เกร็ดความรู้

22 พฤศจิกายน 2564

เช็กอาการกันหน่อย! ได้เวลาเปลี่ยนโช้คอัพหรือยัง 

เช็กอาการกันหน่อย! ได้เวลาเปลี่ยนโช้คอัพหรือยัง 


โช้คอัพ เป็นชิ้นส่วนสำคัญของรถยนต์ที่ขาดไม่ได้เพราะนี่คือตัวช่วยดูดซับแรงกระแทกที่เกิดขึ้นระหว่างการขับขี่ แต่เมื่อเวลาผ่านไปโช้คอัพของรถย่อมเสื่อมไปตามกาลเวลา วันนี้ เกร็ดความรู้จากโตโยต้า ลีสซิ่ง มีคำแนะนำให้มาลองเช็กกันว่าสัญญาณแบบใดที่บอกว่าถึงเวลาต้องเปลี่ยนโช้คอัพกันแล้ว


1. เมื่อกดฝากระโปรงหน้าแล้วปล่อย รถมีอาการเด้งขึ้นลงหลายครั้ง
เมื่อเราลองกดหรือทิ้งน้ำหนักตัวลงบนฝากระโปรงหน้าแล้วปล่อย หากรถเด้งขึ้นลงหลายครั้ง นั่นแสดงว่าเป็นหนึ่งในสัญญาณเตือนว่าต้องเปลี่ยนโช้คอัพ เพราะหากโช้คอัพยังมีคุณภาพดีเมื่อออกแรงกดรถจะยุบและคืนตัวในระดับปกติ ไม่เด้งขึ้นลงหลาย ๆ ครั้ง แต่อย่างไรก็ตามเราต้องสังเกตอาการนี้ร่วมกับอาการอื่นของรถเพื่อความมั่นใจด้วย


2. โช้คอัพมีน้ำมันรั่วซึม
หากสังเกตเห็นรอยรั่วซึมของน้ำมันบริเวณโช้คอัพ รวมถึงมีเศษดิน ทราย หรือสิ่งสกปรกอื่น ๆ เกาะอยู่บริเวณรอยนั้นนั่นหมายถึงยางที่ซีลโช้คอัพของเราเริ่มเสื่อมสภาพ หากปล่อยไว้ไม่ยอมเปลี่ยนอาจทำให้โช้คอัพเสียเร็วขึ้นและส่งผลกระทบต่อการขับขี่ได้


3. ยางสึก ไม่เรียบเสมอกัน
หากพบว่าดอกยางสึกและผิวหน้ายางไม่เรียบเสมอกัน  ก็เป็นหนึ่งในสัญญาณที่บอกว่าโช้คอัพรถเริ่มมีปัญหา ทำงานไม่ปกติ หรือเสื่อมสภาพแล้ว


4. โช้คอัพบิดผิดรูป
โช้คอัพที่ดีควรมีรูปทรงเป็นทรงกระบอก สมมาตร ตามมาตรฐานทั่วไป แต่หากตรวจพบว่าโช้คอัพบิดเบี้ยว บุบ หรือผิดรูป ต้องเปลี่ยนโช้คอัพโดยด่วน เพราะหากปล่อยทิ้งไว้อาจทำให้เสี่ยงเกิดอุบัติเหตุระหว่างการขับขี่ได้


5. รถเสียการทรงตัวง่าย เกิดแรงกระแทกมากผิดปกติ
อีกสัญญาณที่ไม่ควรมองข้ามคือเวลาขับรถเร็ว ๆ รถจะเสียการทรงตัวง่าย หรือเวลาขึ้นลงเนินรถจะกระแทกแรงกว่าปกติ ซึ่งเป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่าระบบดูดซับแรงกระแทกของรถมีปัญหา ควรตรวจเช็กโช้คอัพของเราโดยด่วน


6. โช้คอัพเย็นหลังจอดรถไม่นาน
ตามปกติแล้วหากเพิ่งจอดรถแล้วลองสัมผัสที่บริเวณโช้คอัพจะยังรับรู้ถึงความร้อนได้ นั่นหมายถึงโช้คอัพทำงานปกติ แต่หากลองสัมผัสแล้วโช้คอัพเย็น  นั่นหมายถึงโช้คอัพพังจนไม่ทำงานแล้วนั่นเอง


โช้คอัพถือเป็นอุปกรณ์ที่ช่วยให้เราขับขี่ได้สบายและราบรื่น รวมถึงทำให้การขับรถในทุกเส้นทางมีความปลอดภัยมากขึ้น ดังนั้นอย่าละเลยสัญญาณเตือนเล็ก ๆ น้อย ๆ เหล่านี้ แม้ว่าโช้คอัพอาจไม่มีระยะเวลาการเปลี่ยนใหม่ที่แน่นอน ดังนั้นลองสังเกตอาการเหล่านี้ด้วยตัวเอง หากพบความผิดปกติเมื่อไรให้นำรถไปเปลี่ยนโช้คอัพทันทีเพื่อความปลอดภัยทุกครั้งที่ขับรถ


จะเห็นว่าการเช็กอาการโช้คอัพรถยนต์นั้นเป็นเรื่องใกล้ตัวที่สามารถเช็กได้เอง เพื่อความปลอดภัยในการขับขี่ ขณะที่การทำประกันภัยรถก็เป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้ามเช่นกัน เพราะหากมีอุบัติเหตุทางบริษัทประกันภัยจะช่วยจัดการดูแลเรื่องค่าใช้จ่ายให้ ซึ่งหากคุณกำลังสนใจประกันรถยนต์อย่างครบวงจร* สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่ https://toyotainsurancebroker.com/index.php

หมายเหตุ - *รายละเอียดความคุ้มครอง เงื่อนไข และข้อยกเว้น เป็นไปตามที่บริษัทประกันภัยกำหนด บริษัท โตโยต้า อินชัวรันซ์ โบรกเกอร์ จำกัด ให้บริการด้านนายหน้าประกันภัยในเครือโตโยต้า ลีสซิ่ง 

 


อ่านเกร็ดความรู้อื่น ๆ ได้ที่ https://www.tlt.co.th/news/knowledge

กลับสู่หน้าหลัก

ข่าวแนะนำ