ผญา คติสอนใจประจำวันที่ 14 พฤษภาคม 2567:: อ่านผญา 
บ่ทันได้ต่อนซี้นอย่าฟ้าวอ่าวหาแกง กินบ่ทันลงคออย่าจาคำสิแค้น แปลว่า หาชิ้นเนื้อยังไม่ได้ อย่าเพิ่งคุยจะแกงเนื้อ กินยังไม่ทันกลืนลงคอ อย่าเพิ่งพูด อาหารจะติดคอ หมายถึง ไม่พึงคุยโวโอ้อวด พึงรู้จักเสงี่ยมเจียมตน

การฟ้อนรำพื้นบ้านอีสาน  

เรือมอันเร (ฟ้อนรำพื้นบ้านอีสาน---อีสานจุฬาฯ)
การฟ้อนรำอีสานใต้

  หน้าก่อน หน้าถัดไป
เรือมอันเร

เรือมอันเร

เรือม แปลว่า "รำ"  อันเร  แปลว่า "สาก"  ดังนั้น เรือมอันเร จึงแปลว่า การรำสาก  

การเรือมอันเรนั้น จะเล่นกันในช่วงของวันหยุดสงกรานต์ โดยชาวบ้านจะเล่นเรือมอันเรที่ลานบ้านหรือว่าลานวัด

เครื่องดนตรี การเรือมอันเรมีการใช้เครื่องดนตรีประกอบคือ  กลองโทน 1 คู่ ปี่ใน 1 เลา ซออู้เสียงกลาง 1 คัน ฉิ่ง  กรับ  ฉาบ อย่างละ 1 คู่ และมีอุปกรณ์ประกอบการเล่นเรือมอันเร คือ สาก 2  อัน ยาวประมาณ 2-3 เมตร  ทำจากไม้เนื้อแข็ง มีหมอนวางรองหัว- ท้ายสาก   มีความยาว 1.50 เมตร สูงประมาณ 3-4 นิ้ว

ทำนองและจังหวะในการรำ  ในการรำในสมัยก่อนมีเพียง 3  จังหวะ  คือ จังหวะจืงมูย(ขาเดียว)  จังหวะมลปโดง(ร่มมะพร้าว)  จังหวะจืงปีร์(สองขา)  ต่อมามีการพัฒนาท่ารำเพิ่มขึ้นรวมเป็น 5 จังหวะ  ดังนี้
       จังหวะไหว้ครู
       จังหวะกัจปกา
       จังหวะจืงมูย
       จังหวะมลปโดง
       จังหวะจืงปีร์

ท่าฟ้อนรำ  ในสมัยก่อนไม่มีท่ารำที่เป็นแบบแผนแน่นอน  เพราะว่าเป็นการรำเพื่อความสนุกสนานในยามพักผ่อน  ส่วนมากผู้ที่อยู่ในวงรำสากจะเป็นหญิงล้วน  ส่วนหนุ่มๆจะมาเป็นกลุ่มยืนชมสาวที่กำลังรำอยู่ หากชอบคนไหนก็เข้าไปรำด้วย  แต่ในปัจจุบันการเรือมอันเรได้มีการพัฒนาไปสู่แบบแผน  และเนื่องจากมีการส่งเสริมและฟื้นฟูประเพณีคล้องช้างประจำปี(งานแสดงช้าง)จ.สุรินทร์ การเล่นเรือมอันเร จึงกลายเป็นส่วนประกอบสำคัญของงาน เพราะมีการนำเอาเรือมอันเรมาแสดงในงานช้างทุกปี แลยังใช้แสดงเพื่อต้อนรับแขกบ้านแขกเมืองที่มาเยือนอีกด้วย

เรือมอันเร

การแต่งกาย
แต่เดิมไม่พิถีพิถัน  แต่งกายตามสบาย  แต่หากแต่งให้สวยงามตามประเพณีแต่โบราณ คือ ชาย นุ่งโจงกระเบน   สวมเสื้อคอกลมแขนสั้น  ผ้าขาวม้าคาดเอวและพาดไหล่  
หญิง นุ่งผ้าไหมพื้นเมือง เรียกว่า "ซัมป็วตโฮล" สวมเสื้อแขนกระบอกมีสไบพาดไหล่มามัดรวบไว้ที่ด้านข้าง สวมเครื่องประดับเงิน   และมีดอกไม้ทัดผม



ขอขอบคุณอ้ายโอ๊ต (อดิศักดิ์ สาศิริ) เอื้อเฟื้อข้อมูลและภาพ
  หน้าก่อน หน้าถัดไป
 
Creative Commons License

ชมรมอีสานจุฬาฯ... การฟ้อนรำพื้นบ้านอีสาน