนึ่งในสมาชิกวง “The Supremes” วงดนตรีหญิงล้วนสังกัด Motown ซึ่งมีชื่อเสียงโด่งดัง
รอสส์ได้สอนศิลปะและดนตรีให้ไมเคิล รวมทั้งมักจะพาไมเคิลไปชมพิพิธภัณฑ์ต่างๆ อยู่เสมอ ทำให้ไมเคิลรักรอสส์มาก และไมเคิลก็ได้กล่าวภายหลังว่าการได้พักอาศัยอยู่กับรอสส์เป็นหนึ่งในช่วงเวลาที่พิเศษที่สุดในชีวิตของเขา
ช่วงเวลาที่อยู่ในแคลิฟอร์เนีย เป็นช่วงเวลาที่ไมเคิลมีความสุขมาก อากาศก็ดี และไมเคิลกับพี่ๆ ก็ได้ไปเที่ยวดิสนีย์แลนด์ ได้เที่ยวสนุกสนานอย่างที่ไม่เคยได้ทำมาก่อน
ต่อมา กอร์ดี้ได้พาพี่น้อง The Jackson 5 เข้าห้องอัดและเตรียมเพลงให้พวกเขาอัดเสียง
เพลงนั้นคือ “I Want You Back”
The Jackson 5 ขณะเข้าห้องอัด
กอร์ดี้ให้วง The Jackson 5 อัดเพลงซ้ำไปซ้ำมาเป็นเวลานับสัปดาห์ ไมเคิลนั้นฟังทุกคำที่กอร์ดี้พูด และไมเคิลก็ได้เรียนรู้เกี่ยวกับธุรกิจดนตรีไปทีละนิดๆ
กอร์ดี้ได้เปลี่ยน The Jackson 5 จากวงดนตรีโนเนมให้เตรียมพร้อมเป็นนักร้องชื่อดัง เขาจัดหาเครื่องแต่งกายใหม่ให้กับทุกคนในวง รวมถึงทรงผมใหม่ อีกทั้งยังสอนเด็กๆ ถึงวิธีการตอบคำถามสื่อมวลชน รวมถึงสอนเรื่องมารยาทบนโต๊ะอาหารให้เด็กๆ อีกด้วย
เมื่อซิงเกิ้ล “I Want You Back” ออกวางจำหน่ายในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ.1969 (พ.ศ.2512) ซิงเกิ้ลนี้ก็สามารถขายได้มากกว่าสองล้านแผ่นในเวลาเพียงหกสัปดาห์ และพุ่งขึ้นเป็นอันดับหนึ่ง ตรงตามที่กอร์ดี้รับรองไว้
ผมขอลงลิ้งค์การแสดงเพลง “I Want You Back” ของ The Jackson 5 ให้ชมนะครับ
อีกสามซิงเกิ้ลของ The Jackson 5 ที่ออกตามมาต่างพุ่งขึ้นอันดับหนึ่งทุกเพลง ส่งให้ The Jackson 5 กลายเป็นซูเปอร์สตาร์ในทันที
และแน่นอน คนที่ดังที่สุดในวงคือไมเคิล แจ็กสัน
The Jackson 5 มีงานตามมามากมาย ทั้งรายการโทรทัศน์ งานแจกลายเซ็น และยังได้ไปออกรายการ “The Ed Sullivan Show” รายการเพลงยอดฮิตที่ออกอากาศทุกคืนวันอาทิตย์และเป็นรายการที่วงดังอย่าง The Beatles เคยมาแสดงดนตรีอีกด้วย
The Jackson 5 ขณะออกรายการ The Ed Sullivan Show (ไมเคิลยืนอยู่ขวาสุด)
The Jackson 5 ต้องออกแสดงดนตรีในเวทีใหญ่ๆ มากมาย และมีแฟนๆ สาวๆ คอยรุมล้อม รุมทึ้งไมเคิลในทุกๆ ที่ๆ เขาไป
ไมเคิลนั้นชอบการขึ้นแสดงบนเวที เขามีความสุขทุกครั้งที่ได้ขึ้นแสดง แต่เขาไม่ชอบการโดนแฟนๆ รุมทึ้ง บางครั้งเขาก็โดนแฟนๆ ข่วนโดยไม่ได้ตั้งใจ
ไมเคิลกับพี่ๆ ต้องหมกตัวอยู่ในห้องนอนในโรงแรม พวกเขาไม่มีอิสระมากนัก แต่พี่น้อง The Jackson 5 ก็มีความสุขเวลาอยู่ด้วยกัน
พวกเขานั้นเกรียนพอสมควร บางครั้งก็โทรศัพท์ไปแกล้งห้องอื่นบ้าง บางครั้งก็โทรสั่งอาหารกับทางโรงแรมให้ไปส่งให้ห้องอื่นโดยที่ห้องอื่นนั้นไม่รู้เรื่อง อีกทั้งพวกเขายังมักจะวิ่งแข่งกันในโถงโรงแรมและเล่นปาหมอน
ในเวลานี้ครอบครัวแจ็กสันมีเงินมากพอที่จะซื้อบ้านหรูในแคลิฟอร์เนียได้แล้ว โจและแคทเทอรีนจึงซื้อบ้านซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกลจากฮอลลีวู้ด ที่ซึ่งครอบครัวแจ็กสันจะได้อาศัยอยู่เป็นเวลาหลายปี
ในช่วงวัยรุ่นตอนต้น นับเป็นช่วงเวลาที่ดีสำหรับไมเคิล เขายังคงทำงานหนัก แต่เขาก็มีความสุขในวันว่าง
แต่ยิ่งอายุมากขึ้น ไมเคิลก็ต้องพบเจอปัญหาหลายๆ อย่างที่วัยรุ่นพบเจอ แต่ปัญหาคือเขาไม่ใช่เด็กวัยรุ่นทั่วๆ ไป เขาเป็นนักร้องชื่อดัง และการโตมาอย่างไมเคิล แจ็กสันก็เป็นสิ่งที่ยากเกินเด็กวัยรุ่นคนอื่นๆ เขารวย มีชื่อเสียง และมีคนคอยจับตามองอยู่ตลอดเวลา
ไมเคิลในช่วงวัยรุ่น
ขณะอายุได้ 14 ปี ไมเคิลนั้นก็เครียดกับหน้าตาตัวเองมาก
ในเวลานั้นเขาไม่ใช่เด็กตัวเล็กๆ น่ารักอีกต่อไปแล้ว แฟนๆ ที่มาพบเขาบางคนก็แปลกใจ บางคนก็ผิดหวังเมื่อได้พบตัวจริงของเขา บางคนจำเขาไม่ได้ด้วยซ้ำ พวกเขาอยากพบเด็กน้อยบนหน้าปกอัลบั้ม The Jackson 5 ไม่ใช่เด็กวัยรุ่นร่างผอม สูงอย่างนี้
ไมเคิลนั้นเครียดถึงขนาดไม่ยอมส่องกระจก เขามักจะล้างหน้าโดยปิดไฟเพื่อที่จะได้ไม่ต้องเห็นหน้าตัวเอง
ไมเคิลกลายเป็นคนขี้อายอย่างหนัก เขามักจะพูดเสียงเบาๆ และไม่กล้าสบตาผู้คน เขาไม่อยากออกไปพบผู้คนด้วยซ้ำ
โจ พ่อของไมเคิลเองก็ไม่ค่อยให้เกียรติลูกชายตัวเองนัก บางครั้งพ่อของเขาจะพาแฟนๆ เข้ามาในห้องนอนของไมเคิลขณะไมเคิลกำลังหลับ เมื่อไมเคิลตื่นมา เขาก็ต้องตะลึงเมื่อพบว่าห้องนอนของเขาเต็มไปด้วยแฟนๆ ที่นั่งจ้องหน้าเขาอยู่
ในเวลานั้นก็มีความเปลี่ยนแปลงในตัวไมเคิลเช่นกัน ยิ่งไมเคิลอายุมากขึ้น เขาก็อยากมีอิสระในทางดนตรีของตนเองมากขึ้น เขาอยากจะเขียนเพลงของตนเอง
ไมเคิลได้คุยกับกอร์ดี้เรื่องนี้ แต่กอร์ดี้ปฏิเสธ ไม่อนุญาตให้ไมเคิลเขียนเพลงเองและบอกให้ไมเคิลทำตามคำสั่ง
ค.ศ.1976 (พ.ศ.2519) พี่น้องแจ็กสันได้ตัดสินใจออกจากสังกัด Motown
โจ พ่อของพี่น้อง The Jackson 5 ได้ทำสัญญามูลค่า 3.5 ล้านดอลลาร์กับบริษัท CBS Records ซึ่งนอกจากจะได้เงินมหาศาลแล้ว ไมเคิลยังสามารถเขียนเพลงเองและมีอิสระในการอัดเพลงของตนเองอีกด้วย
แต่ปัญหาก็คือเจอร์เมน (Jermaine Jackson) หนึ่งใน The Jackson 5 ไม่ต้องการจะออกจาก Motown ในเวลานั้น เจอร์เมนได้แต่งงานกับลูกสาวของกอร์ดี้ เจอร์เมนจึงลาออกจาก The Jackson 5
1
เจอร์เมนในวันแต่งงานกับ “เฮเซล กอร์ดี้ (Hazel Gordy)” ลูกสาวของเบอร์รี่ กอร์ดี้
เมื่อเจอร์เมนออกจากวง แรนดี้ (Randy Jackson) น้องชายคนสุดท้องของครอบครัวแจ็กสัน (แต่ไม่ใช่ลูกคนสุดท้อง ลูกคนสุดท้องคือเจเน็ต ซึ่งเป็นผู้หญิง) จึงมาแทนที่เจอร์เมน
แรนดี้ แจ็กสัน (Randy Jackson)
ในเมื่อออกจากสังกัด Motown มาแล้ว The Jackson 5 ก็ไม่สามารถใช้ชื่อเดิมได้อีกต่อไป เนื่องจาก Motown เป็นเจ้าของชื่อนี้
พวกเขาเลยเปลี่ยนชื่อวงเป็น “The Jacksons”
ไมเคิลเสียใจที่ต้องออกจาก Motown แต่เขาก็พร้อมที่จะก้าวต่อไปในเส้นทางดนตรี
ชีวิตของไมเคิลและ The Jacksons จะเป็นอย่างไรต่อไป พวกเขาจะรุ่งเรืองในถิ่นใหม่หรือไม่
ติดตามต่อในตอนหน้านะครับ
โฆษณา