การจะเปลี่ยนงานฝีมือจากใบตองมาเป็นงานผ้า เรียกว่าไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะนอกจากจะเป็นงานที่ต้องเปลี่ยนวัสดุไปโดยสิ้นเชิงแล้ว ฝีมือในงานประดิษฐ์ก็ต้องเริ่มต้นใหม่ทั้งหมด อย่าง “บายศรีผ้า” ต้องอาศัยความปราณีต และความตั้งใจเพราะเป็นของบูชา ปัจจุบันกลายเป็นหนึ่งทางเลือกของผู้คนที่ไม่ต้องการทิ้งบายศรีใบตองโดยไม่ถูกวิธี
ศุภพิชญ์ โสมดี เจ้าของธุรกิจ “บายศรีผ้าศุภพิชญ์” เล่าว่า เป็นเวลากว่า 10 ปี แล้วที่เธอทำบายศรีจากใบตอง โดยมีความเชี่ยวชาญการทำบายศรีทุกประเภท ทั้งแบบให้ลูกค้ามารับที่บ้าน และออกนอกสถานที่เพื่อทำบายศรีประกอบงานพิธีสำคัญต่างๆ รู้ลึกถึงข้อมูลบายศรีแต่ละประเภทว่าเหมาะกับการนำไปประกอบการพิธีอะไร ซึ่งนอกจากงานฝีมือจะประณีตถูกใจลูกค้าแล้ว เธอยังเน้นที่ความสะอาดทั้งร่างกายและจิตใจ เพราะเธอระลึกอยู่เสมอว่ากำลังทำของสำหรับบูชาพระ และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ
แต่ต่อมามีลูกค้าแนะนำให้ลองเปลี่ยนมาเป็นงานผ้าบ้าง เนื่องจากลูกค้าไม่ต้องการเปลี่ยนบายศรีปากชามบ่อย (ใช้บูชาเทพยดา ครูอาจารย์ มีขายทั่วไป) รวมถึงบางครั้งยังติดปัญหาเรื่องการนำไปทิ้ง เนื่องจากระยะหลังๆ มีกฎห้ามทิ้งขยะลงแม่น้ำ จึงต้องจำใจนำไปทิ้งตามถังขยะ ซึ่งเป็นเรื่องที่ผิด และลูกค้ารู้สึกไม่สบายใจ
เธอจึงเริ่มศึกษางานบายศรีผ้าอย่างจริงจัง ลองซื้อผ้าหลากหลายชนิดมาลองเย็บขึ้นรูป สุดท้ายมาลงตัวที่ผ้าสีเขียวคล้ายใบตองจากประเทศญี่ปุ่นราคาตกเมตรละร้อยกว่าบาท (เมื่อ 10 ปีที่แล้ว) ซึ่งเธอลองผิดลองถูกเพียง 3-4 เดือน ก็สามารถทำบายศรีผ้าออกมาให้ดูเหมือนงานใบตองมากที่สุด ซึ่งนอกจากเลือกใช้ผ้าสีเขียวในการตัดเย็บแล้ว ยังนำดอกบัว จากโครงการศูนย์ศิลปาชีพ บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา ที่ทำจากผ้าไหมมาประดับตกแต่งด้วย ส่วนโครงของบายศรีทุกแบบ จะใช้กระดาษแข็งสีขาวสะอาดสั่งตรงจากโรงพิมพ์ ไม่ใช้กระดาษแข็งรีไซเคิล แม้จะอยู่ส่วนข้างในลูกค้าไม่เห็นก็ตาม แต่เธอยึดหลักที่ว่าวัสดุทุกอย่างที่นำมาบายศรีผ้าต้องสะอาด เพราะเป็นของสูงสำหรับบูชาเทพเจ้า สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เคารพนับถือ
หลังจากที่ศุภพิชญ์ เลือกทำบายศรีผ้า รู้สึกสบายใจที่จะทำงานตรงนี้ ทำให้ให้ปัจจุบันเธอไม่ได้ทำงานใบตองแล้ว จากการทำงานผ้าที่สะอาดกว่างานใบตอง ลูกค้านำไปตั้งบูชาได้มากกว่า 10 ปี โดยไม่ต้องกังวลเรื่องฝุ่น เพราะความพิเศษของผ้าชนิดนี้จะไม่จับฝุ่น หรือหากลูกค้านำไปใส่ตู้กระจก รับประกันได้เลยว่าจะกลายเป็น 'บายศรีอมตะ' ไม่ต้องเปลี่ยนอีกต่อไป แถมพานที่ทางร้านเลือกใช้ก็พานสเตนเลสอย่างดีไม่ดำ และถ้าลูกค้าต้องการความหอมก็เพียงฉีดน้ำอบไทยปะพรมลงบนเนื้อผ้าได้
ด้วยความที่เป็นบายศรีไม่ต้องเปลี่ยนบ่อยเหมือนงานใบตอง ทำให้ราคาสูงกว่างานใบตองประมาณ 3-4 เท่าตัว แต่ลูกค้ายอมรับได้ เพราะตั้งบูชาได้นานเป็น 10 ปี โดยราคาเริ่มต้นอยู่ที่คู่ละ 900 บาท เป็นบายศรีปากชามโตกเล็ก ตั้งบูชาเพื่อรับเงินรับทอง เหมาะกับการเปิดร้านใหม่ ส่วนราคาสูงที่สุดจะอยู่ที่หลักพัน นอกจากนี้ทางร้านยังมีผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับงานบายศรี ได้แก่ รัตน์เกล้า , พุ่ม, จักร,โตก ที่สามารถจัดส่งทางไปรษณีย์ได้ ส่วนบายศรีผ้า จะต้องให้ลูกค้ามารับเองที่หมู่บ้านบัวทอง ถ.กาญจนาภิเษก อ.บางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี หรือมาเลือกซื้อสินค้าได้ตามงานออกบูธต่างๆ แต่ต้องโทรมาสอบถามก่อน ได้ที่ 08-6889-5713, 08-0550-6782 หรือที่ www.fabricbaisri.com
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SME ผู้จัดการออนไลน์" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมายคลิกที่นี่เลย!! * * *
