แม้ว่าการแสดงนี้ถือได้ว่าเป็นศาสตร์แห่งแสดงที่มีมาตั้งแต่สมัยโบราณ แต่ทว่า เรายังไม่มีหลักฐานเพียงพอที่จะบอกได้ว่าเกิดขึ้นในสมัยใด มีเพียงข้อสันนิษฐานที่ว่า กระตั้วแทงเสือ เป็นการละเล่นที่ใช้เป็นการเบิกโรงอย่างหนึ่งโดยเฉพาะอย่างยิ่งในการเบิกโรงของหนังใหญ่ที่นิยมใช้เรื่องจับลิงหัวค่ำ และกระตั้วแทงเสือ
“กระตั้วแทงเสือ” (The Kratua Thaeng Sua: Thai traditional martial play) เป็นการละเล่นพื้นบ้านที่เล่นเป็นเรื่องเป็นราว มีรูปแบบการละเล่นที่สนุกสนาน สามารถสร้างความบันเทิงใจให้แก่ผู้ชมด้วยศาสตร์แห่งศิลปะการแสดง ซึ่งเป็นรากฐานหนึ่งที่มาจากการละเล่นของหลวงกระอั้วแทงควาย ปัจจุบันการละเล่นกระตั้วแทงเสือยังคงเหลืออยู่ในพื้นที่ฝั่งธนบุรี การละเล่นกระตั้วแทงเสือจะเล่นเป็นเรื่องราวประกอบการร้องและทำนองดนตรีมีเอกลักษณ์และลำดับการสืบทอด ตลอดจนขนบธรรมเนียมประเพณี พิธีกรรมและความเชื่อที่คล้ายคลึงกันด้วยองค์ประกอบของการละเล่น คือ ผู้แสดงมีทั้งผู้หญิง ผู้ชาย มีเนื้อเรื่องนายพราน ล่าเสือ โดยมีตัวแสดง คือ บ้องตัน นางแจ๋ว เจ้าจุก เจ้าแกละ และเสือ มีท่ารำและการแสดงตีลังกาประกอบบทเจรจา การแต่งกายแบบพื้นบ้าน ใช้เครื่องดนตรีทางใต้บรรเลง มีอุปกรณ์คือ หอก กระจาด อีโต้และขวาน
การละเล่นกระตั้วแทงเสือ ยังคงเหลืออยู่ในพื้นที่ฝั่งธนบุรี เนื่องจากฝั่งธนบุรีเป็นพื้นที่ที่มีความหลากหลายของชาติพันธุ์ ส่งผลให้กระแสวัฒนธรรมหลักและกระแสวัฒนธรรมตะวันตกเข้ามามีบทบาทในฝั่งธนบุรีมากขึ้น ซึ่งปัจจุบันการละเล่นกระตั้วแทงเสือ จะพบเห็นในขบวนแห่ในงาน 3 บุญต่าง ๆ เพื่อเป็นสีสันของงานนั้น ๆ โดยทำนองดนตรีส่วนใหญ่ได้ดัดแปลงมาจากละครเรื่องมโนราห์ โดยเห็นได้จากเครื่องดนตรี และทำนองเพลงที่เป็นของทางภาคใต้ เช่น กลองโทน กลองตุ๊ก ส่วนเพลงที่ใช้ขับร้องในการละเล่นส่วนใหญ่จะใช้เพลงตลุงบ้องตัน เป็นต้น
แหล่งอ้างอิง อชิระ ทิศาภาคย์. (2564). กลวิธีการละเล่นกระตั้วแทงเสือ = THE KRATUA THAENG SUA (THAI TRADITIONAL MARTIAL PLAY). กรุงเทพฯ: สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์.