xs
xsm
sm
md
lg

เหมือนที่สุดในโลก! คลี่ชีวิต "หวัง แจ็คสัน" เงาไมเคิล แจ็คสัน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


เป็นการสัมภาษณ์ที่ตื่นเต้น และมหัศจรรย์มากๆ เพราะแรกพบสบตาผ่านแว่นกันแดดสีดำของผู้ชายที่อยู่ตรงหน้า ทำให้ต้องตบตีกับความคิดตัวเองอยู่หลายครั้งหลายคราว่านี่ไม่ใช่ "ไมเคิล แจ็คสัน" แต่เป็น "เงา" ของเขาเท่านั้น

"หวัง แจ็คสัน" คือคนที่กำลังพูดถึง เขาเป็นนักแสดงฮอลลีวูดเชื้อสายจีนวัย 36 ปีที่ได้รับการยกย่องให้เป็นคนที่เหมือน "ไมเคิล แจ็คสัน" มากที่สุดในโลก 

"จริงๆ แล้ว โครงหน้า และรูปร่างของผม มีความคล้ายกับไมเคิล แจ็คสันอยู่นะ ส่วนที่เหลือก็มีการแต่งหน้าเพิ่มเอาเท่านั้น เช่น ลงเฉดดิ้ง เพิ่มมิติให้ใบหน้า หรือไฮไลต์จมูกให้ดูโด่ง" เขาเริ่มต้นตอบคำถามแรกผ่านล่ามภาษาจีน เพราะเป็นสิ่งที่หลายคนสงสัยว่าทำไมถึงเหมือนราวกับอดีตราชาเพลงป๊อปได้ฟื้นคืนชีพขึ้นมา ก่อนจะยืนยันเสียงแข็งว่า "ผมไม่ได้ศัลยกรรม หรือทำอะไรแบบนั้นเลยนะครับ"

กำเนิด "เงา" King of Pop ระดับตำนาน



แม้สวรรค์จะปั้นแต่งให้เขามีส่วนคล้ายกับอดีตราชาเพลงป๊อปผู้ล่วงลับ แต่พรสวรรค์การเต้น การร้อง และการโชว์ในแบบของ "ไมเคิล แจ็คสัน" ยากที่ใครจะเลียนแบบ และต้องอาศัยพรแสวงอย่างหนัก

"กว่าจะออกมาเป็น ไมเคิล แจ็คสัน ผมใช้เวลาแต่งหน้าแต่งตัว 10-15 นาที หรือบางทีก็ครึ่งชั่วโมง ขึ้นอยู่กับอารมณ์ของช่างแต่งหน้า" เขาบอก แต่กว่าจะกลายมาเป็นก๊อบปี้โชว์ในวันนี้ ต้องใช้เวลาฝึกซ้อมอยู่หลายปี 
"ผมซ้อมเต้นอยู่ประมาณ 2 ปีถึงจะเริ่มมีโชว์เป็นของตัวเอง ตอนขึ้นโชว์ครั้งแรกผมทำได้เละมาก (ยิ้ม) ตอนนั้นไม่รู้ด้วยซ้ำว่ากำลังทำอะไรอยู่ คือมันแบบ..ค่อนข้างแย่พอสมควร"

ถึงวันนี้ 15 ปีแล้วที่เขาสวมบทบาทเป็นไมเคิล แจ็คสัน จากเต้นไม่เป็น พัฒนาฝึกซ้อมจนกลายมาเป็นโชว์ที่สุดยอด และประทับใจแฟนเพลงทั้งโลก ส่วนเหตุผลว่าทำไมถึงต้องเป็นนักร้องผู้ยิ่งใหญ่ท่านนี้ เขาเฉลยไว้แล้วในบรรทัดด้านล่างนี้


ไม่มี "เขา" วันนั้น ไม่มี "ฉัน" วันนี้




"ชื่อไมเคิล แจ็คสันเข้ามาในชีวิตผมเมื่อตอนอายุ 20 ปี" เขาเล่าย้อนให้ฟังถึงจุดเริ่ม ก่อนเผยถึงเส้นทาง "ก๊อบปี้โชว์" ที่คนทั่วโลกให้การยอมรับในวันนี้

"ผมได้รู้จักราชาเพลงป๊อปจากแผ่นซีดีที่เพื่อนหยิบยื่นให้ดู ตอนนั้นเพื่อนบอกผมว่า มาๆ เดี๋ยวจะให้ดูอะไรสนุกๆ พอเปิดดูผมก็รู็สึกเซอร์ไพรส์มากๆ ผมไม่เข้าใจว่า ไมเคิล แจ็คสันเต้นแบบนั้นได้ยังไง โดยเฉพาะท่ามูนวอล์กที่เหมือนเท้าไม่ได้อยู่กับพื้น คือมันมหัศจรรย์มากๆ และนั่นจึงเป็นจุดเริ่มต้นที่ดึงดูดให้ผมฝึกเต้น แม้ตอนแรกจะยากลำบาก เพราะต้องใช้พื้นที่กว้าง และค่อนข้างลื่น ผมจึงเข้าไปฝึกในห้องเย็นสมัยที่ผมทำงาน เนื่องจากพื้นมันมีน้ำแข็งหน่อยๆ ตอนนั้นคือ ล้มแล้วล้มอีก"


ปัจจุบันเขาเป็นที่ชื่นชอบของแฟนๆ ของแจ็คสันทั่วโลก และเปิดโชว์มาแล้วกว่า 30 ประเทศ โดยในปีที่ผ่านมา เขาได้เดินสายจัดแสดงในหลายประเทศ อาทิ ลอสแองเจลิส, นิวยอร์ก, ลาสเวกัส, สหราชอาณาจักร, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์, เกาหลีใต้, ญี่ปุ่น, ออสเตรเลีย, นิวซีแลนด์, แอฟริกาใต้ เป็นต้น


I Love Thailand




ล่าสุดกำลังจะมีโชว์ Wang Jackson World Tour-Bangkok Thailand ขึ้นที่ประเทศไทย ในวันที่ 30 กันยายนนี้ ณ เจเจ มอลล์ สวนจตุจักร ซึ่งเป็นคอนเสิร์ตที่เขาอยากชวนแฟนเพลงชาวไทยมาร่วมรำลึกถึง King of Pop ด้วยโชว์ที่เตรียมมาเซอร์ไพรส์คนไทยโดยเฉพาะ

"นี่เป็นครั้งแรกที่ได้มาเยือนประเทศไทย ซึ่งเป็นประเทศที่สวยงาม ผมรู้สึกว่า ผมชอบอากาศ ชอบบรรยากาศ รวมไปถึงคนไทยที่มีจิตใจดี ส่วนอาหารไทยก็อร่อยมาก เหมาะกับผมมาก (ยิ้ม) อย่างต้มยำกุ้ง ผมชอบมาก และนี่คือเหตุว่าทำไมผมเลือกมาเปิดโชว์ที่เมืองไทย เพราะส่วนตัวชอบประเทศไทยเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว อีกอย่างคือ ผมเชื่อว่า คนไทยจำนวนไม่น้อย เป็นแฟนเพลงของไมเคิล แจ็คสัน และหลายคนก็คิดถึงอดีตราชาเพลงป๊อปผู้ล่วงลับท่านนี้"


ดังนั้น การได้มาร่วมแบ่งปันประสบการณ์กับแฟนเพลงของแจ็คสันในประเทศไทย เป็นความรู้สึกที่พิเศษมากๆ


"ทุกคนที่คิดถึงไมเคิล แจ็คสัน ผมอยากให้มาดูโชว์ของผมในครั้งนี้ เพราะเป็นการรำลึกถึงแจ็คสัน ซึ่งจะมีทั้งเพลงที่เคยได้ยินได้ฟังกันมาแล้ว หรืออาจไม่เคยได้ยินได้ฟังที่ไหนมาก่อน แม้ว่าผมจะเป็นเงา หรือก๊อบปี้โชว์เป็นแจ็คสัน แต่ผมไม่ใช่คนที่สำคัญที่สุดในงาน ทุกคนคือคนสำคัญที่จะได้มาร่วมรำลึก และพบปะพูดคุยกัน มันเป็นอะไรที่พิเศษมากๆ และผมได้เตรียมเซอร์ไพรส์สำหรับคนไทยโดยเฉพาะ ต้องไปเจอกันที่งานคอนเสิร์ตครับ ผมจะรอพวกคุณอยู่ที่นั่น"


ความสุข ความรัก ความทรงจำ




เมื่อถามถึงการเปิดโชว์ในหลายประเทศทั่วโลก ทุกคนมีความสุข ความสนุกกับเสียงเพลง และท่าเต้นของไมเคิล แจ็คสันผ่านตัวเขา แม้รู้ดีว่าบนเวทีนั้นไม่ใช่ตัวจริงก็ตาม

"แฟนเพลงของไมเคิล แจ็คสันน่ารักกันทุกคน อย่างที่ดูไบ มีคนในราชวงศ์ หรือคนในรัฐบาลมาดูโชว์ของผม นอกจากนั้นยังมีแฟนเพลงอีกจำนวนมากที่มาดูเพราะคิดถึงไมเคิล แจ็คสัน ที่น่าประทับใจคือ เจ้าชายแห่งดูไบมอบเสื้อของแจ็คสันที่พระองค์ได้เก็บเอาไว้ให้แก่ผม หรือตอนไปเล่นคอนเสิร์ตที่แอฟริกา ทีมงานดีไซเนอร์ของแจ็คสันได้ออกแบบชุดให้ผม ซึ่งเป็นชุดที่แจ็คสันใส่มาแอฟริกาครั้งแรก


หลังจากนั้นได้พาผมไปศูนย์เด็กกำพร้า ซึ่งผมได้มีโอกาสได้ช่วยเหลือเด็กๆ และร้องเพลงให้พวกเขาฟัง ซึ่งนับเป็นโอกาสที่ดีมาก เพราะเมื่อครั้งแจ็คสันยังมีชีวิตอยู่ เขาให้ความช่วยเหลือเด็กๆ อยู่ตลอด และผมก็ยินดีเดินตามรอยเขา แม้เขาจะจากโลกนี้ไปแล้ว แต่อย่างน้อยๆ ก็ทำให้เด็กๆ หรือแฟนเพลงสัมผัสได้ว่า จิตวิญญาณของเขายังอยู่ และที่น่าดีใจคือ ปลายเดือนธันวาคมนี้ ทางแอฟริกาจะจัดคอนเสิร์ตสุดยิ่งใหญ่เพื่อให้แฟนเพลงทั่วโลกได้มารวมตัวกันที่นี่"




ดังนั้น ความสุขในวันนี้คือความสุขที่ได้เป็นผู้ให้และผู้รับในเวลาเดียวกัน

"ผมแค่คนคนหนึ่งที่สวมบทเป็นไมเคิล แจ็คสัน และได้แชร์ความเป็นเขาให้ทุกคนได้รำลึกกันต่อไป แม้วันนี้จะถูกยกย่องให้เหมือนไมเคิล แจ็คสันมากที่สุดโลก แต่ผมไม่ใช่คนสำคัญที่สุด ทุกคนที่มาร่วมดูโชว์ต่างหาก คือคนสำคัญที่สุด ถามว่าเหนื่อยไหมกับการเป็นเงาของแจ็คสัน ผมไม่เหนื่อยเลย เพราะนี่คือการได้ทำงาน และได้ทำในสิ่งที่ผมรัก


การที่ผมได้มาทำแบบนี้ อย่างน้อยๆ ก็ทำให้เด็กๆ รุ่นหลังได้รู้สึกถึงการมีอยู่ของไมเคิล แจ็คสัน และไม่ลืมในสิ่งที่เขาได้ทำไว้กับโลกใบนี้ ถึงแม้จะยากลำบาก ขนาดไหน แต่ทุกคนให้การยอมรับผม แค่นี้ผมก็รู้สึกว่ามันคุ้มค่าแล้ว เพราะการเป็นแจ็คสัน ให้อะไรกับผมเยอะมาก ทำให้เด็กยากจนคนหนึ่งในมณฑลเหอเป่ย (ทางทิศเหนือของจีน) ลุกขึ้นมาเต้น มาร้อง และเปิดโชว์สร้างความสุขให้แก่ผู้คนบนโลก แถมยังมีโอกาสเดินทางไปทั่วโลก ได้ช่วยเหลือเด็กๆ ซึ่งนับว่าเป็นโอกาสที่ดีมากๆ"




ถามว่าถ้าไม่ได้เป็น "เงา" ของไมเคิล แจ็คสัน คิดว่าตอนนี้กำลังทำอะไรอยู่ "ผมก็อาจจะเป็นคนทำงานอยู่ในร้านอาหาร หรือไม่ก็อาจเป็นนักแสดงก็ได้" นี่คือสิ่งที่เขาบอก ก่อนจะเผยถึงความสามารถด้านอื่นๆ เช่น ด้านคอมพิวเตอร์ เพราะเป็นสายการเรียนที่เขาได้ร่ำเรียนมา นอกจากนั้นยังชอบ "วาดรูป" เป็นงานอดิเรกอีกด้วย

"ผมชอบวาดต้นไผ่ของจีนครับ" เขาบอก "อย่างตอนนี้ก็ยังวาดอยู่ ถ้ามีกระดาษกับปากกา ผมก็วาดได้ละ (ยิ้มเห็นฟันขาว)"


ปัจจุบันยังไม่มีครอบครัว และที่สำคัญคือ "ผมยังโสดครับ" เขาพูดด้วยท่าทีเขินอาย

ส่วนอนาคตต่อจากนี้ "ผมอยากส่งต่อความเป็นไมเคิล แจ็คสันให้คนรุ่นหลังต่อไป" เขาเอ่ยขึ้น "ใครที่อยากเป็นเหมือนไมเคิล แจ็คสัน ผมยินดีสอนเต้นทุกอย่าง และพาพวกเขาเหล่านี้ไปจัดแสดงทั่วโลก"

ครั้งหนึ่ง ณ บ้าน "แจ็คสัน"




ไม่ถามไม่ได้ถึงความรู้สึกที่ครั้งหนึ่งได้มีโอกาสไปเจอครอบครัว "แจ็คสัน"

"ครั้งนั้นเป็นโชคดีของผมมาก ผมไปงานรำลึกไมเคิล แจ็คสัน และเคารพหลุมศพของเขาที่ Neverland Ranch ในเมืองซานต้า บาร์บาร่า รัฐแคลิฟอร์เนีย หลังจากนั้นมีเพื่อนของแจ็คสันมาเจอ เพราะผมไปแบบจัดเต็ม (หัวเราะ) เขาก็ตกใจ แล้วพาผมไปพบกับครอบครัวแจ็คสัน ผมได้เข้าไปในบ้าน และมีโอกาสเข้าไปในห้องนอนของไมเคิล แจ็คสันด้วย ที่สำคัญคือ ได้เจอพี่ชายทั้ง 4 คนของเขา ซึ่งความรู้สึกในขณะนั้น ทุกคนพูดไม่ออก ได้แต่เข้ามาโผกอดผมเสมือนผมเป็นน้องชายจริงๆ ของพวกเขา

หลังจากออกมาจาก Neverland สิ่งที่ผมทำคือ นั่งนิ่งๆ เกือบๆ 2 ชั่วโมงเพื่อนึกถึงภาพและความรู้สึกที่ผมเพิ่งเจอมา มันบอกความรู้สึกไม่ถูก แต่ก็มีความสุขที่ได้ทำให้ครอบครัวได้รู้สึกว่า ไมเคิล แจ็คสันของเขาฟื้นคืนชีพขึ้นมาอยู่ตรงหน้า แม้ว่ามันไม่ใช่ความจริงก็ตาม แต่อย่างน้อยๆ มันก็คือช่วงเวลาที่มีความสุขมาก



ครอบครัวแจ็คสัน เป็นครอบครัวที่น่ารักมากครับ และที่ที่เขาอยู่ มันมหัศจรรย์มาก ทั้งตัวบ้าน และสภาพแวดล้อม ผมได้มีโอกาสเต้นเพลงของแจ็คให้พวกเขาดู จากนั้นผมก็จากลา น้ำตาผมก็ไหลออกมาไม่รู้ตัว ซึ่งผมไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าทำไมถึงต้องร้องไห้ออกมา ผมแค่รู้สึกซาบซึ้งใจที่ได้ฉายความเป็นไมเคิล แจ็คสันให้พวกเขาได้สัมผัสอีกครั้ง"

เขาไม่ใช่คนแบบนั้น...

ปฏิเสธไม่ได้ว่า เมื่อครั้งที่ไมเคิล แจ็คสันยังมีชีวิตอยู่ มีหลายๆ ข่าวที่ทำให้เขาถูกผู้คนตั้งคำถาม ไม่ว่าจะสีผิวที่เปลี่ยนไป คดีล่วงละเมิดทางเพศเด็กชาย รวมไปถึงการใช้ชีวิตแบบไม่ถูกสุขอนามัยของเขา ดังนั้นในฐานะที่ติดตามชีวิต และได้พูดคุยกับครอบครัวของแจ็คสัน นี่คือสิ่งที่เขาอยากจะเป็นตัวแทนแก้ข่าวว่า จริงๆ แล้ว ไมเคิล แจ็คสัน ไม่ใช่คนแบบนั้น

"จริงๆ แล้ว หลายๆ ข่าวที่ออกมา มันก็ไม่ได้เป็นความจริงเลย บางข่าวมีการใส่สีตีข่าว อย่างเรื่องผิวขาวของไมเคิล แจ็คสัน เขาไม่ได้ไปทำอะไรให้มันขาวนะ แต่เขาเป็นโรคผิวหนัง และกลัวการโดนแดดมาก ภาพที่ออกมามันก็เลยทำให้หลายๆ คนคิดว่า เขาไปทำผิวให้ขาว หรือคดีการล่วงละเมิดทางเพศเด็กชาย

คือมันไม่เป็นความจริงเลย เพราะพื้นฐานจิตใจของเขาเป็นคนที่รักเด็กมาก ซึ่งข่าวนี้ หลังจากเขาเสียชีวิต ปรากฏว่า ทางคุณพ่อของเด็กเปิดใจรู้สึกผิดที่ตอนนั้นเป็นตัวการทำให้ไอดอลต้องเสียชื่อเสียง โดยคุณพ่อท่านนั้นฆ่าตัวตาย และเขียนจดหมายลาตายเอาไว้ ระบุว่า เขารู้สึกผิดที่ทำอะไรแบบนั้นลงไป เพราะมีคนให้เงินเขาเพื่อไปพูดแบบนั้น"




ดังนั้น ช่วงที่แจ็คสันมีชีวิตอยู่ แน่นอนว่า มีหลายๆ คนจ้องทำลายชื่อเสียงของเขา หรือบางทีก็เพื่อผลประโยชน์ หรืออื่นๆ ที่เราๆ ท่านๆ ก็ไม่อาจทราบได้

"แต่เท่าที่ผมทราบมา แม้ว่าจะมีคนให้ร้ายเขา หรือจ้องทำร้ายเขาสารพัด แต่เขาก็ไม่เคยเอาไปคิดมากอะไรกับคนที่มาทำร้ายเขา ซึ่งเขาก็ยังพยายามให้ความรักแก่ผู้อื่น และช่วยเหลือโลก ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์"

สุดท้ายนี้ ถ้าไมเคิล แจ็คสันนั่งอยู่ตรงหน้า "ผมคงพูดอะไรไม่ออก (ยิ้ม) อาจจะเข้าไปโผกอดแน่นๆ ให้หายคิดถึงมั้งครับ"

ปฏิเสธไม่ได้ว่า แม้จะจากโลกนี้ไป 8 ปีแล้ว แต่บทเพลงและคำพูดของ "ไมเคิล แจ็คสัน" ยังคงอยู่เหนือกาลเวลา และช่วยเยียวยาโลก รวมไปถึงเพื่อนมนุษย์ได้ตามที่เขาเคยมุ่งมั่นอย่างไม่เหน็ดเหนื่อย

"เขายังอยู่ และไม่เคยหายไปจากหัวใจของแฟนเพลง" เงาของไมเคิล แจ็คสันทิ้งทาย

เรื่อง : ปิยะนันท์ ขุนทอง / ล่าม : Junting Lio

ภาพ : พลภัทร วรรณดี / เฟซบุ๊ก Wangjie Jackson
กำลังโหลดความคิดเห็น