FullText - สืà¸à¸à¹à¸ à¹à¸à¸ à¹à¸¥à¹ à¹à¸£à¸µà¸¢à¸ - à¸à¸£à¸¡à¸à¸£à¸±à¸à¸¢à¸²à¸à¸£à¸à¸£à¸à¸µ
FullText - สืà¸à¸à¹à¸ à¹à¸à¸ à¹à¸¥à¹ à¹à¸£à¸µà¸¢à¸ - à¸à¸£à¸¡à¸à¸£à¸±à¸à¸¢à¸²à¸à¸£à¸à¸£à¸à¸µ
FullText - สืà¸à¸à¹à¸ à¹à¸à¸ à¹à¸¥à¹ à¹à¸£à¸µà¸¢à¸ - à¸à¸£à¸¡à¸à¸£à¸±à¸à¸¢à¸²à¸à¸£à¸à¸£à¸à¸µ
Create successful ePaper yourself
Turn your PDF publications into a flip-book with our unique Google optimized e-Paper software.
“หินทรายผาแต้ม”
เนื่องในปีพุทธศักราช ๒๕๕๔ อันเป็นปีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๘๔ พรรษา ของ<br />
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และในปีพุทธศักราช ๒๕๕๕ เป็นปีแห่งการสถาปนากรมทรัพยากรธรณี<br />
ครบรอบ ๑๒๐ ปี เพื่อแสดงความสำานึกในพระมหากรุณาธิคุณ แสดงความจงรักภักดี และแสดงความมุ่งมั่น<br />
ที่จะปฏิบัติหน้าที่อันจะก่อให้เกิดการเรียนรู้วิชาการด้านธรณีวิทยาอย่างกว้างขวางตามรอยพระยุคลบาท<br />
ที่ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณแก่วิชาการด้านธรณีวิทยาของประเทศอย่างหาที่สุดมิได้ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา<br />
กอปรกับในปีพุทธศักราช ๒๕๕๔ สำานักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่อง<br />
มาจากพระราชดำาริ(สำานักงาน กปร.) ได้รับพระราชทานพื้นที่โรงงานสุราบางยี่ขัน (เดิม) แขวงบางยี่ขัน เขตบางพลัด<br />
กรุงเทพมหานคร เพื่อก่อสร้างอาคารสำานักงานแห่งใหม่เพื่อใช้เป็นสถานที่ปฏิบัติงานของข้าราชการสำ านักงาน กปร.<br />
และเจ้าหน้าที่ของมูลนิธิชัยพัฒนา เพื่อสนองงานพระราชดำาริร่วมกัน โดยอาคารสำานักงานได้จัดพื้นที่จัดแสดง<br />
หินและแร่สัญลักษณ์ของจังหวัด อันจะสื่อถึงพระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและพระบรม-<br />
วงศานุวงศ์ทุกพระองค์ที่ได้เสด็จพระราชดำาเนินไปทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจในทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ<br />
กรมทรัพยากรธรณีโดยคณะกรรมการคัดเลือกและจัดทำาข้อมูลเอกสารหินหรือแร่สัญลักษณ์ของจังหวัด<br />
คณะอนุกรรมการคัดเลือกและจัดทำาข้อมูลเอกสารทรัพยากรธรณีของจังหวัด และคณะอนุกรรมการพิจารณา<br />
จัดทำาสื่อความหมายและเผยแพร่ข้อมูลทรัพยากรธรณีสัญลักษณ์ของจังหวัด ได้ดำาเนินการคัดเลือกทรัพยากรธรณี<br />
ของจังหวัดต่างๆ ให้ถูกต้องและตรงกับข้อเท็จจริงทางวิชาการธรณีวิทยา ซึ่งเป็นลักษณะเด่นของแต่ละจังหวัด<br />
ให้ข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะในการจัดแสดงตัวอย่างทรัพยากรธรณีบริเวณอาคารสำานักงาน กปร. และจัดทำา<br />
สื่อเอกสารและหนังสือทรัพยากรธรณีสัญลักษณ์ของจังหวัด เพื่อเป็นการเผยแพร่องค์ความรู้ ความเข้าใจ และ<br />
ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชน ผู้สนใจทั่วไป และภาคส่วนต่างๆ ได้รับทราบถึงสัญลักษณ์ทรัพยากรธรณีของแต่ละ<br />
จังหวัด และสำานึกในพระมหากรุณาธิคุณในพระราชกรณียกิจที่พระองค์ได้เสด็จพระราชดำาเนินไปทั ่วทุกภูมิภาค<br />
ของประเทศไทย เพื่อดูแลทุกข์สุขของพสกนิกรชาวไทยของพระองค์ รวมทั้งเป็นการปลูกฝังและสร้างจิตสำานึก<br />
ในการนำาความรู้และข้อมูลธรณีวิทยาไปใช้เป็นปัจจัยพื้นฐานและประโยชน์ต่อไปในการสนองพระบรมราโชวาทที่ว่า<br />
“วิชาการทั้งปวงนั้น ถึงจะมีประเภทมากมายเพียงใดก็ตาม แต่เมื่อนำามาใช้สร้างสรรค์สิ่งใด<br />
ก็ต้องใช้ด้วยกัน หรือต้องนำามาประยุกต์เข้าด้วยกันเสมอ อย่างกับอาหารที่เรารับประทาน กว่าจะสำาเร็จรูปขึ้นมา<br />
ให้รับประทานได้ ต้องอาศัยวิชาประสมประสานกันหลายอย่าง และต้องผ่านการปฏิบัติมากมาย<br />
หลายอย่างหลายตอน ดังนั้นวิชาต่างๆ มีความสัมพันธ์ถึงกันและมีอุปการะแก่กัน ทั้งฝ่ายวิทยาศาสตร์<br />
และศิลปศาสตร์ ไม่มีวิชาใดที่นำามาใช้โดยลำาพังตัวหรือเฉพาะอย่างได้เลย”<br />
(พระบรมราโชวาท พระราชทานแก่ครูใหญ่โรงเรียนและนักเรียนที่สมควรได้รับพระราชทานรางวัล<br />
ตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ ประจำาปีการศึกษา ๒๕๑๙วันที่ ๓ สิงหาคม ๒๕๒๑)
สารบัญ<br />
พระราชกรณียกิจและพระกรณียกิจ ๔<br />
ด้านธรณีวิทยาและทรัพยากรธรณี<br />
ธรณีวิทยาประเทศไทย ๑๐<br />
ทรัพยากรธรณี สัญลักษณ์ของจังหวัด ๑๗<br />
กรุงเทพมหานคร ๑๘<br />
กระบี่ ๑๙<br />
กาญจนบุรี ๒๐<br />
กาฬสินธุ์ ๒๑<br />
กำาแพงเพชร ๒๒<br />
ขอนแก่น ๒๓<br />
จันทบุรี ๒๔<br />
ฉะเชิงเทรา ๒๕<br />
ชลบุรี ๒๖<br />
ชัยนาท ๒๗<br />
ชัยภูมิ ๒๘<br />
ชุมพร ๒๙<br />
เชียงราย ๓๐<br />
เชียงใหม่ ๓๑<br />
ตรัง ๓๒<br />
ตราด ๓๓<br />
ตาก ๓๔<br />
นครนายก ๓๕<br />
นครปฐม ๓๖<br />
นครพนม ๓๗<br />
นครราชสีมา ๓๘<br />
นครศรีธรรมราช ๓๙<br />
นครสวรรค์ ๔๐<br />
นนทบุรี ๔๑<br />
นราธิวาส ๔๒<br />
น่าน ๔๓<br />
บึงกาฬ ๔๔<br />
บุรีรัมย์ ๔๕<br />
ปทุมธานี ๔๖<br />
ประจวบคีรีขันธ์ ๔๗<br />
ปราจีนบุรี ๔๘<br />
ปัตตานี ๔๙<br />
พระนครศรีอยุธยา ๕๐<br />
พะเยา ๕๑<br />
พังงา ๕๒<br />
พัทลุง ๕๓<br />
พิจิตร ๕๔<br />
พิษณุโลก ๕๕<br />
เพชรบุรี ๕๖<br />
เพชรบูรณ์ ๕๗<br />
แพร่ ๕๘<br />
ภูเก็ต ๕๙<br />
มหาสารคาม ๖๐<br />
มุกดาหาร ๖๑<br />
แม่ฮ่องสอน ๖๒<br />
ยโสธร ๖๓<br />
ยะลา ๖๔<br />
ร้อยเอ็ด ๖๕<br />
ระนอง ๖๖<br />
ระยอง ๖๗<br />
ราชบุรี ๖๘<br />
ลพบุรี ๖๙<br />
ลำาปาง ๗๐<br />
ลำาพูน ๗๑<br />
เลย ๗๒<br />
ศรีสะเกษ ๗๓<br />
สกลนคร ๗๔<br />
สงขลา ๗๕<br />
สตูล ๗๖<br />
สมุทรปราการ ๗๗<br />
สมุทรสงคราม ๗๘<br />
สมุทรสาคร ๗๙<br />
สระแก้ว ๘๐<br />
สระบุรี ๘๑<br />
สิงห์บุรี ๘๒<br />
สุโขทัย ๘๓<br />
สุพรรณบุรี ๘๔<br />
สุราษฎร์ธานี ๘๕<br />
สุรินทร์ ๘๖<br />
หนองคาย ๘๗<br />
หนองบัวลำาภู ๘๘<br />
อ่างทอง ๘๙<br />
อำานาจเจริญ ๙๐<br />
อุดรธานี ๙๑<br />
อุตรดิตถ์ ๙๒<br />
อุทัยธานี ๙๓<br />
อุบลราชธานี ๙๔<br />
บรรณานุกรม ๙๕
พระราชกรณียกิจและพระกรณียกิจ<br />
ด้านธรณีวิทยาและทรัพยากรธรณี<br />
The Royal Duties<br />
Related to Geology and Mineral Resources<br />
ทรัพยากรธรณี สัญลักษณ์ของจังหวัด<br />
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชานุญาตให้นายอภิชัย ชวเจริญพันธ์<br />
อธิบดีกรมทรัพยากรธรณีและคณะผู้บริหาร เข้าเฝ้าฯ ทูลเกล้าฯ ถวายสมุดแผนที่ทรัพยากรธรณี<br />
ประเทศไทย เมื่อวันที่ ๙ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๐<br />
His Majesty King Bhumibol Adulyadej graciously granted an audience<br />
to the Director-General of Department of Mineral Resources, Mr. Apichai Chawacharoenphan,<br />
and government officials to present mineral resources map of Thailand on August 9, 2007.<br />
4
พ.ศ. ๒๕oo - ๒๕๒o<br />
A.D. 1957 - 1977<br />
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ<br />
เสด็จพระราชดำาเนินไปทอดพระเนตรการประกอบกิจการเหมืองแร่ที่ภาคใต้ เมื่อปี<br />
พ.ศ. ๒๕๐๒ โดยมีข้าราชการและพนักงานกรมโลหกิจ (กรมทรัพยากรธรณี)<br />
เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับเสด็จ<br />
His Majesty King Bhumibol Adulyadej and Her Majesty Queen Sirikit<br />
graciously paid a visit to mining industry in the South in 1959. On this<br />
occasion, His Majesty the King and Her Majesty the Queen graciously granted<br />
an audience to the civil servants and personnel of the former Department of<br />
Mines (currently the Department of Mineral Resources).<br />
สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ขณะดำารงพระอิสริยยศพระเจ้าลูกยาเธอ<br />
เจ้าฟ้าวชิราลงกรณ เสด็จพระราชดำาเนินพร้อมด้วยพระสหาย ไปทอดพระเนตรการดำาเนิน<br />
การด้านทรัพยากรธรณีของกรมโลหกิจ (กรมทรัพยากรธรณี) ถนนพระรามที่ ๖ เขต<br />
ราชเทวี กรุงเทพฯ เนื่องในวันเด็กแห่งชาติ เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๐๔ โดยมีข้าราชการ<br />
และพนักงานกรมโลหกิจเฝ้าทูลละอองพระบาทรับเสด็จและกราบบังคมทูลบรรยาย<br />
During the time when His Royal Highness Crown Prince Maha Vajiralongkorn still held<br />
the royal title of His Royal Highness Prince Vajiralongkorn, the prince accompanied<br />
by his friends graciously paid a visit to the former Department of Mines (currently the<br />
Department of Mineral Resources), located on Rama VI Road, Ratchathewi District,<br />
Bangkok on Children’s Day, 1961. On this occasion, the prince graciously granted<br />
an audience to the civil servants and personnel of the former Department of Mines<br />
to report on the Department’s activities.<br />
สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ขณะดำารงพระอิสริยยศ<br />
สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ เสด็จพร้อมด้วยพระสหายร่วมชั้น<br />
ไปทอดพระเนตรโรงทดลองแต่งแร่ของกรมทรัพยากรธรณี กระทรวงพัฒนาการแห่งชาติ<br />
ถนนพระรามที่ ๖ เขตราชเทวี กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ ๑๕ กันยายน พ.ศ. ๒๕๑๓ โดยมีนายสันต์<br />
รัชฎาวงศ์ นายช่างเอก กองการเหมืองแร่ พร้อมข้าราชการและพนักงานกรมทรัพยากรธรณี<br />
เฝ้ารับเสด็จและกราบทูลอธิบายโดยละเอียด<br />
Her Royal Highness Princess Chulabhorn accompanied by her classmates graciously<br />
paid a visit to the pilot plant of Department of Mineral Resources, Ministry of National<br />
Development, located on Rama VI Road, Ratchathewi District on September 15,<br />
1970. On this occasion, the princess was welcomed to the site by Chief Engineer of<br />
Mining Division, Mr. Sant Rachadawongse and other civil servants and personnel<br />
of Department of Mineral Resources.<br />
ทรัพยากรธรณี สัญลักษณ์ของจังหวัด<br />
5
พ.ศ. ๒๕๒๑ - ๒๕๔o<br />
A.D. 1978 - 1997<br />
ทรัพยากรธรณี สัญลักษณ์ของจังหวัด<br />
6<br />
สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำาเนินไปทรงเป็นประธานในพิธีเปิด<br />
แหล่งก๊าซธรรมชาติบงกช อ่าวไทย เมื่อวันที่ ๑๕ กันยายน พ.ศ. ๒๕๒๖<br />
Her Royal Highness Princess Maha Chakri Sirindhorn graciously presided over the opening<br />
ceremony of Bongkot Natural Gas Field in the Gulf of Thailand on September 15, 1983.<br />
สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำาเนินพร้อมด้วย<br />
พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา ไปทอดพระเนตรการแสดงนิทรรศการ<br />
ของกระทรวงอุตสาหกรรม โดยกรมทรัพยากรธรณี ในงานเวิลด์เทค ’๙๕ เมื่อวันที่<br />
๔ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๓๘ ณ จังหวัดนครราชสีมา โดยมีนายปรีชา อรรถวิภัชน์<br />
ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เฝ้าทูลละอองพระบาทรับเสด็จ กราบบังคมทูลรายงาน<br />
และนำาเสด็จเยี่ยมชมส่วนแสดงนิทรรศการ<br />
Her Royal Highness Princess Maha Chakri Sirindhorn accompanied<br />
by Her Royal Highness Princess Bajrakitiyabha graciously paid a visit<br />
to the exhibition booth of Department of Mineral Resources, Ministry<br />
of Industry, which was held at WorldTech ’95 expo on November 4,<br />
1995, Nakhon Ratchasima Province. Upon arrival, the princesses<br />
were welcomed to the exhibition area by Mr. Preecha Attavipach,<br />
the Permanent Secretary of Ministry of Industry.
สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี<br />
เสด็จพระราชดำาเนินไปทอดพระเนตรหลุมขุดค้น<br />
ไดโนเสาร์ภูกุ้มข้าว อำาเภอสหัสขันธ์ จังหวัดกาฬสินธุ์<br />
เมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๓๘ โดยมีนาย<br />
วราวุธ สุธีธร นักธรณีวิทยาของกรมทรัพยากรธรณี<br />
กราบบังคมทูลอธิบายวิธีขุดค้นไดโนเสาร์และ<br />
นำาเสด็จเยี่ยมชมหลุมขุดค้นบริเวณใกล้เคียง<br />
Her Royal Highness Princess Maha Chakri<br />
Sirindhorn graciously paid a visit to Phu Kum<br />
Khao Dinosaur Excavation Pit, Sahatsakhan<br />
District, Kalasin Province on November 24,<br />
1995. The princess was welcomed to the site<br />
and received report about the exploration of<br />
dinosaur remains by Mr. Voravudh Suteethorn,<br />
Department of Mineral Resources geologist.<br />
พ.ศ. ๒๕๔๑ - ปัจจุบัน<br />
A.D. 1998 - present<br />
สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร<br />
เสด็จพระราชดำาเนินเยี่ยมพื้นที่ที่เกิดธรณีพิบัติภัย<br />
ที่บ้านนํ้าต๊ะ อำาเภอท่าปลา จังหวัดอุตรดิตถ์ เมื่อวันที่<br />
๕ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๙ โดยมีนายสมศักดิ์ โพธิสัตย์<br />
อธิบดีกรมทรัพยากรธรณี ถวายการบรรยาย<br />
His Royal Highness Crown Prince Maha<br />
Vajiralongkorn graciously paid a visit to an area<br />
severely affected by landslide at Baan Nam<br />
Ta, Tha Pla District, Uttaradit Province, on July<br />
5, 2006. The Crown Prince was welcomed by<br />
the Director-General of Department of Mineral<br />
Resources, Mr. Somsak Potisat.<br />
ทรัพยากรธรณี สัญลักษณ์ของจังหวัด<br />
7
สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำาเนินไปทอดพระเนตร<br />
การแสดงนิทรรศการของกรมทรัพยากรธรณี ในงานวันเกษตรแห่งชาติ เมื่อเดือนมกราคม<br />
พ.ศ. ๒๕๔๕ ณ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โดยมีนายนภดล มัณฑะจิตร อธิบดี<br />
กรมทรัพยากรธรณี เฝ้าทูลละอองพระบาทรับเสด็จ กราบบังคมทูลรายงานและนำาเสด็จ<br />
เยี่ยมชมส่วนแสดงนิทรรศการของกรมทรัพยากรธรณีโดยรอบ<br />
Her Royal Highness Princess Maha Chakri Sirindhorn graciously paid<br />
a visit to the exhibition of Department of Mineral Resources organized on<br />
National Agriculture Day, at Chiang Mai University in January 2002. On<br />
this occasion, the princess was welcomed to the exhibition area by the<br />
Director-General of Department of Mineral Resources, Mr. Nopadon Mantajit.<br />
สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำาเนินไปทอดพระเนตร<br />
โครงการโรงเรียนพระราชทาน ซึ่งกรมทรัพยากรธรณีได้เข้าร่วมสนับสนุนด้านการขุดเจาะ<br />
นํ้าบาดาล ณ อำาเภอซ็อมโบร์ จังหวัดกำาปงธม ราชอาณาจักรกัมพูชา เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๔๕<br />
โดยมีนายสมศักดิ์ โพธิสัตย์ อธิบดีกรมทรัพยากรธรณี เฝ้าทูลละอองพระบาทรับเสด็จ<br />
และกราบบังคมทูลรายงาน<br />
Her Royal Highness Princess Maha Chakri Sirindhorn graciously paid<br />
a visit to the royal award school that Department of Mineral Resources<br />
provided deep well at Sombor District, Kampong Thom Province,<br />
Cambodia in 2002. On this occasion, the princess was welcomed by the<br />
Director-General of Department of Mineral Resources, Mr. Somsak Potisat.<br />
ทรัพยากรธรณี สัญลักษณ์ของจังหวัด<br />
8<br />
สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำาเนิน<br />
ไปทรงเป็นประธานเปิดพิพิธภัณฑ์สิรินธร อำาเภอสหัสขันธ์ จังหวัด<br />
กาฬสินธุ์ เมื่อวันที่ ๙ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๑<br />
Her Royal Highness Princess Maha Chakri Sirindhorn graciously<br />
presided over the opening ceremony of Sirindhorn Museum,<br />
Sahatsakhan District, Kalasin Province on December 9, 2008.<br />
สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี<br />
เสด็จทอดพระเนตรนิทรรศการเรื่องธรณีวิทยา บริเวณสวนสมเด็จ<br />
พระศรีนครินทร์ จังหวัดกาญจนบุรี เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๔๓<br />
Her Royal Highness Princess Chulabhorn graciously paid a visit<br />
to geological exhibition at Somdet Phra Srinagarindra Park,<br />
Kanchanaburi Province in 2000.
สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี เสด็จทอดพระเนตร<br />
งานมหกรรมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ปี ๒๕๕๒ เมื่อวันที่ ๑๓ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๒<br />
ณ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมนานาชาติกรุงเทพ ไบเทค บางนา<br />
Her Royal Highness Princess Chulabhorn graciously paid a visit to National<br />
Science and Technology Fair 2009 at BITEC Bang Na on August 13, 2009.<br />
พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาในสมเด็จพระบรม-<br />
โอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จแทนพระองค์ไปทรงเยี่ยม<br />
ให้ความช่วยเหลือราษฎรผู้ประสบอุทกภัย ณ บ้านนํ้าต๊ะ อำาเภอท่าปลา<br />
จังหวัดอุตรดิตถ์ เมื่อเวลา ๑๓.oo น. วันที่ ๒๖ มิถุนายน ๒๕๔๙<br />
Her Royal Highness Princess Srirasm, Royal Consort to His Royal<br />
Highness Crown Prince Maha Vajiralongkorn graciously paid<br />
a visit on behalf of the Crown Prince to the flood victims at Baan<br />
Nam Ta, Tha Pla District, Uttaradit Province on June 26, 2006.<br />
On this occasion, the princess also provided reliefs to the flood<br />
victims in that area.<br />
พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา เสด็จเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์<br />
สิรินธร จังหวัดกาฬสินธุ์ เมื่อวันที่ ๑๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔ โดยมี<br />
นางพรทิพย์ ปั่นเจริญ อธิบดีกรมทรัพยากรธรณี คณะผู้บริหาร<br />
และประชาชน เฝ้ารับเสด็จ ทอดพระเนตรภายในอาคารหลุมขุดค้น<br />
ไดโนเสาร์ภูกุ้มข้าว<br />
Her Royal Highness Princess Bajrakitiyabha graciously paid<br />
a visit to Sirindhorn Museum, Kalasin Province on February<br />
13, 2011. Upon entering Phu Kum Khao Dinosaur Excavation<br />
Pit building, the princess was welcomed by the Director-<br />
General of Department of Mineral Resources, Mrs. Pornthip<br />
Puncharoen, government officials and other civilians.<br />
พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าทีปังกร<br />
รัศมีโชติ เสด็จเยี่ยมพิพิธภัณฑ์แร่-หิน<br />
พร้อมด้วยพระสหายโรงเรียนจิตรลดา<br />
เมื่อวันที่ ๒๒ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๒<br />
โดยมีนายอดิศักดิ์ ทองไข่มุกต์ อธิบดี<br />
กรมทรัพยากรธรณี ถวายการต้อนรับ<br />
His Royal Highness Prince Dipangkorn<br />
Rasmijoti accompanied by his<br />
Chitralada classmates graciously paid<br />
a visit to the Geological Museum on<br />
December 22, 2009. The prince was<br />
welcomed by the Director-General of<br />
Department of Mineral Resources,<br />
Mr. Adisak Thongkaimook.<br />
ทรัพยากรธรณี สัญลักษณ์ของจังหวัด<br />
9
ธรณีวิทยาประเทศไทย<br />
กว่าห้าร้อยล้านปี สรรค์สร้างผืนธรณี “สุวรรณภูมิ”<br />
ประเทศไทยมีประวัติทางด้านธรณีวิทยาที่เก่าแก่<br />
ยาวนานมาตั้งแต่ก่อนยุคแคมเบรียนหรือเมื่อกว่า ๕๐๐ ล้านปีก่อน<br />
และต่อเนื่องตามธรณีกาลมาจนถึงปัจจุบัน หลักฐานทาง<br />
ธรณีวิทยาประเภทต่างๆ ที่พบทั้งจากการลำาดับชั้นหิน โครงสร้าง<br />
ทางธรณีวิทยา และซากดึกดำาบรรพ์ ฯลฯ ทำาให้ทราบได้ว่า<br />
ประเทศไทยตั้งอยู่บนรอยเชื่อมต่อของแผ่นเปลือกโลก (Tectonic<br />
plate) ขนาดใหญ่ ๒ แผ่น คือ แผ่นเปลือกโลกฉาน-ไทยทางด้าน<br />
ทิศตะวันตกและแผ่นเปลือกโลกอินโดจีนทางด้านทิศตะวันออก<br />
โดยเชื่อมต่อกันตามแนวรอยตะเข็บในแนวเหนือ-ใต้ ตั้งแต่<br />
จังหวัดนครสวรรค์ ลพบุรี นครนายก สระแก้ว ตราด ถึงนราธิวาส<br />
ทรัพยากรธรณี สัญลักษณ์ของจังหวัด<br />
10
มหายุค<br />
ERA<br />
ยุคและสมัย<br />
PERIOD & EPOCH<br />
วิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิต<br />
EVOLUTION OF LIFE<br />
ธรณีวิทยาและชีวิต<br />
GEOLOGY & LIFE<br />
ซีโนโซอิก<br />
CENOZOIC<br />
มีโซโซอิก<br />
MESOZOIC<br />
พาลีโอโซอิก<br />
PALEOZOIC<br />
พรีแคมเบรียน<br />
PRECAMBRIAN<br />
ควอเทอร์นารี<br />
QUATERNARY<br />
๒.๕ ล้านปี<br />
นีโอจีน<br />
NEOGENE<br />
๒๓ ล้านปี<br />
พาลีโอจีน<br />
PALEOGENE<br />
๖๕ ล้านปี<br />
โฮโลซีน / HOLOCENE<br />
ไพลสโตซีน / PLEISTOCENE<br />
ไพลโอซีน / PLIOCENE<br />
ไมโอซีน / MIOCENE<br />
โอลิโกซีน / OLIGOCENE<br />
อีโอซีน/ EOCENE<br />
พาลีโอซีน /PALEOCENE<br />
ครีเทเชียส<br />
CRETACEOUS<br />
จูแรสซิก<br />
JURASSIC<br />
ไทรแอสซิก<br />
TRIASSIC<br />
๒๕๑ ล้านปี<br />
เพอร์เมียน<br />
PERMIAN<br />
๒๙๙ ล้านปี<br />
คาร์บอนิเฟอรัส<br />
CARBONIFEROUS<br />
๓๕๙ ล้านปี<br />
ดีโวเนียน<br />
DEVONIAN<br />
๔๑๖ ล้านปี<br />
ไซลูเรียน<br />
SILURIAN<br />
๔๔๔ ล้านปี<br />
ออร์โดวิเชียน<br />
ORDOVICIAN<br />
๔๘๘ ล้านปี<br />
แคมเบรียน<br />
CAMBRIAN<br />
๕๔๒ ล้านปี<br />
โปรเทอโรโซอิก<br />
PROTEROZOIC<br />
๒,๕๐๐ ล้านปี<br />
อาร์เคียน<br />
ARCHEAN<br />
๑๔๕ ล้านปี<br />
๒๐๐ ล้านปี<br />
๔,๖๐๐ ล้านปี<br />
ยุคของมนุษย์ปัจจุบัน<br />
ภูเขาไฟปะทุให้แหล่งแร่พลอย เป็นยุคของมนุษย์สมัยหิน<br />
ถ่านหินสะสมตัวอย่างกว้างขวาง มีช้าง<br />
และสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดใหญ่แพร่หลาย<br />
ไม้ดอกเจริญเต็มที่ เริ่มมีหมีและสุนัข<br />
แอ่งอ่าวไทยเริ่มพัฒนาจนเป็นแหล่งปิโตรเลียมในปัจจุบัน เริ่มมีหนู และลิง<br />
เริ่มต้นสัตว์ตระกูลม้า สัตว์กีบ และช้าง<br />
มีการสะสมตัวของเกลือหินและโพแทช หินแกรนิต<br />
แทรกดันขึ้นมาให้แร่ดีบุกและทังสเตน เริ่มมีพรรณไม้ดอก<br />
หอยนํ้าจืดแพร่หลาย ไดโนเสาร์ดับสิ้นสูญพันธุ์ในช่วงปลายยุค<br />
ทะเลเริ่มถดถอยจากแผ่นดินไทย เริ่มมีนก พบแอมโมนอยด์<br />
แพร่หลาย เป็นยุคเฟื่องฟูของไดโนเสาร์<br />
แผ่นเปลือกโลกประสานรวมกันเป็นผืนแผ่นดินไทย มีการปะทุ<br />
ของภูเขาไฟ และมีการแทรกดันของหินแกรนิต เกิดแหล่งแร่<br />
มากมาย เป็นยุคของสัตว์เลื้อยคลาน และเริ่มมีไดโนเสาร์<br />
มีการสะสมตัวของหินปูนในทะเลอย่างกว้างขวาง<br />
บางบริเวณเกิดแหล่งแร่ยิปซัม เริ่มมีแมลงปีกแข็ง พบสัตว์<br />
เลื้อยคลานหลากหลายพันธุ์ และไทรโลไบต์เริ่มสูญพันธุ์<br />
เป็นยุคของพืชบก มีเฟิร์นขนาดยักษ์ และป่าไม้เจริญเต็มที่<br />
เป็นยุคของปลา และเป็นช่วงการกำาเนิดฉลาม เริ่มพบแมลง<br />
และมีสัตว์สะเทินนํ้าสะเทินบกคืบคลานอยู่บนพื้นดิน<br />
เริ่มยุคนํ้าแข็ง เริ่มมีแกรปโตไลต์แพร่หลาย<br />
เริ่มมีสัตว์ตระกูลปลา แต่ไม่มีครีบและขากรรไกร<br />
พบไทรโลไบต์ขนาดใหญ่มาก นอติลอยด์ขนาดยักษ์<br />
และมีปะการังแพร่หลาย<br />
เริ่มมีสัตว์ที่มีเปลือกแข็งหุ้มตัว เช่น ไทรโลไบต์ที่เกาะตะรุเตา<br />
จังหวัดสตูล มีไครนอยด์และหอยชนิดต่างๆ<br />
มีสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กอาศัยในทะเล<br />
พบหลักฐานสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียว เช่น แบคทีเรีย<br />
และสาหร่ายสีเขียวแกมนํ้าเงิน<br />
ทรัพยากรธรณี สัญลักษณ์ของจังหวัด<br />
11
วางรากหินฐานซับซ้อน<br />
ในสมัยบรรพกาลประเทศไทยไม่ได้ตั้งอยู่ที่ตำาแหน่งปัจจุบัน หากแต่ได้มีการเคลื่อนที่ไปกับแผ่นเปลือกโลกตามแรงขับของพลังงาน<br />
จากภายในโลก ในช่วงก่อนยุคแคมเบรียน (มากกว่า ๕๔๐ ล้านปีก่อน) ประเทศไทยได้เริ่มก่อกำาเนิดเป็นหินฐานซับซ้อน (Basement complex)<br />
ที่ประกอบด้วยหินอัคนีและหินตะกอนที่ถูกแปรสภาพด้วยกระบวนการทับถมในที่ลึกกลายเป็นหินแปรเกรดสูง จำาพวกหินไนส์ หินชีสต์ หินแคลก์-<br />
ซิลิเกต และหินอ่อน ซึ่งปัจจุบันพบแผ่กระจายตัวอยู่ตามแนวแกนของแผ่นเปลือกโลกฉาน-ไทย ในเขตจังหวัดเชียงใหม่และตาก โดยวางตัว<br />
อยู่ใต้หินตะกอนของมหายุคพาลีโอโซอิก<br />
๑๙๐ ล้านปี<br />
ทรัพยากรธรณี สัญลักษณ์ของจังหวัด<br />
๕๐ ล้านปี<br />
12<br />
๑๐๐ ล้านปี
๒๖๐ ล้านปี<br />
๓๙๐ ล้านปี<br />
ทิวเขาสลับซับซ้อนในภาคเหนือ ภาคตะวันออก และตลอดแนวชายแดน<br />
ตะวันตกของไทยตั้งแต่เหนือจรดใต้ ซึ่งอยู่บนแผ่นเปลือกโลกฉาน-ไทย ปรากฏ<br />
หลักฐานการสะสมตัวของตะกอนทรายและดินเหนียวบริเวณชายฝั่งทะเล และ<br />
หินปูนเนื้อโคลนชั้นบางๆ ที่ก่อตัวบริเวณทะเลตื้นต่อเนื่องไปจนถึงในทะเล<br />
ค่อนข้างลึกในช่วงต้นของมหายุคพาลีโอโซอิก ภายหลังจึงแข็งตัวเป็นหินตะกอน<br />
ที่มีซากดึกดำาบรรพ์ที่ทำาให้สามารถระบุอายุหินได้แน่นอน ในขณะที่บริเวณ<br />
ภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และบางส่วนของภาคตะวันออกที่<br />
อยู่บนแผ่นเปลือกโลกอินโดจีนมีการสะสมตัวของหินปูนในทะเลตื้นอย่าง<br />
กว้างขวาง ซึ่งปัจจุบันเป็นแหล่งวัสดุก่อสร้างที่สำาคัญของ<br />
ประเทศ ทั้งหินก่อสร้าง ปูนซีเมนต์ และหินอ่อน<br />
ส่วนในทะเลลึกมีการสะสมตัวของชั้นหินเชิร์ต<br />
จำานวนมหาศาล ที่ใช้เป็นแหล่งวัสดุดินถม<br />
ในปัจจุบัน<br />
ในช่วงปลายยุคเพอร์เมียนเกิด<br />
การมุดตัวของแผ่นเปลือกโลกมหาสมุทร<br />
เข้าใต้แผ่นเปลือกโลกฉาน-ไทย และ<br />
อินโดจีน ทำาให้มีการปะทุของภูเขาไฟ<br />
อย่างต่อเนื่อง เกิดเป็นแนวหินภูเขาไฟ<br />
หลายแนวที่เป็นต้นกำาเนิดของแหล่งแร่<br />
ทองคำาและแร่เงิน เช่น แนวเชียงราย-ลำาปาง-<br />
สุโขทัย แนวเลย-พิจิตร-ลพบุรี และแนวสระแก้ว-<br />
ตราด-นราธิวาส ปัจจุบันมีการทำาเหมืองแร่<br />
ทองคำาที่จังหวัดพิจิตรและจังหวัดเลย<br />
ปัจจุบัน<br />
• ภาพแสดงวิวัฒนาการของโลก นับตั้งแต่<br />
ดาวเคราะห์โลกถือกำาเนิดขึ้นเมื่อ ๔,๖๐๐<br />
ล้านปีก่อน ดาวเคราะห์ดวงนี้ยังคงมีความ<br />
เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา และจุดสีแดง<br />
ที่ปรากฏบนดาวเคราะห์โลกคือตำาแหน่ง<br />
ของประเทศไทยที่เปลี่ยนแปลงไปใน<br />
แต่ละยุคตั้งแต่เมื่อ ๓๙๐ ล้านปีก่อน<br />
จนแปรเปลี่ยนเป็นรูปขวานทองในปัจจุบัน<br />
ทรัพยากรธรณี สัญลักษณ์ของจังหวัด<br />
13
สองแผ่นเปลือกโลกเชื่อมประสาน<br />
แผ่นเปลือกโลกฉาน-ไทยและแผ่นเปลือกโลกอินโดจีน<br />
เคลื่อนที่เข้าหากันอย่างต่อเนื่อง และเริ่มชนกันในช่วงต้น<br />
ยุคไทรแอสซิก หรือประมาณ ๒๕๐ ล้านปีก่อน การชนกัน<br />
และมุดกันของแผ่นเปลือกโลกดำาเนินเรื่อยมาประมาณ<br />
๕๐ ล้านปี และมาสิ้นสุดในปลายยุคไทรแอสซิก ในช่วงเวลา<br />
ดังกล่าวมีการปะทุของภูเขาไฟอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกัน<br />
หินหนืดบางส่วนแทรกขึ้นมาเป็นหินแกรนิตและดันให้เปลือกโลก<br />
บริเวณรอยต่อยกตัวขึ้นเป็นเทือกเขาสูง<br />
บริเวณแนวการชนกันของแผ่นเปลือกโลกทั้งสอง<br />
ปรากฏหลักฐานทางธรณีวิทยาที่บ่งชี้ว่าเคยเกิดอยู่ใต้เปลือก<br />
โลกระดับลึก เช่น แร่โครไมต์ แร่นิกเกิล แร่แมกนีไซต์ และ<br />
แร่ทัลก์ และที่สำาคัญมีการแทรกดันตัวของหินหนืดใต้ผิวโลก<br />
ขึ้นมาตกผลึกเป็นหินแกรนิตใต้เปลือกโลกในระหว่างยุค<br />
ไทรแอสซิก เป็นแนวยาวจากเหนือจรดใต้ถึงสองแนว คือ<br />
แนวตะวันออก และแนวตอนกลาง พร้อมทั้งพาธาตุต่างๆ<br />
มาสะสมจนเกิดเป็นแหล่งแร่โลหะหลายชนิด เช่น ทองคำา<br />
ดีบุก วุลแฟรม แหล่งแร่อโลหะ เช่น ฟลูออไรต์ เฟลดสปาร์<br />
และดินขาว ตลอดจนหินประดับและหินก่อสร้าง<br />
• แรงขับจากเทือกเขากลางสมุทรผลักดันให้แผ่นเปลือกโลกมหาสมุทรมุดตัวลงใต้แผ่น<br />
เปลือกโลกฉาน-ไทย และอินโดจีน เกิดการระเบิดของภูเขาไฟอย่างรุนแรงตลอดแนวการมุดตัว<br />
งานตะกอนสะสมถมทับ<br />
ทรัพยากรธรณี สัญลักษณ์ของจังหวัด<br />
14<br />
ภายหลังการชนและเชื่อมต่อกันของแผ่นเปลือกโลกทั้งสอง ทะเลโบราณ<br />
ถอยร่นไปเหลือเป็นทะเลตื้นเล็กๆ บนแผ่นเปลือกโลกฉาน-ไทย พบหินกรวดมน หินทราย<br />
สีแดง หินดินดาน และหินปูนของยุคไทรแอสซิก-จูแรสซิก ถูกปิดทับอย่างมีแนว<br />
ไม่ต่อเนื่องด้วยหินทรายแดงที่สะสมตัวในระหว่างยุคจูแรสซิก-ครีเทเชียสบนแผ่นดิน<br />
ในยุคครีเทเซียสแผ่นเปลือกโลกพม่าตะวันตกเคลื่อนที่เข้ามาชนแผ่นเปลือกโลก<br />
ฉาน-ไทยทำาให้เกิดหินแกรนิตแนวที่สาม คือ แนวตะวันตกที่ให้แร่ดีบุกและวุลแฟรม<br />
บริเวณชายแดนไทย-พม่า<br />
ส่วนบนแผ่นเปลือกโลกอินโดจีนมีสภาพเป็นแอ่งสะสมตะกอนบนภาคพื้นทวีป<br />
เกือบตลอดช่วงมหายุคมีโซโซอิก ในสภาวะแวดล้อมที่ร้อนชื้น บางช่วงแห้งแล้ง<br />
จนมีสภาพเป็นทะเลทราย ในบางช่วงมีการท่วมเข้ามาของนํ้าทะเล จึงเป็นที่รวม<br />
ของตะกอนหลายชนิด รวมทั้งเกลือหินและแร่โพแทช ซึ่งเป็นธาตุอาหารหลักของพืช<br />
และเป็นช่วงเวลาที่ไดโนเสาร์หลากหลายสายพันธุ์มีวิวัฒนาการอย่างเฟื่องฟู จนกระทั่ง<br />
ดับสิ้นสูญพันธุ์ในช่วงปลายยุคครีเทเชียส ทิ้งหลักฐานโครงกระดูกและรอยตีน<br />
ไว้บนชั้นตะกอนที่พวกมันเคยอาศัยอยู่ โดยปัจจุบันสามารถค้นพบซากดึกดำาบรรพ์<br />
ของไดโนเสาร์ได้มากมายจากชั้นหินทรายและหินดินดานในกลุ่มหินโคราช และเป็น<br />
ไดโนเสาร์สายพันธุ์ใหม่ที่มีการค้นพบเป็นครั้งแรกในเมืองไทยถึง ๔ สายพันธุ์<br />
ที่สำาคัญที่สุดและเป็นที่รู้จักกันทั่วไปคือ ไดโนเสาร์คอยาว ภูเวียงโกซอรัส สิรินธรเน<br />
(Phuwiangosaurus sirindhornae) ซึ่งชื่อชนิดได้รับพระราชทานจากสมเด็จ<br />
พระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
ปรับโครงสร้างธรณี<br />
ต่อมาในช่วงมหายุคซีโนโซอิกซึ่งเป็นยุคเริ่มต้นของสัตว์เลี้ยงลูก<br />
ด้วยนม หรือประมาณ ๖๕ ล้านปีเป็นต้นมา แผ่นเปลือกโลกอินเดียได้เคลื่อนที่<br />
ขึ้นมาชนกับแผ่นเปลือกโลกยูเรเซีย ทำาให้ประเทศไทยถูกดันให้หมุนตาม<br />
เข็มนาฬิกา ประเทศไทยด้านแผ่นเปลือกโลกอินโดจีนถูกยกตัวขึ้น<br />
เป็นที่ราบสูงโคราช เกิดการโค้งงอของแนวเทือกเขาในภาคเหนือ และมี<br />
การยกตัวขึ้นเป็นภูเขาน้อยใหญ่ตลอดแผ่นดินไทย พร้อมกันนี้ได้มีการ<br />
พัฒนาแนวรอยเลื่อนตามแนวระดับ (strike-slip fault) ที่สำาคัญใน<br />
ทิศทางตะวันตกเฉียงเหนือ-ตะวันออกเฉียงใต้ เช่น รอยเลื่อน<br />
แม่ปิง รอยเลื่อนเจดีย์สามองค์ และในทิศทางตะวันออก<br />
เฉียงเหนือ-ตะวันตกเฉียงใต้ เช่น รอยเลื่อนอุตรดิตถ์-น่าน<br />
รอยเลื่อนระนอง และรอยเลื่อนคลองมะรุ่ย เป็นต้น<br />
ในขณะเดียวกัน ด้านแผ่นเปลือกโลกฉาน-ไทยถูกดึง<br />
จนเกิดรอยเลื่อนปกติในแนวเหนือ-ใต้ และมีการแยกตัวเป็นแอ่ง<br />
ขนาดเล็กๆ มากมายตลอดเหนือจรดใต้ วางตัวขนานกับรอยเลื่อน<br />
รวมทั้งทำาให้ตอนกลางของไทยเปิดตัวออกเป็นอ่าวไทย โดยแอ่งส่วนใหญ่<br />
เป็นที่สะสมตะกอนและซากพืชซากสัตว์ เป็นแหล่งกำาเนิดของเชื้อเพลิงธรรมชาติ<br />
ทั้งถ่านหินและปิโตรเลียมประเภทต่างๆ ทั้งบนบกและในทะเลของประเทศไทย<br />
ในช่วงปลายมหายุคซีโนโซอิกมีการแทรกดันตัวของหินหนืดขึ้นมาตามรอยแตก<br />
ปะทุเป็นภูเขาไฟในภาคเหนือ แนวเขาเพชรบูรณ์ ภาคตะวันตก ขอบด้านใต้ของ<br />
ที่ราบสูงโคราช และภาคตะวันออก หินภูเขาไฟเหล่านี้ประกอบด้วยแร่ธาตุต่างๆ<br />
ที่เป็นประโยชน์สำาหรับพืช และบางบริเวณหินหนืดได้อุ้มผลึกพลอยที่เกิดอยู่ใต้ผิวโลก<br />
ระดับลึกขึ้นมาด้วย<br />
ปันสายนทีทั่วสุวรรณภูมิ<br />
กระบวนการทางธรณีวิทยาต่างๆ มีทั้งการสร้างสรรค์และการทำาลาย ซึ่งล้วนเป็นการ<br />
สร้างสภาวะสมดุลให้แก่โลก ยกตัวอย่างเช่นการแทรกดันของหินหนืดขึ้นมาเป็นเทือกเขาแกรนิต<br />
หรือระเบิดเป็นภูเขาไฟ การยกตัวของแอ่งสะสมตะกอนขึ้นเป็นที่ราบสูงเป็นการรังสรรค์<br />
ทางธรณีวิทยา ในขณะเดียวกัน กระบวนการกัดเซาะทำาลายที่เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลาทั้งจากนํ้า ลม<br />
แสงแดด และสารเคมีในธรรมชาติ ก็ส่งผลในทางสร้างสรรค์ ทางนํ้าเล็กๆ ทุกสาขาที่สลักเสลา<br />
ทิวเขาสูงสลับซับซ้อนในทุกภูมิภาคให้เกิดเป็นลำาธารและประสานรวมเป็นแม่นํ้า ต่างพัดพา<br />
ตะกอนพร้อมอินทรียสารในธรรมชาติลงสู่เบื้องล่าง การคัดขนาดของตะกอนตามกำาลังของนํ้า<br />
ทำาให้เกิดแหล่งกรวด ทราย และดินเหนียว ในลุ่มนํ้าหลักทั้ง ๒๕ แห่งของไทย คลื่นลม<br />
ทะเลที่พัดโหมกระหนํ ่าชายฝั ่งทั ้งสองฟากของแหลมไทยได้ทำาหน้าที ่ปรับธรณีสัณฐาน<br />
และภูมิประเทศให้เป็นเกาะ หน้าผา ชายหาด และป่าชายเลน กระบวนการทางธรณีวิทยา<br />
ที่ดำาเนินมาอย่างต่อเนื่องยาวนานเหล่านี้ล้วนส่งผลถึงความอุดมสมบูรณ์ของสุวรรณภูมิ<br />
ทรัพยากรธรณี สัญลักษณ์ของจังหวัด<br />
15
ทรัพยากรธรณี<br />
สัญลักษณ์ของจังหวัด
กรุงเทพมหานคร<br />
ดินเหนียวกรุงเทพ<br />
(Bangkok Clay)<br />
เป็นชั้นดินเหนียวอ่อน เนื้อนุ่มและเนียน สีเขียว<br />
อมเทา สะสมตัวในทะเลเมื่อ ๖,๐๐๐ ปีก่อน มีความหนา<br />
ตั้งแต่ ๑ ถึง ๑๕ เมตร วางตัวรองรับพื้นที่ทั้งหมดของ<br />
กรุงเทพมหานครและบางส่วนของปริมณฑล จึงเรียกว่า<br />
ดินเหนียวกรุงเทพฯ<br />
ธรณีวิทยา<br />
ทรัพยากรธรณี สัญลักษณ์ของจังหวัด<br />
18<br />
สมัยโฮโลซีน<br />
รอยชั้น<br />
ไม่ต่อเนื่อง<br />
สมัยไพลสโตซีน<br />
BANGKOK<br />
Bangkok Clay is the geological symbol of Bangkok. The layer of<br />
grayish green and soft Bangkok Clay deposited in marine environment<br />
around 6,000 years ago with thickness varied from 1 to 15 meters<br />
underlain most of Bangkok area and some parts of its surrounding.<br />
กรุงเทพมหานครตั้งอยู่บน<br />
ที่ราบลุ่มแม่นํ้าเจ้าพระยา ประกอบด้วย<br />
ตะกอนดินและทรายยุคควอเทอร์นารี<br />
(Quaternary) ที่สะสมตัวอันเนื่องมาจาก<br />
การเปลี่ยนแปลงระดับนํ้าทะเลที่เริ่มในสมัยโฮโลซีน<br />
(Holocene ประมาณ ๑.๑๗ หมื่นปีก่อน) ซึ่งได้ท่วมขึ้น<br />
สูงสุดเมื่อ ๖,๐๐๐ ปีก่อน ในขณะนั้น ที่ราบภาคกลางตอนลาง<br />
มีลักษณะราบเรียบเปนบริเวณกวาง นํ้าที่ไหลลงมาถึงบริเวณ<br />
ปากแมนํ้าเจาพระยาเมื่อปะทะกับนํ้าทะเลทําใหไหลช้าลง เกิดการสะสม<br />
ของตะกอนอยางรวดเร็วจนเปนดินดอนสามเหลี่ยมปากแมนํ้า และในส่วน<br />
ของที่ราบลุ่มภาคกลางตอนล่างบริเวณที่มีนํ้าขึ้นนํ้าลง จะมีการสะสมตัว<br />
ของตะกอนทะเลหรือดินเคลยทะเล (marine clay) เนื่องจากนํ้าทะเลที่ไหล<br />
เข้ามาตามแม่นํ้าลําคลองที่มีอยู่มากมายในช่วงนั้นได้นําดินเหนียวเข้ามา<br />
สะสมตัว ซึ่งรู้จักกันในชื่อ ดินเหนียวกรุงเทพ
จังหวัดกระบี่<br />
หอยเจดีย์แหลมโพธิ์<br />
เป็นลานซากหอยเจดีย์นํ้าจืดขนาดใหญ่จํานวนมากทับถมอัดแน่นเป็น<br />
แผ่น มีลักษณะคล้ายแผ่นซีเมนต์ที่วางเอียงตัวเล็กน้อยไปทางทิศตะวันออก<br />
เฉียงใต้ มีความโดดเด่นทางด้านธรณีวิทยาระดับโลก และเป็นแหล่งท่องเที่ยว<br />
ที่สําคัญของประเทศ ปัจจุบันพบเพียงแห่งเดียวในโลกบริเวณสุสานหอย<br />
แหลมโพธิ์ อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี ตําบลไสไทย<br />
อําเภอเมืองกระบี่<br />
ธรณีวิทยา<br />
หอยเจดีย์แหลมโพธิ์เป็นหอยเจดีย์นํ้าจืด<br />
ขนาดใหญ่หลายสกุล เช่น Margarya sp., Melanoides<br />
sp. และ Viviparus sp. อาศัยอยู่ในบึงนํ้าจืดขนาด<br />
ใหญ่เมื่อประมาณ ๓๗ - ๓๑ ล้านปีก่อน เมื่อตายลง<br />
หอยเจดีย์นํ้าจืดได้ถูกทับถมร่วมกับตะกอนโคลน ทราย<br />
และซากพืชที่เกิดร่วมในบึง และต่อมาถูกอัดตัวแน่น<br />
แข็งเป็นชั้นหินหลายชั้น หนาประมาณ ๐.๕ - ๒.๐ เมตร<br />
ปัจจุบันพบชั้นหอยโผล่ให้เห็นชัดเจนบริเวณริมชายทะเล<br />
โดยชั้นหอยที่แหลมโพธิ์ ๑ และแหลมโพธิ์ ๒ มีอายุ<br />
แก่กว่าชั้นหอยที่แหลมโพธิ์ ๓<br />
KRABI<br />
Hoi Chedi Laem Pho is the geological symbol of Krabi Province. The fossils of<br />
Hoi Chedi Laem Pho, large freshwater mollusks, deposited some 37 - 31 million<br />
years ago. The Hoi Chedi formed as large sheets of mollusk fossilized beds,<br />
0.5 - 2.0 meters thick, that look similar to concrete plates.<br />
ทรัพยากรธรณี สัญลักษณ์ของจังหวัด<br />
19
จังหวัดกาญจนบุรี<br />
หินบะซอลต์บ่อพลอย<br />
เป็นหินภูเขาไฟสีเทาเข้มที่เขาลั่นทม อําเภอบ่อพลอย ซึ่งเป็น<br />
แหล่งต้นกําเนิดอัญมณีที่สวยงามและมีค่าของประเทศไทย ทั้งประเภท<br />
พลอยไพลิน เขียวส่อง บุษราคัม และนิลเสี้ยน นิลตะโก และเป็นที่มา<br />
ของชื่ออําเภอบ่อพลอย<br />
ทรัพยากรธรณี สัญลักษณ์ของจังหวัด<br />
20<br />
KANCHANABURI<br />
Bo Phloi Basalt, a dark gray volcanic rock, formed 4 - 3 million years<br />
ago, found at Khao Lanthom, Bo Phloi District, is the geological symbol<br />
of Kanchanaburi Province. Bo Phloi Basalt is a source rock of most<br />
beautiful and valuable gem of Thailand including blue sapphires<br />
(Phloi Phailin) and black spinel (Nil Tako).<br />
ธรณีวิทยา<br />
หินบะซอลต์บ่อพลอยเกิดจากการแทรกดันตัวของหินหนืด<br />
ขึ้นมาจากปล่องภูเขาไฟเมื่อ ๔ - ๓ ล้านปีก่อน พร้อมกับพลอย<br />
นิล และชิ้นส่วนของหินอัคนีระดับลึกประเภทเลอโซไลต์ แล้ว<br />
ไหลอาบเป็นลานลาวาบนหินเดิม และเย็นตัวลงอย่างรวดเร็วเป็น<br />
หินบะซอลต์ เนื้อแน่น ละเอียด บางส่วนมีรูพรุน บางส่วนเย็นตัว<br />
เร็วมากจนมีลักษณะเป็นแก้ว ส่วนกลางของชั้นลาวามักพบ<br />
โครงสร้างรูปเสาเหลี่ยม (columnar jointing) หินบะซอลต์<br />
เมื่อผุพังเป็นเศษหินและดินจะถูกพัดพาไปสะสมตัวในที่ตํ่า<br />
พร้อมกับพลอยและนิลที่อยู่ในหินเดิม เกิดการสะสมตะกอน<br />
ชั้นกะสะ กลายเป็นแหล่งพลอยที่มีชื่อเสียงของกาญจนบุรี<br />
โดยมีก้อนกรวดจํานวนมหาศาลที่นําไปใช้เป็นหินประดับ<br />
ในอุตสาหกรรมก่อสร้างเป็นผลพลอยได้
จังหวัดกาฬสินธุ์<br />
หินทรายเสาขัว<br />
เป็นหินทรายแดงของหมวดหินเสาขัว อายุกว่า<br />
๑๒๐ ล้านปี ที่มีการขุดพบซากดึกดําบรรพ์กระดูกไดโนเสาร์<br />
หลายพันธุ์ เช่น ไดโนเสาร์กินเนื้อ กินรีมิมัส (Kinnareemimus)<br />
และไดโนเสาร์กินพืชคอยาว ภูเวียงโ+กซอรัส สิรินธรเน ที่มี<br />
สภาพสมบูรณ์ที่สุดในประเทศไทย ที่ภูกุ้มข้าว อำาเภอสหัสขันธ์<br />
จังหวัดกาฬสินธุ์ ซึ่งเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์สิรินธร พิพิธภัณฑ์<br />
ไดโนเสาร์ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อีกด้วย<br />
ธรณีวิทยา<br />
หินทรายเสาขัวเป็นหินทรายสีแดงสลับ<br />
ด้วยหินทรายแป้งและหินโคลน วางตัวอย่าง<br />
ต่อเนื ่องอยู ่บนหมวดหินพระวิหารและอยู ่ใต้<br />
หมวดหินภูพาน กลุ ่มหินโคราช มีความหนา<br />
ของลําดับชั ้นหินตั ้งแต่ ๒๕๐ - ๖๐๐ เมตร<br />
เกิดจากการสะสมตัวจากแม่นํ้าโค้งตวัดในส่วน<br />
ของตะกอนร่องนํ้าและตะกอนที่ราบนํ้าท่วมถึง<br />
ในสภาพภูมิอากาศกึ่งแห้งแล้งช่วงยุคครีเทเชียส<br />
ตอนต้น หมวดหินเสาขัวเป็นหมวดหินที ่พบซาก<br />
ดึกดําบรรพ์สัตว์มีกระดูกสันหลังมากที่สุดในบรรดา<br />
หินมหายุคมีโซโซอิกทั ้งหลายที ่พบในประเทศไทย<br />
อาทิ ปลาฉลามนํ้าจืด จระเข้ ไดโนเสาร์ทั้งประเภทกินเนื้อ<br />
และประเภทกินพืช<br />
KALASIN<br />
Red Sandstone of the early Cretaceous Sao Khua Formation is the geological symbol of Kalasin Province.<br />
This rock unit contains various types of fossils especially the meat-eating Kinnareemimus dinosaurs existed over<br />
120 million years ago. Kalasin is one of a few provinces in Thailand that a number of various types of dinosaurs<br />
sites have been reported, especially in the Sao Khua sandstone unit.<br />
ทรัพยากรธรณี สัญลักษณ์ของจังหวัด<br />
21
จังหวัดกำาแพงเพชร<br />
นํ้ามันดิบเพชร<br />
เป็นนํ้ามันดิบที่ได้รับพระราชทานนามว่า “เพชร” ตาม<br />
ชื่อจังหวัดกําแพงเพชร นํ้ามันดิบเพชรผลิตได้จากแหล่งนํ้ามันดิบ<br />
ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ และได้รับพระราชทานนามว่า แหล่งนํ้ามัน<br />
สิริกิติ์ ซึ่งตั้งอยู่ในเขตอําเภอลานกระบือที่ปรากฏอยู่ในคําขวัญ<br />
ของจังหวัดกําแพงเพชรด้วย<br />
ธรณีวิทยา<br />
ทรัพยากรธรณี สัญลักษณ์ของจังหวัด<br />
22<br />
KAMPHAENG PHET<br />
“Phet” Crude Oil is Kamphaeng Phet’s geological symbol. The name “Phet” was royally given after<br />
its provincial name, Kamphaeng Phet. The crude oil has been produced from the largest onshore oil<br />
production site of Thailand, named after Her Majesty the Queen, Sirikit Oil Field, located in Lan Krabue<br />
District.<br />
นํ้ามันดิบเพชรมีลักษณะเป็นของเหลวหนืดข้น สีดําทึบแสง มีปริมาณ<br />
ซัลเฟอร์ตํ่า จัดอยู่ในประเภทพาราฟิน คือเมื่อกลั่นแล้วได้ของเหลือเป็นไข<br />
(wax) นํ้ามันดิบเพชรเกิดจากการสะสมตัวของเศษซากสิ่งมีชีวิตทั้งพืช<br />
และสัตว์ในยุคพาลีโอจีน - นีโอจีน (อายุราว ๖๕ - ๒ ล้านปี) ร่วมกับตะกอนใน<br />
สภาพแวดล้อมแบบทะเลสาบนํ้าจืด ในระหว่างการสะสมตัวของตะกอนจาก<br />
ทางนํ้าซึ่งเปลี่ยนทิศทางและทับถมซํ้าไปมาผ่านสภาวะอากาศทั้งแห้งแล้งและ<br />
ชุ่มชื้นสลับกันนั้น แอ่งมีการขยายตัวกว้างขึ้นและทรุดตัวลึกขึ้น ซากอินทรียสาร<br />
ที ่สะสมในแอ่งเมื ่อถูกบีบอัดด้วยนํ้าหนักกดทับและความร้อนอย่างค่อยเป็น<br />
ค่อยไป จะกลายสภาพเป็นนํ้ามันดิบซึ่งเป็นสารเคอราเจนกึ่งแข็งกึ่งหนืด และ<br />
ก๊าซธรรมชาติอยู่ภายในหินดินดานและหินโคลนของหมวดหินชุมแสงซึ่งเป็น<br />
หินต้นกําเนิดปิโตรเลียม จากนั้นจึงไหลมารวมตัวกันในช่องว่างและรูพรุนของ<br />
หินทรายหมวดหินลานกระบือ ซึ่งเป็นชั้นหินกักเก็บปิโตรเลียมในแหล่งสิริกิติ์<br />
และถูกปิดกั้นด้วยหินโคลนของหมวดหินชุมแสงอีกครั้ง ซึ่งจากการเกิดสลับกัน<br />
ของหินทั้งสองหน่วยหิน ทําให้มีชั้นหินกักเก็บนํ้ามันได้ถึง ๔ ชั้น
จังหวัดขอนแก่น<br />
กระดูกไดโนเสาร์<br />
ประเทศไทยมีการค้นพบซากดึกดําบรรพ์<br />
กระดูกไดโนเสาร์ “ภูเวียงโกซอรัส สิรินธรเน” อายุ<br />
๑๓๐ ล้านปี เป็นครั้งแรกที่ภูประตูตีหมา อําเภอภูเวียง<br />
จังหวัดขอนแก่น ซึ่งชื่อชนิดได้รับพระราชทาน<br />
จากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ<br />
สยามบรมราชกุมารี ผู้สนพระราชหฤทัย<br />
ในงานด้านโบราณชีววิทยาเป็นอย่างมาก<br />
ธรณีวิทยา<br />
ซากดึกดําบรรพ์กระดูกขาขนาดใหญ่ของไดโนเสาร์ซอโรพอด<br />
ที่มีคอยาว หางยาว เดิน ๔ ขา พบบริเวณหลุมขุดค้นที่ ๑ - ๓ ภูเวียง<br />
ฝังตัวอยู่ในชั้นหินทรายเนื้ออาร์โคสสีแดงที่มีเนื้อหินปูนบางส่วน<br />
หมวดหินเสาขัว กลุ่มหินโคราช ยุคครีเทเชียสตอนต้น เมื่อมีการ<br />
ศึกษาเปรียบเทียบกับซากดึกดำาบรรพ์ไดโนเสาร์จากแหล่งต่างๆ<br />
ทั่วโลกแล้ว พบว่าเป็นไดโนเสาร์กินพืชสกุลใหม่ ชื่อว่า “ภูเวียง<br />
โกซอรัส สิรินธรเน” (Phuwiangosaurus sirindhornae) ที่พบใน<br />
ประเทศไทยเป็นแห่งแรกในโลก<br />
KHON KAEN<br />
The geological symbol of Khon Kaen Province is the Fossil of Dinosaur Bones<br />
of plant-eating sauropod dinosaurs lived in the area around 130 million years<br />
ago. This dinosaur has been named “Phuwiangosaurus Sirindhornae”. The<br />
name “Sirindhornae” was given to highly honor Her Royal Highness Princess<br />
Maha Chakri Sirindhorn, who is interested in paleontology. Khon Kaen is<br />
the first province where dinosaur fossils were firstly reported in Thailand.<br />
ทรัพยากรธรณี สัญลักษณ์ของจังหวัด<br />
23
จังหวัดจันทบุรี<br />
หินบะซอลต์<br />
เขาพลอยแหวน<br />
เป็นหินภูเขาไฟสีดําประเภทหินบะซอลต์<br />
ตั้งอยู่ที่ตําบลเขาพลอยแหวน อําเภอท่าใหม่ จังหวัด<br />
จันทบุรี ซึ่งเป็นแหล่งพลอยที่สําคัญของจันทบุรี<br />
และเป็นต้นกำาเนิดพลอยสีเขียวผักตบที่เรียกว่า<br />
พลอยเมืองจันท์<br />
ทรัพยากรธรณี สัญลักษณ์ของจังหวัด<br />
24<br />
CHANTHABURI<br />
Khao Phloi Waen Basalt is the geological symbol of Chanthaburi Province. This basalt<br />
is a dark gray volcanic rock, which is a parent rock for the famous green sapphires<br />
and other corundum of Chanthaburi. Chanthaburi is famous for gems of outstanding<br />
quality, beauty and rarity of Thailand.<br />
ธรณีวิทยา<br />
เขาพลอยแหวนเป็นปล่องภูเขาไฟเก่าที่ประกอบ<br />
ด้วยหินบะซอลต์แบบฮาวายไอต์ และแบบอัลคาไลน์<br />
โอลิวีนสีเทาเข้มและสีเทาเขียว เนื้อละเอียดถึงละเอียด<br />
มาก เกิดจากลาวา (lava) หรือหินหนืดที่อุ้มพลอย<br />
แซปไฟร์และคอรันดัมที่ตกผลึกอยู่ก่อนแล้วใต้ผิวโลก<br />
ไหลผ่านทางรอยแตกหรือรอยแยกขึ้นมาบนผิวโลก<br />
ในยุคควอเทอร์นารี และแผ่กระจายแข็งตัวปิดทับอยู่บน<br />
ภูมิประเทศของหินเดิม ต่อมาหินบะซอลต์ได้ผุพังอยู่กับที่<br />
ด้วยสภาพภูมิอากาศตามธรรมชาติ ทำาให้เกิดเป็นชั้นหิน<br />
บะซอลต์ผุ ชั้นดินบะซอลต์ และกะสะพลอย กลายเป็น<br />
แหล่งพลอยในปัจจุบัน
จังหวัดฉะเชิงเทรา<br />
หินแกรนิตเขาหินซ้อน<br />
เป็นหินแกรนิตเนื้อดอกที่มีเนื้อสวยงาม<br />
สามารถนํามาทําหินประดับได้ พบที่เขาหินซ้อนและ<br />
เขาหน้ามอด ตําบลเขาหินซ้อน อําเภอพนมสารคาม<br />
จังหวัดฉะเชิงเทรา ที่มองเห็นเด่นชัดได้แต่ไกล และ<br />
เป็นสถานที่ตั้งของศูนย์ศึกษาการพัฒนาเขาหินซ้อน<br />
อันเนื่องมาจากพระราชดําริ ซึ่งเป็นโครงการศึกษา<br />
ทดลอง วิจัย และพัฒนาที่ดินเสื่อมโทรม<br />
ให้กลับมาใช้ประโยชน์ด้านการเกษตร<br />
ธรณีวิทยา<br />
เขาหินซ้อนเป็นภูเขาหินแกรนิตที่เกิดจากการ<br />
แทรกดันตัวขึ้นมาของแมกมา (magma) และเย็นตัว<br />
ตกผลึกใต้ผิวโลกในช่วงยุคไทรแอสซิก (ประมาณ<br />
๒๔๕ - ๒๑๐ ล้านปี) หินแกรนิตที่พบมีสีเทาและเทาขาว<br />
เนื้อปานกลางถึงหยาบ เป็นหินแกรนิตชนิดฮอร์นเบลนด์-<br />
ไบโอไทต์ ที่ประกอบด้วยแร่ควอร์ตช์ เฟลด์สปาร์ ฮอร์นเบลนด์<br />
และไบโอไทต์เป็นหลัก ทั่วไปมีเนื้อผลึกสองขนาดโดยพบแร่<br />
เฟลด์สปาร์เป็นแร่ดอก บางส่วนพบการแตกในลักษณะเป็นกาบ<br />
(exfoliation) บางบริเวณพบหินปลอมปน (xenolith) ที่เป็น<br />
หินภูเขาไฟชนิดหินแอนดีไซต์<br />
CHACHOENGSAO<br />
Formed during the Triassic (245 - 210 million years ago) period, the Khao Hin Son Granite, the geological symbol of<br />
Chachoengsao Province, inhibits beautiful porphyritic texture of feldspar. The rock crops out in the area of Khao Hin<br />
Sorn Royal Development Study Center, where the study, experiment, research and development of royal projects<br />
focus on rehabilitating degraded soil to be used for agricultural purpose.<br />
ทรัพยากรธรณี สัญลักษณ์ของจังหวัด<br />
25
จังหวัดชลบุรี<br />
หินแคลก์-ซิลิเกต<br />
เขาชีจรรย์<br />
เขาชีจรรย์เป็นภูเขาหินแคลก์-ซิลิเกตที่มีภูมิทัศน์ยิ่งใหญ่<br />
สง่างามตามธรรมชาติ เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สําคัญของประเทศ<br />
ตั้งอยู่ในอําเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี หน้าเขาสูงชันซึ่งในอดีต<br />
เคยเป็นเหมืองหินที่ถูกระเบิดทําลายได้รับการปรับพื้นผิว และ<br />
ประดิษฐานพระพุทธรูปสลักลายเส้นในลักษณะพระพุทธฉาย<br />
ที่ใหญ่ที่สุดในโลก เป็นพระพุทธรูปประจํารัชกาลที่ ๙ ซึ่งพระบาท<br />
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานนามว่า “พระพุทธมหา<br />
วชิรอุตตโมภาสศาสดา”<br />
ทรัพยากรธรณี สัญลักษณ์ของจังหวัด<br />
26<br />
CHON BURI<br />
Khao Chi Chan Calc-silicates is the geological symbol of Chon Buri Province. These<br />
series of metamorphic rocks inhibit beautiful foliation, alternated dark and light parallel<br />
strips. The rocks were found at Khao Chi Chan quarry where the large laser-carved<br />
Buddha is presence. This is also an important site for the province.<br />
ธรณีวิทยา<br />
หินแคลก์-ซิลิเกตเขาชีจรรย์เป็นหินแปร<br />
สีเทาดํา-สีขาวแทรกสลับกัน มีแถบหินเนื้อดินสีดํา-<br />
นํ้าตาลดําแทรกสลับร่วมด้วย มีลักษณะเนื้อแน่น<br />
แข็งและเหนียว ซึ่งเกิดจากหินปูนผสมดินเนื้อแน่น<br />
ที่ถูกแปรสภาพเนื่องจากการแทรกดันของหินแกรนิต<br />
ขึ้นมาทางด้านทิศตะวันตกเฉียงเหนือของเขาชีจรรย์<br />
ในยุคไทรแอสซิกเมื่อกว่า ๒๐๐ ล้านปีก่อน อิทธิพล<br />
ความร้อนและความดันจากแมกมาที่แทรกดันขึ้นมา<br />
ทําให้หินปูนที่อยู่ใกล้แนวสัมผัสกับหินแกรนิตถูกแปร<br />
สภาพเป็นหินแคลก์-ซิลิเกตดังปัจจุบัน
จังหวัดชัยนาท<br />
ทรายบกชัยนาท<br />
เป็นทรายร่วนสีนํ้าตาลอ่อน เกิดจากการสะสมตัวของตะกอนตามร่องนํ้า<br />
เก่าของแม่นํ้าเจ้าพระยา ปัจจุบันทรายบกชัยนาทเป็นแหล่งวัตถุดิบที่สําคัญในการ<br />
ก่อสร้างถนน อาคารบ้านเรือน และสาธารณูปโภคของจังหวัด<br />
ธรณีวิทยา<br />
ทรายบกชัยนาทเป็นตะกอนสีนํ้าตาลแกมเหลือง<br />
ชั้นหนาตั้งแต่ ๑๐ ถึง ๓๐ เมตร เกิดจากการสะสมตะกอน<br />
บริเวณร่องนํ้าเก่าของแม่นํ้าเจ้าพระยาตามทางนํ้าโค้งตวัด<br />
(meandering belt) ตั้งแต่สมัยโฮโลซีน (Holocene ๑.๑๗ หมื่นปี<br />
ก่อน) จนถึงปัจจุบัน ประกอบด้วยเม็ดทรายกลมมนของแร่<br />
ควอตซ์ เศษหินต่างๆ และแร่ไมกา และแสดงลักษณะการลําดับ<br />
ขนาดตะกอนละเอียดอยู่ด้านบนและหยาบมากอยู่ด้านล่าง<br />
บางบริเวณพบกรวด ทรายปนกรวด และดินเหนียวบ้างเล็กน้อย<br />
ตะกอนชุดนี้พบวางตัวแทรกอยู่ในตะกอนที่ราบนํ้าท่วมถึง<br />
ในลักษณะรูปเลนส์ ในบางบริเวณด้านบนถูกปิดทับด้วยชั้นดิน<br />
เคลย์ บางบริเวณตะกอนด้านบนค่อยๆ เปลี่ยนเป็นตะกอน<br />
คันดินธรรมชาติ (natural levee)<br />
CHAINAT<br />
The unit of Chainat Sand, a geological symbol of Chainat Province, comprises<br />
pale brown sand beds 10 - 30 meters thick with some clay and gravel grains<br />
found as a result of sedimentation along the old channel of the Chao Phraya river.<br />
ทรัพยากรธรณี สัญลักษณ์ของจังหวัด<br />
27
จังหวัดชัยภูมิ<br />
โพแทชบำาเหน็จณรงค์<br />
เป็นแร่เกลือหินชนิดหนึ่ง สีขาวอมส้ม เกิดจากการระเหยของนํ้าทะเล<br />
โบราณที่รุกเข้ามาในช่วง ๙๐ ล้านปีก่อน เป็นแร่สําคัญในการผลิตปุ๋ยโพแทช<br />
และอุตสาหกรรมเคมีอื่นๆ แหล่งโพแทชที่สําคัญของจังหวัดอยู่ที่บ้านตาล<br />
ตําบลบ้านตาล อําเภอบําเหน็จณรงค์<br />
ธรณีวิทยา<br />
ทรัพยากรธรณี สัญลักษณ์ของจังหวัด<br />
28<br />
แร่โพแทชเป็นชื่อกลุ่มแร่ที่เกิดจากกระบวนการระเหย<br />
ของนํ้าทะเลตื้นโดยตรง ประกอบด้วยแร่สําคัญๆ หลายชนิด<br />
เช่น แร่ซิลไวต์ (Sylvite) คาร์นัลไลต์ (Carnallite) แลงบีไนต์<br />
(Langbeinite) ไคไนต์ (Kainite) และโพลีเฮไลต์ (Polyhalite) เป็น<br />
แร่ที่ละลายนํ้าได้ง่ายมาก มีรสเฝื่อนถึงขมมากแต่ไม่เค็มจัดเหมือน<br />
เกลือหินหรือแร่เฮไลต์ โพแทชบําเหน็จณรงค์เป็นส่วนหนึ่งของ<br />
แอ่งเกลือหิน-โพแทช ซึ่งครอบคลุมพื้นที่กึ่งหนึ่งของภาคตะวันออก<br />
เฉียงเหนือ อยู่ในลําดับชั้นหินส่วนล่างของหมวดหินมหาสารคาม<br />
กลุ่มหินโคราช ในพื้นที่ที่มีเกลือหินและโพแทชมักพบคราบเกลือ<br />
ละลายนํ้าซึมขึ้นมาบนผิวดิน บริเวณที่ชั้นเกลือถูกดันแทรกขึ้นมา<br />
ในชั้นหินระดับตื้นในลักษณะโดมเกลือ (salt dome) มักถูกละลาย<br />
จนเป็นหนองนํ้าหรือบึงนํ้าใหญ่ แต่ก็มีบางแห่งที่ใช้ทํานาเกลือ<br />
CHAIYAPHUM<br />
Bamnet Narong Potash is the geological symbol of Chaiyaphum Province. Potash usually referred to a series of minerals that<br />
formed in association with rock salt indicating that the area used to be dominated by shallow sea in the ancient time.<br />
These minerals are easily dissolved in water thus leaving behind traces of white salt on the ground surface or that the area<br />
is dominated by large and small ponds as the result of weathering and erosion processes.
จังหวัดชุมพร<br />
หินทรายแดงชุมพร<br />
เป็นหินทรายสีแดง บริเวณหน้าผาชายทะเล<br />
บ้านผาแดง ตําบลหาดทรายรี อําเภอเมืองชุมพร<br />
จังหวัดชุมพร ซึ่งมีลักษณะภูมิทัศน์ของธรณีสัณฐาน<br />
ชายฝั่งแบบสะพานหินธรรมชาติ และเป็นแหล่งอนุรักษ์<br />
ทางธรณีวิทยาที่มีทิวทัศน์สวยงามประจําจังหวัด<br />
(1)<br />
(2)<br />
ธรณีวิทยา<br />
ชั้นหินทรายชายฝั่งบ้านผาแดงเกิดจากการสะสมตะกอนตาม<br />
แม่นํ้าและเนินตะกอนรูปพัดโบราณในช่วงยุคครีเทเชียสตอนปลาย<br />
ประกอบด้วยหินทรายหยาบชั้นหนา เม็ดทรายค่อนข้างเหลี่ยม<br />
มีชั้นหินกรวดมนและหินทรายแป้งแทรกสลับ เม็ดกรวดส่วนใหญ่<br />
เป็นหินทรายสีแดงถึงแดงเข้มที่วางเรียงตัวกันโดยเอียงเทไปทางต้ นํ้า<br />
ภายหลังจากการสะสมตะกอนสิ้นสุดลง แอ่งหินทรายได้ถูกยกตัว<br />
เป็นภูเขา และเกิดการกัดเซาะโดยธรรมชาติจากกระแสคลื่นตาม<br />
แนวชายฝั่ง ทําให้ชายฝั่งบ้านผาแดงมีสภาพเป็นแหลมที่ยื่นออกจาก<br />
แนวหน้าผาและแบ่งชายหาดออกเป็น ๒ ส่วน หลังจากนั้นกระแส<br />
คลื่นได้กัดเซาะส่วนหัวแหลมที่ยื่นออกมา ทําให้เกิดลักษณะเป็น<br />
สะพานหินธรรมชาติ มีรูปร่างเป็นซุ้มหินโค้ง และส่วนปลายสุดมีโขดหิน<br />
ขนาดใหญ่ตั้งอยู่เป็นเกาะหินโด่ง (stack) ตามภูมิทัศน์ปัจจุบัน<br />
(3)<br />
CHUMPHON<br />
Chumphon Red Sandstone, the geological symbol of Chumphon Province,<br />
formed as rocky natural bridge and stack found by the seashore of<br />
Ban Pha Daeng, Hat Sai Ri Subdistrict, Mueang Chumphon District,<br />
Chumphon Province. The place is considered one of the most important<br />
geological conservation site of the country.<br />
ทรัพยากรธรณี สัญลักษณ์ของจังหวัด<br />
29
จังหวัดเชียงราย<br />
แร่แมงกานีสเชียงราย<br />
เป็นแร่โลหะชนิดหนึ่ง มีสีดํา พบที่อําเภอพญาเม็งราย<br />
อําเภอเทิง และอําเภอเวียงป่าเป้า แมงกานีสเป็นแร่ที่สําคัญของ<br />
ประเทศซึ่งนําไปใช้ในอุตสาหกรรมถ่านไฟฉาย อุตสาหกรรมเหล็ก<br />
และโลหะผสมแมงกานีส เป็นตัวทําให้สีแห้ง เป็นตัวฟอกสี<br />
ในอุตสาหกรรมแก้ว ใช้ทําแบตเตอรี่แห้ง หรือเป็นตัวทําให้เกิดสี<br />
ในอิฐ เครื่องปั้นดินเผา และแก้ว เป็นต้น<br />
ทรัพยากรธรณี สัญลักษณ์ของจังหวัด<br />
30<br />
CHIANG RAI<br />
Chiang Rai Manganese is the geological symbol of Chiang Rai Province,<br />
found in Phaya Mengrai, Thoeng and Wiang Pa Pao Districts. This black<br />
metallic mineral is important to the country to be used in battery and iron<br />
industries as well as manganese alloy.<br />
ธรณีวิทยา<br />
สินแร่แมงกานีสที่พบในจังหวัดส่วนใหญ่เป็นแร่<br />
ไพโรลูไซต์และแร่ไซโลมีเลน สําหรับแร่ไพโรลูไซต์มักพบเป็น<br />
คราบบางๆ รูปกิ่งไม้ เคลือบตามรอยแตกและผิวก้อนกรวด<br />
เกิดเป็นสายแร่ร่วมกับควอตซ์ และเป็นแร่พลัดอยู่ในชั้น<br />
ดินแลงกึ่งแข็งตัว ส่วนแร่ไซโลมีเลนมีเนื้อแน่น มักพบใน<br />
ลักษณะเป็นรูปพวงองุ่นหรือรูปไต มีการเกิดแบบสะสมตัวใหม่<br />
โดยอิทธิพลของนํ ้าบาดาล เป็นชั ้นอยู ่ในชั ้นดินแลงและชั ้น<br />
ศิลาแลง สินแร่แมงกานีสสามารถแบ่งตามประโยชน์ของการ<br />
ใช้งานตามเปอร์เซ็นต์ของธาตุแมงกานีสออกไซด์ได้ ๓ เกรด<br />
คือ เกรดโลหกรรม เกรดเคมี และเกรดแบตเตอรี่
จังหวัดเชียงใหม่<br />
หินไนส์ดอยอินทนนท์<br />
เป็นหินแปรสีดําสลับขาว แสดงริ้วขนานสวยงาม และมีอายุ<br />
เก่าแก่ที่สุดของประเทศไทย พบที่ดอยอินทนนท์ซึ่งเป็นดอยที่สูงที่สุด<br />
ในประเทศไทย และเป็นที่ตั้งของพระมหาสถูปเจดีย์ดอยอินทนนท์<br />
นอกจากนี้ยังพบได้ทั่วไปบริเวณเส้นทางหลวงจอมทอง-อินทนนท์<br />
บริเวณนํ้าตกแม่ยะ นํ้าตกแม่กลาง นํ้าตกสิริภูมิ และนํ้าตกวชิรธาร<br />
อําเภอจอมทอง และที่อุทยานแห่งชาติออบหลวง อําเภอฮอด<br />
ธรณีวิทยา<br />
หินไนส์ดอยอินทนนท์เป็นหินชั้นเก่าแก่แห่งมหายุค<br />
พรีแคมเบรียนอายุกว่า ๕๙๐ ล้านปี ที่ถูกแปรสภาพในระดับ<br />
ปานกลางถึงสูงไม่ตํ่ากว่า ๕ ครั้ง แรงดันและความร้อน<br />
ใต้เปลือกโลกผ่านระยะเวลาแสนนานทําให้ผลึกแร่ที่เกิดใน<br />
ส่วนล่างของหินเดิมแปรสภาพ เปลี่ยนรูปทรง หรือเปลี่ยนเป็น<br />
แร่ชนิดอื่น เกิดเป็นหินไนส์ที่มีการเรียงตัวของแร่เป็นลวดลาย<br />
สีดําสลับขาว และบางส่วนถูกแปรสภาพรุนแรงจนถึงขั้น<br />
เริ่มหลอมเหลว จากการเคลื่อนที่ของเปลือกโลกทําให้หินไนส์<br />
ดอยอินทนนท์ยกตัวอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่เมื่อ ๕๕ ล้านปีก่อน<br />
จนถึงปัจจุบัน ประกอบกับเนื้อหินไนส์ส่วนใหญ่ประกอบด้วย<br />
แร่ซิลิกาที่มีความแกร่งและทนทานต่อการกัดกร่อน จึง<br />
ทําให้ดอยอินทนนท์ตั้งตระหง่านเป็นเทือกเขาที่สูงที่สุด<br />
ในประเทศไทย<br />
CHIANG MAI<br />
Doi Inthanon Gneiss, the geological symbol of Chiang Mai Province, is a<br />
Precambrian (>590 million years ago) metamorphic rock with alternated<br />
dark and light strips showing beautiful dark-light layers. Doi Inthanon (Peak),<br />
the highest mountain peak of Thailand, where the Doi Inthanon Pagoda<br />
located, is the important site where this rock is cropped out.<br />
ทรัพยากรธรณี สัญลักษณ์ของจังหวัด<br />
31
จังหวัดตรัง<br />
หินอ่อนตรัง<br />
เป็นหินอ่อนสีขาว เทาแกมชมพู ลายสีดํา<br />
มีความโดดเด่น สวยงาม และเป็นเอกลักษณ์<br />
จังหวัดตรังจึงเป็นแหล่งผลิตหินประดับที่สำาคัญ<br />
ของภาคใต้<br />
ธรณีวิทยา<br />
ทรัพยากรธรณี สัญลักษณ์ของจังหวัด<br />
32<br />
TRANG<br />
The geological symbol of Trang Province is the unique white to pinky gray with black stripes<br />
Trang Marble. The rock is a result of metamorphism of Thung Song’s limestone caused by<br />
granite intrusion during the Triassic period. Trang Marble occurs along a narrow area along<br />
the foothills in Pak Chaem Subdistrict, Huai Yot District. There are a total of nine active<br />
mines with total reserves of 800 million tons.<br />
หินอ่อนเป็นหินแปรชนิดหนึ่งซึ่งประกอบด้วย<br />
แร่แคลไซต์และ/หรือโดโลไมต์ เกิดจากการแปรสภาพ<br />
ของหินปูนด้วยอิทธิพลของความร้อนและความกดดัน<br />
ทําให้หินปูนหลอมและตกผลึกใหม่มีขนาดละเอียดถึง<br />
หยาบ โดยปรกติจะมีเนื้อผลึกสมํ่าเสมอ หินอ่อนตรัง<br />
เกิดจากการแปรสภาพของหินปูนกลุ่มทุ่งสงของยุค<br />
ออร์โดวิเชียน เนื่องจากการแทรกดันตัวของหินแกรนิต<br />
แนวตอนกลางของไทยในช่วงยุคไทรแอสซิก ในทาง<br />
การค้าหรืออุตสาหกรรม หินอ่อนใช้เรียกหินปูนที่มี<br />
ผลึกที่สามารถนํามาขัดหรือใช้กับงานสถาปัตยกรรม<br />
ที่ละเอียดประณีต ใช้เพื่อการประดับตกแต่ง แหล่ง<br />
หินอ่อนในจังหวัดตรังพบเป็นแนวแคบๆ บริเวณ<br />
เชิงเขา ในเขตตําบลปากแจ่ม อําเภอห้วยยอด<br />
มีทั้งหมดจํานวน ๙ แหล่ง มีปริมาณสํารองประมาณ<br />
๘๐๐ ล้านตัน
จังหวัดตราด<br />
หินบะซอลต์<br />
วัดเมืองเก่าแสนตุ่ม<br />
เป็นหินภูเขาไฟสีเทาเข้ม ที่แสดงการแตกเป็นแท่งรูปเสาหิน<br />
หกเหลี่ยมคล้ายเสาหินเมืองโบราณ พบที่วัดเมืองเก่าแสนตุ่ม และ<br />
โบราณสถานเขาโต๊ะโมะ หมู่ที่ ๗ บ้านอีเร็ม ตําบลประณีต อําเภอเขาสมิง<br />
ซึ่งเป็นสถานที่สําคัญของจังหวัดตราด<br />
ธรณีวิทยา<br />
หินบะซอลต์วัดเมืองเก่าแสนตุ่มมีเนื้อละเอียดสีเทาเข้ม<br />
มีแร่ดอกเป็นแร่นิลและแร่ไคลโนไพรอกซีน เกิดจากการปะทุของ<br />
หินหนืดใต้ผิวโลกขึ้นมาตามรอยแยกเมื่อประมาณ ๓ - ๑ ล้าน<br />
ปีก่อน ลาวาร้อนเหลวเมื่อขึ้นมาถึงผิวโลกจะเย็นตัวแข็งเป็นหิน<br />
บะซอลต์อย่างรวดเร็ว พร้อมกับมีการหดตัวของมวลหินในทุก<br />
ทิศทาง ทําให้เกิดการแตกเป็นกลุ่มแท่งหินรูปหกเหลี่ยมเส้นผ่าน<br />
ศูนย์กลาง ๑๕ - ๒๐ เซนติเมตร และยาวตั้งแต่ ๓๐ - ๑๕๐ เซนติเมตร<br />
บางแท่งอาจมีเหลี่ยมน้อยหรือมากกว่าหกเหลี่ยมก็ได้<br />
TRAT<br />
The geological symbol of Trat Province is Basalt of Wat Mueang Kao Saen<br />
Tum, a dark volcanic rock with columnar joints that formed a similar shape<br />
of pillars of the ancient city. The rock was found in Mueang Kao Saen Tum<br />
Temple and Khao Tomo, Khao Saming District. The site is one of the most<br />
important place of Trat Province.<br />
ทรัพยากรธรณี สัญลักษณ์ของจังหวัด<br />
33
จังหวัดตาก<br />
หินแกรนิตตาก<br />
เป็นหินอัคนีสีเทาอมฟ้า หรือเรียกว่าฟ้าดิบ ซึ่งเป็นสี<br />
ที่มีความสวยงามและมีความเป็นเอกลักษณ์โดดเด่นเฉพาะ<br />
จังหวัดตากเป็นจังหวัดที่ผลิตหินประดับชนิดหินแกรนิตที่ใหญ่<br />
ที่สุดในประเทศไทย<br />
ธรณีวิทยา<br />
ทรัพยากรธรณี สัญลักษณ์ของจังหวัด<br />
34<br />
TAK<br />
Tak Granite is the geological symbol of Tak Province. This bluish gray intrusive igneous rock of<br />
unique beauty and high quality has long been used as a dimension stone for decoration. Tak is<br />
thus famous for its largest center for granite dimension stone production site of the country.<br />
หินแกรนิตที่ถือเป็นสัญลักษณ์ของจังหวัดตาก<br />
เป็นหินแกรนิตที่มีสีเทาอมฟ้าซึ่งเป็นสีของแร่เฟลด์สปาร์<br />
กลุ่มแพลจิโอเคลส (Plagioclase) หินแกรนิตตากเป็น<br />
ส่วนหนึ่งของหินแกรนิตแนวตะวันออก (Eastern Belt Granite)<br />
ซึ่งเป็นหนึ่งในแนวหินแกรนิตจํานวน ๓ แนวของไทย หินแกรนิต<br />
ในแนวตะวันออกมักเกิดเป็นมวลหินขนาดเล็ก หรืออาจเกิด<br />
เป็นมวลหินขนาดใหญ่ที่ประกอบด้วยมวลหินขนาดเล็กๆ ของ<br />
หินแกรนิตชนิดต่างๆ แทรกทับซ้อนกันอยู่ หินแกรนิตแนวนี้<br />
มีประเภทหินและแร่ประกอบหินแตกต่างกันมาก ตั้งแต่ที่มีเนื้อหิน<br />
ใกล้เคียงกับหินภูเขาไฟ มีสีเข้มมากถึงดํา จนถึงเป็นหินแกรนิตแท้ๆ<br />
เนื้อหยาบและสีจาง ผลึกแร่มักจะไม่แสดงการเรียงตัวเหมือนหินแกรนิต<br />
ฟ้าดิบ และจะพบเศษหินแปลกปลอม (xenolith) ประเภทหินอัคนี<br />
สีเข้มและหินภูเขาไฟปนอยู่ในเนื้อหินแกรนิตเสมอ
จังหวัดนครนายก<br />
หินสบู่ดิกไคต์<br />
หินชนิดนี้มีชื่อเรียกทางธรณีวิทยาว่าแร่ดิกไคต์ และ<br />
มีชื่อเรียกโดยทั่วไปว่าหินอ่อนหรือหินสบู่ เป็นแร่ดินชนิดหนึ่ง<br />
มีเนื้อละเอียดคล้ายสบู่ มีสีเทาอ่อนหรือสีเขียวตองอ่อน ใช้ทํา<br />
เครื่องประดับ งานแกะสลัก หรืออุตสาหกรรมเซรามิก หินสบู่<br />
ดิกไคต์พบเฉพาะที่เขาชะโงก ตําบลพรหมณี อําเภอเมือง<br />
นครนายก<br />
ธรณีวิทยา<br />
ดิกไคต์ (Dickite) เป็นแร่ดินชนิดหนึ่งในกลุ่ม<br />
เคโอลิไนต์ ซึ่งมีองค์ประกอบทางเคมีเหมือนกัน แต่มี<br />
โครงสร้างผลึกต่างกัน พบเป็นหินแข็ง มีสีหลากหลาย<br />
ตั้งแต่เทาอ่อน นํ้าตาลอ่อน ไปจนถึงเขียวตองอ่อน ดิกไคต์<br />
เกิดจากการที่นํ้าแร่ร้อนและแก๊สซึมผ่านรอยแตกของหินเดิม<br />
ที่เป็นหินไรโอไลต์และทัฟฟ์ แล้วเปลี่ยนสภาพแร่ประกอบ<br />
หินเดิมให้เป็นแร่ดิกไคต์ หรือเกิดจากการที่นํ้าแร่ไหลเข้าไป<br />
บรรจุในรอยแตกที่มีอยู่ในหิน การแพร่กระจายของแร่<br />
จึงสัมพันธ์กับแนวโครงสร้างธรณีวิทยา การใช้ประโยชน์<br />
ขึ้นอยู่กับคุณภาพแร่ตามปริมาณของอะลูมินา คือ ร้อยละ<br />
๒๘ - ๓๒ ส่วนมากใช้ทำาเครื่องประดับหรืองานแกะสลัก เช่น<br />
พระพุทธรูป แจกัน ฯลฯ ร้อยละ ๑๑ - ๒๘ ใช้ในอุตสาหกรรม<br />
เซรามิก ที่ตํ่ากว่านั้นใช้ผสมทําปูนซีเมนต์ขาว<br />
NAKHON NAYOK<br />
The geological symbol of Nakhon Nayok Province is dickite. Usually referred to<br />
as “soft rock” or “soap rock”, the pale green to pale brown “dickite” is in fact<br />
one of the kaolinite group formed under the influence of hydrothermal water that<br />
seeped through fractures in parent rocks, e.g. rhyolite and tuff. Dickite usually<br />
contains a considerable amount of alumina (28 - 32 percent) and always used<br />
as carving materials or ceramics.<br />
ทรัพยากรธรณี สัญลักษณ์ของจังหวัด<br />
35
จังหวัดนครปฐม<br />
ทรายบกกำาแพงแสน<br />
เป็นทรายปนกรวดสีนํ้าตาลอ่อน ที่เกิดจากการสะสมตัว<br />
แบบเนินตะกอนรูปพัดของแม่นํ้าเมื่อประมาณ ๗ แสนปีก่อน<br />
จนเป็นแหล่งทรายขนาดใหญ่ที่มีปริมาณทรายมหาศาล เช่น<br />
ที่บ้านหนองกร่าง ตําบลทุ่งลูกนก อําเภอกําแพงแสน จังหวัด<br />
นครปฐม ในอดีตทรายบกกําแพงแสนเคยเป็นแหล่งวัสดุ<br />
ก่อสร้างขนาดใหญ่และสําคัญที่สุดของกรุงเทพมหานคร<br />
ทรัพยากรธรณี สัญลักษณ์ของจังหวัด<br />
36<br />
NAKHON PATHOM<br />
Kamphaeng Saen Alluvial Sand is the geological symbol of Nakhon Pathom Province,<br />
comprising pale brown gravels and sand with fragments of wood and animal bones<br />
deposited as alluvial fan around 700,000 years ago. Kamphaeng Saen Sand used to be the<br />
largest and most important construction material for Bangkok Metropolitan.<br />
ธรณีวิทยา<br />
ทรายบกกําแพงแสนมีขนาดตั้งแต่ทราย<br />
ละเอียดถึงหยาบมาก เนื้อร่วน สีนํ้าตาลอ่อน<br />
มีกรวดปน เม็ดทรายประกอบด้วยแร่ควอตซ์<br />
และเศษหินชนิดต่างๆ เม็ดค่อนข้างมน การคัด<br />
ขนาดไม่ดี มักพบเศษไม้หรือเศษกระดูกปะปน<br />
ด้วยเล็กน้อย เกิดจากการสะสมตัวแบบเนิน<br />
ตะกอนรูปพัด (alluvial fan deposit) ขนาด<br />
ใหญ่มากของแม่นํ้าแม่กลองในช่วงที่ไหลลงสู่<br />
ที่ราบลุ่มเจ้าพระยา
จังหวัดนครพนม<br />
รอยตีนไดโนเสาร์ท่าอุเทน<br />
เป็นซากดึกดําบรรพ์รอยตีนไดโนเสาร์กินรีมิมัส บนหินทราย<br />
สีแดงอายุกว่า ๑๐๐ ล้านปี ที่สมบูรณ์และพบมากที่สุดในเอเชียตะวันออก<br />
เฉียงใต้ ด้วยความสําคัญทั้งทางด้านโบราณชีววิทยาและธรณีวิทยา<br />
กรมทรัพยากรธรณีจึงได้ประกาศให้เหมืองหินทรายเก่า หมู่ที่ ๒ ตําบล<br />
พนอม อําเภอท่าอุเทน จังหวัดนครพนม เป็นแหล่งซากดึกดําบรรพ์<br />
ขึ้นทะเบียนแห่งแรกของประเทศ เมื่อวันที่ ๑๘ พฤษภาคม ๒๕๕๔<br />
พร้อมทั้งพัฒนาเป็นแหล่งศึกษาเรียนรู้และท่องเที่ยวทางธรณีวิทยา<br />
โดยส่งมอบให้จังหวัดนครพนมบริหารจัดการ<br />
ธรณีวิทยา<br />
แหล่งรอยตีนไดโนเสาร์ท่าอุเทนเป็นรอยพิมพ์แนวทางเดิน<br />
ของฝูงไดโนเสาร์นกกระจอกเทศกินรีมิมัส จำานวนมากกว่า ๓๒ แนว<br />
บนชั้นหินทรายสีนํ้าตาลแกมแดงและหินโคลนสีนํ้าตาลแดงของ<br />
หมวดหินโคกกรวด กลุ่มหินโคราช ยุคครีเทเชียสตอนกลาง ลักษณะ<br />
รอยตีนที่พบแบ่งออกเป็น ๓ กลุ่ม คือ กลุ่มของไดโนเสาร์นกกระจอกเทศ<br />
กินรีมิมัส ลักษณะของรอยตีนเป็น ๓ นิ้ว คล้ายรอยตีนไก่ ที่ปลายนิ้ว<br />
มีร่องรอยของเล็บแหลมคม บางรอยมีรอยครูดของเล็บให้เห็น แสดง<br />
ลักษณะของสัตว์กินเนื้อเป็นอาหาร เดินด้วย ๒ ขาหลัง จํานวน ๒๐๐ รอย<br />
เหยียบยํ่าบนรอยริ้วคลื่น (ripple marks) และรอยระแหงโคลน<br />
(mudcracks) โบราณ นอกจากนี้ยังพบกลุ่มของไดโนเสาร์ออร์นิโธพอด<br />
และกลุ่มของจระเข้ขนาดเล็กอีกหลายแนว และยังพบรูปพิมพ์นูน<br />
ของรอยตีนไดโนเสาร์ที่สมบูรณ์อีกมากมายใต้ชั้นหินทรายที่ปิดทับบน<br />
รอยพิมพ์เหล่านี้อีกด้วย<br />
NAKHON PHANOM<br />
The over 100-million-year-old Tha Uthen Dinosaur Footprints on red<br />
sandstone rock unit represent the geological symbol of Nakhon Phanom<br />
Province. The site was considered the best preserved Kinnareemimus<br />
dinosaur footprints and most abundant in Southeast Asia region found<br />
in sandpits of Tha Uthen District. The Department of Mineral Resources<br />
has realized the importance of the site thus registered as the first fossil<br />
site of the country on 18 May 2011 as well as developed it to be a study<br />
and geotourism site of the province. Other geological features of<br />
sandstone unit include ripple marks and mudcracks.<br />
ทรัพยากรธรณี สัญลักษณ์ของจังหวัด<br />
37
จังหวัดนครราชสีมา<br />
ไม้กลายเป็นหิน<br />
เป็นซากดึกดําบรรพ์ชนิดพืช เกิดจากสารละลายซิลิกา<br />
เข้าไปแทนที่เนื้อไม้ ทําให้แข็งเป็นหิน แต่ยังคงสภาพโครงสร้าง<br />
เนื้อไม้เดิมไว้ จังหวัดนครราชสีมาเป็นจังหวัดที่พบไม้กลายเป็นหิน<br />
มากที่สุดในประเทศ และยังเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์ไม้กลายเป็น<br />
หินที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ<br />
ทรัพยากรธรณี สัญลักษณ์ของจังหวัด<br />
38<br />
NAKHON RATCHASIMA<br />
The geological symbol of Nakhon Ratchasima Province is petrified wood.<br />
Petrified wood is a kind of plant fossil that its structure was replaced by silica<br />
solution making it rock solid with some remain of wood tissues. Nakhon<br />
Ratchasima is the province where petrified wood has been most abundant<br />
and the largest petrified wood collection and museum of the country is<br />
located.<br />
ธรณีวิทยา<br />
ไม้กลายเป็นหินคือซากดึกดําบรรพ์ของพืช เกิดจาก<br />
ท่อนไม้ถูกฝังกลบและแช่อยู่ในสารละลายซิลิกาที่มีความเข้มข้น<br />
สูงเพียงพอในสภาพที่ขาดออกซิเจน ทําให้เนื้อไม้ไม่เน่าเปื่อย<br />
บางช่วงเวลาที่ท่อนไม้และสารละลายซิลิกาได้สัมผัสกับออกซิเจน<br />
ทําให้สารละลายซิลิกาตกตะกอนในรูปของซิลิกาเจล สะสมตัว<br />
แทนที่ช่องว่างของเนื้อไม้ ด้วยระยะเวลานับร้อยนับพันปีทําให้<br />
ท่อนไม้กลายเป็นเนื้อหินโดยที่ยังรักษาโครงสร้างเนื้อไม้ดั้งเดิมเอาไว้<br />
เนื้อไม้กลายเป็นหินบางส่วนมีการพัฒนาเป็นโอปอลที่มีสีสัน<br />
สวยงาม โดยแร่ธาตุต่างๆ ที่ปะปนอยู่ทําให้เกิดสีต่างๆ กัน เช่น<br />
สีดําจากคาร์บอน สีแดง-นํ้าตาล-เหลืองจากเหล็กออกไซด์ เป็นต้น
จังหวัดนครศรีธรรมราช<br />
หินปูนทุ่งสง<br />
เป็นหินปูนเนื้อดินสีเทาเข้ม ที่สะสมตัว<br />
บริเวณทะเลนํ้าตื้นเมื่อ ๔๕๐ ล้านปีก่อน<br />
มีลักษณะโดดเด่นเฉพาะตัวและเป็นกลุ่มหิน<br />
ที่ได้รับคัดเลือกให้เป็นชั้นหินแบบฉบับสําหรับ<br />
หินปูนยุคออร์โดวิเชียนของประเทศไทย รวมทั้ง<br />
เป็นแหล่งวัสดุหินสําหรับอุตสาหกรรมก่อสร้าง<br />
และซีเมนต์ที่สําคัญของภาคใต้<br />
ธรณีวิทยา<br />
หินคาร์บอเนตยุคออร์โดวิเชียน รู้จักกันโดยทั่วไปใน<br />
ชื่อว่า “กลุ่มหินปูนทุ่งสง” ซึ่งมีสภาวะแวดล้อมการสะสมตัวใน<br />
บริเวณชายฝั่งทะเลนํ้าตื้น กลุ่มหินนี้มีความหนากว่า ๑,๖๐๐ เมตร<br />
โดยทั่วไป ประกอบด้วยหินปูนสีเทาถึงเทาดํา ชั้นหนาถึงหนามาก<br />
มักจะมีชั้นดินแทรกสลับ ในบางบริเวณหินปูนจะมีเนื้อเป็นเม็ดแบบ<br />
ไข่ปลา หรือเป็นเนื้อหินปูนโดโลไมต์ ส่วนบนของกลุ่มหินนี้จะเป็น<br />
หินปูนที่มีเนื้อดินปน และในบางบริเวณมีหินดินดานสีเทาดํา<br />
แทรกสลับ ในเนื้อหินปูนทุ่งสงมักพบซากดึกดําบรรพ์ที่เกิดในทะเล<br />
อาทิ หอยฝาเดียว แบรคิโอพอด ไทรโลไบต์ และนอติลอยด์<br />
NAKHON SI THAMMARAT<br />
Thung Song Limestone is the geological symbol of Nakhon Si Thammarat Province. The dark gray Thung Song<br />
limestone was accumulated in shallow sea environment about 450 million years ago with the thickness over<br />
1,600 meters. This is the type locality of the Thung Song Group.<br />
ทรัพยากรธรณี สัญลักษณ์ของจังหวัด<br />
39
จังหวัดนครสวรรค์<br />
หินแกรนิตสีส้ม<br />
นครสวรรค์<br />
เป็นหินประดับที่มีความสวยงาม เป็น<br />
เอกลักษณ์โดดเด่นของจังหวัด นิยมนํามาทําหิน<br />
ประดับอาคาร แหล่งหินแกรนิตสีส้มพบตาม<br />
เนินเขาและเขาโดดทางทิศตะวันออกของ<br />
จังหวัด เช่น ที่เขาพระ-เขาสูง ตําบลหนองกลับ<br />
และที่ตําบลหนองบัว อําเภอหนองบัว และ<br />
อําเภอไพศาลี<br />
ธรณีวิทยา<br />
ทรัพยากรธรณี สัญลักษณ์ของจังหวัด<br />
40<br />
NAKHON SAWAN<br />
Nakhon Sawan Orange Granite is the geological symbol of Nakhon Sawan Province.<br />
The granite formed as a part of Central Belt Granite of the country of Triassic age<br />
(225 - 210 million years ago). This porphyritic rock clearly exhibits its pink to orange<br />
background as a result of the changing of orthoclase feldspar (white) to microcline<br />
feldspar (pink). The outcrops also show exfoliation feature.<br />
หินแกรนิตสีส้มนครสวรรค์เป็นหินแกรนิต<br />
เนื้อดอกขนาดปานกลาง พื้นหินมีสีชมพู สีเทาอมส้ม<br />
และสีส้ม โดยมีลายจุดสีดําของแร่สีเข้มแทรกประอยู่<br />
ทั่วไป สําหรับสีชมพูหรือสีส้มที่พบในเนื้อหินแกรนิต<br />
เป็นผลจากการเปลี่ยนแปลงชนิดของแร่เฟลด์สปาร์<br />
ภายในเนื้อหิน จากแร่ออร์โทเคลส (Orthoclase) ซึ่งมี<br />
สีขาวไปเป็นแร่ไมโครไคลน์ (Microcline) ซึ่งมีสีชมพู<br />
หินแกรนิตสีส้มนครสวรรค์เป็นส่วนหนึ่งของหินแกรนิต<br />
แนวกลางของประเทศไทย ยุคไทรแอสซิก (๒๒๕ - ๒๑๐<br />
ล้านปี) เกิดจากการเย็นตัวอย่างช้าๆ ของหินหนืดใต้ผิว<br />
โลกที่มีส่วนประกอบของแร่อัลคาไลเฟลด์สปาร์และ<br />
แร่ควอตซ์เป็นส่วนใหญ่ ภายหลังจากการยกตัว<br />
อันเนื่องมาจากการเคลื่อนที่ของเปลือกโลก หินแกรนิต<br />
ได้ขยายตัวและผุพังทําลายด้วยเหตุจากสภาพ<br />
ภูมิอากาศ ทำาให้พบหย่อมเขาแกรนิตสีชมพูโค้งมน<br />
ที่แสดงการแตกเป็นกาบ (exfoliation) คล้ายหัวหอม
จังหวัดนนทบุรี<br />
ดินดำาสวนทุเรียน<br />
เป็นดินเหนียวสีนํ้าตาลเข้มถึงดํา เนื้อแน่น เหนียว<br />
เกิดในบริเวณที่ราบนํ้าท่วมถึงริมแม่นํ้าเจ้าพระยา เป็นชั้นดินที่มี<br />
คุณสมบัติพิเศษที่ทําให้ทุเรียนเมืองนนท์มีรสชาติอร่อย แตกต่าง<br />
จากที่อื่น<br />
ธรณีวิทยา<br />
เมื่อประมาณ ๖,๐๐๐ ปีที่ผ่านมา ระดับนํ้าทะเลมีการเปลี่ยนแปลง<br />
ขึ้นสูงสุดถึงระดับประมาณ ๔ เมตรจากระดับนํ้าทะเลปัจจุบัน<br />
หลังจากนั้นนํ้าทะเลมีการขยับขึ้นลงอย่างต่อเนื่องจนกระทั่งลดลงมา<br />
อยู่ที่ระดับปัจจุบัน เมื่อประมาณ ๒,๐๐๐ ปีที่ผ่านมา การเปลี่ยนแปลง<br />
ระดับของนํ้าทะเลทำาให้เกิดเป็นที่ราบภาคกลางตอนล่าง ต่อมา<br />
เมื่อแม่นํ้าเจ้าพระยาหลากล้นตลิ่งและเกิดนํ้าท่วมทุกปี พร้อมกับ<br />
พัดพาเอาตะกอนและอินทรียสารมาสะสมในที่ราบนํ้าท่วมถึง เกิดเป็น<br />
ดินเหนียวสีดํา เม็ดละเอียดมาก เนื้อแน่นเหนียว ที่อุดมสมบูรณ์<br />
เหมาะสําหรับการทํานาและสวนผลไม้<br />
NONTHABURI<br />
Black Earth Soil for Durian Plantation is the geological symbol of Nonthaburi Province. The secret<br />
behind the best taste of durian in Nonthaburi is its fertile dark soil that used for the plantation of durian. This<br />
fine-grained, dark gray to black, massive clay was formed from the sediments deposited caused by the<br />
annual overflow of the Chao Phraya River.<br />
ทรัพยากรธรณี สัญลักษณ์ของจังหวัด<br />
41
จังหวัดนราธิวาส<br />
ดินขาวนราธิวาส<br />
เป็นแร่ดินชนิดหนึ่ง มีสีขาว เนื้อละเอียด ดินขาวนราธิวาส<br />
มีความพิเศษคือ มีความขาวกว่าดินขาวในที่อื่นๆ เนื่องจากมีปริมาณ<br />
เหล็กเจือปนน้อยมาก จึงใช้เป็นตัวเติมในอุตสาหกรรมกระดาษ สี<br />
ไฟเบอร์กลาส และใช้เป็นส่วนผสมของเนื้อดินปั้นในอุตสาหกรรม<br />
เครื่องเคลือบดินเผาที ่ต้องการความขาวเป็นพิเศษ พบมากบริเวณ<br />
ที ่ราบเชิงเขาบ้านบาดู ตําบลจวบ อําเภอเจาะไอร้อง จังหวัดนราธิวาส<br />
ริมทางหลวงสายนราธิวาส-สุไหงโกลก และตามที่ราบเชิงเขาหินแกรนิต<br />
แถบอําเภอสุไหงปาดี<br />
ธรณีวิทยา<br />
ทรัพยากรธรณี สัญลักษณ์ของจังหวัด<br />
42<br />
NARATHIWAT<br />
The geological symbol of Narathiwat Province is Narathiwat Kaolinite. This white and fine-grained Narathiwat kaolinite<br />
was formed through the weathering of white granite found along the Tanyong Range located along the easternmost<br />
part of the province. This kaolinite inhibits lower amount of iron content than any other places in the country thus<br />
being used in paper and ceramic industries. This kaolinite can be found along the plain around the granite foothills.<br />
ดินขาวนราธิวาสเป็นแร่ดินขาวที่มีปริมาณอะลูมินาตํ่า<br />
แต่มีความขาวมากกว่าดินขาวในพื้นที่อื่นๆ ของประเทศ เกิดจาก<br />
การผุพังของหินแกรนิตสีขาวเนื้อหยาบปานกลางตามแนวเขา<br />
ตันหยง ทางทิศตะวันออกสุดของจังหวัด ซึ่งเป็นแนวหินแกรนิต<br />
แนวตอนกลางของไทย (Central Belt Granite) ที่เป็นผลมาจากการ<br />
ชนกันของแผ่นเปลือกโลกในช่วงยุคไทรแอสซิก ทําให้เปลือกโลก<br />
บางส่วนหลอมเหลวและตกผลึกใหม่เป็นมวลหินแกรนิตระดับตื้น<br />
ต่อมากระบวนการนํ้าร้อนและแก๊สร้อนบริเวณขอบนอกของแกรนิต<br />
ได้เปลี่ยนแร่เฟลด์สปาร์ในเนื้อหินให้กลายเป็นแร่ดินขาว<br />
(Kaolinization) และถูกพัดพามาทับถมใหม่ในพื้นที่แหล่งดินขาว<br />
ในปัจจุบัน
จังหวัดน่าน<br />
แร่โครไมต์น่าน<br />
เป็นแร่โลหะชนิดหนึ่งสีนํ้าตาลดําหรือสีดําด้าน ใช้ทําโลหะ<br />
ผสม ทําให้เนื้อแข็ง เหนียว และทนทาน กันสนิมและปฏิกิริยาเคมี<br />
ทนต่อการขัดสี ต้านการกัดกร่อน ทนไฟฟ้าและความร้อน ใช้ชุบ<br />
หรือเคลือบผิวโลหะทําให้เป็นเงามัน ในทางเคมีใช้ทําสารประกอบ<br />
สําหรับทําสีทาและสีย้อม นอกจากนี้ใช้ทําวัสดุทนไฟ เช่น ทําอิฐ<br />
บุเตาถลุงโลหะ เตาหลอมแก้ว และเตาเผาซีเมนต์ แร่โครไมต์จัดว่า<br />
เป็นแร่ที่หายากของประเทศ โดยพบเป็นแหล่งแร่ขนาดใหญ่เฉพาะ<br />
ในอําเภอนาน้อย จังหวัดน่าน<br />
ธรณีวิทยา<br />
แร่โครไมต์เป็นสินแร่ชนิดเดียวของธาตุโครเมียม มักพบ<br />
เป็นมวลเม็ดเนื้อแน่น สีดำาแบบเหล็กหรือดำานํ้าตาล สีผงสีนํ้าตาล<br />
เข้ม ความแข็งขนาดขีดเหล็กเข้า โปร่งแสงถึงทึบแสง วาวแบบ<br />
โลหะถึงกึ่งโลหะ หรือผิวด้านๆ คล้ายยางมะตอย พบเกิดสัมพันธ์<br />
กับหินอัคนีสีเข้ม (เมฟิกและอัลตราเมฟิก) ที่พบเป็นแนวยาวทาง<br />
ทิศใต้ของจังหวัดน่าน โดยตกผลึกแยกตัวออกมาจากหินหนืด<br />
จมตัวลงและสะสมตัวเป็นชั้นแร่ กระเปาะแร่ แร่บางส่วนถูก<br />
ดันออกไปแข็งตัวเป็นสายแร่หรือกระเปาะแร่ภายในหน่วยหิน<br />
เพริโดไทต์และเซอร์เพนทิไนต์<br />
NAN<br />
Nan Chromite is the geological symbol of Nan Province. Chromite is brownish black to dull black metallic<br />
mineral used in various industries including alloy and metal coating to prevent rust. The mineral is usually<br />
formed in association with mafic and ultramafic rocks through magmatic segregation. Chromite deposit<br />
is found in Na Noi District.<br />
ทรัพยากรธรณี สัญลักษณ์ของจังหวัด<br />
43
จังหวัดบึงกาฬ<br />
หินทรายภูทอกน้อย<br />
เป็นหินทรายสีแดงริ้วลายขาว ที่เกิดจากการสะสมตะกอน<br />
ของดินลมหอบในสภาวะแห้งแล้งเมื่อ ๗๕ ล้านปีก่อน พบเป็น<br />
เขาลูกโดดยอดราบ หน้าผาสูงชัน ตามแนวเทือกเขาภูสิงห์-<br />
ภูทอกใหญ่ และภูวัว บางครั้งพบเป็นลานหินหรือเนินเขาตาม<br />
พุทธสถานที่สําคัญ เช่น ที่วัดเจติยาคีรีวิหาร<br />
เขาภูทอกน้อย อําเภอศรีวิไล หินทราย<br />
ที่เขาภูทอกน้อยจัดเป็นหนึ่ง<br />
ในชั้นหินแบบฉบับของ<br />
ประเทศไทย<br />
ทรัพยากรธรณี สัญลักษณ์ของจังหวัด<br />
44<br />
BUENG KAN<br />
Phuthok Noi Sandstone is the geological symbol of Bueng Kan<br />
Province. The sandstone unit formed isolated hill surrounded by<br />
steep cliffs, namely Phu Thok Noi, as a part of Phu Singh - Phu<br />
Thok Yai Range. A series of clastic sedimentary beds of Phu Thok<br />
Noi reveal alternate high and low resistance of rocks to weathering<br />
and erosion process. Sedimentary structure and texture such as<br />
ripples and cross-bedding found in the rock units are also important<br />
features and difficult to find.<br />
ธรณีวิทยา<br />
เขาภูทอกน้อยเป็นส่วนหนึ่งของหมวดหินภูทอก ประกอบด้วย<br />
หินทรายสองชนิดสลับกัน ชนิดแรกเป็นหินทรายเนื้อละเอียดมากถึงหินทราย<br />
แป้งเนื้อปนปูน การจับตัวค่อนข้างดี เนื้อหินแสดงริ้วลายลอนคลื่น พบ<br />
การแตกแบบหมอนบนผิวหน้าของชั้นหิน หินทรายชนิดที่สองเป็นหินทราย<br />
เนื้อละเอียดถึงหยาบ การจับตัวไม่ดีนัก พบแนวชั้นเฉียงระดับหลายทิศทาง<br />
อยู่ทั่วไป หินทรายภูทอกเกิดจากการสะสมตะกอนที่พัดพาโดยนํ้าและลม<br />
ในสภาพภูมิอากาศแห้งแล้ง ช่วงอายุยุคครีเทเชียสตอนปลายหรือ ๗๕<br />
ล้านปีมาแล้ว และได้ยกตัวขึ้นเป็นเทือกเขาภายหลังจากการเคลื่อนที่ของ<br />
เปลือกโลกในช่วง ๕๕ ล้านปีที่ผ่านมา หลังจากนั้นสภาพภูมิอากาศบนผิวโลก<br />
ได้กัดกร่อนเทือกเขานี้ให้กลายเป็นเขาลูกโดดในปัจจุบัน โดยลักษณะการ<br />
เว้าของชั้นหินที่มีความคงทนต่อการผุพังตํ่าและสูงสลับกัน รวมไปถึง<br />
ลวดลายภายในชั้นหินซึ่งมีลักษณะคล้ายลอนคลื่นและลายเฉียงไปมาตาม<br />
ชั้นหิน ถือว่าเป็นลักษณะที่สําคัญและหาได้ยากยิ่งในประเทศ
จังหวัดบุรีรัมย์<br />
หินบะซอลต์เขาพนมรุ้ง<br />
เป็นหินภูเขาไฟสีดําที่เกิดจากการไหลหลากของลาวา<br />
ในอดีตที่ปัจจุบันยังคงลักษณะโดมรูปโล่ของภูเขาไฟ (shield<br />
volcano) ได้สมบูรณ์ และเป็นที่ตั้งของปราสาทเขาพนมรุ้ง<br />
อําเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่งเป็นโบราณสถาน<br />
และเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สําคัญของจังหวัด<br />
ธรณีวิทยา<br />
เขาพนมรุ้งมีลักษณะภูมิสัณฐานที่หลงเหลือ<br />
อยู่ของภูเขาไฟแบบลาวาโดมรูปโล่ ประกอบด้วย<br />
หินบะซอลต์ประเภทฮาวายไอต์ (Hawaiite)<br />
เนื้อละเอียด สีเทาถึงเทาดํา ปกคลุมพื้นที่รอบเขา<br />
บริเวณปล่องภูเขาไฟพบตะกรันภูเขาไฟ (scoria)<br />
ซึ่งมีรูพรุนมาก หินบะซอลต์เขาพนมรุ้งมีลักษณะ<br />
เนื้อหินและรูปแบบการเกิดเช่นเดียวกับหินบะซอลต์<br />
ที่เขากระโดง ภูพระอังคาร และเขาไปรบัด โดย<br />
ทั้งหมดจัดอยู่ในหน่วยหินบะซอลต์บุรีรัมย์ ซึ่งเกิด<br />
จากลาวาหลอมเหลวใต้เปลือกโลกที่ปะทุขึ้นมา<br />
ในยุคควอเทอร์นารีเมื่อประมาณ ๙ แสนปีก่อน<br />
BURI RAM<br />
The geological symbol of Buri Ram Province is Khao Phanom Rung Basalt. The black Phanom<br />
Rung Basalt formed as lava flow that still perfectly remains its shape of shield volcano. The basalt<br />
of the area is of hawaiite with some of the scoria. Volcanism took place during the Quaternary,<br />
i.e. around 900,000 years ago. This is the place where the historical site of Phanom Rung Stone<br />
Sanctuary is located on the top of the hill as one of the most important tourism sites in Buri Ram.<br />
ทรัพยากรธรณี สัญลักษณ์ของจังหวัด<br />
45
จังหวัดปทุมธานี<br />
หอยนางรมยักษ์<br />
เป็นซากดึกดําบรรพ์หอยสองฝาที่เกิดจากการ<br />
พัดพาของนํ้าทะเลเข้ามาสะสมตัวเมื่อ ๕,๕๐๐ ปีก่อน<br />
พบมากที่สุดในประเทศไทยที่วัดเจดีย์หอย ตําบลบ่อเงิน<br />
และที่วัดสุวรรณประดิษฐ์ ตําบลระแหง อําเภอลาดหลุมแก้ว<br />
จังหวัดปทุมธานี<br />
ทรัพยากรธรณี สัญลักษณ์ของจังหวัด<br />
46<br />
PATHUM THANI<br />
Giant Oyster Fossils (Crassostrea gigas), the geological symbol of<br />
Pathum Thani Province, deposited about 5,500 years ago along the<br />
ancient tidal flat area or coastal zone, especially in Chedi Hoi Temple,<br />
Bo Ngoen Subdistrict and Suwanpradit Temple, Rahaeng Subdistrict,<br />
Lat Lum Kaeo District. This 1-m-thick layer of giant oyster fossils<br />
were deposited along with layers of silty and sandy clay of the upper<br />
Quaternary sediment representing a part of Bangkok Clay deposit.<br />
ธรณีวิทยา<br />
ซากหอยนางรมยักษ์เป็นหอยตะโกรมขนาดใหญ่ อยู่ในสกุล<br />
หอยนางรมที่มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Crassostrea gigas บางตัวอาจมี<br />
ขนาดยาวถึง ๔๐ เซนติเมตร พบทั่วไปบริเวณชายฝั่งนํ้าทะเลขึ้นลง บริเวณ<br />
นํ้ากร่อย สําหรับจังหวัดปทุมธานี พบชั้นหอยนางรมยักษ์โบราณชั้นหนา<br />
ประมาณ ๑ เมตร ฝังกระจายอยู่ในชั้นดินปนทรายแป้งและทรายละเอียด<br />
สีเทาเข้ม พบเปลือกหอยทะเลอีกหลายชนิดปะปนอยู่ในชั้นหอย ซึ่งเป็น<br />
หลักฐานแสดงขอบอ่าวไทยสมัยโบราณประมาณ ๕,๕๐๐ ปีก่อน เหนือชั้นหอย<br />
เป็นชั้นดินเหนียวสีดําเทาเข้ม หนาประมาณ ๒ เมตร ถัดขึ้นไปเป็นชั้นทราย<br />
ขี้เป็ด หนาประมาณ ๒ เมตร และปิดทับด้วยชั้นดินบนอีกประมาณ ๑ เมตร<br />
ชั้นตะกอนทั้งหมดนี้จัดอยู่ในหน่วยตะกอนที่เรียกว่า ชุดดินเหนียวกรุงเทพฯ<br />
ซึ่งปกคลุมพื้นที่ทางตอนใต้ของลุ่มแม่นํ้าเจ้าพระยา และจัดเป็นลําดับ<br />
ชั้นตะกอนส่วนบนสุดของหน่วยตะกอนยุคควอเทอร์นารีในพื้นที่นี้
จังหวัดประจวบคีรีขันธ์<br />
หินปูนเขาช่องกระจก<br />
เป็นหินปูนที่เกิดในทะเลนํ้าตื้นเมื่อ ๒๘๐ ล้านปี<br />
ก่อน พบที่เขาช่องกระจก ตําบลอ่าวน้อย อําเภอเมือง<br />
ประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งเป็นเขาหินปูนที่ถูกนํ้าและลมกัดเซาะ<br />
จนทะลุเป็นช่องขนาดใหญ่ คล้ายมองทะลุกระจกใส<br />
ที่ติดอยู่บนภูเขาจากด้านหนึ่งไปอีกด้านหนึ่ง จึงเป็นสถานที่<br />
ท่องเที่ยวที่มีภูมิทัศน์สวยงาม แปลกตา และเป็นสัญลักษณ์<br />
ของจังหวัดประจวบคีรีขันธ์<br />
ธรณีวิทยา<br />
หินปูนเขาช่องกระจกจัดอยู่ในกลุ่มหินราชบุรี<br />
ตามการลําดับชั้นหินทางธรณีวิทยาของประเทศไทย<br />
เป็นหินปูนสีเทาชั้นบางถึงไม่แสดงชั้น มักพบซาก<br />
ดึกดําบรรพ์ อาทิ คตข้าวสาร พลับพลึงทะเล และ<br />
ปะการังในเนื้อหิน หินปูนดังกล่าวเกิดจากการสะสมตัว<br />
ของตะกอนคาร์บอเนตในทะเลโบราณยุคเพอร์เมียน<br />
ซึ่งเป็นยุคที่สิ่งมีชีวิตในทะเลเจริญพันธุ์สูงสุด ต่อมา<br />
การเคลื่อนที่ของแผ่นเปลือกโลกทําให้แอ่งตะกอน<br />
คาร์บอเนตในทะเลถูกยกตัวขึ้นจนกลายเป็นภูเขา เกิด<br />
รอยแตกหลายทิศทางตัดกันในเนื้อหินอันเนื่องจาก<br />
ผลของแรงบีบอัดและคลายตัวที่กระทําต่อชั้นหิน<br />
จากนั้นกระบวนการกัดกร่อนจากนํ้าและลมทําให้เกิด<br />
การถล่มของชั้นหินที่มีรอยแตกมากและถี่ ส่งผลให้<br />
เขาหินปูนทะลุเป็นรูโหว่ขนาดใหญ่ดังที่เห็นในปัจจุบัน<br />
PRACHUAP KHIRI KHAN<br />
The geological symbol of Prachuap Khiri Khan Province is Khao Chong Krachok<br />
Limestone, which was formed under shallow sea environment of Permian time about<br />
280 million years ago. The rock unit belongs to Ratburi Group. The present natural<br />
bridge formed over the top of the hill was a result of weathering and erosion caused<br />
by wind and water, in association with various fractures within the rock unit itself.<br />
ทรัพยากรธรณี สัญลักษณ์ของจังหวัด<br />
47
จังหวัดปราจีนบุรี<br />
ศิลาแลงศรีมโหสถ<br />
เป็นดินที่ถูกนํ้าเหล็กออกไซด์แทรกขึ้นมาเชื่อมประสาน<br />
ทําให้เกิดเป็นชั้นแข็ง พบที่เมืองโบราณศรีมโหสถ ตําบลโคกปีบ<br />
อําเภอศรีมโหสถ ซึ่งเป็นสถานที่ที่มีชื่อเสียงของจังหวัดปราจีนบุรี<br />
และเป็นแหล่งศิลาแลงสําหรับใช้ก่อสร้างเมืองโบราณศรีมโหสถ<br />
เช่น กําแพง ผนังอาคาร พื้นอาคาร ทางเดิน เป็นต้น<br />
ธรณีวิทยา<br />
ทรัพยากรธรณี สัญลักษณ์ของจังหวัด<br />
48<br />
PRACHIN BURI<br />
Si Mahosot Laterite is the geological symbol of Prachin Buri Province. The laterite was<br />
formed from soil that was soaked and later cemented by iron oxide solution to form<br />
hard layers of laterite. The laterite was reported at Si Mahosot historical site located<br />
in Khok Pip Subdistrict, Si Mahosot District. Si Mahosot laterite was used as main<br />
construction materials for the building of ancient city of Si Mahosot.<br />
ศิลาแลง หรือแลง (Laterite) เป็นวัสดุ<br />
ธรรมชาติที่เกิดขึ้นเฉพาะบริเวณมรสุมเขตร้อน<br />
คนเอเชียรู้จักนำามาใช้ก่อสร้างกำาแพง วัด หรือ<br />
โบราณสถานต่างๆ โดยทั่วไปจะพบศิลาแลงอยู่<br />
บนผิวดินหรือใต้ผิวดินเพียงเล็กน้อย จึงจัดเป็น<br />
ตะกอนพื้นผิวที่เกิดจากกระบวนการผุพังทาง<br />
ธรณีวิทยา ศิลาแลงมีลักษณะเป็นรูพรุน<br />
มีสีแดง สีนํ้าตาลแดง และสีอิฐ ซึ่งขึ้นอยู่กับ<br />
ปริมาณของเหล็กและแมงกานีส เพราะว่า<br />
แร่เหล็กออกไซด์ ได้แก่ แร่ฮีมาไทต์ เป็น<br />
ส่วนประกอบหลักของศิลาแลง อะลูมิเนียม<br />
เป็นอีกธาตุหนึ่งที่เป็นส่วนประกอบหลักของ<br />
ศิลาแลง โดยจะอยู่ในรูปของแร่บอกไซต์ ส่วน<br />
แมงกานีสจะมีลักษณะเป็นเม็ดหรือเป็นก้อน<br />
เกิดจากสารละลายที่ถูกชะล้างลงมาตกทับถม<br />
เช่นเดียวกับเหล็กและอะลูมิเนียม<br />
ศิลาแลงกับลูกรังมีความสัมพันธ์กันโดยตรง<br />
กับหินและแร่ โดยทั่วไปในบ่อลูกรังมักพบชั้น<br />
ศิลาแลงอยู่ใต้ชั้นดินที่มีสารอินทรีย์ และใต้ชั้น<br />
ศิลาแลงลงไปจะเป็นดินเหนียวสีเทา-ขาว มีจุดประสีแดง<br />
สีส้ม เรียกว่า “ลูกรัง” ซึ่งวางตัวอยู่เหนือชั้นเศษหิน<br />
แนวหินผุ และชั้นหินดานซึ่งอยู่ล่างสุด
จังหวัดปัตตานี<br />
หินแกรนิตสีชมพู<br />
ปัตตานี<br />
เป็นหินอัคนีที่มีขนาดผลึกใหญ่ พื้นสีเทาเจือ<br />
สีชมพู มีความสวยงามและเป็นเอกลักษณ์โดดเด่น พบ<br />
ตามเนินเขาและเทือกเขาที่ต่อเนื่องมาจากเทือกเขาบูโด<br />
อําเภอมายอ และอําเภอสายบุรี นอกจากนี้ยังพบตาม<br />
เทือกเขาคาราคีรี รอยต่อกับจังหวัดยะลา โดยหินแกรนิต<br />
ที่นิยมทําเป็นหินประดับ นํามาจากแหล่งหินแกรนิต<br />
ทุ่งคล้า อําเภอสายบุรี และแหล่งหินแกรนิตลางา<br />
อําเภอมายอ<br />
ธรณีวิทยา<br />
หินแกรนิตสีชมพูปัตตานีเป็นส่วนหนึ่งของหินแกรนิตแนว<br />
ตอนกลาง (Central Belt Granite) บริเวณภาคใต้ของประเทศ เนื้อหิน<br />
ประกอบด้วยแร่อัลคาไลเฟลด์สปาร์และควอตซ์เป็นส่วนใหญ่ หินแกรนิต<br />
ดังกล่าวเกิดจากการชนกันของแผ่นเปลือกโลกในยุคไทรแอสซิก หรือ<br />
ประมาณ ๒๔๕ - ๒๐๐ ล้านปีที่ผ่านมา ส่งผลให้เปลือกโลกบางส่วน<br />
หลอมเหลวและตกผลึกใหม่เป็นหินแกรนิต เมื่อหินเย็นตัวลงแร่อัลคาไล<br />
เฟลด์สปาร์บางชนิดในเนื้อหินได้เปลี่ยนสภาพหรือเปลี่ยนชนิดแร่ ส่งผล<br />
ให้สีของหินแกรนิตในบางบริเวณเปลี่ยนจากสีขาวอมเทาซึ่งเป็นสีเดิม<br />
กลายเป็นสีนํ้าตาล ชมพู แดง ทําให้หินมีความสวยงามโดดเด่น และมี<br />
คุณสมบัติเป็นหินประดับได้<br />
PATTANI<br />
Pattani Pink Granite is the geological symbol of Pattani Province. This granite exhibiting beautiful large phenocrysts with<br />
grayish pink background is unique for the province. The granite pluton crops out as small hills and mountain range of<br />
Khao Bu Do in Mayo and Sai Buri Districts and of Kharakhiri Mountain located along the Pattani - Yala boundary. Granite<br />
of Thung Khla site in Sai Buri District and Langa site in Mayo District are among the most favourite granite for interior<br />
decoration.<br />
ทรัพยากรธรณี สัญลักษณ์ของจังหวัด<br />
49
จังหวัดพระนครศรีอยุธยา<br />
ดินเหนียวอยุธยา<br />
เป็นดินเหนียวสีนํ้าตาลเข้ม เนื้อแน่น เหนียว พบ<br />
บริเวณที่ราบนํ้าท่วมถึงริมแม่นํ้าเจ้าพระยา ใช้สําหรับการ<br />
เพาะปลูกหรือทํานาของชุมชนในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา<br />
ซึ่งเป็นที่ตั้งของราชธานีเก่า และเป็นอู่ข้าวอู่นํ้าของประเทศ<br />
รวมทั้งใช้ทําอิฐก่อสร้างตั้งแต่โบราณ<br />
ทรัพยากรธรณี สัญลักษณ์ของจังหวัด<br />
50<br />
PHRA NAKHON SI AYUTTHAYA<br />
The geological symbol of Phra Nakhon Si Ayutthaya Province is<br />
Ayutthaya Clay. This dark brown, stiff and massive clay have been<br />
found extensively on the Chao Phraya floodplain. The Ayutthaya clay<br />
have been utilized as fertile soils for vegetation and growing rice for<br />
people of Ayutthaya, the former capital of the country. The clay has<br />
also been raw materials for the production of construction bricks since<br />
the ancient time.<br />
ธรณีวิทยา<br />
สภาพธรณีสัณฐานของจังหวัดพระนครศรีอยุธยาเป็นที่ราบลุ่มอยู่ใน<br />
ภาคกลางตอนล่าง ในบริเวณที่นํ้าทะเลเคยท่วมถึง มีตะกอนทะเลอยู่ข้างล่าง<br />
เกิดจากตะกอนลํานํ้าผสมกับตะกอนทะเลในสภาพนํ้ากร่อย ด้วยลักษณะ<br />
ของพื้นที่ราบที่มีการระบายนํ้าไม่ดี การไหลบ่าของนํ้าผิวดินช้าและการ<br />
ยอมให้นํ้าซึมผ่านได้ช้า ทําให้ดินที่เป็นตะกอนขนาดละเอียดมากมีสภาพ<br />
เป็นกรดมากขึ้นตามความลึก โดยดินชั้นบนเป็นดินเหนียว สีเทาเข้ม มีสภาพ<br />
เป็นกรดปานกลาง (pH 6) ดินชั้นล่างตอนบนเป็นดินเหนียวมีสีเทา สีนํ้าตาล<br />
ปนเทา หรือสีเทานํ้าตาล มีจุดประสีแดง มีสภาพเป็นกรดจัด (pH 5.5)<br />
และพบจุดสีเหลืองฟางข้าว ที่ความลึก ๑๐๐ - ๑๕๐ เซนติเมตร พบรอยไถล<br />
ระหว่างดินชั้นบนกับดินชั้นล่าง และพบผลึกยิปซัมที่เกิดจากการรวมตัวของ<br />
แคลเซียมกับกํามะถันในดิน สําหรับดินชั้นล่างสุดพบว่ามีกํามะถันสูงและมี<br />
สภาพเป็นกรดจัดถึงจัดมาก (pH 5 - 4.5)
จังหวัดพะเยา<br />
ถ่านหินลิกไนต์พะเยา<br />
เป็นเชื้อเพลิงธรรมชาติชนิดถ่านหินลิกไนต์ เกิด<br />
จากการสะสมตะกอนในทะเลสาบเมื่อ ๑๓ ล้านปีก่อน<br />
พบที่อําเภอเชียงม่วนและอําเภอปง ซึ่งเป็นแหล่งผลิต<br />
ถ่านหินที่สําคัญในอดีต ปัจจุบันจังหวัดพะเยาได้ร่วมมือ<br />
กับกรมทรัพยากรธรณีในการพัฒนาเหมืองถ่านหิน ซึ่ง<br />
หมดสัญญาสัมปทานแล้ว ให้กลายเป็นแหล่งเรียนรู้<br />
ทางด้านความหลากหลายทางชีวภาพโบราณเชื่อมโยง<br />
กับวนอุทยานไดโนเสาร์แก่งหลวง อําเภอเชียงม่วน ซึ่งพบ<br />
ซากฟอสซิลไดโนเสาร์ตัวแรกในภาคเหนือของประเทศไทย<br />
ธรณีวิทยา<br />
ลิกไนต์ (Lignite) เป็นถ่านหินชนิดหนึ่ง<br />
ที่มีคาร์บอนเป็นองค์ประกอบหลัก มีไฮโดรเจน<br />
ไนโตรเจน ออกซิเจน และซัลเฟอร์ประกอบอยู่ด้วย<br />
เพียงเล็กน้อย จัดเป็นถ่านหินคุณภาพตํ่า แหล่ง<br />
ถ่านหินในจังหวัดพะเยามี ๒ แหล่งใหญ่ คือ<br />
แอ่งเชียงม่วน และแอ่งปง โดยแอ่งเชียงม่วนพบ<br />
ชั้นดินดานปนถ่านและชั้นถ่านหินคุณภาพระดับ<br />
ลิกไนต์ถึงบิทูมินัสบริเวณรอยต่อระหว่างอําเภอ<br />
เชียงม่วนกับตําบลบ้านสระ และบริเวณห้วยผาลาด<br />
ชั้นหินถูกปิดทับด้วยกรวดทรายทางนํ้า พบซาก<br />
ดึกดําบรรพ์เป็นจํานวนมาก เช่น กระดูกและฟันของช้างโบราณ<br />
๔ งา เตตระโลโฟดอน (Tetralophodon sp.) จระเข้ ปลา<br />
อีเก้ง หมู ลิงอุรังอุตัง และเมล็ดพืชโบราณ มีอายุอยู่ในช่วง<br />
สมัยไมโอซีนตอนกลาง ส่วนแอ่งปงพบถ่านหินบริเวณห้วยทราย<br />
และห้วยสิงห์ เกิดเป็นชั้นบางๆ เป็นถ่านหินชนิดค่าความร้อนตํ่า<br />
ยังไม่เหมาะแก่การนําไปใช้งาน<br />
PHAYAO<br />
Deposited during the middle Miocene time around 13 million years ago,<br />
Phayao Lignite is a type of fossil fuels found in Chiang Muan and Pong<br />
Basins. The former inhibits better coal quality (lignite to bituminous) than<br />
the latter. Other fossils of both animals and plants are also abundant. This<br />
represents geological study sites of the province where ancient biodiversity<br />
exists with paleontological connection with Kaeng Luang Dinosaur Forest Park<br />
located in Chiang Muan District where the first dinosaur fossil in Northern<br />
Thailand has been reported.<br />
ทรัพยากรธรณี สัญลักษณ์ของจังหวัด<br />
51
จังหวัดพังงา<br />
แร่ดีบุก<br />
เป็นแร่โลหะชนิดหนึ่งที่แข็ง หนัก มีผิววาวคล้ายเพชร มีสี<br />
นํ้าตาลหรือดําแต่สีผงมีสีขาว ใช้เคลือบโลหะอื่น เช่น เหล็ก ทองแดง<br />
และทองเหลือง เพื่อต้านทานการกัดกร่อน ไม่เป็นพิษต่อร่างกาย จึงใช้<br />
ทำาภาชนะบรรจุอาหาร ใช้ทำาแบริงสำาหรับงานเครื่องกลในเรื่องเพลา<br />
ทุกประเภท ใช้ผลิตแก้วเนื้อทึบ เครื่องปั้นดินเผา เครื่องถ้วยชาม และ<br />
เครื่องเคลือบ แร่ดีบุกพบที่อําเภอตะกั่วป่า อําเภอคุระบุรี อําเภอเมือง<br />
พังงา และในทะเลอันดามัน ในอดีตแร่ดีบุกเคยเป็นแร่เศรษฐกิจ<br />
อันดับหนึ่ง โดยจังหวัดพังงาเป็นจังหวัดหนึ่งที่ผลิตและส่งออกแร่<br />
มากเป็นอันดับต้นของประเทศ<br />
ธรณีวิทยา<br />
ทรัพยากรธรณี สัญลักษณ์ของจังหวัด<br />
52<br />
PHANG-NGA<br />
The geological symbol of Phang-nga Province is Tin. Most of the tin ore in Thailand is cassiterite, which is<br />
a brown or black tetragonal mineral usually occurs in prismatic crystals of adamantine luster, high specific<br />
gravity and white streak. Due to its resistance to erosion and post no toxic to human body, tin is widely used for<br />
food containers, machine and ceramic industries. The mineral formed in association with Western Granite that<br />
intruded during the late Mesozoic Era.<br />
สินแร่ดีบุกในประเทศไทยทั้งหมดเป็นแร่<br />
แคสซิเทอไรต์ มีรูปผลึกเป็นแท่งสี่เหลี่ยมสั้นๆ<br />
ปลายเป็นรูปพีระมิด สีของแร่มีสีนํ้าตาลหรือดํา สีผง<br />
สีขาว โปร่งแสง วาวแบบโลหะ คล้ายเพชรถึงกึ่งโลหะ<br />
หรือดานคล้ายดินก็มี ความแข็งระดับทําให้ตะไบเหล็ก<br />
และกระจกเป็นรอยได้ หนักกว่าแร่โลหะชนิดอื่น แร่ดีบุก<br />
จังหวัดพังงามีการเกิดสัมพันธ์กับหินแกรนิตแนวตะวันตก<br />
ที่แทรกดันตัวขึ้นมาในช่วงปลายของมหายุคมีโซโซอิก<br />
จึงมักพบสายแร่ดีบุกตามพื้นที่หินแกรนิต หรือส่วนที่<br />
ผุพังหลุดออกมาและถูกพัดพาไปสะสมตามเชิงเขา<br />
ตามแอ่ง ที่ราบ และในท้องทะเล แร่ที่พบเกิดร่วมกับ<br />
แร่ดีบุกมีหลายชนิด เช่น วุลแฟรไมต์ ชีไลต์ แร่ตระกูล<br />
ไนโอเบียม-แทนทาลัม อิลเมไนต์ โมนาไซต์ ซีโนไทม์<br />
และเซอร์คอน
จังหวัดพัทลุง<br />
หินปูนชัยบุรี<br />
เป็นหินปูนสีเทาอ่อนที่เกิดในทะเลเมื่อ<br />
ประมาณ ๒๒๐ ล้านปีก่อน พบที่เมืองชัยบุรี ซึ่งเป็น<br />
เมืองโบราณสมัยอาณาจักรศรีอยุธยา ในเขตจังหวัด<br />
พัทลุง หินปูนหมวดหินชัยบุรีเป็นหนึ่งในชั้นหิน<br />
แบบฉบับยุคไทรแอสซิกของประเทศไทย และเป็น<br />
แหล่งหินอุตสาหกรรมก่อสร้างที่สําคัญของจังหวัด<br />
ธรณีวิทยา<br />
หินปูนชัยบุรีพบตามเขาหินปูนลูกโดด บริเวณอำาเภอ<br />
ชัยบุรีและอําเภอเมืองพัทลุง ประกอบด้วยหินปูน หินปูน<br />
เนื้อปนโดโลไมต์ และหินโดโลไมต์ สีเทาอ่อนถึงเทาเข้ม<br />
ชั้นบางถึงชั้นหนามาก แสดงชั้นดี ชั้นหินวางตัวในแนวเหนือ-<br />
ใต้ เอียงเทไปทางทิศตะวันออก มีความหนาของชั้นหินปูน<br />
ต่อเนื่องประมาณ ๔๐๐ - ๕๐๐ เมตร หินปูนชัยบุรีเกิดจากการ<br />
สะสมตะกอนคาร์บอเนตในทะเลช่วงยุคไทรแอสซิก ในสภาพ<br />
ของแอ่งตะกอนทะเลที่มีความสงบนิ่ง ยาวนาน ภายหลังจาก<br />
การเคลื่อนตัวของชั้นเปลือกโลก แอ่งตะกอนทะเลดังกล่าว<br />
ได้เกิดการยกตัวพ้นระดับนํ้าทะเล กลายเป็นเทือกเขาหินปูน<br />
ชัยบุรี ซึ่งเป็นสถานที่สัญลักษณ์ของจังหวัดพัทลุงในปัจจุบัน<br />
PHATTHALUNG<br />
The geological symbol of Phatthalung Province is Chaiya Buri Limestone, a light gray limestone deposited in<br />
marine environment about 220 million years ago. Named after one of the ancient city during the Ayutthaya period,<br />
the Chaiya Buri limestone commonly crops out as isolated hills in Mueang Phatthalung and Chaiya Buri Districts.<br />
This rock unit represents one of the type sections of Triassic sedimentary rock in Thailand. It is also an important<br />
source of industrial rocks of the province.<br />
ทรัพยากรธรณี สัญลักษณ์ของจังหวัด<br />
53
จังหวัดพิจิตร<br />
แร่ทองคำา<br />
เป็นแร่โลหะมีคุณค่าทางเศรษฐกิจสูง ใช้ทํา<br />
เครื่องประดับ ทำาเหรียญและทองแท่งเพื่อการลงทุน เป็น<br />
หลักประกันในการซื้อขายแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ<br />
ใช้ในวงการทันตแพทย์ เป็นตัวนําไฟฟ้าที่ดีสําหรับเครื่องมือ<br />
วิทยาศาสตร์ วงจรอิเล็กทรอนิกส์ และอุปกรณ์ในอากาศยาน<br />
ปัจจุบัน จังหวัดพิจิตรมีการผลิตและส่งออกแร่ทองคำาสูง<br />
เป็นอันดับหนึ่งของประเทศ โดยมีแหล่งแร่ทองคําที่สําคัญ<br />
อยู่หลายแห่งที่แหล่งเขาพนมพา อําเภอวังทรายพูน<br />
และแหล่งแร่ทองคําชาตรี รอยต่อระหว่างจังหวัดพิจิตร<br />
กับจังหวัดเพชรบูรณ์<br />
ธรณีวิทยา<br />
ทรัพยากรธรณี สัญลักษณ์ของจังหวัด<br />
ทองคําโดยทั่วไปมักเกิดเป็นเม็ดกลม เป็นแผ่น เป็นเกล็ด<br />
หรือเป็นไรเล็กๆ หรืออาจพบเป็นมวลก้อน ลักษณะไม่แน่นอน<br />
มีสีเหลืองทองเข้ม แต่สีจะอ่อนจางลงหากมีโลหะเงินปน สีผง<br />
สีเหลืองทองเหมือนกับสีตัว เป็นโลหะที่อ่อนตัว ตีแผ่เป็นแผ่น<br />
บางๆ และดึงเป็นเส้นลวดได้ ทึบแสง วาวแบบโลหะ ทองคํา<br />
ละลายได้เฉพาะในกรดกัดทองเท่านั้น สําหรับแหล่งแร่ทองคํา<br />
เขาพนมพาเป็นแหล่งที่พบทองคําเกิดในสายแร่ควอตซ์ที่เกิดจาก<br />
การสะสมตัวของสารซิลิกาจากนํ้าร้อน (hydrothermal fluid)<br />
ตัดผ่านหินชนิดต่างๆ ทั้งหินอัคนี หินตะกอน และหินแปร และ<br />
สายแร่ที่มีลักษณะเป็นหินกรวดเหลี่ยม (breccia) มีแร่ควอตซ์<br />
เป็นเนื้อพื้นด้วย โดยพบแร่ทองคําที่มีขนาดใหญ่เท่าเม็ดถั่วเขียว<br />
จนถึงขนาดมองไม่เห็นเม็ดแร่<br />
54<br />
PHICHIT<br />
Gold is the geological symbol of Phichit Province. Important gold deposits include Khao Phanom Pha, Wang Sai<br />
Phun District and Chatree Gold Deposit located along the boundary of Phichit and Phetchabun Provinces. Gold is<br />
found in two types of veins: hydrothermal quartz vein that cross-cuts other geological rock units; and breccia with<br />
quartz matrix.
จังหวัดพิษณุโลก<br />
หินทรายภูหินร่องกล้า<br />
เป็นหินทรายสีขาวอมแดง ที่เกิดจากการสะสมตัว<br />
ของตะกอนแม่นํ้าในอดีตเมื่อ ๑๑๐ ล้านปีก่อน อยู่ในอุทยาน<br />
แห่งชาติภูหินร่องกล้า อําเภอนครไทย ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยว<br />
ที่สำาคัญของประเทศ เนื่องจากมีภูมิประเทศที่สวยงาม แปลกตา<br />
เป็นเอกลักษณ์ มีลักษณะทางธรณีวิทยาโครงสร้างที่โดดเด่น<br />
และยังมีความสําคัญทางประวัติศาสตร์ของไทย<br />
ธรณีวิทยา<br />
หินทรายภูหินร่องกล้าจัดอยู่ในหมวดหินภูพาน กลุ่มหิน<br />
โคราช ประกอบด้วยหินทรายปนกรวด และหินทรายขนาด<br />
ปานกลางถึงหยาบ สีเทาขาว ขาวอมแดงถึงสีนํ้าตาล เม็ดกรวด<br />
ที่ปะปนอยู่เป็นพวกแร่ควอตซ์ เชิร์ต แจสเปอร์ เศษหินทราย และ<br />
เศษหินทรายแป้ง เกิดจากการสะสมตัวและตกตะกอนจากแม่นํ้า<br />
โค้งตวัดในช่วงยุคครีเทเชียสตอนต้น การเคลื่อนที่ของเปลือกโลก<br />
ทําให้ชั้นหินยกตัวเป็นเทือกเขา และต่อมาได้เกิดกระบวนการ<br />
กัดกร่อนทางธรณีวิทยาตามผิวหน้าของชั้นหิน ทําให้แสดง<br />
ลักษณะทางธรณีวิทยาโครงสร้างที่น่าสนใจและเป็นเอกลักษณ์<br />
อาทิ ลานหินแตก และลานหินปุ่ม<br />
ลานหินแตกเป็นลานหินกว้างที่มีร่องขนาดใหญ่ และลึก<br />
เป็นแนวขนานกันหรือตัดกัน ร่องลึกที่สุดประมาณ ๒๐ เมตร<br />
กว้างที่สุดประมาณ ๒ เมตร เกิดจากชั้นหินทรายถูกแรงบีบอัดจาก<br />
ธรรมชาติ ทําให้มีการโก่งงอและแตกอย่างเป็นระบบ ประกอบกับ<br />
อิทธิพลการกัดเซาะของนํ้าทําให้รอยแตกนั้นกว้างและลึกขึ้น<br />
ลานหินปุ่มมีลักษณะเป็นปุ่มหินยอดมนขนาดต่างๆ โผล่<br />
ให้เห็นเป็นจุดๆ บางบริเวณเกิดเป็นกลุ่ม เป็นผลจากนํ้าฝนและ<br />
นํ้าผิวดินกัดเซาะเนื้อหินตามแนวรอยแยกจนผุกร่อนเป็นร่องลึก<br />
คงเหลือไว้แต่เนื้อหินทรายตรงกลางเป็นก้อนปุ่มมน<br />
PHITSANULOK<br />
Deposited along the ancient river around 110 million years ago, Phu Hin<br />
Rong Kla Sandstone represents one of the rock units in Phu Phan Formation<br />
of the Khorat Group. This reddish white sandstone unit crops out in Phu<br />
Hin Rong Kla National Park located in Nakhon Thai District. Its unique and<br />
beautiful landscapes, including “Lan Hin Taek” and “Lan Hin Pum” formed<br />
by the weathering and erosion processes through time, have made it the<br />
geological symbol of Phitsanulok Province.<br />
ทรัพยากรธรณี สัญลักษณ์ของจังหวัด<br />
55
จังหวัดเพชรบุรี<br />
หินปูนเขานางพันธุรัต<br />
ทรัพยากรธรณี สัญลักษณ์ของจังหวัด<br />
56<br />
เป็นหินปูนที่เกิดในทะเลนํ้าตื้นในอดีตเมื่อ ๒๘๐<br />
ล้านปีก่อน พบตามแนวเขายาวประมาณ ๓ กิโลเมตร<br />
ทางทิศตะวันออกของจังหวัดเพชรบุรี หินปูนเขานางพันธุรัต<br />
หรือเขาเจ้าลายใหญ่-เขาจอมปราสาท อยู่ในเขตวนอุทยาน<br />
เขานางพันธุรัต ตําบลเขาใหญ่ อําเภอชะอํา มีลักษณะ<br />
ทางภูมิทัศน์เป็นประติมากรรมทางธรรมชาติที่สวยงาม<br />
และเป็นเอกลักษณ์ มองดูคล้ายนางยักษ์พันธุรัตนอนอยู่<br />
โดยมีโกศอยู่ทางทิศใต้ และปลายเท้าหันไปทางทิศเหนือ<br />
ปัจจุบันเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สําคัญและเป็นสัญลักษณ์<br />
ของจังหวัดเพชรบุรี<br />
PHETCHABURI<br />
The N-S oriented and 3 km long Limestone of Nang Phanthurat Mountain is a part of Permian Ratburi<br />
Limestone located in Nang Phanthurat Forest Park, Khao Yai Subdistrict, Cha-am District. It exhibits a beautiful<br />
and unique natural sculpture of landscape that its shape as seen from the east side looks like a sleeping female<br />
giant, Nang Phanthurat (a character from “Sang Thong”, a famous Thai literature). The famous Limestone of Nang<br />
Phanthurat Mountain, the important tourism site of the province, is thus the geological symbol of Phetchaburi.<br />
ธรณีวิทยา<br />
หินปูนเขานางพันธุรัตจัดอยู่ในกลุ่มหินราชบุรี<br />
มีลักษณะเป็นชั้นหินที่มีการสลับกันของหินปูนสีเทา<br />
ถึงเทาเข้ม หินปูนที่มีหินเชิร์ตเป็นกระเปาะ และหินปูน<br />
เนื้อโดโลไมต์ชั้นหนาถึงไม่แสดงชั้น พบหินทรายและ<br />
หินดินดานแทรกชั้นบ้าง ภายในเนื้อหินปูนมักพบ<br />
ซากดึกดําบรรพ์จําพวกฟิวซูลินิด แบรคิโอพอด ปะการัง<br />
แอมโมนอยด์ และไครนอยด์ หินปูนดังกล่าวเกิดจากการ<br />
สะสมตัวของตะกอนคาร์บอเนตในทะเลช่วงยุคเพอร์เมียน<br />
ตอนกลาง ภายหลังการสะสมตะกอน เปลือกโลก<br />
ได้เคลื่อนตัวและเกิดการคดโค้งโก่งงอ ส่งผลให้แอ่ง<br />
ตะกอนดังกล่าวถูกยกตัวขึ้นมาโผล่พ้นระดับนํ้าทะเล<br />
กลายเป็นเทือกเขาหินปูนขนาดใหญ่ ต่อมานํ้าฝน<br />
ได้ทําหน้าที่ชะล้างละลายสารแคลเซียมคาร์บอเนต<br />
ในหินปูนออกทีละน้อยจนเกิดลักษณะภูมิประเทศสูงตํ่า<br />
หยักแหลม เป็นเขานางพันธุรัตในปัจจุบัน
จังหวัดเพชรบูรณ์<br />
ซากดึกดำาบรรพ์ปะการัง<br />
ซากดึกดําบรรพ์ปะการังมีรูปทรงโดดเด่นเป็นกอช่อ<br />
สวยงามและเป็นลักษณะที่หายาก ใช้เป็นหลักฐานบ่งบอกอายุ<br />
และสภาพการเกิดสะสมตัวในบรรพกาล พบบริเวณอำาเภอ<br />
ชนแดน จังหวัดเพชรบูรณ์ ต่อเนื่องไปทางอําเภอเนินมะปราง<br />
จังหวัดพิษณุโลก<br />
ธรณีวิทยา<br />
เมื่อประมาณ ๓๔๐ ล้านปีก่อน พื้นแผ่นดินของเพชรบูรณ์<br />
เป็นทะเลตื้น สภาพภูมิอากาศเป็นแบบร้อนชื้น มีการสะสมตัวของ<br />
ตะกอนโคลนและทรายเป็นส่วนใหญ่ บางบริเวณนํ้าทะเลใสและสงบ<br />
ต่อเนื่องอย่างยาวนาน มีปะการังและสัตว์นํ้าอื่นๆ อยู่ทั่วไป เกิดเป็น<br />
หินปูนชั้นหนาที่มีซากดึกดําบรรพ์หลายชนิดปะปนอยู่ด้วยโดยเฉพาะ<br />
ซากปะการัง หลังจากนั้นเกิดการเปลี่ยนแปลงของแผ่นเปลือกโลก<br />
อีกหลายครั้ง แผ่นดินยกตัวขึ้นเป็นภูเขาและมีการสึกกร่อนของชั้นหิน<br />
กลายเป็นเทือกเขาหินปูนที่มีทิวทัศน์สวยงาม และเป็นหินปูนคุณภาพดี<br />
ดังที่ปรากฏในปัจจุบัน หินปูนดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของหมวดหินผานกเค้า<br />
PHETCHABUN<br />
Unique and rare Coral Reef Fossils with outstanding beautiful shape of cluster occur in Chon Daen District with<br />
its extending toward Noen Maprang District, Phitsanulok Province. This fossil formed during the sedimentation<br />
of Pha Nok Khao Limestone Formation deposited about 340 million years ago. After the area was uplifted<br />
and eroded, it exhibits a beautiful mountain landscape with limestone of good quality.<br />
ทรัพยากรธรณี สัญลักษณ์ของจังหวัด<br />
57
จังหวัดแพร่<br />
แร่วุลแฟรม<br />
บริเวณดอยโง้ม บ้านปิน อําเภอลอง เคยเป็นแหล่งแร่<br />
วุลแฟรมและแร่พลวงแหล่งใหญ่ของประเทศ แร่วุลแฟรมนําไป<br />
ใช้ในอุตสาหกรรมผสมเหล็กให้มีความแข็งแกร่ง ทําอุปกรณ์<br />
ไฟฟ้า ส่วนแร่พลวงใช้ในอุตสาหกรรมโลหะผสม แร่วุลแฟรม<br />
ถูกคัดเลือกให้เป็นตัวแทนของทรัพยากรธรณีสัญลักษณ์ของ<br />
จังหวัดแพร่<br />
ธรณีวิทยา<br />
ทรัพยากรธรณี สัญลักษณ์ของจังหวัด<br />
58<br />
แหล่งแร่ที่ดอยโง้ม อําเภอลอง เป็นแร่วุลแฟรม<br />
และแร่พลวง แร่ส่วนใหญ่เป็นวุลแฟรมชนิด ferberite สีดํา<br />
อมนํ้าตาล ผิววาวกึ่งโลหะถึงแบบยางสน ติดแม่เหล็กแรง<br />
มีผลึกเป็นแผ่นซ้อนกันเป็นชั้น แร่พลวงพบน้อยกว่าและ<br />
เป็นชนิด stibnite สีขาวผิววาวแบบไข่มุก มีผลึกเป็นแท่ง<br />
สายแร่เกิดแทรกตามแนวแตกของรอยเลื่อนขึ้นมาใน<br />
หินโคลน หินทรายแป้งของหมวดหินวังชิ้น หินที่นํานํ้าแร่<br />
ขึ้นมาคือหินแกรนิตยุคไทรแอสซิกตอนปลาย บางส่วนของ<br />
นํ้าแร่ที่สะสมตัวในโพรงของหินกรวดเหลี่ยมจะพบเป็น<br />
ผลึกแร่ที่สวยงาม<br />
PHRAE<br />
A large wolframite (ferberite) and stibnite deposit of the country is located around Doi Ngom area in Ban Pin, Long District.<br />
The ore occur as hydrothermal vein along fault planes that cut through mudstone and sandstone beds of Wang Chin Formation.<br />
The source rock is granite of the late Triassic period. Wolframite is widely used in steel and electronic industries whereas stibnite<br />
is utilized in alloy industry. Due to its importance, wolframite is chosen to be the geological symbol of Phrae Province.
จังหวัดภูเก็ต<br />
ทรายชายหาดภูเก็ต<br />
ทรายชายหาดภูเก็ตเป็นทรายที่เกิดจาก<br />
การผุพังสลายของหินแกรนิตของตัวเกาะภูเก็ต ผ่าน<br />
กระบวนการชะล้างจากกระแสนํ้าและคลื่น ทําให้<br />
ได้หาดทรายที่ขาวและสวยงาม บริเวณนี้ยังเป็นแหล่ง<br />
สะสมตัวของแร่ดีบุกและแร่หายากด้วย แต่ในปัจจุบัน<br />
ทรายชายหาดภูเก็ตเป็นพื้นที่ท่องเที่ยวที่สําคัญของ<br />
ประเทศ ในแต่ละปีมีนักท่องเที่ยวมาชมความงาม<br />
ของทรายชายหาดภูเก็ตเป็นจํานวนมาก<br />
ธรณีวิทยา<br />
เกาะภูเก็ตประกอบด้วยหิน ๒ ประเภทใหญ่ๆ คือ หินแกรนิต<br />
บริเวณด้านตะวันตกของตัวเกาะ เป็นแหล่งกําเนิดของหาดทราย<br />
ที่สวยงามทั้งหลายของภูเก็ต และหินโคลนและหินทรายบริเวณ<br />
ด้านตะวันออกของตัวเกาะ เป็นหาดหินที่แสดงชั้นหินโผล่ให้เห็น<br />
สวยงาม หินแกรนิตบริเวณนี้ยังเป็นต้นกําเนิดของแร่ดีบุก โดยใน<br />
อดีต จังหวัดภูเก็ตรวมทั้งพื้นที่ในทะเลเคยเป็นแหล่งผลิตแร่ดีบุก<br />
แหล่งใหญ่ของประเทศ ทรายชายหาดภูเก็ตมีทรายแก้วที่เกิดจาก<br />
การผุพังสลายตัวของหินแกรนิต ผลจากอิทธิพลของกระแสนํ้า<br />
และคลื่นลมทําให้ทรายชายหาดส่วนใหญ่เหลือส่วนประกอบเป็น<br />
แร่ควอตซ์สีขาว ซึ่งเป็นแร่ที่คงทนต่อการสึกกร่อนได้ดีที่สุด เกิดแนว<br />
สันดอนทรายเป็นแหล่งสะสมทรายแก้วได้อย่างดี บางบริเวณ<br />
จะมีทรายสีดําที่มีสารอินทรีย์จําพวกรากพืชและซากไม้ทับถมอยู่<br />
ด้านบน หนาประมาณ ๑ เมตร<br />
PHUKET<br />
The Phuket White Sandy Beach is a product of the weathering, erosion and transportation caused by water current<br />
and waves resulting in beautiful white sandy beach. The area is also a deposit site for tin and rare earth minerals.<br />
The source rock of white sand and minerals mentioned is granite located along the western side of the island. As<br />
one of the most important tourism sites of the country where a great number of tourists come to admire its beauty,<br />
Phuket White Sandy Beach is thus the geological symbol of the province.<br />
ทรัพยากรธรณี สัญลักษณ์ของจังหวัด<br />
59
จังหวัดมหาสารคาม<br />
เกลือหินมหาสารคาม<br />
จังหวัดมหาสารคามมีขุมทรัพย์เกลือหินมหึมาอยู่ใต้ดิน<br />
เป็นที่มาของชื่อหมวดหินมหาสารคาม มีอุตสาหกรรมผลิต<br />
เกลือสินเธาว์หลายแห่ง นําไปใช้ประโยชน์ในครัวเรือนและ<br />
ในอุตสาหกรรมเคมี เช่น โซดาแอช โซเดียมไบคาร์บอเนต<br />
คอสติกโซดา ทํากรดเกลือและคลอรีน เกลือหินมหาสารคาม<br />
เป็นตัวแทนทรัพยากรธรณีสัญลักษณ์ของจังหวัดมหาสารคาม<br />
ธรณีวิทยา<br />
ทรัพยากรธรณี สัญลักษณ์ของจังหวัด<br />
60<br />
MAHA SARAKHAM<br />
Maha Sarakham Rock salt represents the geological symbol of Maha Sarakham<br />
Province. The tremendous amount of rock salt deposit is underneath the area of<br />
the province. Rock salt and associated minerals include gypsum and a group<br />
of Potassium-Magnesium and Calcium Chlorite salts deposited as a result of<br />
evaporation of sea water in the closed basin. The deposition occurred along<br />
with mudstone and siltstone interbedded to form an important rock unit that<br />
named after the province “Maha Sarakham Formation”.<br />
ตามมาตรฐานลําดับชั้นหินกําหนดให้ชั้นเกลือหินและ<br />
แร่โพแทชที่มีหินโคลนและหินทรายแป้งแทรกสลับจัดอยู่ใน<br />
หมวดหินมหาสารคาม ชั้นเกลือหินพบต่อเนื่องทั่วไปใต้ผิวดิน<br />
ของอีสาน เกิดจากการตกตะกอนสะสมตัวจากการระเหย<br />
ของนํ้าเค็มในแอ่งปิดอย่างต่อเนื่องและยาวนาน เมื่อความ<br />
เข้มข้นของนํ้าเกลือมากขึ้น เกลือแร่ที่อยู่ในนํ้าจะเริ่มตกตะกอน<br />
เป็นชั้นๆ เริ่มจากแร่ยิปซัม แร่เกลือหิน และกลุ่มแร่โพแทสเซียม<br />
แมกนีเซียม และแคลเซียมคลอไรต์ เกลือหินมีสีขาวใส<br />
โปร่งแสง ผลึกเป็นรูปลูกบาศก์หรือเป็นเม็ดสมานแน่นและมี<br />
รสเค็ม สําหรับแร่โพแทชเป็นชื่อกลุ่มแร่ มีแร่หลายชนิด เช่น<br />
แร่ซิลไวต์ มีสีขาวขุ่นแบบเทียนไข แร่คาร์นัลไลต์ มีสีชมพู<br />
สีขาวใส สีส้ม แร่แทชีไฮไดรด์ เยิ้มละลายในอากาศได้ง่าย<br />
มีสีเหลือง สีส้ม สีขาว พื้นที่ที่มีเกลือหินอยู่ใต้ดินจะมีคราบเกลือ<br />
ละลายนํ้าซึมขึ้นมาบนดินให้เห็นเป็นคราบสีขาว ทำาให้เกิดดินเค็ม<br />
ที่ไม่เหมาะกับการเพาะปลูก แต่บางแห่งใช้ทํานาเกลือได้
จังหวัดมุกดาหาร<br />
หินทรายภูผาเทิบ<br />
ภูผาเทิบอยู่ในอุทยานแห่งชาติภูผาเทิบ<br />
ตําบลนาสีนวน อําเภอเมืองมุกดาหาร เป็น<br />
ประติมากรรมทางธรรมชาติที่สวยงามของหินทราย<br />
ที่เรียงซ้อนทับกัน มีรูปทรงแปลกตาทั้งรูปหินจระเข้<br />
มงกุฎ เก๋งจีน จานบิน และหินบางก้อนมีรูปทรง<br />
คล้ายเพิงผาที่กันแดดกันฝนได้ ภาษาถิ่นเรียก<br />
ลักษณะเช่นนี้ว่า “เทิบ” หินทรายภูผาเทิบจึงเป็น<br />
ทรัพยากรธรณีสัญลักษณ์ของจังหวัดมุกดาหาร<br />
ธรณีวิทยา<br />
หินทรายภูผาเทิบตามมาตรฐานลําดับชั้นหินของ<br />
ประเทศ จัดอยู่ในหมวดหินภูพาน กลุ่มหินโคราช อายุ<br />
ประมาณ ๑๑๐ ล้านปี บริเวณภูผาเทิบเป็นกลุ่มชั้นหิน<br />
แสดงรูปร่างลักษณะต่างๆ เกิดจากกระบวนการผุพัง<br />
สึกกร่อนตามธรรมชาติของชั้นหินที่มีความทนทานต่อ<br />
การผุพังได้ไม่เท่ากัน โดยมีนํ้า ลม และสภาพภูมิอากาศ<br />
เป็นตัวเร่งทําให้หินผุพังเร็วขึ้น หินทรายภูผาเทิบมีสีขาวขุ่น<br />
สีนํ้าตาลแกมแดง เนื้อเม็ดทรายมีขนาดปานกลางถึง<br />
หยาบ และมักมีชั้นบางๆ ของก้อนกรวดขนาดเล็กปะปน<br />
อยู่ด้วย จะทนต่อการผุพังได้ดีกว่า จึงมีรูปทรงยื่นออกมา<br />
เป็นเพิงผาหรือเทิบ ในขณะที่ส่วนที่โค้งเว้าเป็นหินทรายแป้ง<br />
จะมีเนื้อละเอียดกว่าและความคงทนน้อยกว่า<br />
MUKDAHAN<br />
Phu Pha Thoeb Sandstone located in Phu Pha Thoeb National Park, Na Si Nuan Subdistrict, Mueang Mukdahan District<br />
is the geological symbol of Mukdahan Province. It is a beautiful natural sculpture made of sandstone beds of Phu Phan<br />
Formation, Khorat Group. Differential weathering and erosion process have shaped the Phu Pha Thoeb landscape to various<br />
figures that are similar to a number of features such as a crocodile, a crown, a Chinese pavilion, a space craft, etc. Some of<br />
these figures can be used as a shelter that provides a cover from sunlight and rain, referred to as “Thoeb” in the local word.<br />
ทรัพยากรธรณี สัญลักษณ์ของจังหวัด<br />
61
จังหวัดแม่ฮ่องสอน<br />
แร่ฟลูออไรต์<br />
จังหวัดแม่ฮ่องสอนเป็นพื ้นที ่ที ่มีการ<br />
ผลิตแร่ฟลูออไรต์มากในอดีต และปัจจุบัน<br />
มีแหล่งศักยภาพทางแร่อยู่ที่แหล่งแร่ห้วยยะ<br />
อําเภอปาย และแหล่งแร่แม่ลาหลวง อําเภอ<br />
แม่ลาน้อย แร่ฟลูออไรต์จึงถูกเลือกให้เป็น<br />
ทรัพยากรธรณีสัญลักษณ์ของจังหวัด<br />
ธรณีวิทยา<br />
ทรัพยากรธรณี สัญลักษณ์ของจังหวัด<br />
62<br />
แร่ฟลูออไรต์เกิดได้หลายแบบ เช่น แบบสายแร่นํ้าร้อนแทรกผ่าน<br />
ตามรอยแตกในหินแกรนิตหรือในช่องว่างของหินปูน หินโดโลไมต์ และแบบ<br />
แทนที่ในหินชนิดอื่น เช่น หินปูน หินดินดาน และหินทราย แร่ฟลูออไรต์ในทาง<br />
การค้าอาจเรียก “ฟลูออร์สปาร์” มีความแข็งน้อย ถูกขูดขีดเป็นรอยได้ง่าย<br />
บางครั้งจึงเรียกว่า “พลอยอ่อน” มีเนื้อโปร่งแสงถึงโปร่งใส มีสีต่างๆ เช่น ม่วง<br />
เขียว เหลือง และมักพบเป็นผลึกแบบลูกเต๋าหรือเป็นมวลมีแนวแตกเรียบ<br />
มีประโยชน์ใช้เป็นฟลักซ์ในการถลุงโลหะหลายชนิด ใช้ทํากรดเกลือ และใช้ใน<br />
อุตสาหกรรมอื่นๆ อีกหลายประเภท<br />
MAE HONG SON<br />
Fluorite, sometimes referred to as “fluorspar”, usually occurs in hydrothermal vein in granite, limestone and dolomite or<br />
a replacement in limestone, shale and sandstone. Fluorite is utilized as a flux in smelting and various industries. Mae<br />
Hong Son Province used to be an area where high amount of fluorite had been extracted. Presently, high mineralized<br />
potential area is located at Huai Ya deposit, Pai District, and Mae La Luang deposit, Mae La Noi District. Its importance<br />
has made fluorite a geological symbol of Mae Hong Son Province.
จังหวัดยโสธร<br />
หินทรายภูถํ้าพระ<br />
วัดภูถํ้าพระ บ้านหินโหง่น ตําบลกุดแห่ อําเภอเลิงนกทา เป็นสถาน<br />
ปฏิบัติธรรมที่มีชื่อเสียง เป็นเนินเขาลูกโดดที่มีความสูงจากที่ราบประมาณ<br />
๓๐ เมตร มีลานหินที่มีหินรูปทรงแปลกตามากมาย เป็นแอ่งนํ้า เพิงถํ้าเป็นที่<br />
ประดิษฐานของพระพุทธรูปจํานวนมาก รวมทั้งเป็นจุดชมวิวของภูแผงม้า<br />
และภูผาผึ้งทางด้านตะวันออกได้ชัดเจน หินทรายภูถํ้าพระ บริเวณลานหิน<br />
ในวัดเป็นสัญลักษณ์ของจังหวัดยโสธร นอกจากนี้ยังพบเป็นลานหินตามเนินเขา<br />
ในเขตอําเภอไทยเจริญ อําเภอกุดชุม และอําเภอเลิงนกทา<br />
ธรณีวิทยา<br />
ภูถํ้าพระตามมาตรฐานลําดับชั้นหิน<br />
ของประเทศ จัดเป็นส่วนหนึ่งของหมวดหิน<br />
พระวิหาร กลุ่มหินโคราช ประกอบด้วยหินทราย<br />
และหินทรายปนกรวด สีขาว เทาขาว เนื้อหินละเอียด<br />
ถึงหยาบ และมีหินทรายแป้งแทรกสลับชั้นบ้าง<br />
เป็นชั้นหินที่ตกตะกอนบนแผ่นดินตามทางนํ้าประสาน<br />
สายโบราณ เมื่อประมาณ ๑๓๐ ล้านปีก่อน ต่อมาเมื่อ<br />
ประมาณ ๕๕ - ๔๐ ล้านปีที่ผ่านมา เกิดการเคลื่อนตัว<br />
ของแผ่นเปลือกโลก ส่งผลให้แผ่นดินบริเวณนี้ยกตัว<br />
สูงขึ้น หลังจากนั้นเกิดการกัดเซาะผุพังของชั้นหิน<br />
ตามธรรมชาติ ชั้นหินบริเวณรอยแตกจะผุพังได้เร็วกว่า<br />
ปกติ รวมทั้งหินแต่ละชนิดก็มีความทนทานต่อการ<br />
สึกกร่อนไม่เท่ากัน ทําให้เกิดลักษณะภูมิประเทศเป็น<br />
ภูเขาลูกโดดและมีชั้นหินรูปทรงโค้งเว้าแสดงลวดลาย<br />
สวยงามของชั้นหินและชั้นเฉียงระดับดังในปัจจุบัน<br />
YASOTHON<br />
Phu Tham Phra Temple, Ban Hin Ngone, Kut Hae Subdistrict, Loeng Nok Tha District<br />
is a famous place for Dhamma practicing. It is an isolated hill with an approximate<br />
height of 30 meters above its flat base. On the rocky platform, there are rocky figures<br />
of various strange shapes to one’s view including small puddles, as well as a number<br />
of rock shelters where a large number of Buddha images were enshrined. One may<br />
find locations of scenic viewpoint overlooking the eastern sides of Phu Phaeng Ma<br />
and Phu Pha Phueng. As a part of Phra Wihan Formation of the Khorat Group, the<br />
White Phu Tham Phra Sandstone is the geological symbol of Yasothon Province.<br />
Other similar features of rocky platform may also be found in Thai Charoen, Kut Chum<br />
and Loeng Nok Tha Districts.<br />
ทรัพยากรธรณี สัญลักษณ์ของจังหวัด<br />
63
จังหวัดยะลา<br />
หินอ่อนยะลา<br />
หินอ่อนยะลามีเนื้อละเอียดสีชมพู เป็นหินอ่อน<br />
ที่มีชื่อเสียงมาก มีความสวยงามและลักษณะโดดเด่น เป็น<br />
หินอ่อนที่มีเนื้อแร่เหล็กออกไซด์หรือแร่ฮีมาไทต์ปนในเนื้อหิน<br />
ทําให้แสดงสีของแร่มลทินออกมา พบบริเวณภูเขากําปั่น<br />
เขตตําบลหน้าถํ้า อําเภอเมืองยะลา<br />
ธรณีวิทยา<br />
ทรัพยากรธรณี สัญลักษณ์ของจังหวัด<br />
64<br />
YALA<br />
Fine-grained pink marble of Yala has long been famous from its beauty and uniqueness. Yala Marble was formed<br />
as a result of contact metamorphism occurred along the contact zone between the Permian limestone of Ratburi<br />
Group and the Triassic Granite. The presence of Iron oxide or hematite in the rock texture as an impurity contributes<br />
to its pinkish color. Yala Marble is found along Kam Pan Hill in Na Tham Subdistrict, Mueang Yala District.<br />
หินอ่อนในประเทศไทยส่วนใหญ่<br />
มีการเกิดสัมพันธ์กับความร้อนที่ได้จาก<br />
การแทรกตัวขึ้นมาของหินแกรนิตในระดับ<br />
ลึกมากใต้ผิวดิน หินอ่อนยะลาเกิดจากการ<br />
แปรสภาพของหินปูนของกลุ่มหินราชบุรี<br />
ในยุคเพอร์เมียนตอนกลาง หรือประมาณ<br />
๒๖๕ ล้านปีก่อน ตามบริเวณแนวแปร<br />
สัมผัสกับหินแกรนิตยุคไทรแอสซิก ทําให้<br />
หินปูนเกิดการหลอมละลายและตกผลึก<br />
ใหม่ของแร่แคลเซียมคาร์บอเนตให้มีผลึก<br />
ที่ใหญ่ขึ้น กลายเป็นหินอ่อนในปัจจุบัน
จังหวัดร้อยเอ็ด<br />
หอยนํ้าจืดโพนขี้นก<br />
โพนขี้นกเป็นซากหอยอัดตัวแน่น พบบริเวณทุ่งกุลา<br />
ร้องไห้ โพนครกน้อย ตําบลสระคู อําเภอสุวรรณภูมิ จังหวัด<br />
ร้อยเอ็ด ซึ่งมีเรื่องเล่าว่า บริเวณทุ่งกุลาร้องไห้เคยเป็นทะเลสาบ<br />
มาก่อน ต่อมาเกิดการทะเลาะกันของเมืองที่อยู่ริมทะเลสาบ<br />
พญานาคจึงบันดาลให้ทะเลสาบแห้งเหือด บรรดาสัตว์นํ้าต่างๆ<br />
นั้นตายหมด เน่าเหม็นคลุ้งฟ้าไปถึงพระนาสิกของพระอินทร์<br />
พระอินทร์จึงให้นกอินทรีสองผัวเมียมากินซากสัตว์ที่ตาย<br />
ให้หมด นกอินทรีกินซากสัตว์อยู่เป็นเวลาครึ่งเดือนและได้<br />
ถ่ายมูลทิ้งไว้เป็นกองใหญ่มากปรากฏอยู่ที่กลางทุ่งกุลาร้องไห้<br />
เรียกว่า “โพนขี้นก” หรือ “โพนขี้นกอินทรี” ในทุกวันนี้<br />
ธรณีวิทยา<br />
ซากหอยโพนขี้นกประกอบด้วยซากหอย<br />
หลายชนิดมีทั้งหอยขมนํ้าจืดประเภทที่มีฝาเดียว<br />
สกุล Viviparus และหอยกาบประเภทที่มีสองฝาสกุล<br />
Cardiidae เกาะจับตัวกันแน่นเป็นชั้นหนาตั้งแต่<br />
๑๐ - ๓๐ เซนติเมตร ซึ่งสะสมตัวตามแอ่งนํ้าหรือ<br />
ทะเลสาบยุคโฮโลซีน เมื่อประมาณ ๑๐,๐๐๐ ปีก่อน<br />
ROI ET<br />
Phon Khi Nok is made of compacted pieces of freshwater shells located in Thung Kula Rong Hai, Phon Khrok Noi,<br />
Sa Khu Subdistrict, Suwannaphum District, Roi Et Province. These compacted shells comprise various types of shells<br />
including mainly of mollusks of Viviparus family and cockle (bivalve) of Cardiidae family. These shells aggregated and packed<br />
into a thick bed of 10 - 30 cm occurred along the pond or lake existed during the Holocene time approximately 10,000 years<br />
ago. Phon Khi Nok Fresh Water Shells represents the geological symbol of Roi Et Province.<br />
ทรัพยากรธรณี สัญลักษณ์ของจังหวัด<br />
65
จังหวัดระนอง<br />
ดินขาวหาดส้มแป้น<br />
ดินขาวหาดส้มแป้นเป็นดินขาวคุณภาพสูงที่ใช้เป็นวัตถุดิบ<br />
ในการจัดทําเซรามิกและเครื่องสุขภัณฑ์ของบริษัทชั้นนําของไทย<br />
และต่างประเทศ เนื่องจากมีความขาวและมีความละเอียดมาก<br />
นอกจากนี้ยังนําไปใช้ในงาน OTOP ในพื้นที่อีกด้วย พบตามเชิงเขา<br />
หินแกรนิตทางทิศตะวันออกของตัวเมืองระนอง ครอบคลุมพื้นที่<br />
กว่า ๒๐ ตารางกิโลเมตร บริเวณบ้านหาดส้มแป้น-บ้านทุ่งคา<br />
ตําบลหาดส้มแป้น อําเภอเมืองระนอง ซึ่งเป็นพื้นที่ทําเหมืองดีบุก/<br />
ทังสเตนเดิม ดินขาวหาดส้มแป้นจึงเป็นทรัพยากรธรณีสัญลักษณ์<br />
ประจําจังหวัด<br />
ทรัพยากรธรณี สัญลักษณ์ของจังหวัด<br />
66<br />
RANONG<br />
Hat Sompaen Kaolinite, the geological symbol of Ranong Province, is a very fine<br />
white-grained high quality kaolinite. It is used as raw materials for the manufacturing<br />
of ceramics and sanitary ware of the leading companies in Thailand and abroad.<br />
It is also used for the production of OTOP’s goods. Kaolinite is a product of the<br />
weathering process on granite thus most deposits are located along the granite<br />
foothills around the area of Ban Hat Sompaen-Ban Thung Kha, Hat Sompaen<br />
Subdistrict, Mueang Ranong District, covering an area of approximately<br />
20 square kilometers.<br />
ธรณีวิทยา<br />
ดินขาวหาดส้มแป้นเป็นดินขาวที่เกิดแบบผุพัง<br />
อยู่กับที่ของหินแกรนิตโดยกระบวนการสารละลายนํ้าร้อน<br />
เริ่มจากการแทรกตัดของสายควอตซ์ แอพไลต์ และ<br />
เพกมาไทต์ เข้ามาในหินแกรนิตยุคครีเทเชียส ส่งผลให้<br />
เนื้อหินแกรนิตผุพัง เกิดกระบวนการเปลี่ยนเป็นแร่ดิน<br />
หรือ Kaolinization โดยแร่อัลคาไลเฟลด์สปาร์ที่เป็นแร่<br />
ประกอบหลักในเนื้อหินเปลี่ยนสภาพเป็นแร่เคโอลิไนต์<br />
ทําให้เกิดชั้นดินขาวชั้นหนาปกคลุมพื้นที่ดังปัจจุบัน
จังหวัดระยอง<br />
ทรายแก้ว<br />
จังหวัดระยองเป็นแหล่งทรายแก้วที่ใหญ่แห่งหนึ่งของ<br />
ประเทศ พบตามชายหาดเก่าริมทะเล ใช้ประโยชน์มากใน<br />
อุตสาหกรรมแก้วและกระจก เครื่องปั้นดินเผา และเป็นผงขัดสนิม<br />
เหล็ก ทรายแก้วเป็นทรัพยากรธรณีสัญลักษณ์ของจังหวัดระยอง<br />
ธรณีวิทยา<br />
ทรายแก้วคือทรายที่สะอาด มีส่วน<br />
ประกอบของแร่ควอตซ์ที่มีเปอร์เซ็นต์ของซิลิกา<br />
มากกว่าร้อยละ ๙๕ และมีเปอร์เซ็นต์ของเหล็กตํ่า<br />
ส่วนใหญ่เป็นเม็ดทรายละเอียด มีการคัดขนาด<br />
ดีมาก มีความมนดี สีขาวใส ทรายแก้วส่วนใหญ่<br />
ผุพังมาจากหินที่มีแร่ควอตซ์เป็นส่วนประกอบ<br />
หลัก เช่น หินแกรนิต และจากกระบวนการชะล้าง<br />
ตามธรรมชาติโดยกระแสนํ้า คลื่นและลม หินและ<br />
แร่จะค่อยๆ ผุพังสลายไป และสุดท้ายจะเหลือ<br />
แร่ควอตซ์ซึ่งมีความคงทนต่อการผุพังมากกว่าแร่<br />
และหินชนิดอื่น ลมจะเป็นตัวจักรสําคัญที่ช่วยคัด<br />
ขนาดของเม็ดทรายและพัดไปสะสมตัวเป็นแหล่ง<br />
ทรายแก้วในปัจจุบัน<br />
RAYONG<br />
One of the largest silica sand deposits is located along the old sandy beach of Rayong Province. Silica sand,<br />
consisting mostly of quartz with silica oxide content higher than 95 percent and very low iron content, is widely<br />
used in various industries: glass, mirror, ceramics and rust removal abrasive material. It is usually well sorted<br />
with good roundness, white to transparent. Silica sand is a product of weathering and erosion process with<br />
the work of water current, waves and wind. As an important geological resource of the province, Silica Sand<br />
is therefore the geological symbol of the province.<br />
ทรัพยากรธรณี สัญลักษณ์ของจังหวัด<br />
67
จังหวัดราชบุรี<br />
แร่เฟลด์สปาร์<br />
จังหวัดราชบุรีมีการผลิตแร่เฟลด์สปาร์ซึ่งเป็น<br />
วัตถุดิบที่จําเป็นในอุตสาหกรรมเซรามิก โดยเฉพาะ<br />
โพแทสเซียมเฟลด์สปาร์บดที่ใช้ในการผลิตเซรามิก<br />
คุณภาพสูง พบบริเวณอําเภอสวนผึ้ง อําเภอจอมบึง<br />
กิ่งอําเภอบ้านคา แร่เฟลด์สปาร์ได้รับการคัดเลือกให้เป็น<br />
ทรัพยากรธรณีสัญลักษณ์ของจังหวัดราชบุรี<br />
ธรณีวิทยา<br />
ทรัพยากรธรณี สัญลักษณ์ของจังหวัด<br />
68<br />
RATCHABURI<br />
Feldspar is being produced in Ratchaburi Province as raw material necessary for ceramic industry, especially<br />
potassium feldspar powder used in high quality ceramic production. Feldspar is present in porphyry<br />
biotite granite as well as pegmatite veins found in Suan Phueng and Chom Bueng Districts and Ban Kha<br />
Sub-district. Feldspar is thus selected as the geological symbol of Ratchaburi Province.<br />
พื้นที่ชายแดนด้านตะวันตกของอําเภอสวนผึ้ง<br />
ประกอบด้วยหินไบโอไทต์แกรนิต เนื้อสองขนาด<br />
อายุ ๘๐ - ๕๕ ล้านปี เป็นหินที่เกิดร่วมกับแร่ดีบุก<br />
และทังสเตน แร่เฟลด์สปาร์เป็นชื่อรวมประกอบด้วย<br />
แร่หลายชนิด โดยทั่วไปมีผลึกเป็นรูปแบน<br />
มักเกิดเป็นผลึกแฝด มีสีขาวถึงสีเข้ม วาวแบบ<br />
แก้วและแบบมุก เป็นแร่ประกอบหินที่สําคัญ<br />
ของหินอัคนี แบ่งตามส่วนประกอบออกเป็น<br />
โพแทสเซียมเฟลด์สปาร์และโซเดียม<br />
เฟลด์สปาร์ ซึ่งจะพบทั้งสองชนิดในพื้นที่<br />
สวนผึ้ง ในสายเพกมาไทต์ส่วนใหญ่เป็น<br />
แร่โพแทสเซียมเฟลด์สปาร์ พบตัดเข้าไป<br />
ในหินที่แก่กว่าหรือหินแกรนิต
จังหวัดลพบุรี<br />
หินภูเขาไฟเพอร์ไลต์<br />
จังหวัดลพบุรีเป็นแหล่งหินภูเขาไฟที่เกิดปะทุขึ้นมา<br />
ในสมัยบรรพกาล หินเพอร์ไลต์เป็นหินภูเขาไฟชนิดหนึ่ง<br />
ที่มีประโยชน์หลากหลาย เช่น ใช้เป็นสารปรับปรุงดินเพื่อ<br />
การเกษตร ใช้ในอุตสาหกรรมการก่อสร้างและอุตสาหกรรม<br />
เครื่องกรอง พบในหลายบริเวณ เช่น เขาฝาละมี เขาถํ้าพระ<br />
อําเภอสระโบสถ์ และอําเภอโคกเจริญ หินภูเขาไฟเพอร์ไลต์<br />
เป็นทรัพยากรธรณีสัญลักษณ์ของจังหวัดลพบุรี<br />
ธรณีวิทยา<br />
หินภูเขาไฟเพอร์ไลต์มีส่วนประกอบทางเคมีเหมือนหิน<br />
ไรโอไลต์ เนื้อหินเป็นแก้วเกือบทั้งหมด อาจมีผลึกแร่เฟลด์สปาร์และ<br />
ไมกาปนบ้าง หินเพอร์ไลต์เกิดจากการเย็นตัวอย่างรวดเร็วของลาวา<br />
มีหลายสีตั้งแต่สีดําถึงสีเขียวอ่อน หลังจากการเย็นตัวอย่างรวดเร็ว<br />
ของลาวา นํ้าที่ถูกรวมเข้าไปในเนื้อหินเพอร์ไลต์จะทําให้เนื้อในหิน<br />
เพอร์ไลต์เกิดการขยายตัว แล้วแตกตัวเป็นวงซ้อนกันคล้ายกลีบหอม<br />
พร้อมกับมีคุณสมบัติสะท้อนแสงคล้ายมุก หินเพอร์ไลต์จะขยายตัว<br />
เมื่อได้รับความร้อน หลังจากถูกเผาที่ระดับความร้อนที่เหมาะสม<br />
เนื้อภายในของหินเพอร์ไลต์จะเป็นรูพรุน นํ้าหนักเบา สามารถ<br />
ลอยนํ้าได้ และเป็นฉนวนกันความร้อน ความเย็น และเสียงดัง<br />
ได้เป็นอย่างดี อีกทั้งรูพรุนของหินเพอร์ไลต์ยังเป็นตัวกรองได้อีกด้วย<br />
ดังนั้นหินเพอร์ไลต์จึงถูกนํามาใช้ในอุตสาหกรรมต่างๆ มากมาย<br />
LOP BURI<br />
Perlite is a volcanic glass having the same chemical composition with rhyolite. It is being used in construction<br />
and filtration industries, and also used to improve agricultural soil quality due to its high porosity. Perlite is<br />
found in a number of sites including Khao Falami, Khao Tham Phra, Sa Bot and Khok Charoen Districts.<br />
Perlite is the geological symbol of Lop Buri province.<br />
ทรัพยากรธรณี สัญลักษณ์ของจังหวัด<br />
69
จังหวัดลำาปาง<br />
ถ่านหินลิกไนต์แม่เมาะ<br />
เหมืองลิกไนต์แม่เมาะ การไฟฟ้าฝ่ายผลิต<br />
แห่งประเทศไทย อําเภอแม่เมาะ เป็นเหมืองเปิดขนาด<br />
ใหญ่ของทวีปเอเชีย มีกําลังการผลิตถ่านหินมากกว่า<br />
ปีละ ๑๖ ล้านตัน และมีปริมาณสํารองของถ่านหิน<br />
มากที่สุดในประเทศ ปัจจุบันมีกําลังผลิตกระแส<br />
ไฟฟ้า ๒,๔๐๐ เมกะวัตต์ ถ่านหินลิกไนต์แม่เมาะ<br />
คือทรัพยากรธรณีสัญลักษณ์ของจังหวัดลําปาง<br />
ธรณีวิทยา<br />
ทรัพยากรธรณี สัญลักษณ์ของจังหวัด<br />
70<br />
LAMPANG<br />
With over 16 million tons annual production and the highest coal reserve of the country, the Electricity Generating<br />
Authority of Thailand’s (EGAT) Mae Moh lignite mine is the largest open-pit mine in Asia with its present electricity<br />
generating capacity of 2,400 megawatts. Lignite usually has carbon content between 55 - 65 percent by weight,<br />
with low heating value of 8,300 BTU per pound. Lignite was found interbedded with mudstone of Na Khaem<br />
Formation deposited in large fresh-water swamp during the Neogene time or around 13 million years ago.<br />
Lignite beds were later cut by a series of faults. Mae Moh Lignite is the geological symbol of Lampang Province.<br />
ลิกไนต์คือถ่านหินประเภทหนึ่ง มีสีนํ้าตาลเข้มจนถึงดํา<br />
มีความชื้นสูง มีคาร์บอนประกอบอยู่ประมาณร้อยละ ๕๕ - ๖๕<br />
โดยนํ้าหนัก และเมื่อนําไปเผาจะให้ความร้อนตํ่าประมาณ ๘,๓๐๐<br />
บีทียูต่อปอนด์ ชั้นถ่านหินลิกไนต์ในแอ่งแม่เมาะมีทั้งหมด ๕ โซน<br />
ใหญ่ๆ เกิดจากการสะสมตัวของพืชหญ้าในบึงหรือทะเลสาบนํ้าจืด<br />
ขนาดใหญ่ในยุคนีโอจีนหรือเมื่อประมาณ ๑๓ ล้านปีก่อน และ<br />
เกิดแทรกสลับในชั้นหินโคลนสีเทาของหมวดหินนาแขมที่มีความหนา<br />
มากกว่า ๔๐๐ เมตร มีปริมาณสํารองของถ่านหินลิกไนต์เหลืออยู่<br />
อีกประมาณ ๑,๐๔๗ ล้านตัน ชั้นหินในแอ่งแม่เมาะถูกรอยเลื่อน<br />
ตัดผ่านหลายแนว เป็นผลทําให้ชั้นถ่านหินบริเวณขอบแอ่งถูกดึง<br />
ขึ้นมาใกล้ผิวดิน ในทางกลับกันชั้นถ่านหินบริเวณกลางแอ่งจะอยู่<br />
ลึกใต้ผิวดิน
จังหวัดลำาพูน<br />
ถ่านหินซับบิทูมินัสลี้<br />
ที่ตําบลลี้และตําบลดงดํา อําเภอลี้ จังหวัดลําพูน<br />
เคยเป็นแหล่งสะสมตัวของถ่านหินซับบิทูมินัสแหล่ง<br />
ใหญ่และมีคุณภาพดีของประเทศ นำาไปเป็นเชื้อเพลิงใน<br />
อุตสาหกรรมปูนซีเมนต์และอุตสาหกรรมอื่นๆ มากมาย<br />
ธรณีวิทยา<br />
ซับบิทูมินัสเป็นถ่านหินประเภทหนึ่ง สีดําวาว มี<br />
คาร์บอนประกอบร้อยละ ๖๕ - ๘๐ มีความชื้นสูงแต่<br />
น้อยกว่าถ่านหินลิกไนต์ เมื่อเผาจะให้ค่าความร้อนระหว่าง<br />
๘,๓๐๐ - ๑๓,๐๐๐ บีทียูต่อปอนด์ ถ่านหินซับบิทูมินัส<br />
เกิดจากการสะสมตัวของพืชยืนต้นยุคพาลีโอจีนหรือ<br />
เมื่อประมาณ ๔๐ ล้านปีก่อน ในบึงและทะเลสาบนํ้าจืด<br />
ขนาดใหญ่ ผลจากการเคลื่อนตัวของเปลือกโลกทําให้ขอบ<br />
แอ่งด้านตะวันออกของแอ่งลี้ที่มีชั้นถ่านหินอยู่ด้วย<br />
ยกตัวขึ้นมาใกล้ผิวดิน และบางบริเวณชั้นถ่านหิน<br />
โผล่ให้เห็นบนผิวดิน ชั้นถ่านหินเกิดแทรกสลับ<br />
ในชั้นของหินโคลนสีเทา ซึ่งบางส่วนเป็นหิน<br />
นํ้ามัน บางแห่งมีถ่านหินชั้นเดียวหนา แต่อีก<br />
บริเวณมีถ่านหิน ๒ ชั้น บริเวณนี้เคยมีเหมือง<br />
ถ่านหินหลายเหมือง<br />
LAMPHUN<br />
The large and good quality sub-bituminous deposits were found and mined in Li and Dong Dam Subdistricts,<br />
Li District, Lamphun Province. Sub-bituminous coal usually contains approximately 65 - 80 percent of carbon<br />
content with heating value of 8,300 - 13,000 BTU per pound. This sub-bituminous formed as the deposition of<br />
perennials in fresh-water ponds or large lakes during the early Paleogene or around 40 million years ago.<br />
Sub-bituminous has been used as fuel source in cement and other industries. Li Sub-bituminous is the geological<br />
symbol of Lamphun Province.<br />
ทรัพยากรธรณี สัญลักษณ์ของจังหวัด<br />
71
จังหวัดเลย<br />
แร่เหล็ก<br />
แร่เหล็กเป็นวัตถุดิบสําคัญในอุตสาหกรรมผลิตเหล็ก<br />
และเหล็กกล้า และยังเป็นวัสดุสำาหรับผงขัดมัน แร่เหล็กใน<br />
จังหวัดเลยพบมากบริเวณภูยางและภูเฮียะ อำาเภอเชียงคาน<br />
บริเวณบ้านไร่ทาม บ้านติ้วน้อย อําเภอเมืองเลย และบริเวณ<br />
บ้านปากปวน อําเภอวังสะพุง<br />
ทรัพยากรธรณี สัญลักษณ์ของจังหวัด<br />
72<br />
LOEI<br />
Iron minerals are important raw materials in iron and steel production industry,<br />
as well as material for polishing powder. Iron minerals found in Loei include<br />
magnetite, specularite, hematite, goethite, and limonite. Most of these deposits<br />
are either occurred as vein or sedimentary replacement types, with some<br />
contact metamorphism and placer deposits. Iron deposits are located in Phu<br />
Yang and Phu Hia, Chiang Khan District; Ban Rai Tham, Ban Tew Noi, Mueang<br />
Loei District; and Ban Pak Puan, Wang Saphung District. Due to its widely<br />
abundant, Iron Mineral is the geological symbol of Loei Province.<br />
ธรณีวิทยา<br />
แร่เหล็กคือแร่ที่มีธาตุเหล็กเป็นส่วนประกอบ<br />
หลัก ที่พบมากในจังหวัดเลยคือ แร่แมกนีไทต์<br />
แร่สเปกคูลาไรต์ แร่ฮีมาไทต์ แร่เกอไทต์ และแร่<br />
ลิโมไนต์ ลักษณะโดยรวมของแร่ที่มีธาตุเหล็กเป็นหลัก<br />
จะหนัก มีสีสนิม คือ นํ้าตาลเหลือง นํ้าตาลแดง นํ้าตาลดํา<br />
วาวแบบโลหะ แม่เหล็กมักดูดติดตั้งแต่แรงมากจนถึงอ่อนขึ้นกับ<br />
แร่แต่ละชนิด แร่แมกนีไทต์มีสีผงที่ขีดดูกับกระเบื้องไม่เคลือบ<br />
เป็นสีดํา ขณะที่แร่ฮีมาไทต์ให้สีแดงเลือดหมู แร่สเปกคูลาไรต์<br />
มีเงาแบบโลหะวาววับกว่าแร่เหล็กชนิดอื่น ส่วนแร่เกอไทต์มักมี<br />
รูปร่างแบบพวงองุ่น สีแร่นํ้าตาลออกเหลือง แหล่งแร่เหล็ก<br />
ในจังหวัดเลยส่วนใหญ่มีกําเนิดแบบเป็นสายแร่ และเกิดแบบ<br />
แทนที่ในชั้นหิน แต่ก็มีบางบริเวณที่เกิดแบบแปรสัมผัส บาง<br />
บริเวณหักผุพังตกสะสมเป็นลานตามไหล่เขาหรือเชิงเขา
จังหวัดศรีสะเกษ<br />
หินทรายมออีแดง<br />
ผามออีแดงเป็นลานหินทรายกว้างริมหน้าผา อยู่<br />
ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร อําเภอกันทรลักษ์ ติด<br />
เขตแดนไทย-กัมพูชา เป็นจุดชมทัศนียภาพทิวเขาพนมดงรัก<br />
แผ่นดินเขมรตํ่า และสามารถมองเห็นปราสาทพระวิหาร<br />
ซึ่งอยู่ห่างออกไปทางด้านทิศใต้ประมาณ ๑ กิโลเมตร<br />
และบริเวณหน้าผาที่อยู่ตํ่าลงไปจะมีภาพสลักหินนูนตํ่า<br />
ศิลปะเขมร พุทธศตวรรษที่ ๑๕ หินทรายมออีแดง<br />
เป็นทรัพยากรธรณีสัญลักษณ์ของจังหวัดศรีสะเกษ<br />
ธรณีวิทยา<br />
บริเวณผามออีแดงและสระตราวประกอบด้วย<br />
ชั้นหินทราย หินทรายปนกรวด หินกรวดมน สีขาว<br />
สีเทาขาว เนื้อเม็ดตะกอนขนาดปานกลางถึงหยาบ<br />
ชั้นหินวางตัวในแนวเกือบราบ เม็ดกรวดประกอบด้วย<br />
ควอตซ์ เชิร์ตสีเทาและดํา และหินควอร์ตไซต์ จัดอยู่<br />
ในหมวดหินพระวิหาร กลุ่มหินโคราช ในยุคครีเทเชียส<br />
ตอนต้น (Early Cretaceous ประมาณ ๑๓๐ ล้านปีก่อน)<br />
ซึ่งเกิดจากการสะสมตะกอนในทางนํ้าประสานสาย<br />
หลักฐานจากชั้นเฉียงระดับแสดงว่าทางนํ้าโบราณ<br />
ที่ก่อให้เกิดหินทรายไหลไปทางทิศตะวันตก<br />
SI SA KET<br />
Mo I-Daeng is a wide rock platform with high cliff located within Khao Phra Wihan<br />
National Park, Kantharalak District, along the Thai-Cambodia border. This is the<br />
scenic view point of Phanom Dong Rak Mountain overlooking the lower Khmer<br />
region. From the same location, one may still see Phra Wihan Stone Sanctuary, which<br />
located approximately 1 km to the south. Further down at the base of the cliff, there<br />
are a number of bas-reliefs belonging to Khmer art around 15 th Buddhist Century.<br />
Sedimentary rocks of the area are those belong to Phra Wihan Formation, Khorat<br />
Group deposited during the early Cretaceous time or around 130 million years ago.<br />
The Mo I-Daeng Sandstone is the geological symbol of Si Sa Ket Province.<br />
ทรัพยากรธรณี สัญลักษณ์ของจังหวัด<br />
73
จังหวัดสกลนคร<br />
หินทรายเทือกเขาภูพาน<br />
หินทรายเทือกเขาภูพานเป็นทรัพยากรธรณีสัญลักษณ์ของ<br />
จังหวัดสกลนคร ได้มาจากบริเวณเทือกเขาภูพาน ซึ่งเป็นสถานที่ตั้งของ<br />
พระตําหนักภูพานราชนิเวศน์ จังหวัดสกลนคร เป็นหินทรายของกลุ่มหิน<br />
โคราชที่มีความแข็งแกร่ง เป็นตัวพยุงโครงสร้างของเทือกเขาภูพานให้มี<br />
ความสูงเด่นจนถึงปัจจุบัน<br />
ธรณีวิทยา<br />
ทรัพยากรธรณี สัญลักษณ์ของจังหวัด<br />
74<br />
SAKON NAKHON<br />
The Phu Phan Mountain Range Sandstone is the geological symbol of Sakon Nakhon Province. The mountain is<br />
where the Phu Phan Ratchaniwet Palace is situated. Phu Phan Mountain is underlain by sandstone of the Khorat<br />
Group comprising siltstone, sandstone and conglomerate that deposited under the continental environment<br />
during the Jurassic - Cretaceous times or around 160 - 100 million years ago.<br />
เทือกเขาภูพานประกอบด้วยชั้นหินของ<br />
กลุ่มหินโคราช เช่น หินทรายแป้ง หินทราย และ<br />
หินกรวดมน ที่เกิดสะสมตัวบนบกในยุคจูแรสซิก-<br />
ครีเทเชียส หรือประมาณ ๑๖๐ - ๑๐๐ ล้านปีที่ผ่านมา<br />
ต่อมาเมื่อประมาณ ๔๐ ล้านปีก่อน แผ่นเปลือกโลก<br />
อินเดียเคลื่อนที่เข้าชนกับแผ่นเปลือกโลกยูเรเซีย<br />
ส่งผลทำาให้ชั้นหินเริ่มโก่งตัวยกขึ้นเป็นแนวเทือกเขา<br />
มีโครงสร้างหลักแบบรูปประทุน และต่อมาชั้นหิน<br />
เกิดการสึกกร่อนผุพังจากการกัดเซาะของนํ้าและ<br />
ลม จึงมักพบชั้นหินทรายซึ่งมีความแข็งและทนทาน<br />
ต่อการผุพังได้ดีวางตัวเป็นส่วนบนของยอดเขา เกิด<br />
ลักษณะภูมิประเทศเป็นหน้าผาและนํ้าตกที่สวยงาม
จังหวัดสงขลา<br />
หินทรายเกาะยอ<br />
หินทรายเกาะยอเป็นหน่วยหินฐานรากที่รองรับ<br />
จังหวัดสงขลา พบโผล่เป็นเทือกเขาหรือเนินเขาต่อเนื่อง<br />
ในแนวเหนือ-ใต้ บริเวณพื้นที่รอบๆ แอ่งสงขลา เช่น ตาม<br />
แนวเทือกเขานํ้ากระจาย เทือกเขาคอหงส์ และเขานํ้าค้าง<br />
สําหรับชั้นหินที่โผล่ให้เห็นชัดเจนและเป็นสัญลักษณ์ของ<br />
จังหวัดอยู่ที่เกาะยอ ทะเลสาบสงขลาตอนนอก อําเภอเมือง<br />
สงขลา<br />
ธรณีวิทยา<br />
หินทรายเกาะยอมีความหนาประมาณ ๑๕๐ เมตร<br />
เกิดจากการสะสมตัวในทะเลตื้นที่มีสภาพการสะสม<br />
ตะกอนที่ค่อนข้างรุนแรง ในยุคคาร์บอนิเฟอรัส<br />
ตอนต้นหรือประมาณ ๓๕๐ ล้านปีก่อน ตาม<br />
มาตรฐานการแบ่งลําดับชั้นหินของประเทศ<br />
จัดเป็นส่วนหนึ่งของหมวดหินยะหา ที่มีส่วนล่าง<br />
เป็นหินดินดานสีดำา ส่วนกลางเป็นหินดินดาน<br />
ชั้นบางสลับกับหินเชิร์ตที่พบซากเรดิโอลาเรีย<br />
และส่วนบนซึ่งเป็นส่วนที่พบมากที่สุดคือหินทราย<br />
เกาะยอ ประกอบด้วยหินทรายเนื้อซิลิกา เม็ดละเอียด<br />
สีขาวถึงเทาเหลือง เป็นชั้นดี ต่อมามีการปะทะกัน<br />
ของแผ่นเปลือกโลก เกิดการแทรกดันของหินแกรนิต<br />
ยุคไทรแอสซิก ส่งผลให้แอ่งตะกอนดังกล่าวยกตัว<br />
และคดโค้งโก่งงอกลายเป็นเทือกเขาในแนวเหนือ-ใต้<br />
และเมื่อเวลาผ่านไป มีการกัดเซาะตามธรรมชาติ<br />
จากสภาวะภูมิอากาศและกระแสคลื่น ชั้นหินทราย<br />
เกาะยอซึ่งส่วนใหญ่เป็นชั้นหินทรายที่มีองค์ประกอบ<br />
ของซิลิกาสูง และมีความทนทานต่อการกัดกร่อนสูง<br />
จึงคงเหลืออยู่ ทําให้เกิดภูมิประเทศของเกาะยอ<br />
ในปัจจุบัน<br />
SONGKHLA<br />
As a basement rock unit underlying the provincial area, the Ko Yo Sandstone is the<br />
geological symbol of Songkhla Province. The rock continually crops out along the<br />
N-S trending around Songkhla basin, e.g. Nam Krachai, Kho Hong and Nam Khang<br />
Mountains. Ko Yo Sandstone is approximately 150 meters thick deposited under high<br />
energy environment during the early Carboniferous period or around 350 million<br />
years ago. The typical outcrop is located at Ko Yo in the outer part of Songkhla Lake,<br />
Mueang Songkhla District.<br />
ทรัพยากรธรณี สัญลักษณ์ของจังหวัด<br />
75
จังหวัดสตูล<br />
หินทรายตะรุเตา<br />
เกาะตะรุเตา อุทยานแห่งชาติตะรุเตา จังหวัดสตูล เป็น<br />
สถานที่พบหินตะกอนที่มีอายุแก่ที่สุดของประเทศ เป็นสถานที่<br />
ประวัติศาสตร์ใช้กักขังนักโทษการเมืองในอดีต และปัจจุบัน<br />
เป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่มีชื่อเสียง มีภูมิทัศน์แสดง<br />
การวางตัวของชั้นหินและหาดทรายที่สวยงาม หินทรายตะรุเตา<br />
เป็นตัวแทนทรัพยากรธรณีสัญลักษณ์ของจังหวัดสตูล<br />
พบชั้นหินในหลายบริเวณ เช่น อ่าวพันเตมะละกา อ่าวสน<br />
และอ่าวเมาะและ<br />
ทรัพยากรธรณี สัญลักษณ์ของจังหวัด<br />
76<br />
SATUN<br />
The oldest sedimentary rocks in Thailand have been found in Tarutao Island<br />
National Park, Satun Province. The island is also famous as historical site<br />
used as a jail for detenu in the past. Presently, the place is famous as<br />
a natural tourism site. The site inhibits geological landscape that shows<br />
beautiful beach and stratigraphic feature of sedimentary rocks of the<br />
Tarutao Group. The rock group is believed to be deposited under shallow<br />
marine environment around 500 million years ago. The Tarutao Sandstone<br />
represents the geological symbol of Satun Province. The rock also crops<br />
out in various sites, e.g. Ao Phan Te Malaka, Ao Son, Ao Mo Lae.<br />
ธรณีวิทยา<br />
หินทรายตะรุเตาเป็นส่วนหนึ ่งของกลุ ่มหินตะรุเตา พบโผล่<br />
เป็นโขดหาดหินบริเวณด้านตะวันตกของตัวเกาะ เป็นหินทราย<br />
สีนํ้าตาลแดง สีม่วงแดง เนื้อละเอียดถึงหยาบ แสดงชั้นหิน<br />
ขนาดบางๆ และชั้นเฉียงระดับ แทรกสลับกับหินดินดานชั้นบาง<br />
พบซากดึกดำาบรรพ์พวกไทรโลไบต์ชนิด Eosaukia buravasi ทั้งที่<br />
เป็นส่วน glabella และส่วน genal spine, Thailandium solum,<br />
Saukiella tarutaoensis และ Coreanocephalus planulatus<br />
และแบรคิโอพอด แสดงว่าเกิดสะสมตัวในทะเลตื้น ในยุค<br />
แคมเบรียนตอนปลาย หรือประมาณ ๕๐๐ ล้านปีก่อน และจาก<br />
การเทียบเคียงชนิดของซากดึกดําบรรพ์ทําให้ทราบว่า ผืนเปลือก<br />
โลกบริเวณนี้แต่เดิมอยู่ทางซีกโลกใต้ ผลจากการเคลื่อนที่ของแผ่น<br />
เปลือกโลกและการเปลี่ยนแปลงของระดับนํ้าทะเลทําให้กลายเป็น<br />
เกาะตะรุเตาในปัจจุบัน
จังหวัดสมุทรปราการ<br />
ดินดอนสามเหลี่ยมปากแม่นํ้า<br />
ดินดอนสามเหลี่ยมปากแม่นํ้า (delta) เป็นดินดอนสามเหลี่ยม<br />
ปากแม่นํ้าแห่งเดียวของประเทศไทย ที่มีแนวนํ้าชนกันของนํ้าจืดและนํ้าเค็ม<br />
เห็นได้ชัดเจน เป็นที่มาของชื่อแม่นํ้าเจ้าพระยา ซึ่งแต่เดิมเรียกปากนํ้า<br />
บางเจ้าพระยา นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของจังหวัดอีกด้วย<br />
พบบริเวณปากแม่นํ้าเจ้าพระยา ระหว่างตําบลท้ายบ้านกับตําบลบางปูใหม่<br />
อําเภอเมืองสมุทรปราการ<br />
ธรณีวิทยา<br />
บริเวณจังหวัดสมุทรปราการเป็นปาก<br />
แม่นํ้าเจ้าพระยาที่ไหลออกทะเล ตะกอนที่แม่นํ้า<br />
เจ้าพระยาพามาจากทางต้นนํ้า เมื่อไหลลงทะเล<br />
ปะทะกับอิทธิพลของคลื่นลมทะเล ก็จะตกสะสมตัว<br />
บริเวณปากแม่นํ้า ก่อเกิดลักษณะภูมิประเทศ<br />
แบบเนินรูปพัดยื่นไปทางทะเล หรือที่เรียกว่า<br />
ดินดอนสามเหลี่ยมปากแม่นํ้า ประกอบด้วยตะกอน<br />
โคลนและทรายแป้งเนื้อนิ่มสีเทา ขนาดละเอียดมาก<br />
มีขนาดเล็กกว่า ๖๔ ไมครอน หรือ ๑/๖๔ มิลลิเมตร<br />
แร่เคลย์ส่วนใหญ่เป็นแร่เคโอลิไนต์และอิลไลต์<br />
SAMUT PRAKAN<br />
This is the only delta of the country where river water and salt water interface is clearly seen in the area. It used to be called Bang Chao<br />
Phraya estuary, and then named the river as the Chao Phraya River. The delta is the result of the sedimentation of particles carried over<br />
from the river to deposit at the mouth of the river. The sediments include mud, and silts with some clay minerals, e.g. kaolinite and illite.<br />
The Chao Phraya Delta extends between Thai Ban and Bang Pu Mai Subdistricts, Mueang Samut Prakan District.<br />
ทรัพยากรธรณี สัญลักษณ์ของจังหวัด<br />
77
จังหวัดสมุทรสงคราม<br />
ดินดำาอัมพวา<br />
ดินดําอัมพวาเป็นดินที่อุดมสมบูรณ์เหมาะแก่การเกษตร<br />
ปลูกพืชสวน อําเภออัมพวาเป็นชุมชนประวัติศาสตร์สมัยรัตนโกสินทร์<br />
เดิมเรียกกันว่า แขวงบางช้าง ซึ่งเป็นต้นราชนิกุล “ณ บางช้าง”<br />
และปัจจุบันเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สําคัญของประเทศไทย<br />
ธรณีวิทยา<br />
ทรัพยากรธรณี สัญลักษณ์ของจังหวัด<br />
78<br />
SAMUT SONGKHRAM<br />
The Amphawa Black Soil is a good fertilizer suitable for agriculture, and thus the geological symbol of<br />
Samut Songkhram Province. The sedimentation occurred during the Holocene or from 10,000 years ago to<br />
the present in the Mae Klong River’s floodplain. Amphawa District is a community with a long history. During<br />
the early Ratanakosin time, the community was called “Khwaeng Bang Chang”, the origin of a member of<br />
a royal family “Na Bang Chang”. Presently, Amphawa is one of the important tourism sites of Thailand.<br />
ดินดําอัมพวาเป็นตะกอนสมัยโฮโลซีน<br />
มีอายุตั้งแต่ ๑๐,๐๐๐ ปีจนถึงปัจจุบัน<br />
ประกอบด้วยดินสีนํ้าตาลเข้ม เทาเข้มถึงดำา<br />
เนื้อแน่นเหนียว เป็นดินเคลย์ปนทรายแป้ง<br />
มีฮิวมัสมาก เกิดจากการสะสมตัวภายใต้<br />
สภาพแวดล้อมแบบที่ราบนํ้าท่วมถึงของแม่นํ้า<br />
แม่กลองที่ล้นตลิ่งเป็นประจํา จึงเป็นดินที่<br />
อุดมสมบูรณ์เหมาะแก่การเพาะปลูกทุกชนิด
จังหวัดสมุทรสาคร<br />
ดินเคลย์ทะเล<br />
ดินเคลย์ทะเลเป็นตะกอนทะเลในอดีตที่พบสะสมตัว<br />
อย่างกว้างขวางในที่ลุ่มภาคกลาง รวมทั้งพื้นที่ของจังหวัด<br />
สมุทรสาคร เป็นหลักฐานแสดงว่าพื้นที่นี้ในอดีตเคยเป็น<br />
ทะเลตื้นมาก่อน และนํ้าทะเลได้ลดระดับลง ถอยร่นมาอยู่<br />
ดังที่เห็นในปัจจุบัน<br />
ธรณีวิทยา<br />
ดินเคลย์ทะเลเป็นตะกอนที่เกิดสะสมตัวใน<br />
ทะเลสมัยโฮโลซีนเมื่อประมาณ ๑๐,๐๐๐ ปีที่ผ่านมา<br />
ในพื้นที่ราบลุ่มภาคกลาง จากกระบวนการนํ้าขึ้น<br />
นํ้าลงพัดพาตะกอนละเอียดเข้ามาสะสมตัวตาม<br />
ชายฝั่งทะเลบริเวณที่ราบนํ้าขึ้นถึง (tidal flat) ทําให้<br />
เกิดภูมิประเทศแบนราบกว้างขวาง และพัฒนา<br />
เป็นป่าชายเลนที่อุดมสมบูรณ์ มีความหนาเปลี่ยนไป<br />
ตามสถานที่ประมาณ ๑ - ๑๕ เมตร ชั้นดินเคลย์ทะเล<br />
มีลักษณะเป็นตะกอนเนื้อนิ่ม สีเทาอมเขียว ขนาด<br />
ละเอียดมาก แร่เคลย์ส่วนใหญ่เป็นชนิดมอนต์โมริลโลไนต์<br />
และอิลไลต์ มีเกล็ดเกลือปนมาก มีฤทธิ์เป็นด่างอ่อน<br />
และมักพบแทรกสลับด้วยชั้นตะกอนทรายและทราย<br />
แป้ง รวมทั้งมีซากพืชผุและเปลือกหอยปนอยู่ด้วย<br />
SAMUT SAKHON<br />
Marine Clay is referred to marine sediments that widely deposited in tidal flat area during the Holocene time or around<br />
10,000 years ago over the central plain including the area of Samut Sakhon Province. Soft greenish gray Marine Clay<br />
of various thickness ranging from 1 - 15 meters thick is the geological symbol of Samut Sakhon. It indicates that<br />
the area used to be the shallow sea before the sea level moved down to the present level.<br />
ทรัพยากรธรณี สัญลักษณ์ของจังหวัด<br />
79
จังหวัดสระแก้ว<br />
หินอ่อนแดงสระแก้ว<br />
หินอ่อนส่วนใหญ่จะมีสีออกโทนอ่อน หินอ่อนสีแดง<br />
จะมีน้อยในธรรมชาติและเป็นสีที่ตลาดนิยม ทําให้มีราคาแพง<br />
กว่าหินอ่อนสีอื่น ในประเทศไทยพบแหล่งหินอ่อนสีแดงเพียง<br />
๒ - ๓ แห่ง พบบริเวณเหมืองหินอ่อน เขาผาผึ้ง อําเภอคลองหาด<br />
ธรณีวิทยา<br />
ทรัพยากรธรณี สัญลักษณ์ของจังหวัด<br />
80<br />
SA KAEO<br />
Due to its rare occurrence, the Sa Kaeo Red Marble has become a popular construction material with higher price than<br />
marble of other colors. There are only a few red marble mines in Thailand, e.g. the marble mine at Khao Pha Phueng,<br />
Khlong Hat District. Marble of Khao Pha Phueng is fine- to medium-grained, red to reddish brown, and belongs to Khao<br />
Ta Ngok Formation deposited during the middle Permian time or around 270 million years ago. Crinoids and shell fragments<br />
are also present. The reddish color in the marble is a result of iron impurity within the rock mass.<br />
หินอ่อนที่เขาผาผึ้งมีสีแดง นํ้าตาลแดง<br />
เนื้อละเอียดถึงปานกลาง พบซากดึกดําบรรพ์<br />
พวกไครนอยด์และเศษซากหอยเห็นเป็นชิ้นสีขาว<br />
กระจายอยู่ทั่วไปในเนื้อหิน เป็นชั้นหนาถึงหนามาก<br />
จัดอยู่ในหมวดหินเขาตาง็อก ยุคเพอร์เมียนตอนกลาง<br />
หรือประมาณ ๒๗๐ ล้านปี สีแดงของหินอ่อน<br />
ไม่ใช่สีแต่กําเนิด แต่เกิดจากการปนของธาตุเหล็ก<br />
ที่อยู่ในเนื้อหินและตามแนวรอยแตก เกิดสีแดง<br />
ซึมไปทั่วเนื้อหิน
จังหวัดสระบุรี<br />
หินอ่อนสระบุรี<br />
จังหวัดสระบุรีเป็นเมืองแห่งหินอ่อน มีหินอ่อนมาก<br />
หลายชนิด จึงมีอุตสาหกรรมที่เกี่ยวกับหินอ่อนมากมาย ทั้งนํา<br />
ไปตัดเป็นแผ่นทําเป็นหินประดับอาคาร และทําเป็นแท่ง<br />
แกะสลักเป็นรูปทรงต่างๆ เป็นแหล่งสร้างงานนํารายได้จํานวนมาก<br />
มาสู่จังหวัด หินอ่อนสระบุรีเป็นทรัพยากรธรณีสัญลักษณ์ของ<br />
จังหวัด เพราะมีลักษณะเด่นเป็นเอกลักษณ์ มีคุณภาพเทียบ<br />
ได้กับหินอ่อนชั้นดีของต่างประเทศ เป็นหินอ่อนสีขาวเทา สีขาว<br />
เป็นสีที่นิยมของตลาด จึงได้รับการคัดเลือกนําไปประดับอาคาร<br />
สํานักงานและบ้านเรือนทั่วประเทศ หินอ่อนสระบุรีพบบริเวณ<br />
เนินเขาในเขตอําเภอพระพุทธบาทและตําบลหน้าพระลาน<br />
อําเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดสระบุรี<br />
ธรณีวิทยา<br />
หินอ่อนสระบุรีมีสีขาวเทา สีขาว เนื้อละเอียด<br />
ปานกลาง มีมลทินเจือปนน้อยและเป็นมวลหนา มีส่วน<br />
ประกอบเกือบทั้งหมดเป็นแร่แคลไซต์ จึงมีคุณสมบัติ<br />
เหมาะสําหรับทําเป็นหินประดับและบดเป็นผงแคลเซียม<br />
คาร์บอเนต บางบริเวณปนด้วยหินอ่อนสีเทา มีเนื้อไม่สมํ่าเสมอ<br />
ภายในเนื้อหินมักพบซากดึกดําบรรพ์เกิดร่วมด้วย เมื่อนํา<br />
ไปตัดเป็นแผ่นจึงมีลวดลายของซากดึกดําบรรพ์ที่แปลกตา<br />
บางครั ้งพบริ ้วลายของแร่เหล็กออกไซด์ตัดผ่านชั ้นหิน<br />
ทําให้หินอ่อนมีสีออกแดง เนื่องจากการปนของมลทิน<br />
เหล็กออกไซด์ภายในเนื้อหิน หินอ่อนบริเวณนี้เกิดตาม<br />
บริเวณแนวแปรสัมผัสระหว่างชั้นหินปูนของกลุ่มหินสระบุรี<br />
ยุคเพอร์เมียนตอนกลาง หรือประมาณ ๒๗๐ - ๒๖๐ ล้านปี<br />
ที่ผ่านมา กับหินแกรนิตยุคไทรแอสซิกที่แทรกดันขึ้นมา<br />
ความร้อนจากหินแกรนิตนอกจากทําให้หินปูนแปรเป็น<br />
หินอ่อนแล้ว กระบวนการดังกล่าวยังช่วยกำาจัดสารมลทิน<br />
ที่อยู่ในชั้นหินปูนเดิมออกไปตามธรรมชาติ จึงทําให้กลายเป็น<br />
หินอ่อนเนื้อสะอาดในปัจจุบัน<br />
SARABURI<br />
Saraburi is the land of marble with numbers of industries associated. Marble has<br />
been used as material for interior and exterior decoration, marble carving, etc. Due<br />
to its unique and beautiful patterns with a world class quality, this white to grayish<br />
white Saraburi Marble is the geological symbol of the province. The marble as part<br />
of the Saraburi Group was formed as a result of contact metamorphism between<br />
limestone and granite. The marble is found along the hills in Phra Phutthabat District.<br />
ทรัพยากรธรณี สัญลักษณ์ของจังหวัด<br />
81
จังหวัดสิงห์บุรี<br />
ทรายแม่นํ้าเจ้าพระยา<br />
ทรายเป็นทรัพยากรธรณีที่จําเป็นในอุตสาหกรรมก่อสร้าง<br />
แหล่งทรายขนาดใหญ่ถูกพัดพามาตามแม่นํ้าโดยเฉพาะแม่นํ้า<br />
เจ้าพระยาที่เป็นสายเลือดใหญ่ของประเทศ จังหวัดสิงห์บุรี<br />
เป็นจังหวัดหนึ่งที่ได้นํา “ทรายแม่นํ้าเจ้าพระยา” ตามลํานํ้าและ<br />
บ่อทรายบนบกในแหล่งที่เป็นทรายของแม่นํ้าเจ้าพระยาในอดีต<br />
เช่น ที่อําเภอบางระจัน อําเภอค่ายบางระจัน มาใช้สนับสนุน<br />
อุตสาหกรรมต่างๆ ของจังหวัดอย่างแพร่หลาย<br />
ธรณีวิทยา<br />
ทรัพยากรธรณี สัญลักษณ์ของจังหวัด<br />
82<br />
เมื่อหินแตกหักผุพังและถูกพาเคลื่อนย้ายไปตาม<br />
กระแสนํ้าและลม เกิดการกระแทกกันเองของกรวดระหว่าง<br />
การพัดพา ทําให้ก้อนกรวดแตกและมีขนาดเม็ดเล็กลงตาม<br />
ระยะทางที่ถูกพัดพาไป กลายเป็นเม็ดทราย ทรายแป้ง และโคลน<br />
ในที่สุด ทรายแม่นํ้าเจ้าพระยาที่สิงห์บุรีมีสี นํ้าตาลอ่อน ขนาดเม็ด<br />
หยาบถึงละเอียด เป็นทรายที่ถูกพัดพามาโดยแม่นํ้าเจ้าพระยา<br />
เกิดสะสมตัวตามคุ้งนํ้าและก่อตัวเป็นเกาะกลางนํ้า<br />
SING BURI<br />
Sand is an important materials for construction industry. Large sand deposits accumulated along the rivers including the Chao Phraya<br />
River, the main blood vessel of the country. Sing Buri is one of the provinces that makes use the Chao Phraya River Sand deposits<br />
within the river and along the river deposits over the river floodplain, e.g. Bang Rachan and Khai Bang Rachan Districts. The Chao<br />
Phraya River Sand is the geological symbol of Sing Buri Province, comprising fine- to coarse-grained brown sands.
จังหวัดสุโขทัย<br />
หินอ่อนสุโขทัย<br />
หินอ่อนสุโขทัยเป็นหินประดับที่มีความโดดเด่นทางสีและริ้วลาย<br />
มีลักษณะเฉพาะสวยงามเป็นเอกลักษณ์ของจังหวัดสุโขทัย โดยเฉพาะ<br />
หินอ่อนสีชมพู หรือหินอ่อนชมพูสุโขทัย สีเทาขาว และเทาเหลือง พบทั่วไป<br />
ตามเขาลูกโดดและเทือกเขาแนวเหนือ-ใต้ ทางตะวันตกของจังหวัด ตั้งแต่<br />
อําเภอทุ่งเสลี่ยม อําเภอศรีสําโรง และอําเภอบ้านด่านลานหอย มีการทําเหมือง<br />
หินอ่อนบริเวณอําเภอทุ่งเสลี่ยมและอําเภอบ้านด่านลานหอย<br />
ธรณีวิทยา<br />
หินอ่อนสุโขทัยเป็นหินแปรชนิดหนึ่งที่ประกอบ<br />
ด้วยแร่แคลไซต์เป็นองค์ประกอบหลัก เกิดตามบริเวณ<br />
แนวแปรสัมผัสระหว่างชั้นหินปูนเดิมที่เกิดจากตะกอน<br />
ทะเลช่วงยุคเพอร์เมียนตอนกลาง หรือประมาณ ๒๗๐<br />
ล้านปีที่ผ่านมา กับหินแกรนิตซึ่งแทรกดันขึ้นมาใต้หินปูน<br />
ในช่วงยุคไทรแอสซิกเมื่อประมาณ ๒๐๐ ล้านปีที่ผ่านมา<br />
ความร้อนที่หินปูนได้รับจากหินแกรนิตตามแนวสัมผัส<br />
ส่งผลให้เนื้อหินปูนเกิดการหลอมละลายและตกผลึก<br />
แร่ใหม่ ทําให้มีผลึกที่ใหญ่ขึ้น หินอ่อนบริเวณอําเภอ<br />
ทุ่งเสลี่ยมมักมีผลึกโตกว่าหินอ่อนที่พบบริเวณ<br />
อําเภอบ้านด่านลานหอย สําหรับสีของหินอ่อนที่มี<br />
ความหลากหลาย เนื่องจากมลทินประเภทต่างๆ<br />
โดยเฉพาะเหล็กออกไซด์ เช่น แร่ฮีมาไทต์ ได้เข้าไป<br />
ปะปนตามเนื้อหินในขณะที่กําลังเป็นหินอ่อนหรือ<br />
แทรกตามรอยแตกเรียบภายในชั้นหิน<br />
SUKHOTHAI<br />
With outstanding color and stripes, Sukhothai Marble is an important material for interior decoration, especially<br />
the pink marble with some light gray and yellowish gray. The marble formed as a result of contact metamorphism<br />
along the contact zone between the Permian limestone and Triassic granite that intruded beneath the limestone<br />
around 200 million years ago. The marble is cropped out along isolated hills with the N-S-oriented mountain<br />
located to the west of the province extending from Thung Saliam to Ban Dan Lan Hoi Districts.<br />
ทรัพยากรธรณี สัญลักษณ์ของจังหวัด<br />
83
จังหวัดสุพรรณบุรี<br />
หินปูนอู่ทอง<br />
หินปูนพบทั่วไปทางด้านตะวันตกของอําเภออู่ทอง<br />
ทั้งเป็นเขาลูกโดดและเทือกเขา หลายบริเวณเป็นแหล่งท่องเที่ยว<br />
และเป็นแหล่งหินอุตสาหกรรมก่อสร้างที่สําคัญนํารายได้มาสู่<br />
จังหวัด เป็นทรัพยากรธรณีสัญลักษณ์ของจังหวัด<br />
ธรณีวิทยา<br />
ทรัพยากรธรณี สัญลักษณ์ของจังหวัด<br />
84<br />
หินปูนอู่ทองเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มหินทุ่งสง เกิดสะสม<br />
ตัวในทะเลนํ้าตื้นในช่วงยุคออร์โดวิเชียนตอนกลาง หรือ<br />
ประมาณ ๔๗๐ - ๔๖๐ ล้านปีผ่านมา ประกอบด้วยหินปูน<br />
เนื ้อโคลน สีเทาดำา สลับกับหินดินดานเป็นชั ้นชัดเจน<br />
ในเนื ้อหินมักแสดงริ ้วขนานและลายแถบชั ้นบางสลับ<br />
สีอ่อนและสีเข้ม ต่อมาเมื ่อประมาณ ๒๐๐ ล้านปี<br />
ที่ผ่านมา เกิดการแทรกดันของหินแกรนิต ความร้อน<br />
จากหินแกรนิตทําให้หินปูนและหินดินดานตามแนวสัมผัส<br />
แปรสภาพตกผลึกแร่ใหม่ให้ผลึกแร่ที ่โตกว่าเดิม กลายเป็น<br />
หินอ่อนและหินแคลก์ซิลิเกต<br />
SUPHAN BURI<br />
U Thong Limestone is the geological symbol of Suphan Buri Province. The limestone belongs to the Ordovician Thung Song<br />
Group that was locally metamorphosed by intrusion of Triassic granite some 200 million years ago. Limestone is commonly<br />
found over the western part of U Thong District as both isolated hills and mountain ranges. These limestone sites have<br />
become tourism sites and sources for construction industry that draw significant income into the province.
จังหวัดสุราษฎร์ธานี<br />
แร่ยิปซัม<br />
แร่ยิปซัมเป็นวัตถุดิบสําคัญในการผลิต<br />
ปูนซีเมนต์ การทําปูนปลาสเตอร์ การทําแผ่นยิปซัม<br />
ฝ้าเพดานกันความร้อน การปรับสภาพความเค็มของดิน<br />
และในงานตกแต่งอาคารและเครื่องประดับ<br />
อีกหลายอย่าง แหล่งแร่ยิปซัมในจังหวัด<br />
สุราษฎร์ธานีเป็นแหล่งใหญ่ของประเทศ<br />
จึงเหมาะสมเป็นทรัพยากรธรณีสัญลักษณ์<br />
ของจังหวัด พบหลายบริเวณ เช่น บ้านส้อง<br />
อําเภอบ้านนาสาร อําเภอเวียงสระ อําเภอ<br />
กาญจนดิษฐ์ และอําเภอดอนสัก<br />
ธรณีวิทยา<br />
แร่ยิปซัมมีเนื้ออ่อน เล็บขูดเข้า และโปร่งแสง เป็น<br />
ชื่อทั่วไปที่ใช้เรียกแทนแร่หลายชนิด แหล่งแร่ยิปซัม<br />
ของไทยส่วนใหญ่เป็นแร่อะลาบาสเตอร์ (alabaster)<br />
มีลักษณะเนื้อละเอียด เป็นมวลเม็ดคล้ายนํ้าตาลทราย<br />
บางส่วนเป็นแร่ซาทินสปาร์ (satin spar) ลักษณะ<br />
เป็นมวลรวม เนื้อเป็นเส้นใยสีขาววาวแบบใยไหม และ<br />
แร่เซเลไนต์ (selenite) เป็นผลึกใหญ่ ใสไม่มีสี เนื้อแน่น<br />
วาวแบบมุก แหล่งแร่ยิปซัมของไทยเกิดจากการตกตะกอน<br />
ในแอ่งที่มีการระเหยของนํ้าสูงอย่างต่อเนื่อง ได้ชั้นแร่<br />
ยิปซัมหนา จากนั้นจึงถูกทับถมลึกลงทีละน้อยและค่อยๆ<br />
เปลี่ยนไปเป็นแอนไฮไดรต์<br />
SURAT THANI<br />
Gypsum is the geological symbol of Surat Thani Province. It is an important raw material for cement industry, plaster<br />
and thermal insulated gypsum board, saline soil improvement, as well as building decoration and ornamentation. The<br />
gypsum of Surat Thani is considered as one of the largest deposit of the country, consisting mainly of alabaster with some<br />
satin spar and selenite. It occurred in Ban Song, Ban Na San, Wiang Sa, Kanchanadit and Don Sak Districts.<br />
ทรัพยากรธรณี สัญลักษณ์ของจังหวัด<br />
85
จังหวัดสุรินทร์<br />
หินตะกรัน<br />
ภูเขาไฟลอยนํ้า<br />
การพบหินตะกรันภูเขาไฟใช้เป็นหลักฐานว่าในอดีต<br />
เคยมีปากปล่องภูเขาไฟโบราณอยู่ในบริเวณนั้น หินตะกรัน<br />
ภูเขาไฟบางก้อนสามารถลอยนํ้าได้ ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งแปลก<br />
ประหลาดมหัศจรรย์และเป็นเอกลักษณ์โดดเด่นเฉพาะ ซึ่ง<br />
พบมากบริเวณวนอุทยานพนมสวาย ตำาบลนาบัวและตำาบลสวาย<br />
อําเภอเมืองสุรินทร์ และที่วัดพนมศิลาราม จังหวัดสุรินทร์<br />
ธรณีวิทยา<br />
ทรัพยากรธรณี สัญลักษณ์ของจังหวัด<br />
86<br />
SURIN<br />
The presence of scoria indicates that there was a volcanic vent located within the area. Scoria is a bomb-size, dark<br />
color, pyroclast that is generally very vesicular due to the escape of volcanic gases before solidification. Some pieces<br />
of scoria may float in water due to its vesicular nature, which may be viewed as miraculous and unique. Floating Scoria,<br />
thus, is the geological symbol of Surin Province that distributed around the ancient volcanic vents in Khao Phanom<br />
Sawai and Phanom Sila Ram Temple around 900,000 years ago.<br />
หินตะกรันภูเขาไฟ หรือเรียกเป็นภาษา<br />
อังกฤษว่า scoria มักมีสีคลํ้าและมีรูพรุนมาก<br />
ประกอบด้วยชิ้นส่วนหินภูเขาไฟซึ่งถูกระเบิด<br />
กระจายขึ้นไปในอากาศ แล้วแข็งตัวตกลงมายัง<br />
พื้นโลกโดยมีการเย็นตัวอย่างรวดเร็ว ทําให้หินตะกรัน<br />
ภูเขาไฟมีรูพรุนของฟองอากาศคล้ายกับฟองนํ้า<br />
แต่เนื่องจากหินตะกรันภูเขาไฟสีเข้มมีส่วนประกอบ<br />
ของแร่สีเข้มเป็นส่วนใหญ่ซึ่งทําให้หินมีนํ้าหนัก<br />
มากขึ้น ทําให้หินตะกรันภูเขาไฟบางก้อนเท่านั้น<br />
ที่สามารถลอยนํ้าได้ คาดว่าหินตะกรันภูเขาไฟ<br />
ดังกล่าวอยู่ตามปากปล่องภูเขาไฟโบราณซึ่งอยู่<br />
บริเวณเขาพนมสวายและวัดพนมศิลาราม และเกิด<br />
ปะทุขึ้นมาเมื่อประมาณ ๙ แสนปีที่ผ่านมา
จังหวัดหนองคาย<br />
กรวดแม่นํ้าโขง<br />
ธรณีวิทยา<br />
แม่นํ้าโขงเป็นแม่นํ้าสายสําคัญของโลก ไหลผ่านหลาย<br />
ประเทศ มีต้นนํ้าอยู่ในประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน และไหล<br />
ออกทะเลที่ประเทศสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม แม่นํ้าโขง<br />
บริเวณจังหวัดหนองคายจะเป็นพรมแดนกั้นกับประเทศสาธารณรัฐ<br />
ประชาธิปไตยประชาชนลาว กรวดแม่นํ้าโขงจึงเป็นที่รวมของหิน<br />
ที่มีถิ่นกําเนิดในหลายประเทศ พบตามท้องนํ้า ที่ราบตะพักริมนํ้า<br />
ทั้งสองฝั่งของแม่นํ้าโขง ที่อําเภอศรีเชียงใหม่<br />
อําเภอเมืองหนองคาย และอําเภอ<br />
โพนพิสัย<br />
กรวดแม่นํ้าโขงเกิดจากการแตกหักของ<br />
หินในลุ่มนํ้าโขง และถูกพัดพามาโดยกระแสนํ้า<br />
ตามลํานํ้าโขง กรวดแม่นํ้าโขงประกอบด้วย<br />
หินหลากหลายชนิดและหลากสี มีความมน<br />
ดี ซึ่งเกิดจากการขยับกลิ้งและเคลื่อนตัว<br />
ของก้อนกรวดและถูกขัดสีโดยกระแสนํ้า<br />
และตะกอนที่อยู่ในนํ้า ก้อนกรวดที่มีความ<br />
มนดี โดยปกติมักถูกแปลความหมายว่า<br />
ถูกพัดพามาไกล แต่ในหลายกรณีก้อนกรวด<br />
อาจขยับตัวเกือบอยู่กับที่หรือเคลื่อนตัวไป<br />
ไม่มากก็ทําให้ก้อนกรวดมนได้เช่นกัน เช่น<br />
กรวดที่พบตามร่องห้วย ตามหาดกรวด และ<br />
กรวดในกุมภลักษณ์<br />
NONG KHAI<br />
The Mekong River is one of the important river of the world that flows through a number of countries and<br />
reaches the South China Sea in Vietnam. The river in Nong Khai forms as border between Thailand and Lao<br />
People’s Democratic Republic. Mekong Gravels thus contain various kinds and colors of gravels from many<br />
countries.<br />
ทรัพยากรธรณี สัญลักษณ์ของจังหวัด<br />
87
จังหวัดหนองบัวลำาภู<br />
หอยหินห้วยเดื่อ<br />
บริเวณบ้านห้วยเดื่อ ตําบลโนนทัน อําเภอเมือง<br />
หนองบัวลำาภู พบซากฟอสซิลหอยสองฝาที่สมบูรณ์มาก มีทั้ง<br />
ตัวเล็กตัวใหญ่ บางตัวมีนํ้าหนักถึงประมาณครึ่งกิโลกรัม ปัจจุบัน<br />
ได้เก็บรวบรวมหอยหินโบราณไว้ที่พิพิธภัณฑ์หอยหินโบราณ<br />
๑๕๐ ล้านปี เพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้และแหล่งท่องเที่ยวทาง<br />
ธรณีวิทยา หอยหินห้วยเดื่อเป็นทรัพยากรธรณีสัญลักษณ์ของ<br />
จังหวัดหนองบัวลําภู<br />
ธรณีวิทยา<br />
ทรัพยากรธรณี สัญลักษณ์ของจังหวัด<br />
88<br />
NONG BUA LAM PHU<br />
Found at Ban Huai Duea, Non Than Subdistrict, Mueang Nong Bua Lam Phu, fresh-water Huai Duea Bivalve<br />
Fossils of large and small sizes with near perfect condition were reported. Some of the bivalves weigh as<br />
much as 0.5 kilograms. The fossils were found within conglomerate beds interbedded in the yellowish gray<br />
sandstone and grayish red siltstone of Sao Khua Formation deposited in the early Cretaceous or around 120<br />
million years ago. Most of these fossils have been kept and displayed at the museum as a geological learning<br />
site and geotourism site. The Huai Duea Bivalve Fossil is the geological symbol of Nong Bua Lam Phu Province.<br />
หอยหินที่บ้านห้วยเดื่อเป็นซากหอยนํ้าจืด<br />
ประเภทหอยสองฝา หรือหอยกาบคู่ (Bivalve) ชนิด<br />
Trigonioides (s.s) trigonus และชนิด Trigonioides<br />
cf. gaungsiensis พบอยู่เป็นหย่อมๆ ในชั้นหินกรวดมน<br />
ที่แทรกอยู่กับชั้นหินทรายสีเทาปนเหลือง สลับกับ<br />
ชั้นหินทรายแป้ง สีแดงปนเทา ในหมวดหินเสาขัว<br />
ส่วนบนสุด สะสมตัวในช่วงปลายของยุคครีเทเชียส<br />
ตอนต้น หรือ ๑๒๐ ล้านปีก่อน บริเวณแหล่งหอยหิน<br />
บ้านห้วยเดื่อยังพบซากหอยฝาเดียวนํ้าจืดและ<br />
ฟันจระเข้นํ้าจืดรวมอยู่ด้วย ซากดึกดําบรรพ์บ้านห้วยเดื่อ<br />
พบมากในทะเลสาบนํ้าจืดหรือบึงเล็กๆ ซึ่งหอยกาบคู่<br />
อาศัยอยู่เป็นหย่อมๆ ตามขอบทะเลสาบนํ้าจืดหรือ<br />
บึงเล็กๆ
จังหวัดอ่างทอง<br />
ทรายบกอ่างทอง<br />
ทรายบกอ่างทองเป็นทรัพยากรธรณีที่สำาคัญใน<br />
อุตสาหกรรมก่อสร้าง พบกระจายอยู่ในหลายอําเภอ ได้แก่<br />
อําเภอป่าโมก อําเภอเมืองอ่างทอง อําเภอวิเศษชัยชาญ และ<br />
อําเภอโพธิ์ทอง ซึ่งเป็นแหล่งทรายขนาดใหญ่คุณภาพดี ส่งไป<br />
ขายในจังหวัดต่างๆ ของภาคกลาง สร้างรายได้และอาชีพให้แก่<br />
คนจังหวัดอ่างทองเป็นจํานวนมาก<br />
ธรณีวิทยา<br />
จังหวัดอ่างทองตั้งอยู่บนที่ราบลุ่มเจ้าพระยา<br />
มีแม่นํ้าสําคัญ ๒ สายไหลผ่าน คือ แม่นํ้าเจ้าพระยาและ<br />
แม่นํ้าน้อย ตะกอนดินทรายถูกพัดพามาตามความแรง<br />
ของกระแสนํ้าและเกิดการสะสมตัวเมื่อกระแสนํ้าอ่อน<br />
กําลังลง โดยตะกอนทรายจะสะสมตัวบริเวณฝั่งตรงข้าม<br />
กับคุ้งนํ้า เป็นชั้นหนา เป็นทรายหยาบปนกรวดเล็กน้อย<br />
ถึงทรายละเอียด มีความมนดี สีนํ้าตาลอ่อนถึงนํ้าตา<br />
ลอมเหลือง ประกอบด้วยแร่ควอตซ์และเศษหิน<br />
ชนิดต่างๆ สําหรับทรายบกอ่างทองก็คือทรายของแม่นํ้า<br />
เจ้าพระยาและแม่นํ้าน้อยในอดีต ที่สะสมตะกอนทราย<br />
ไว้ และเมื่อเวลาผ่านไป แม่นํ้าได้เปลี่ยนเส้นทางการไหล<br />
ทําให้กลายเป็นทรายบกดังที่ปรากฏในปัจจุบัน<br />
ANG THONG<br />
Ang Thong Province is situated on the Chao Phraya central floodplain with two important rivers: the Chao Phraya<br />
and Noi Rivers. Sands occurred as the point bar deposits of the meandering stream to form thick sand beds all<br />
over the floodplain. Ang Thong Sands is an important geological resource for construction industry. It is found<br />
distributing in many districts including Pa Mok, Mueang Ang Thong, Wiset Chai Chan and Pho Thong Districts.<br />
This is a large sand deposit with high quality. The sand is sold in a number of provinces in the central plain and<br />
brings a lot of income to the province, as well as creates many jobs for the people of Ang Thong.<br />
ทรัพยากรธรณี สัญลักษณ์ของจังหวัด<br />
89
จังหวัดอำานาจเจริญ<br />
หินทรายแก่งโขง<br />
หินทรายแก่งโขงโผล่เป็นชั้นหินให้เห็นชัดเจน<br />
และเป็นสัญลักษณ์ของจังหวัดที่ลานหินเจดีย์ หรือ<br />
ลานธาตุ วนอุทยานภูสิงห์ - ภูผาผึ้ง ตําบลเหล่าพรวน<br />
อําเภอเมืองอํานาจเจริญ โดยพบเป็นพลาญหินยาว<br />
ต่อเนื่องตามเนินเขาในแนวตะวันออก - ตะวันตก<br />
มีลักษณะเป็นหน้าผาทางทิศเหนือ ลาดเทลงมา<br />
ทางทิศใต้ ลานหินเจดีย์แห่งนี้แสดงแท่งหินขนาดใหญ่<br />
หลายแท่งมีรูปร่างที่สวยงามแปลกตา แท่งหิน<br />
บางอันมีลักษณะคล้ายเจดีย์ ซึ่งเป็นที่มาของชื่อ<br />
สถานที่แห่งนี้ และเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สําคัญ<br />
ของจังหวัด<br />
ธรณีวิทยา<br />
ทรัพยากรธรณี สัญลักษณ์ของจังหวัด<br />
90<br />
หินทรายจากแก่งโขงมีหลายสี ได้แก่ สีขาว สีเหลือง สีแดง แต่สีขาวเป็นสีหิน<br />
แต่กําเนิด เมื่อกาลเวลาผ่านไปสีหินอาจเปลี่ยนเป็นสีแดงได้ หินทรายแก่งโขงมีเนื้อหยาบ<br />
ถึงละเอียด และมักมีก้อนกรวดปน เป็นส่วนหนึ่งของหมวดหินภูพาน กลุ่มหินโคราชเกิดจาก<br />
การสะสมตะกอนของกรวดและทรายที่ถูกพัดพามาโดยแม่นํ้าขนาดใหญ่เมื่อประมาณ<br />
๑๑๐ ล้านปีก่อน หรือช่วงยุคครีเทเชียสตอนต้น ในเนื้อหินมีร่องรอยให้เห็นเป็นแนวหรือชั้น<br />
ที่สําคัญอยู่ ๒ แบบ คือ ชั้นหินเห็นเป็นแนวเกือบราบ แสดงถึงการสะสมของเม็ดตะกอน<br />
ในแต่ละช่วงเวลา และแนวชั้นเฉียงระดับ วางตัวทํามุมชันเอียงเทไปทางทิศตะวันตก<br />
ใช้เป็นหลักฐานถึงทิศทางนํ้า นํ้าโบราณไหลไปทางทิศตะวันตก ต่อมาเปลือกโลกเกิดการ<br />
เคลื่อนตัวและคดโค้งโก่งงอ เกิดเป็นแนวเทือกเขาภูพานหลังจากนั้น การกัดเซาะผุพัง<br />
ตามธรรมชาติ ชั้นหินทรายจะมีความทนทานต่อการกัดกร่อนสูงกว่า จะคงเหลืออยู่เป็น<br />
ชะง่อนหน้าผาและปรากฏเป็นรูปร่างหรือลักษณะธรณีสัณฐานที่สวยงามแปลกตา<br />
ในขณะที่ชั้นหินที่ทนทานต่อการผุพังน้อยกว่าจะกลายเป็นชั้นโค้งเว้าในปัจจุบัน<br />
AMNAT CHAROEN<br />
Kaeng Khong Sandstone, a provincial geological symbol, is located at Lan Hin Chedi or Lan That, Phu Singh - Phu Pha Phueng Forest<br />
Park, Lao Phruan Subdistrict, Mueang Amnat Charoen District. The rock continually cropped out over the long rocky platform oriented<br />
in an E-W direction with a cliff side (escarpment) to the north and the dip slope toward the south. This sandstone belongs to Phu Phan<br />
Formation of the Khorat Group deposited during the early Cretaceous or around 110 million years ago. A number of rock statues in the<br />
Lan Hin Chedi area show beautiful figures, some look similar to chedi (pagoda). That is how the place has got its name.
จังหวัดอุดรธานี<br />
แร่โพแทช-ซิลไวต์<br />
ใต้พื้นดินอีสานรองรับด้วยเกลือหินและโพแทชจํานวน<br />
มหาศาล เป็นทรัพยากรธรณีขุมทรัพย์ของชาติที่รอการบริหารจัดการ<br />
ให้เกิดประโยชน์สูงสุดรวมทั้งลดผลกระทบต่อชุมชน แร่โพแทช<br />
ชนิดแร่ซิลไวต์ (KCl) จะมีส่วนประกอบเป็นธาตุโพแทสเซียม (K) สูง<br />
ซึ่งเป็นธาตุหลักที่จําเป็นสําหรับทําปุ๋ยในเกษตรกรรม แร่โพแทช-<br />
ซิลไวต์เป็นทรัพยากรธรณีสัญลักษณ์ของจังหวัดอุดรธานี เนื่องจาก<br />
พบแร่ซิลไวต์มากบริเวณอําเภอเมืองอุดรธานีและอําเภอประจักษ์-<br />
ศิลปาคม<br />
ธรณีวิทยา<br />
โพแทชเป็นชื่อกลุ่มแร่ที่ประกอบด้วยแร่<br />
หลายชนิด เช่น แร่ซิลไวต์ แร่คาร์นัลไลต์ และแร่<br />
แทชีไฮไดรต์ แต่แร่ซิลไวต์เป็นแร่ที่สําคัญที่สุดของ<br />
แร่โพแทช แร่ซิลไวต์มีผลึกรูปลูกบาศก์และรูปผลึก<br />
ทรงแปดด้านผสมกัน ปกติพบเกิดเป็นมวลเม็ด<br />
เกาะกันแน่น มักจะไม่มีสีหรือมีสีขาว หากมีมลทิน<br />
อื่นๆ ปะปนอยู่ อาจมีสีนํ้าเงิน เหลือง และแดงบ้าง<br />
เล็กน้อย สีผงสีขาว จะมีลักษณะโปร่งใส วาวแบบแก้ว<br />
รอยแตกขรุขระ ละลายนํ้า มีรสเค็มแต่เฝื่อนกว่า<br />
เกลือหินหรือเฮไลต์ โดยทั่วไปซิลไวต์มักเกิดแบบ<br />
ทุติยภูมิ โดยเกิดแทนที่ในคาร์นัลไลต์ หลังจากที่<br />
เกลือหินตกผลึกแล้ว ซิลไวต์จะเป็นแร่หนึ่งที่ตกผลึก<br />
หลังสุดในลำาดับการตกผลึกของแหล่งหินเกลือ<br />
ในประเทศไทยพบแหล่งแร่โพแทชและเกลือหินเป็น<br />
ชั้นหนาอยู่ใต้แผ่นดินอีสาน จัดเรียงลําดับชั้นหิน<br />
อยู่ในหมวดหินมหาสารคาม เกิดสะสมตัวเนื่องจาก<br />
การระเหยแห้งของนํ้าในแอ่งแบบปิดที่อยู่ใกล้ทะเล<br />
ในช่วงยุคครีเทเชียสตอนปลาย หรือเมื่อประมาณ<br />
๙๐ ล้านปีที่ผ่านมา<br />
UDON THANI<br />
The Northeastern Part of Thailand is underlain by tremendous amount of thick rock salt<br />
and potash beds which belong to Maha Sarakham Formation. These minerals deposited<br />
as a closed sea evaporated during the late Cretaceous or around 90 million years ago.<br />
Sylvite is a mineral resource treasure of the country to be sustainably managed for the<br />
benefit of the people. Sylvite (KCl) is the principal ore mineral of potassium compound<br />
to be used as a part of fertilizer for agriculture. Sylvite is widely distributed in Mueang<br />
Udon Thani and Prachaksinlapakhom Districts. The Sylvite-Potash is thus the geological<br />
symbol of Udon Thani Province.<br />
ทรัพยากรธรณี สัญลักษณ์ของจังหวัด<br />
91
จังหวัดอุตรดิตถ์<br />
แร่ทัลก์<br />
แร่ทัลก์เป็นแร่อุตสาหกรรมที่สําคัญ ทนความร้อน<br />
ได้สูง และไม่นำากระแสไฟฟ้า ใช้เป็นฉนวนป้องกันไฟฟ้า<br />
เป็นส่วนประกอบของเครื่องสําอาง เครื่องปั้นดินเผา สี<br />
กระดาษ และอุตสาหกรรมอีกหลายชนิด เป็นแร่ที่มี<br />
ความอ่อนมากที่สุด ขูดเป็นรอยได้ด้วยเล็บและใช้มีดตัด<br />
เป็นชิ้นได้ มีผิวลื่นมือ มีความวาวแบบมุกและแบบ<br />
นํ้ามันฉาบ ในประเทศไทยพบเพียงไม่กี่แห่ง และพบมาก<br />
ที่อําเภอท่าปลา อําเภอเมืองอุตรดิตถ์<br />
ธรณีวิทยา<br />
ทรัพยากรธรณี สัญลักษณ์ของจังหวัด<br />
92<br />
แร่ทัลก์มักพบเป็นแร่ทุติยภูมิ ที่เกิดจากการแปรสภาพ<br />
มาจากแร่และหินแมกนีเซียมซิลิเกต เช่น โอลิวีน ไพรอกซีน<br />
แอมฟิโบล และหินเซอร์เพนทิไนต์ ในประเทศไทยมีการ<br />
กําเนิดสัมพันธ์กับหินอัลตราเมฟิกที่พบบริเวณรอยตะเข็บ<br />
ธรณี (suture zone) ที่เกิดจากการชนกันของแผ่นเปลือกโลก<br />
แร่ทัลก์มีลักษณะของผลึกเป็นแผ่นบางๆ รูปสี่เหลี่ยม<br />
ขนมเปียกปูนและรูปหกเหลี่ยม แผ่นแร่มักเกาะกันเป็นกลุ่ม<br />
แสดงริ้วลายขนาน หรือแผ่เป็นรูปรัศมี หากเป็นมวล<br />
เนื้อแน่นเรียกว่า “สตีไทต์” (steatite) หรือหินสบู่ (soapstone)<br />
สีเขียวแอ๊ปเปิ้ล เทา ขาว หรือขาวเงิน สําหรับหินสบู่<br />
จะมีสีเทาแก่หรือเขียว ลื่นมือ<br />
UTTARADIT<br />
Talc is an important industrial mineral. It has a characteristic soapy or greasy feel, easily cut or scratch with a knife or<br />
fingernails. It is used as a filler, coating and dusting agent in ceramics, paper, color, electrical insulation, cosmetics and<br />
other industries. Talc is a common secondary mineral derived by alteration (hydration) of nonaluminous magnesium silicates<br />
such as olivine, pyroxene and serpentinite in basic igneous rocks. The mineral is found in a few sites in Thailand and most<br />
abundant in Tha Pla and Mueang Uttaradit Districts where tectonic suture zone is present.
จังหวัดอุทัยธานี<br />
หินชีสต์<br />
หินชีสต์มีสีเทาอ่อน สลับสีเทาดํา ผิวหิน<br />
มันวาวเป็นประกายสวยงาม แสดงริ้วขนานโค้งงอ<br />
บิดย้วยน้อยๆ แบบลูกคลื่นของผลึกแร่ที่เรียงตัว<br />
เกือบขนานกัน พบได้ทั่วไปบริเวณชั้นหินริมถนน<br />
ในพื้นที่อําเภอบ้านไร่และอําเภอลานสัก จังหวัด<br />
อุทัยธานี<br />
ธรณีวิทยา<br />
หินชีสต์เป็นหินแปรชนิดหนึ่งที่ถูกเปลี่ยนสภาพ<br />
มาจากหินดินดาน อันเนื่องมาจากความกดดันและ<br />
ความร้อน เนื้อหินแสดงการเรียงตัวโค้งงอบิดย้วยเป็น<br />
แถบขนานกันของผลึกแร่ที่มีลักษณะเป็นแผ่นบาง<br />
หรือเป็นแท่ง เช่น แร่ไมกา แร่คลอไรต์ และแร่ฮีมาไทต์<br />
เนื้อหินเปราะและแตกง่าย ในบางบริเวณมีแร่การ์เนต<br />
เกิดร่วมด้วย หินชีสต์ของพื้นที่จังหวัดอุทัยธานีมีอายุ<br />
ประมาณยุคไซลูเรียน - ดีโวเนียน หรือประมาณ ๔๐๐<br />
ล้านปีก่อน<br />
UTHAI THANI<br />
Light to dark gray Schist with beautiful luster is a strong foliated crystalline rock formed by dynamic metamorphism<br />
with well developed parallelism of the minerals present, particularly those of lamellar or elongate prismatic habit,<br />
e.g. mica and chlorite. Schist found in Ban Rai and Lan Sak Districts was formed approximately 400 million years<br />
ago or during the Silurian - Devonian.<br />
ทรัพยากรธรณี สัญลักษณ์ของจังหวัด<br />
93
จังหวัดอุบลราชธานี<br />
หินทรายผาแต้ม<br />
หินทรายผาแต้มมีลักษณะเนื้อหยาบสีขาว วางตัวเป็นลานหิน<br />
กว้างที่ผาแต้ม เขตอุทยานแห่งชาติผาแต้ม อําเภอโขงเจียม จังหวัด<br />
อุบลราชธานี ซึ่งเป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นที่อยู่ด้านตะวันออกสุด<br />
ของประเทศ บริเวณหน้าผาจะมีภาพเขียนสียุคก่อนประวัติศาสตร์<br />
อายุประมาณ ๓,๐๐๐ - ๔,๐๐๐ ปี มากกว่า ๓๐๐ ภาพ<br />
ธรณีวิทยา<br />
ทรัพยากรธรณี สัญลักษณ์ของจังหวัด<br />
94<br />
บริเวณผาแต้มประกอบด้วยหมวดหินภายในกลุ่มหินโคราช จํานวน ๒ หมวดหิน<br />
ที่เกิดจากการสะสมตัวของตะกอนทางนํ้าเมื่อประมาณ ๑๒๐ - ๑๑๐ ล้านปีก่อน ได้แก่<br />
หมวดหินเสาขัว พบในส่วนล่างของผาแต้มรวมทั้งส่วนหน้าผาที่พบภาพเขียนโบราณ<br />
ประกอบด้วยหินทรายแป้ง หินทราย และหินโคลน ด้านบนหน้าผาปิดทับด้วยหินทรายชั้นหนา<br />
หรือที่เรียกว่า “หินทรายผาแต้ม” ของหมวดหินภูพาน เป็นหินทรายเนื้อหยาบสีขาว ในเนื้อหิน<br />
มักมีกรวดปน และมีความแข็งแกร่งทนต่อการสึกกร่อนได้ดีกว่าชั้นหินของหมวดหินเสาขัว<br />
จึงทําให้เกิดลักษณะภูมิประเทศเป็นหน้าผาที่มีลานหินกว้างปิดทับ<br />
UBON RATCHATHANI<br />
Pha Taem is a famous landmark with rock platform and a high cliff located to the easternmost part of the country<br />
within Pha Taem National Park in Khong Chiam District. Pha Taem Sandstone belongs to Phu Phan Formation<br />
covering the upper part that constitutes white coarse-grained sandstone. Pha Taem sandstone is underlain<br />
by sandstone, siltstone and mudstone of Sao Khua Formation where over 300 pre-historical paintings with an<br />
approximate age of 3,000 - 4,000 years ago are also present. Pha Taem sandstone is more resistant than the<br />
rocks of Sao Khua Formation thus resulted in high cliff and rock platform landscape on top.
บรรณานุกรม<br />
กรมทรัพยากรธรณี. ความหลากหลายทางชีวภาพของสิ่งมีชีวิตดึกดำาบรรพ์ในประเทศไทย. พิมพ์ครั้งที่ ๑.<br />
กรุงเทพฯ: อมรินทร์พริ้นติ้งแอนด์พับลิชชิ่ง, ๒๕๕๐.<br />
. ท่องโลกธรณี อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ความมหัศจรรย์แห่งมรดกโลก. พิมพ์ครั้งที่ ๑.<br />
กรุงเทพฯ: อมรินทร์พริ้นติ้งแอนด์พับลิชชิ่ง, ๒๕๕๓.<br />
. ธรณีวิทยาประเทศไทย. กรุงเทพฯ: กรมทรัพยากรธรณี, ๒๕๕๐.<br />
. ๑๑๐ ปี กรมทรัพยากรธรณี : ตำานานสืบสานห้าแผ่นดิน. กรุงเทพฯ: กรมทรัพยากรธรณี,<br />
๒๕๔๔.<br />
. ๑๑๙ ปี กรมทรัพยากรธรณี (จัดพิมพ์เนื่องในโอกาสครบรอบ ๑๑๙ ปี แห่งการ<br />
สถาปนากรมทรัพยากรธรณี). กรุงเทพฯ: กรมทรัพยากรธรณี, ๒๕๕๔.<br />
วิกิพีเดีย. ตราประจำาจังหวัดของไทย. (สืบค้น ๒๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ จาก http://th.wikipedia.org)
ทรัพยากรธรณี สัญลักษณ์ของจังหวัด<br />
จัดทำโดย<br />
กรมทรัพยากรธรณี<br />
ถนนพระรามที่ ๖ เขตราชเทวี กรุงเทพฯ ๑๐๔๐๐<br />
โทรศัพท์ ๐-๒๖๒๑-๙๕๐๐<br />
เว็บไซต์ www.dmr.go.th<br />
เลขมาตรฐานสากลประจำหนังสือ (ISBN)<br />
๙๗๘-๙๗๔-๒๒๖-๔๗๑-๐<br />
พิมพ์ครั้งที่ ๑<br />
กุมภาพันธ์ ๒๕๕๕ จำนวน ๑,๕๐๐ เล่ม<br />
คณะที่ปรึกษา<br />
นายนิทัศน์ ภู่วัฒนกุล อธิบดีกรมทรัพยากรธรณี<br />
นายทศพร นุชอนงค์ รองอธิบดีกรมทรัพยากรธรณี<br />
นายนพพล ศรีสุข<br />
รองอธิบดีกรมทรัพยากรธรณี<br />
คณะอนุกรรมการจัดทำหนังสือ<br />
ทรัพยากรธรณี สัญลักษณ์ของจังหวัด<br />
นายทศพร นุชอนงค์ รองอธิบดีกรมทรัพยากรธรณี<br />
นายมนตรี เหลืองอิงคะสุต ผู้อำานวยการสำานักธรณีวิทยา<br />
นายพล เชาว์ดำารงค์ ข้าราชการบำานาญ<br />
นายประสาท พาศิริ ผู้อำานวยการสำานักงานงานเลขาธิการ กปร.<br />
นางสุดา ละเอียดจิต กระทรวงมหาดไทย<br />
ผศ.วิชัย จูทะโกสิทธิ์กานนท์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย<br />
นายวัฒนา ตันเสถียร กรมทรัพยากรธรณี<br />
นางงามพิศ แย้มนิยม ข้าราชการบำานาญ<br />
นายสมหมาย เตชวาล กรมทรัพยากรธรณี<br />
นายสุวัฒน์ ติยะไพรัช กรมทรัพยากรธรณี<br />
นายสุวภาคย์ อิ่มสมุทร กรมทรัพยากรธรณี<br />
นายกิตติ ขาววิเศษ กรมทรัพยากรธรณี<br />
นางสาวปานใจ สารพันโชติวิทยา กรมทรัพยากรธรณี<br />
นางสาวมยุรี ธรรมานุสาร กรมทรัพยากรธรณี<br />
คณะกรรมการคัดเลือกและจัดทำข้อมูลเอกสาร<br />
หินหรือแร่สัญลักษณ์ของจังหวัด<br />
อธิบดีกรมทรัพยากรธรณี<br />
รองอธิบดีกรมทรัพยากรธรณี<br />
ผู้แทนคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำาริ<br />
นายกสมาคมธรณีวิทยาแห่งประเทศไทย<br />
หัวหน้าภาควิชาเทคโนโลยีธรณี มหาวิทยาลัยขอนแก่น<br />
หัวหน้าภาควิชาธรณีวิทยา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย<br />
หัวหน้าภาควิชาธรณีวิทยา มหาวิทยาลัยเชียงใหม่<br />
หัวหน้าภาควิชาฟิสิกส์ มหาวิทยาลัยมหิดล วิทยาเขตกาญจนบุรี<br />
หัวหน้าสาขาวิชาเทคโนโลยีธรณี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี<br />
ผู้อำานวยการสำานักทรัพยากรแร่<br />
ผู้อำานวยการสำานักธรณีวิทยา<br />
นายพล เชาว์ดำารงค์<br />
นายสุวัฒน์ ติยะไพรัช<br />
นายสุวภาคย์ อิ่มสมุทร<br />
นักเขียนและนักวิชาการที่ปรึกษา<br />
นายพล เชาว์ดำารงค์<br />
นายประชา คุตติกุล<br />
เรียบเรียงต้นฉบับ<br />
เรียบเรียงต้นฉบับ<br />
ออกแบบและจัดทำรูปเล่ม<br />
ฝ่าย Amarin Publishing Services<br />
บริษัทอมรินทร์พริ้นติ้งแอนด์พับลิชชิ่ง จำากัด (มหาชน)<br />
๖๕/๑๖ ถนนชัยพฤกษ์ (บรมราชชนนี) เขตตลิ่งชัน กรุงเทพฯ ๑๐๑๗๐<br />
โทรศัพท์ ๐-๒๔๒๒-๙๐๐๐ ต่อ ๑๒๐๐, ๑๒๑๓<br />
โทรสาร ๐-๒๔๒๒-๙๐๙๑<br />
แยกสีและพิมพ์ที่<br />
สายธุรกิจโรงพิมพ์ บริษัทอมรินทร์พริ้นติ้งแอนด์พับลิชชิ่ง จำากัด (มหาชน)<br />
๖๕/๑๖ ถนนชัยพฤกษ์ (บรมราชชนนี) เขตตลิ่งชัน กรุงเทพฯ ๑๐๑๗๐<br />
โทรศัพท์ ๐-๒๔๒๒-๙๐๐๐, ๐-๒๘๘๒-๑๐๑๐<br />
โทรสาร ๐-๒๔๓๓-๒๗๔๒, ๐-๒๔๓๔-๑๓๘๕<br />
ข้อความและภาพในหนังสือนี้สงวนลิขสิทธิ์ตามกฎหมาย ถ้าจะนำาไปเผยแพร่ซํ้าไม่ว่าจะเป็นบางส่วน<br />
หรือทั้งหมดต้องได้รับการยินยอมเป็นลายลักษณ์อักษรจากกรมทรัพยากรธรณี
“วิทยาการทุกอย่างมิใช่มีขึ้นในคราวหนึ่งคราวเดียวได้<br />
หากแต่ค่อยๆ สะสมกันขึ้นมาทีละเล็กละน้อยจนมากมายกว้างขวาง<br />
การเรียนวิทยาการก็เช่นกัน บุคคลจำาจะต้องค่อยๆ เรียนรู้ให้เพิ่มพูนขึ้นมาตามลำาดับ<br />
ให้ความรู้ที่เพิ่มพูนขึ้นนั้นเกิดเป็นรากฐานรองรับความรู้ที่สูงขึ้น ลึกซึ้งกว้างขวางขึ้นต่อๆ ไป”<br />
(พระบรมราโชวาท ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรแก่ผู้สำาเร็จการศึกษา<br />
จากมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ วันที่ ๓๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๑๙)
“หินทรายผาแต้ม”