โขน:กระทรวงวัฒนธรรมเตรียมเสนอนวดไทย โนรา และมวยไทย ให้ยูเนสโก หลังโขนได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกทางวัฒนธรรมโลก
กระทรวงวัฒนธรรมเตรียมเปิดนิทรรศการโขนทั่วและฉายแอนิเมชั่นรามเกียรติ์ทั่วประเทศ ส่งเสริมให้เยาวชนรู้จักโขนมากขึ้น หลังจากองค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) ประกาศรับรองให้ "โขน" เป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมวลมนุษยชาติอย่างเป็นทางการ
นับเป็นการขึ้นทะเบียนมรดกโลกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมวลมนุษยชาติครั้งแรกของไทย นับตั้งแต่ได้เป็นภาคีอนุสัญญาว่าด้วยการสงวนรักษามรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้เมื่อปี พ.ศ. 2559
นายวีระ โรจน์พจนรัตน์ รมว. กระทรวงวัฒนธรรมแถลงว่าจะมีการเฉลิมฉลองการขึ้นทะเบียนครั้งนี้ โดยจะจัดแสดงนิทรรศการเกี่ยวกับโขน จัดสร้างภาพยนตร์แอนิเมชันรามเกียรติ์ตอน รามาวตาร เพื่อฉายในโรงภาพยนตร์ทั่วประเทศ รวมทั้งจัดมหกรรมการแสดงโขนทั้งในส่วนกลางและภูมิภาคอย่างต่อเนื่องจากปีนี้สู่ปีหน้า
และประเทศไทยยังจะเสนอ "นวดไทย" เพื่อขึ้นบัญชีของยูเนสโกในรอบปี 2563 และก็ยังมีมรดกวัฒนธรรมอื่น ๆ อย่างเช่น โนรา ผีตาโขน มวยไทย ที่อยู่ในระหว่างการศึกษาเพื่อนำเสนอในปีต่อ ๆ ไปอีกด้วย
กระบวนการก่อนหน้าขึ้นทะเบียน
แหล่งข่าวกระทรวงวัฒนธรรมระบุกับทางบีบีซีไทยว่าประเทศไทยเตรียมตัวเรื่องขึ้นทะเบียนโขนมานานแล้ว โดยทำพร้อมไปกับกระบวนการเข้าเป็นภาคีอนุสัญญาฯ
เนื่องจากการขอขึ้นทะเบียนต้องมีข้อมูลพร้อม ทำให้ทางกระทรวงได้ให้เงินทุนวิจัยแก่นักวิชาการ และรวบรวมข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งมีการทำประชาพิจารณ์เพื่อฟังความคิดเห็นจากชุมชนโขน ซึ่งประกอบด้วย ครูโขน นักแสดง ผู้ทำเครื่องแต่งกาย ผู้นำหัวโขน นักร้องและนักดนตรี รวมทั้งหน่วยงานราชการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง และเมื่อทุกฝ่ายได้ข้อยุติในรายละเอียดที่ตรงกันก็จึงได้เริ่มกระบวนการต่อไป นั่นคือส่งข้อมูลเพื่อให้คณะกรรมการของกระทรวงเพื่อส่งให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติ ก่อนที่จะส่งไปที่ยูเนสโก
"ความจริงเราก็แน่ใจว่าเราจะได้รับอนุมัติมาก่อนแล้ว เพราะว่าทางยูเนสโกจะส่งข่าวมาเป็นระยะว่ากระบวนการพิจารณาถึงขั้นตอนไหนแล้ว ถ้าข้อมูลไม่สมบูรณ์จะต้องแก้ไขตรงไหนบ้าง" แหล่งข่าวกล่าว
สำหรับเรื่อง นวดไทย แหล่งข่าวก็ระบุว่าข้อมูลก็เสร็จสมบูรณ์ไปแล้ว "ความจริงทำควบคู่ไปกับโขน แต่ทางยูเนสโกรับพิจารณาปีละหนึ่งเรื่องเท่านั้นจึงต้องเอาเก็บไว้ในขึ้นทะเบียนในรอบหน้า"
วันประกาศผล การประกาศครั้งนี้มีขึ้นในที่ประชุมคณะกรรมการร่วมระหว่างรัฐบาลเพื่อการสงวนรักษามรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของยูเนสโก ครั้งที่ 13 ระหว่างวันที่ 26 พ.ย.-1 ธ.ค. 2561 ที่เมืองพอร์ตหลุยส์ สาธารณรัฐมอริเชียส ซึ่งมีผู้แทนจาก 181 ประเทศภาคีอนุสัญญาว่าด้วยการสงวนรักษามรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของยูเนสโกเข้าร่วมประชุม
ในปีนี้ที่ประชุมพิจารณาและประกาศให้ขึ้นทะเบียนศิลปะการแสดงโขนในประเทศไทย (Khon, masked dance drama in Thailand) อยู่ในรายการตัวแทนมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ (Representative List of the Intangible Cultural Heritage of Humanity)
ข้อมูลจากกระทรวงวัฒนธรรม ระบุว่า โขน เป็นนาฏศิลป์และศิลปะชั้นสูงที่เก่าแก่ของไทยที่มีมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา มีเอกลักษณ์โดดเด่น รวมศาสตร์และศิลป์หลายแขนงเข้าไว้ด้วยกัน ทั้งนาฏศิลป์ ดนตรี วรรณกรรม พิธีกรรม และงานช่างฝีมือต่าง ๆ
โขนถือเป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมร่วมกันในอาเซียนที่ปรากฏในหลายประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ คือ เมียนมา อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ กัมพูชาและไทย โดยรับเอาวัฒนธรรมมาจากประเทศอินเดีย ซึ่งดัดแปลงจากวรรณกรรมเรื่องรามายณะและมีการพัฒนารูปแบบของการแสดงโขนในแบบฉบับของตนเองจนเป็นเอกลักษณ์
ในปีนี้ยูเนสโกยังได้ประกาศรับรอง "ละครโขน" (Lkhon Khol Wat Svay Andet) ซึ่งเป็นการแสดงโขนรูปแบบหนึ่งจากประเทศกัมพูชา เป็นมรดกวัฒนธรรมอันจับต้องไม่ได้ที่ต้องได้รับการปกป้องอย่างเร่งด่วน (Intangible Cultural Heritage in Need of Urgent Safeguarding)
ดนตรีเร็กเก ศาสตร์การทำน้ำหอม ไปจนถึงการจัดการกับความเสี่ยงหิมะถล่ม
ส่วนมรดกทางศิลปวัฒนธรรมของประเทศอื่น ๆ ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนในปีนี้รวมถึง "ดนตรีเร็กเก" ของจาเมกา, "ดอนดัง ซายัง" ซึ่งเป็นการแสดงดนตรีและบทกวีในมาเลเซีย, พิธีกรรมของญี่ปุ่นที่เรียกว่า "ไรโฮชิน" ซึ่งเป็นการสวมหน้ากากและแต่งกายเลียนแบบเทพเจ้าที่ไปเยือนบ้านเรือนผู้คนในช่วงต้นปีหรือช่วงเปลี่ยนฤดูกาล, ศาสตร์การทำน้ำหอมในชุมชน Pays de Grasse ของฝรั่งเศส, ศาสตร์การอาบสมุนไพรตามตำราแพทย์แผนโบราณของชาวทิเบตในจีน และศาสตร์การจัดการความเสี่ยงการเกิดหิมะถล่มในสวิตเซอร์แลนด์และออสเตรีย เป็นต้น