ต้นศรีมหาโพธิ์ พระพุทธเจ้า สหชาติ

รู้จัก 7 สหชาติของพระพุทธเจ้าและความหมายของ สหชาติ

คำว่า 'สหชาติ' นั้นหมายถึง ผู้เกิดร่วมด้วย หมายถึง บุคคล (ตลอดจนสัตว์และสิ่งของ) ที่เกิดร่วมวันเดือนปีเดียวกัน , ผู้ที่เกิดร่วมปีกัน โดยเมื่อเจ้าชายสิทธัตถะประสูตินั้นได้เกิดสหชาติทั้ง 7 ดังต่อไปนี้

Home / พระสงฆ์/เกจิอาจารย์ / รู้จัก 7 สหชาติของพระพุทธเจ้าและความหมายของ สหชาติ

ในวันเพ็ญเดือน 6 วันที่พระกุมารประสูตินั้น มีมนุษย์และสัตว์กับสิ่งซึ่งเป็นสหชาติมงคลบังเกิดร่วมถึง 7 อัน โดยความหมายของคำว่า ‘สหชาติ’ นั้นหมายถึง ผู้เกิดร่วมด้วย หมายถึง บุคคล (ตลอดจนสัตว์และสิ่งของ) ที่เกิดร่วมวันเดือนปีเดียวกัน , ผู้ที่เกิดร่วมปีกัน โดยเมื่อเจ้าชายสิทธัตถะประสูตินั้นได้เกิดสหชาติทั้ง 7 ดังต่อไปนี้

สหชาติ ทั้ง 7 ของพระพุทธเจ้า

สหชาติ
  1. พระนางพิมพา
    หรือพระนางยโสธรา เป็นพระราชบุตรีของพระเจ้าสุปปพุทธะ กรุงเทวทหะ เป็นพระชายาของเจ้าชายสิทธัตถะเมื่อมีพระชนม์ได้ 16 พรรษา เป็นพระมารดาของพระราหุล ภายหลังออกบวชมีนามว่า พระภัททกัจจานา
  2. พระอานนท์
    เป็นเจ้าชายในศากยวงศ์ โอรสของพระเจ้าสุกโกทนะ ซึ่งเป็นพระเจ้าอาของเจ้าชายสิทธัตถะ ท่านออกบวชในพุทธศาสนา และได้รับเลือกเป็นพระอุปัฏฐากประจำพระองค์ของพระพุทธเจ้า ได้รับยกย่องเป็นเอตทัคคะในหลายด้าน ท่านบรรลุพระอรหันต์หลังจากพระพุทธเจ้าปรินิพพานแล้ว 3 เดือน เป็นกำลังสำคัญในคราวทำปฐมสังคายนา ท่านดำรงชีวิตสืบมาจนถึงอายุได้ 120 ปี จึงปรินิพพานในอากาศเหนือแม่น้ำโรหิณี ซึ่งเป็นเส้นกั้นแดนระหว่างแคว้นของพระญาติสองฝ่ายคือศากยะ และโกลิยะ
  3. นายฉันนะ
    เป็นอำมาตย์คนสนิท และเป็นสารถีของเจ้าชายสิทธัตถะในวัง เมื่อเสด็จออกบรรพชาขณะมีพระชนม์ได้ 29 พรรษา นายฉันนะตามเสด็จไปด้วยและนำเครื่องอาภรณ์พร้อมทั้งคำกราบทูลของเจ้าชายสิทธัตถะกลับกรุงกบิลพัสดุ์ ภายหลังบวชเป็นภิกษุถือตัวว่าเป็นคนใกล้ชิดพระพุทธเจ้ามาแต่เก่าก่อน ใครว่าไม่ฟังเกิดความบ่อย ๆ หลังจาก พระพุทธเจ้าปรินิพานแล้ว ถูกสงฆ์ลงพรหมทัณฑ์หายพยศและได้สำเร็จเป็นพระอรหันต์
  4. อำมาตย์กาฬุทายี
    เป็นพระสหายสนิทของเจ้าชายสิทธัตถะ เมื่อครั้งยังทรงพระเยาว์พระเจ้าสุทโธนะส่งไปทูลเชิญพระศาสดาเพื่อเสด็จมากรุงกบิลพัสดุ์ อำมาตย์กาฬุทายีไปเผ้าพระศาสดาที่กรุงราชคฤห์ ครั้นได้ฟังพระธรรมเทศนาบรรลุพระอรหันต์ อุปสมบทเป็นภิกษุแล้วทูลเชิญพระศาสดาพร้อมด้วยภิกษุสงฆ์เสด็จกรุงกบิลพัสดุ์ ท่านได้รับยกย่องว่าเป็นเอตทัคคะ ในบรรดาผู้ทำตระกูลให้เลื่อมใส
  5. ม้ากัณฐกะ
    ม้าพระที่นั่งของเจ้าชายสิทธัตถะ ตัวม้ายาวจากคอถึงหาง 18 ศอก ส่วนสูงก็เหมาะสมกับส่วนยาว มีสีขาวผ่องเหมือนเปลือกหอยสังข์ที่ขาวสะอาด ในราตรีที่เจ้าชายสิทธัตถะเสด็จหนีออกจากพระราชวัง เพื่อเสด็จออกบรรพชา การเดินทางครั้งนี้มีนายฉันนะเกาะหางม้ากัณฐกะไปด้วย ม้ากัณฐกะเดินทางถึงแม่น้ำอโนมาใช้เวลาเที่ยงคืนถึงเช้าระยะทาง 30 โยชน์ ( 480 กิโลเมตร) กระโดดครั้งเดียวก็ข้ามแม่น้ำอโนมา เมื่อข้ามฝั่งแม่น้ำแล้วเจ้าชายสิทธัตถะจึงรับสั่งว่า กัณฐกะเจ้าจงกลับไปยังเมืองกบิลพัสดุ์เถิด ม้ากัณฐกะจึงเหลียวมองไปทางเจ้าชายสิทธัตถะ พอเจ้าชายลับสายตาไป ม้าก็ถึงแก่ความตายเนื่องจากเสียใจ และได้ไปเกิดอยู่ในดาวดึงส์ มีชื่อว่า “กัณฐกเทวบุตร”
  6. ต้นศรีมหาโพธิ์
    ต้นพระศรีมหาโพธิ์ต้นที่ 1 เกิดพร้อมกับเจ้าชายสิทธัตถะ โดยต้นโพธิ์ต้นนี้มีอายุ 305 ปี (ต้นโพธิ์ตรัสต้นที่ 2 มีอายุ 891 ปี ต้นที่ 3 มีอายุ 1,227 ปี ต้นโพธิ์ตรัสรู้ปัจจุบันเป็นหน่อที่ 4 ปลูกราว พ.ศ. 2434 ) เจ้าชายสิทธัตถะขณะที่มีพระชนมายุได้ 35 พรรษา ทรงบำเพ็ญเพียรจนตรัสรู้อนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ ในวันเพ็ญ เดือน 6 ใต้ต้นโพธิ์ศรีมหาโพธิ ภายในป่าสาละ ใกล้แม่น้ำเนรัญชรา ตำบลอุรุเวลาเสนานิคม แคว้นมคธ (ปัจจุบันคือ ตำบลพุทธคยา แขวงเมืองอุรุเวลาเสนานิคม ของรัฐพิหาร)
  7. ขุมทรัพย์ทั้งสี่
    ขุมทรัพย์ทั้ง 4 หรือนิธิกุมภี คือขุมทอง 4 ขุม ได้แก่ ขุมทองสังขนิธี ขุมทองเอลนิธี ขุมทองอุบลนิธี ขุมทองปุณฑริกนิธี เกิดด้วยบุญบารมีของเจ้าชายสิทธัตถะ ได้บังเกิดขึ้นที่มุมกำแพงพระนครทั้ง 4 ด้านในวันที่พระพุทธเจ้าทรงประสูติโดยลึกไปจดที่สุดของแผ่นดิน เกิดขึ้นเพื่อให้เจ้าชายสิทธัตถะเลือก ถ้าอยากเป็นกษัตริย์ครองเมืองก็จะได้ใช้ขุมทรัพย์นี้มาบริหาร แต่เมื่อเลือกผนวชขุมทรัพย์พวกนี้ก็หายไปเพราะไม่จำเป็นต้องใช้ ขุมทรัพย์ทั้ง 4 นั้นเป็นขุมทรัพย์ที่เกิดขึ้นมาพร้อมกับผู้มีบารมี เป็นสัญลักษณ์ของผู้มีบุญญาธิการ

โดยทั้ง 7 สหชาติที่กล่าวมาข้างต้นนั้น มิใช่สิ่งที่จะเกิดขึ้นในทุกคน หากแต่มีเพียงมหาบุรุษผู้มีบุญญาธิการเท่านั้นที่จะมีสหชาติมงคลได้นั่นเอง สมดั่งบทสวดสรรเสริญพระพุทธคุณท่อนที่ว่า

“อิติปิโส ภะคะวา อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ วิชา จะระณะ สัมปันโน สุคะโต โลกะวิทู
อนุตตะโร ปุริสะธัมมะสาระถิ สัตถา เทวมนุสสานัง พุทโธภะคะวาติ”

พระพุทธคุณ แม้เพราะอย่างนี้ พระผู้มีพระภาคเจ้านั้น เป็นพระอรหันต์ผู้บริสุทธิ์เป็นผู้ควรแนะนำสั่งสอนผู้อื่น ควรได้รับความเคารพบูชา เป็นผู้ตรัสรู้ชอบเอง เป็นผู้ถึงพร้อมด้วยวิชา และความประพฤติ เป็นผู้เสด็จไปดีแล้ว เป็นผู้รู้แจ้งโลก เป็นสารถีฝึกบุรุษที่ฝึกได้ ไม่มีใครยิ่งไปกว่าเป็นศาสดาของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย เป็นผู้ตื่นและเบิกบานแล้ว และเป็นผู้จำแนกแจกแจงธรรม

เนื้อหาอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง

ต้นพระศรีมหาโพธิ์ 1 ใน 7 สหชาติของพระพุทธเจ้าตั้งอยู่ที่ใด

รู้จัก ธงฉัพพรรณรังสี 6 รัศมีที่แผ่ออกมาจากพระวรกายของพระพุทธเจ้า

พิธีตักดินมหามงคล และตักน้ำศักดิ์สิทธิ์ วัดต้นโพธิ์ศรีมหาโพธิและวัดธรรมาราม