ในการหล่อเครื่องประดับนั้น เป็นขั้นในกระบวนการผลิตเครื่องประดับที่ต้องใช้ทักษะและความชำนาญ เนื่องจากต้องเข้าใจหลักการทำงานของอุปกรณ์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเตาอบ เครื่องชั่ง และยังต้องมีการคำนวณว่าจะใช้ส่วนผสมของปูน น้ำ หรือโลหะในการหล่อเครื่องประดับเท่าไร จึงจะเต็มเบ้าหลอม
เป็นขั้นตอนที่เตรียมจะหล่อเครื่องประดับชิ้นงาน และการติดต้นเทียนนั้นต้องใช้ฝีมอและความชำนาญจึงจำสามารภติดต้นเทียนได้สวยงาม
1.นำฐานยางมาชั่งนำหนักบนเครื่องชั่ง เพื่อใช้ในการคำนวณส่วนผสม
2.นำหัวแร้ง (อุปกรณ์ที่ใช้ในกระบวนการผลิต) มาจี้ที่รูตรงกลางของฐานยาง และนำต้นเทียนที่เตรียมไว้แล้ว ปลายด้านหนึ่งวางลงในรูของฐานยาง จากนั้นให้หัวแร้งจี้จนต้นเทียนติดกับฐานยางไม่ล้ม
3. นำชิ้นงานเทียนที่ทำการตกแต่งไว้เรียบร้อยแล้ว มาต่อก้าน (จะมีการทำแม่พิมพ์ยางสำหรับก้านของชิ้นงานเตรียมเอาไว้ด้วย) โดยใช้หัวแร้งจี้บนก้านเทียน แล้วนำชิ้นงานมาต่อให้เรียบร้อย หากมีร่องรอยของชิ้นงานที่ไม่สวยงาม ก็จัดการแต่งชิ้นงาน ก่อนที่จะนำไปติดต้นเทียน
4. นำชิ้นงานที่ต่อก้านแล้วทุกชิ้นมาติดต้นเทียน โดยติดให้สูงห่างจากฐานยางประมาณ ครึ่งนิ้ว (ใช้ไม้บรรทัดวัด)โดยการติดต้นเทียนจะติดได้ 3 แบบ คือ 1.แบบเรียงฝักข้าวโพด 2.แบบเกลียว 3.แบบสับหว่างกัน (ทุกแบบชิ้นงานควรทำมุม 45 องศา)
5. ติดชิ้นงานบนต้นเทียนโดยรอบ โดยจัดช่องว่างระหว่างชิ้นงานประมาณ 1 มิลลิเมตร
6. ติดชิ้นงานบนต้นเทียนจนเสร็จสิ้น จากนั้นนำไปวางไว้
ในการหล่อเครื่องประดับนั้น เป็นงานหล่อเครื่องประดับปะเภทที่มีความละเอียดสูง ปูนที่ใช้ในการหล่อเครื่องประดับจึงมีความสำคัญกับการหล่อเครื่องประดับเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งปูนควรที่จะทนทานต่ออุณหภูมิของโลหะในการหล่อเครื่องประดับ เนื้อของปูนจะต้องมีความละเอียด
ซึ่งปูนที่ใช้สำหรับการหล่อเครื่องประดับ คือ
1.ปูนยิปซัมบอนด์ (Gypsum Bonded Investment)
ซึ่งปูนชนิดนี้เหมาะสำหรับการหล่องานโลหะ เงิน ทอง หรือ ทองเหลือง โดยงานส่วนใหญ่ของการหล่อเครื่องประดับจะนิยมใช้ปูนชนิดนี้ เนื่องจากมีราคาและคุณสมบัติที่เหมาะสมในการหล่อเครื่องประดับ ที่มีอุณหภูมิหลอมเหลวไม่เกิน 1200 องศาเซลเซียส
ส่วนผสมของปูนยิปซัมบอนด์จะแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม คือ วัสดุที่ทนไฟ ซึ่งจะประกอบด้วย ซิลิกา เป็นต้น และกลุ่มที่มีคุณสมบัติเป็นตัวยึด คือ ผงยิปซัม และมีส่วนผสมอื่นๆซึ่งจะขึ้นอยู่กับแต่ละสูตรของการผลิต
2.ปูนฟอสเฟตบอนด์ (Phosphate Bonded Investment)
เหมาะสำหรับงานหล่อโลหะที่ต้องใช้อุณหภูมิที่สูง เช่น แพลตินัม ซึ่งปูนชนิดนี้ ทนทานต่อการหล่อโลหะที่มีอุณหภูมิหลอมเหลวสูงกว่า 1200 องศาเซลเซียส ส่วนผสมของปูนฟอสเฟตจะแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม คือ วัสดุที่ทนไฟ ซึ่งจะประกอบด้วย ซิลิกา และกลุ่มที่เป็นธาตุยึด คือเกลือฟอสเฟต
3.ปูนอะลูมินา-แมกนีเซียม (Alumina-Magnesium Investment )
เหมาะสำหรับโลหะไทเทเนียม ซึ่งจะไวต่อการทำปฏิกิริยากับออกซิเจน ซึ่งปูนชนิดนี้จะป้นปูนที่ค่อนข้างเสถียร เหมาะกับโลหะไทเทเนียมมากกว่าปูนชนิดอื่นๆ
เมื่อรู้จักปูนที่ใช้ในการผลิตเครื่องประดับแล้ว ขั้นตอนต่อไปจะเป็นการหล่อเครื่องประดับเบ้าปูน ซึ่งจะนำปูนมาผสมกับน้ำแล้วเทลงในเบ้าปูน ตามส่วนผสมที่ได้คำนวณไว้แล้ว ซึ่งจะมีขั้นตอนดังนี้
1.เทปูนตามสัดส่วนที่ต้องการ (จากการคำนวน) เทลงในเครื่องผสมปูน จากนั้นเทน้ำลงไปผสมกับปูน เมื่อปูนกับนำเข้าที่แล้ว เทลงในกระบอกต้นเทียน (ใช้พลาสติกหุ้มกระบอกต้นเทียนไว้เรียบร้อยแล้ว)
2.จากนั้นนำกระบอกต้นเทียนที่เทปูนไว้ เข้าเครื่องดูดอากาศ 2 นาทีเพื่อให้ปูนที่อยู่ในกระบอกไม่มีอากาศแทรกอยู่ (ปูนที่ดีจะต้องแข็งตัวภายใน 2 นาทีหลังจากผมและเทเสร็จแล้ว)
3.ตั้งกระบอกต้นเทียนไว้ข้างนอก ทิ้งไว้ให้เย็น เพื่อรอเข้าเตาอบ
การอบเบ้าปูน
เพื่อต้องการให้ต้นเทียนที่ติดไว้ละลายออกจากเบ้าปูน ทำให้ภายในเบ้าปูนเกิดเป็นโพรงเพื่อที่น้ำโลหะจะเข้าไปได้ และเพื่อเป็นการเตรียมอุณหภูมิของกระบอกหล่อเครื่องประดับให้มีความเหมาะกับอุณหภูมิในการหล่อโลหะ ทั้งนี้เพื่อไม่ให้เกิดความแตกต่างระหว่างอุณหภูมิในขณะทำการหล่อโลหะ
กระบวนการอบเบ้าปูนมา 2 ขั้นตอน ดังนี้
1.การนึ่งเทียน เป็นการอุ่นให้ความร้อนกับกระบอกปูน ใช้ระยะเวลาประมาณ 2 ชั่วโมง เพื่อให้เทียนหรือขี้ผึ้งที่อยู่ภายในละลายออกมา ก่อนนำไปเข้าเตาอบเพื่อทำการเผา
2.การอบเบ้าปูนหล่อเครื่องประดับ เป็นการเอาเทียนที่เหลืออยู่ หรือตกค้างในโพรงแบบให้ระเหยออกมาจนกลายเป้นควัน และทำให้ปูนสุก เพื่อให้ปูนแข็งแรงขึ้น ไม่แตกหักง่ายนั่นเอง
โรงหล่อเครื่องประดับในขั้นตอนการวางเบ้าปูนในเตาอบ
1. วางเบ้าปูนคว่ำลง ให้อยู่รูเทอยู่ด้านล่าง เพื่อให้นำเทียนไหลออกได้
2.ในกรณีที่วางเบ้าปูน เบ้าที่ 2 ในเตาอบ จะวางแบบสับหว่างกัน เพื่อให้น้ำเทียนไหลออกได้ง่าย
และให้ออกซิเจนเข้าไปช่วยในการเผาไหม้ได้อย่างสมบูรณ์อีกด้วย
3.ตั้งอุณหภูมิในการอบเบ้าปูน (ตามความเหมาะสมของชิ้นงาน และขนาดเตาอบ)
หลังจากเตรียมเบ้าปูนเรียบร้อยแล้ว จึงทำการหล่อเครื่องประดับชิ้นงาน โดยการทำให้โลหะ(เงิน ทองคำ ทองคำขาว) ละลายเข้าไปแทนที่ชองว่างที่อยู่ภายในเบ้าปูน ซึ่งวิธีการนี้นิยมกันอย่างแพร่หลายเนื่องจากเป็นกรรมวิธีที่ทำให้ชิ้นงาน ออกมามีคุณภาพดีนั่นเอง ซึ่งการหล่อโลหะจะมี 2 แบบ
1.หล่อหล่อเครื่องประดับโลหะแบบเหวี่ยงหนีจุดศูนย์กลาง
2.หล่อหล่อเครื่องประดับโละแบบสุญญากาศ
โรงหล่อเครื่องประดับในขั้นตอนการหล่อโลหะ
1. นำโลหะที่จะใช้ในการหล่อเครื่องประดับ ใส่ลงไปในเครื่องเหวี่ยง
2.ใช้ความร้อนในหลอมโลหะจนละลาย (ทั้งนี้จะตั้งอุณหภูมิในการหลอมละลายของโลหะที่แตกต่างกัน
ขึ้นอยู่กับชนิดของโลหะ) และใช้บอแรกซ์ในการช่วยขจัดสิ่งสกปรกที่ตกมากับโลหะให้ออกมาอยู่บริเวณเบ้าหลอม เมื่อเห็นว่าโลหะหลอมละลายจนเป็นน้ำแล้ว
3.นำเบ้าปูนออกจากเตาอบ แล้วนำไปวางลงในเครื่องเหวี่ยงทันที
4.ปิดฝาเครื่องเหวี่ยง จากนั้นกดปุ่มเพื่อให้เครื่องทำงาน ภายในเครื่องน้ำโลหะจะถูกเทใส่เบ้าปูนเรียบร้อย
5.จากนั้นนำเบ้าปูนออกจากเครื่องเหวี่ยง ทิ้งไว้ประมานครึ่งชั่วโมง
โรงหล่อเครื่องประดับในการล้างเบ้าปูน
เมื่อหล่อเครื่องประดับโลหะเรียบร้อยแล้ว ต้องทำการล้างเบ้าปูน เพื่อที่จะนำชิ้นงานออกมา โดยการนำเบ้าปูนไปล้างปูนออกด้วยการฉีดน้ำให้ปูนแตกออกจนหมด จะได้ชิ้นงานโลหะออกมา(จะมีลักษณะเดียวกับต้นเทียนแม่แบบ) ชิ้นงานโลหะนั้นต้องนำไปล้างอีกครั้งด้วยกรดกำมะถันผสมกับดินประสิว เพื่อกัดผิวของโลหะให้มีความสะอาดมากขึ้น เมื่อแช่กรดเรียบร้อยแล้ว จึงนำไปล้างด้วยนำสะอาดแล้วจึงนำไปต้มสารส้มเพื่อให้คราบสิ่งสกปรกหลุดออกไป
โรงหล่อเครื่องประดับในตรวจสอบชิ้นงาน
เมื่อนำชิ้นงานดูแล้ว ต้องตรวจสอบดูว่า มีจุดบกพร่องในชิ้นงานหรือไม่ หากว่าพบเพียงเล็กน้อย หรือไม่พบเลย ก็เข้าสู่การขั้นในการตัดแต่งชิ้นงานต่อไป
ในขั้นตอนการหล่อเครื่องประดับชิ้นงานนั้น จะต้องมีการคำนวณเพื่อที่จะทำให้ทราบได้ว่า ควรที่จะให้โลหะในปริมาณเท่าใด หากคำนวณถูกต้องโลหะก็จะอยู่ในเบ้าปูนพอดี ชิ้นงานก็จะออกมาสวยงาม แต่หากว่ามีเกิดการผิดพลาด โละหะที่ใช้มีปริมาณที่น้อยหรือมากเกินไป ก็จะทำให้ชิ้นงานออกมาไม่สมบูรณ์แบบ หรือไม่สามารถใช้งานได้ ต่อนำไปเข้าสู่กระบวนการใหม่ ตั้งแต่ฉีดเทียน ติดต้นเทียน และการอบเบ้าปูน ก่อนที่จะนำมาหล่อเครื่องประดับ ซึ่งจะทำให้เสียเวลาอย่างมาก เฉพาะฉะนั้นกระบวนการนี้ เป็นขั้นตอนที่สำคัญมาก จึงต้องเรียนรู้ และต้องมีความระมัดระวังในการทำงาน และที่สำคัญต้องคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นสำคัญด้วย เพราะต้องทำงานกับความร้อนและอุปกรณ์ต่างๆ ซึ่งกว่าที่จะได้เครื่องประดับออกมาหนึ่งชิ้น นั้นต้องผ่านกระบวนการมากมาย และแต่ละขั้นตอนล้วนมีความสำคัญทั้งสิ้น ซึ่งเมื่อการหล่อเครื่องประดับชิ้นงานโลหะเสร็จออกมาแล้ว ทำการตรวจสอบความเรียบร้อย แต่ยังไม่จบกระบวนการผลิต ต้องนำไปตกแต่งชิ้นงานให้ออกมาสวยงามและมีคุณภาพเพื่อที่จะนำเข้าสู่กระบวนการต่อไป
***********************************
หากลูกค้าสนใจในบริการของเรา รบกวนติดต่อทางไลน์เพื่อพูดคุยหรือสอถามได้เลยค่ะ (สะดวกตอบไลน์นะค่ะ)
Line: @umasilver925
เบอร์โทร: 089-4974530
สะดวกคุยไลน์ (Line) ที่สุดคะ ^0^
หน้าที่เข้าชม | 2,538,080 ครั้ง |
ร้านค้าอัพเดท | 7 พ.ค. 2567 |
เจ้าของเว็บ:อูม่า ซิลเวอร์ 925 ไทยแลนด์ เว็บไซต์:www.umasilver925.com อีเมล:usa266@hotmail.co.th เบอร์โทรศัพท์:089-497-4530 เวลาทำการติดต่อ:10.30-18.00 น.
^_^ ค้าขายดี เฮงๆ รวยๆ ^_^
-- ขอขอบคุณทุกๆ ท่านมากค่ะ --
LOGIN ก่อนทำการสั่งซื้อสินค้า
สมาชิกที่ LOGIN เรียบร้อยแล้วสามารถดู> ORDER.IDรายการสั่งซื้อ/แจ้งชำระเงิน/ยกเลิกสินค้า/เช็คสถานะ/เช็คเลขพัสดุ> ได้ที่ Member มุมสมาชิกMember มุมสมาชิก
- ต้องการสมัครสมาชิกใหม่ คลิ๊กที่ ›› สมัครสมาชิก ‹‹ ฟรีค่ะ
- กรณีสมัครเป็นสมาชิกเรียบร้อยแล้ว กดคลิ๊ก ›› เข้าสู่ระบบ ‹‹ ได้เลยค่ะ
Join ยืนยันการเป็นสมาชิก
- เมื่อสมัครเป็นสมาชิกแล้ว กดปุ่ม Join ด้วยนะคะ
- คลิ๊ก 1 ครั้ง แล้วกดตอบยอมรับ (กดแค่ครั้งแรกเท่านั้นค่ะ)