Traveloka TH
20 Dec 2023 - 1 min read
รู้ยัง เวลานี้มีหลายประเทศเปิดให้เที่ยวกันแล้วนะ แม้จะการเดินทางจะยังไม่เปิดกว้างเหมือนดังเดิม แต่ก็ยังมีจุดหมายปลายทางให้ผ่อนคลายมากมาย โดยเฉพาะที่เที่ยวธรรมชาติที่แพคกระเป๋ารอกันได้เลยทีเดียว ลองดู 10 เมืองน่าเที่ยวสายธรรมชาติ ที่บินไปได้ตอนนี้กันดีกว่า จะได้เตรียมตัวจองตั๋วเครื่องบิน โรงแรมที่พัก รถเช่าและรถรับ-ส่งสนามบินกับ Traveloka ไว้ให้พร้อม เพราะไม่ว่าจะเป็นตั๋วเครื่องบิน รถรับส่งสนามบิน หรือแม้แต่กระทั่งรถเช่าก็มี ส่วนใครที่ฉีดวัคซีนครบโดสแล้วปักหมุดจุดหมายปลายทางในฝันกันเลย หรือถ้าหากยังนึกไม่ออก เราก็ได้ลิสต์มาให้แล้วว่ามีจุดหมายปลายทางในฝันสายธรรมชาติไหนน่าสนใจบ้าง
หมู่บ้านวิวหุบเขาแสนโรแมนติกแห่งอิตาลี หมู่บ้านเล็กๆ แห่งนี้ถูกโอบล้อมด้วยเทือกเขา “โดโลไมท์” (Dolomites Mountains) ที่มีชื่อเสียงสวยงามระดับโลก จุดเด่นของหมู่บ้านแห่งนี้คือวิวทิวทัศน์เบื้องหลังโบสถ์ ที่มีภูเขาสูงเป็นฉากหลัง นอกจากเล่นสกี ขี่ม้า และปีนเขา ที่นี่ยังมีกิจกรรมสุดเอ็กซ์ตรีมอย่าง “สกีข้ามประเทศ” (Cross Country Skiing) อันสุดท้าทาย โดยมีจุดหมายปลายทางที่รัสเซีย
มาต่อกันที่เมืองเล็กๆ น่ารักริมทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ทางตะวันตกของอิตาลี ที่ถูกขนานนามว่า "สวรรค์แห่งเมืองท่า" โดดเด่นด้วยบ้านเรือนหลากสีสัน ตั้งเรียงรายไปตามเชิงเขาเขียวชอุ่ม โอบล้อมอ่าวที่มีเรือยอร์ชจอดเต็มไปหมด จุดปักหมุดสำคัญคือ “โบสถ์เซนต์มาร์ติน” (St. Martin's Church) โบสถ์ขนาดกลางที่สร้างขึ้นในศตวรรษที่12 ที่นี่ยังมีปราสาทและป้อมปราการโบราณให้นักท่องเที่ยวที่จองตั๋วเครื่องบินไปอิตาลี ได้ขึ้นไปชมทัศนียภาพอันงดงามของท้องทะเล
เมืองหลวงแห่งเกาะมาร์ตินีก (Martinique Island) ในหมู่เกาะวินด์เวิร์ด (Windward) ทางตะวันออกของทะเลแคริบเบียน แคว้นโพ้นทะเลของฝรั่งเศส นอกจากธรรมชาติที่สวยงามแล้ว เมืองนี้ยังมีสถาปัตยกรรมสวยงามหลายแห่งให้เยี่ยมชม กิจกรรมแนะนำคือ ย้อนรอยประวัติศาสตร์ที่บ้านเกิดของจักรพรรดินีโจเซฟีนแห่งนโปเลียน ดำน้ำดูปะการัง เดินป่าบนภูเขาไฟเปอเล (Mount Pelée) และชมความงามของเกาะไดมอนด์ (Diamond Rock)
เมืองชนบทใกล้เทือกเขาแอลป์ที่ได้ชื่อว่าเป็น “เส้นทางแห่งรัก” ตั้งอยู่ทางใต้ของรัฐบาวาเรีย ประเทศเยอรมนี สวยงามด้วยบรรยากาศบ้านเรือนสไตล์บาวาเรียนแท้ๆ ที่ต้องมีดอกไม้สวยๆ ที่หน้าต่างบ้าน และภาพวาดบนฝาผนังที่เต็มไปด้วยเรื่องราวและแสดงถึงวิถีของชาวเมือง ทิวทัศน์งดงาม เงียบสงบ และเป็นเมืองหน้าด่านที่จะขึ้นสู่ยอดเขาซุกชปิทเซ (Zugspitze Mountain) ภูเขาที่สูงที่สุดในเยอรมนี
อีกหนึ่งเมืองน่าเที่ยวสายธรรมชาติของเยอรมนี เมืองเล็กๆ ที่มีอายุกว่า 700 ปี อยู่ปลายแคว้นบาวาเรียของประเทศเยอรมัน ติดกับชายแดนออสเตรีย เป็นเมืองในอ้อมกอดของเทือกเขาแอลป์ สวยงามโดดเด่นด้วยธรรมชาติป่าเขา และยังมีทะเลสาบมากมายล้อมรอบ ที่สำคัญมี “ปราสาทนอยชวานชไตน์” (Neuschwanstein Castle) อันเลื่องชื่อเป็นแลนด์มาร์ก ทั้งยังมีป่าใบไม้แดงให้เดินชมในช่วงฤดูใบไม้ร่วงอีกด้วย
ชุมชนโบราณแห่งจอร์เจีย อีกหนึ่งจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวสายธรรมชาติ เป็นส่วนหนึ่งของแคว้นสวาเนติบน (Upper Svaneti) ในเทือกเขาคอเคซัส (Caucasus) นับเป็นหมู่บ้านที่อยู่สูงที่สุดในยุโรป ล้อมรอบไปด้วยทิวทัศน์ของขุนเขาที่สวยงาม ประกอบด้วยหมู่บ้านแบบยุคกลาง ที่มีลักษณะเป็นอาคารสูงคล้ายหอคอยมากกว่า 200 หลัง ได้รับการประกาศให้เป็นมรดกโลกในปี 1996
เมืองชายทะเลแห่งแคว้นนอร์มังดี ฝรั่งเศส เป็นเมืองเล็กๆ น่ารักที่ตั้งอยู่บริเวณปากแม่น้ำแซน (Saine) ความสวยงามของย่านเมืองเก่าที่โอบล้อมไปด้วยสีเขียวชอุ่มของเนินเขา ที่นี่จึงเป็นแหล่งสร้างแรงบันดาลใจให้กับเหล่าศิลปินจำนวนมาก แลนด์มาร์กเด่นคือ “โบสถ์แคทเธอรีน” (Saint Catherine Church) เป็นโบสถ์ไม้ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของฝรั่งเศส ที่ยังเต็มไปด้วยสวนสวยงามที่ได้รับรางวัลจากการประกวดอีกด้วย
เมืองตากอากาศวิวหลักล้านของสวิตเซอร์แลนด์ ที่มียอดเขาแมทเทอร์ฮอร์น (Matterhorn Mountain) เป็นไฮไลท์ จุดเด่นของภูเขานี้อยู่ตรงส่วนที่เรียกว่า “ฮอร์น” เป็นยอดแหลมคล้ายพีระมิดที่แปลกตา สูงเด่นเป็นสง่าท่ามกลางเทือกเขาแอลป์ ด้วยความสูง 4,447 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล งจุดชมวิวที่สวยที่สุดของยอดเขาคือที่ “ทะเลสาบทั้ง 5” (Five Lakes Walk) ที่มองเห็นภาพสะท้อนของยอดเขาบนพื้นน้ำในทะเลสาบอย่างสวยงาม
ที่สุดของเมืองตากอากาศของสวิตเซอร์แลนด์ เป็นเมืองเล็กๆ ริมทะเลสาบเจนีวา (Lake Geneva) ที่ล้อมรอบด้วยไร่ไวน์ และเทือกเขาแอลป์เป็นฉากหลัง นับเป็นเมืองที่ม่ชื่อเสียงในด้านความสวยงามของธรรมชาติ แหล่งท่องเที่ยว และเทศกาลดนตรี ที่นี่ยังมีปราสาทชิลยอง (Chillon Castle) ที่มีประวัติยาวนานมาเกือบ 1,000 ปี ให้นักท่องเที่ยวที่จองตั๋วเครื่องบินไปสวิตเซอร์แลนด์ ได้ล่องเรือไปชมความสวยงามอย่างใกล้ชิด
หนึ่งในเมืองที่สวยที่สุดในอังกฤษ ที่มีสมญาว่า “เมืองที่เวลาลืมผ่าน” (The town that time forgot) ตัว เมืองตั้งอยู่บนเนินเขามองดูคล้ายหมู่บ้านหนังสือนิทาน ถนนทุกเส้นในเมืองสวยงาม จุดเด่นที่สุดคือถนนเมอร์เมด (Mermaid) ที่โรยด้วยก้อนกรวดแบบในอดีต เต็มไปด้วยอาคารบ้านเรือนยุคกลาง และเป็นที่ตั้งของ “เมอร์เมดอินน์” (Mermaid Inn) ที่เชื่อว่าสร้างตั้งแต่ในยุคศตวรรษที่ 12 และมีเรื่องเล่าหลอนๆ อันน่าสะพรึง
เหนื่อยล้า เบื่อหน่าย ก็พักสายตา วางงาน แว้บไปเที่ยวบ้างไรบ้าง แต่ก่อนไปจองตั๋วเครื่องบินไปต่างประเทศ ก็อย่าลืมไปเช็คมาตรการสนามบิน เตรียมตัวให้พร้อม แล้วออกไปเปิดโลกกว้างให้ธรรมชาติเยียวยาว่างั้น เตรียมเสื้อผ้า เตรียมกล้อง แล้วคลิกเข้าแอป Traveloka จองตั๋วเครื่องบินไปชมธรรมชาติที่เมืองนอกกัน