เผยแพร่ |
---|
“การทำฟาร์มนั้น เราต้องพัฒนาตัวเราขึ้นเรื่อยๆ พัฒนาโคพันธุ์ดี พัฒนาเทคโนโลยีการเลี้ยงก็ดี เทคโนโลยีการผสมพันธุ์ก็ดี เจ้าของฟาร์มต้องศึกษาหาความรู้เอาวิทยาการใหม่ๆ เข้ามาเสริมด้วย”
หนึ่งในมุมมองของการประกอบอาชีพการทำฟาร์มเลี้ยงโคที่จะทำให้สามารถก้าวไปสู่ความสำเร็จของ คุณสัญญา สุภาพพรชัย กรรมการผู้จัดการ ห้างหุ้นส่วนจำกัดพรชัย อินเตอร์เทรด อดีตนายกสมาคมผู้บำรุงพันธุ์โคบราห์มันแห่งประเทศไทย
ที่สำคัญ กรรมการผู้จัดการ ห้างหุ้นส่วนจำกัดพรชัย อินเตอร์เทรด ผู้นี้ เป็นหนึ่งในผู้นำการใช้เทคโนโลยีน้ำเชื้อที่ผลิตโดยเทคโนโลยีแยกเพศ (Sex Sourcing) ที่สามารถกำหนดเพศของลูกโคได้ผลสำเร็จถึงร้อยละ 90 จากต่างประเทศเข้ามาใช้เป็นเจ้าแรกในประเทศไทย
ด้วยคุณสัญญาได้เห็นว่า ปัญหาของเกษตรกรผู้เลี้ยงโคอย่างหนึ่งคือ การบริหารจัดการขยายตัวของฟาร์ม ไม่ว่าจะเป็นโคเนื้อหรือโคนม เจ้าของฟาร์มต่างตระหนักดีถึงปัญหาสำคัญนี้ ทั้งนี้ ฟาร์มโคเนื้อ โคนม ต่างล้วนมีความต้องการลูกโคตรงตามเพศที่ต้องการเพิ่มประชากรโคให้มีจำนวนที่ต้องการ แม้ว่าการผสมเทียมจะเป็นวิธีการที่สำคัญในการเพิ่มปริมาณโค แต่ก็ยังกำหนดเพศของลูกโคไม่ได้ผลตามเป้าหมายที่วางไว้ ทำให้เสียเวลา เสียโอกาสในการทำกำไรให้แก่ผู้เลี้ยงโค
คุณสัญญา กล่าวว่า ข้อดีของการใช้น้ำเชื้อแยกเพศ คือสามารถกำหนดเพศลูกโคที่จะเกิดได้ว่าจะให้เป็นเพศใด และจะให้มีจำนวนเท่าไรในแต่ละปี ซึ่งเป็นการย่นระยะเวลาในการขยายกิจการของฟาร์มได้ผลดีกว่าการผสมเทียมทั่วไป อีกทั้งช่วยเหลือโคที่มีพันธุกรรมที่ดีได้ด้วย เช่น เป็นโคที่แข็งแรงและมีการเจริญเติบโตที่เร็วขึ้น ใน 1 หลอดน้ำเชื้อผสมเทียมขนาด 0.25 ซีซี จะมีน้ำเชื้อพันธุ์โคที่ทำการแยกเพศแล้ว 2.1 ล้านตัว ตามมาตรฐานสากล ซึ่งก็พอเพียงต่อการผสมเทียมในแต่ละครั้ง
“สำหรับอัตราการผสมติดนั้น เป็นอัตราเท่ากับการใช้น้ำเชื้อโดยทั่วไป น้ำเชื้อที่ผลิตโดยเทคโนโลยีแยกเพศ จึงนับเป็นเทคโนโลยีที่ตอบโจทย์ของการจัดการฟาร์มโคได้ดียิ่งในปัจจุบัน เพราะน้ำเชื้อชนิดนี้เทียบได้กับเป็นอาวุธสำคัญเลยทีเดียวที่จะช่วยให้ธุรกิจฟาร์มโคเนื้อและโคนม เติบโตเป็นไปตามแผนที่วางไว้ อีกทั้งช่วยให้ได้โคตามเพศ ตามจำนวนที่ต้องการ ได้โคที่แข็งแรง เติบโตอย่างรวดเร็ว และควบคุมปริมาณโคได้ตามกำหนดเวลาด้วย”
ทั้งนี้ จากตารางการขยายฟาร์มโคนมแบบใช้น้ำเชื้อกำหนดเพศในเวลา 5 ปี จะเห็นได้ว่า ถ้าฟาร์มของเกษตรกรมีแม่โคนม 10 แม่ ใช้ผสมเทียมด้วยน้ำเชื้อแยกเพศ เวลาผ่านไป 5 ปี จะสามารถได้ผลผลิตโครวม 90 ตัว แยกเป็นแม่โค 40 ตัว ลูกโคเพศเมียที่เกิดจากแม่เดิมและแม่ใหม่ 50 ตัว คิดจากการผสมติด 100 เปอร์เซ็นต์ แต่ถ้าคิดจากการผสมติด 90 เปอร์เซ็นต์ ปริมาณก็จะลดลงไปตามสัดส่วน” คุณสัญญา กล่าว
ทั้งนี้ ในส่วนของน้ำเชื้อที่ผู้เลี้ยงโคในบ้านเรานิยมเป็นพันธุ์อะไรนั้น คุณสัญญา ให้คำตอบว่า ถ้าเป็นโคนมในปัจจุบัน พันธุ์บราวน์สวิสกำลังเป็นที่นิยมเพราะให้คุณภาพน้ำนมดี ไขมันในน้ำนมสูง นอกจากนี้ ยังมีพันธุ์เจอร์ซี่ ซึ่งเป็นโคนมพันธุ์เล็ก แต่ปรับสภาพได้ดี มีความอดทนต่อสิ่งแวดล้อม และให้น้ำนมมาก
ส่วนโคเนื้อพันธุ์บราห์มันเป็นพันธุ์ที่ยังได้รับความนิยมอย่างมากในประเทศไทย เพราะเลี้ยงง่าย ทนร้อนได้ดี รองลงมา ได้แก่ พันธุ์แบรงกัส พันธุ์นี้เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่ชอบเลี้ยงโคใหญ่มาก แต่เน้นการให้เนื้อคุณภาพดีเป็นที่นิยมกิน
พร้อมกันนี้ คุณสัญญา ได้ให้ข้อแนะว่า
“ผมมีความเชื่อมั่นว่า ถ้าผู้เลี้ยงโคสามารถควบคุมปัจจัยการผลิตลูกโคได้ตามความต้องการ จะช่วยให้ธุรกิจการเลี้ยงโคในบ้านเราเติบโตไปได้ดี ทั้งโคเนื้อและโคนม โดยเฉพาะโคเนื้อที่ในปัจจุบันขาดตลาด เพราะเวลานี้ผู้เลี้ยงโคมีจำนวนลดลงมาก ทำให้ตลาดมีความต้องการเนื้อโคมากขึ้น หรือการที่สั่งเนื้อโคชั้นดีเข้ามาบริโภคก็จะลดลงเพราะเมื่อถึงวาระที่ต้องเปิดเสรีทางการค้าแล้ว จะทำให้มีการนำเข้าเนื้อโคจากต่างประเทศกันมากขึ้น ยิ่งหากรัฐบาลมีการส่งเสริมการเลี้ยงโคเนื้อและโคนมอย่างจริงจัง ผมเชื่อว่าจะช่วยให้เกษตรกรผู้เลี้ยงโคในเมืองไทยมีรายได้เพิ่มขึ้นและมีศักยภาพในการแข่งขันส่งออกกับตลาดต่างประเทศได้” คุณสัญญา กล่าว
สำหรับผู้สนใจ หากต้องการแลกเปลี่ยนข้อมูล สามารถติดต่อ คุณสัญญา สุภาพพรชัย ได้ที่ 1/17 หมู่ที่ 6 ตำบลบ้านสิงห์ อำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี โทรศัพท์ (032) 357-184, (032) 357-558, (032) 357-559
ผสมเทียมคือ…และทำอย่างไร
การผสมเทียม เป็นอีกคำหนึ่งที่มักได้ยินกันเสมอในวงการปศุสัตว์ รวมถึงในการสัมภาษณ์ข้างต้น ซึ่งการผสมเทียมนั้นเป็นการปฏิบัติงานที่คล้ายการทำหน้าที่ของพ่อพันธุ์ตามธรรมชาติ แต่ก็เพียงพอที่จะทำให้ผสมติด ตำแหน่งที่ปล่อยน้ำเชื้อต่างกัน พ่อพันธุ์จะปล่อยน้ำเชื้อในช่องคลอด แต่การผสมเทียมปัจจุบันจะปล่อยน้ำเชื้อที่ตำแหน่งคอมดลูก
ประโยชน์ของการผสมเทียมมีทั้งในด้านการปรับปรุงพันธุ์ ขยายพันธุ์สัตว์ และเป็นการเพิ่มผลผลิตปศุสัตว์อย่างรวดเร็ว ถือว่าเป็นวิธีการที่นิยมกันอย่างแพร่หลายทั่วโลก
แต่การผสมเทียมอาจจะนำมาซึ่งผลเสียอย่างคาดไม่ถึงแก่ตัวโคและเกษตรกรเจ้าของโคได้ เช่น การปฏิบัติงานผิดพลาดจากผู้ที่ขาดความรู้ความเข้าใจ กระทำการโดยประมาทเลินเล่อหรือสกปรก อาจจะทำให้เกิดการบาดเจ็บของลำไส้ใหญ่และอวัยวะสืบพันธุ์ ลำไส้ใหญ่ทะลุ ปากช่องคลอดเป็นแผล มดลูกอักเสบ ผสมไม่ติด การแท้งลูกในระยะแรกหรือทำให้เกิดการแพร่โรคโดยพนักงานผสมเทียมเอง ทั้งโรคในระบบสืบพันธุ์และโรคติดต่อจากโคตัวหนึ่งไปยังโคตัวอื่นๆ หรือจากฝูงอื่นๆ รวมทั้งการเกิดโรคสัตว์ที่อาจจะติดต่อมาถึงคนได้
คุณสัญญา กล่าวว่า ในปัจจุบันการเลี้ยงโคโดยเฉพาะโคนม นิยมผสมพันธุ์โดยการผสมเทียม ด้วยการใช้น้ำเชื้อพ่อพันธุ์ที่มีคุณค่าทางพันธุกรรมที่ดี มากกว่าการใช้พ่อโคคุมฝูงผสมเองโดยธรรมชาติ ทำให้การตรวจการเป็นสัดเป็นสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญมาก เพื่อที่จะทำการผสมเทียมในเวลาที่เหมาะสมเพื่อให้เกิดการปฏิสนธิได้สูง
ขั้นตอนการเตรียมน้ำเชื้อ
เมื่อโคเป็นสัด เจ้าหน้าที่ผสมเทียมจะตรวจสอบถามระยะเวลาการเป็นสัด อาการเป็นสัดจากเกษตรกรเจ้าของโค เพื่อที่จะเลือกการผสมเทียมในเวลาที่ดีที่สุด เพื่อเพิ่มอัตราการผสมติดให้กับแม่โค หลังจากนั้น เจ้าหน้าที่จะเตรียมอุปกรณ์สำหรับปฏิบัติการผสมเทียม ประกอบด้วย
– ปืนฉีดน้ำเชื้อ กระบอกเก็บปืนฉีดน้ำเชื้อ และกระบอกเก็บพลาสติกชีต
– กรรไกร ปากคีบ
– พลาสติกชีต แซนิตารีชีต
– กระติกน้ำร้อน เทอร์โมมิเตอร์
– ถุงมือล้วง
– รองเท้าบู๊ต ผ้ากันเปื้อน
– อุปกรณ์ประกอบอื่นๆ เช่น น้ำยาฆ่าเชื้อโรค ผ้าเช็ดมือ แบบบันทึกต่างๆ กระดาษชำระ กระเป๋า ถังน้ำเชื้อสนาม สบู่ แปรงล้างรองเท้าบู๊ต เป็นต้น
เมื่อเจ้าหน้าที่ผสมเทียมบันทึกการผสมเทียม และอาการของโคแล้ว เจ้าของโคจะนำโคเข้าซองบังคับโค เจ้าหน้าที่ตรวจดูความเรียบร้อยเพื่อความปลอดภัยขณะปฏิบัติงาน จากนั้นตรวจโคให้แน่ใจว่ามีการเป็นสัดแท้จริง
ซึ่งโคที่เป็นสัดจะต้องยืนนิ่งให้ตัวอื่นขึ้นทับ มีน้ำเมือกใสไหลออกจากช่องคลอด และอวัยวะเพศบวมแดง เมื่อพบว่าโคเป็นสัดแน่แล้ว เจ้าหน้าที่จะสวมถุงมือผสมเทียมโดยใช้สารหล่อลื่น เช่น น้ำมันพืช หรือพาราฟิน ทำการล้วงตรวจระบบสืบพันธุ์ภายใน ตรวจสุขภาพของคอมดลูก ตัวมดลูก ปีกมดลูก โดยคอมดลูกควรแข็งตัว มดลูกและปีกมดลูกควรแข็งมีความหยุ่นตัวสูง ดังนั้น ก่อนล้วงตรวจผู้ปฏิบัติหน้าที่ผสมเทียมต้องแน่ใจว่าเล็บมือสั้นและไม่มีคม จากนั้นจึงทำการเช็ดอวัยวะเพศโคให้แห้ง หลังจากนั้น ทำการละลายน้ำเชื้อเพื่อที่จะทำการผสมเทียม
ขั้นตอนการผสมเทียม
– ทำความสะอาดปืนฉีดน้ำเชื้อ และวางบนผ้าที่สะอาด
– ใช้ปากคีบคีบหลอดน้ำเชื้อออกมาจากถังสนามแล้วแช่ลงในน้ำอุ่นทันที ละลายน้ำเชื้อในน้ำอุ่น อุณหภูมิ 35-37 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 30 นาที
– เช็ดหลอดน้ำเชื้อด้วยกระดาษชำระให้แห้ง อย่าให้เหลือติดข้างหลอด
– บรรจุหลอดน้ำเชื้อใส่ปืนฉีดน้ำเชื้อ สวมพลาสติกชีต และใช้วงแหวนล็อกพลาสติกชีตให้แน่น จากนั้นจะทำการทดสอบน้ำเชื้อโดยกดก้านปืนให้น้ำเชื้อปริ่มออกมาที่ปลายหลอดเล็กน้อย
– สวมแซนนิตารีชีตหุ้มทั้งหมดอีกชั้นหนึ่ง
– เมื่อเตรียมน้ำเชื้อเรียบร้อยแล้วทำการผสมเทียมให้กับโค เมื่อปลายปืนถึงหน้าคอมดลูกให้ดึงปลายอีกข้างหนึ่งของแซนนิตารีชีต จนปลายปืนทะลุแซนนิตารีชีต วางปืนฉีดน้ำเชื้อที่ตำแหน่งคอมดลูก
– ถอดถุงมือแล้วม้วนถุงทิ้งในขยะ ไม่นำไปล้วงตัวอื่นต่อ เพื่อลดโอกาสแพร่โรคติดต่อบางโรค
– ล้างรองเท้าบู๊ต และผ้ากันเปื้อนให้สะอาด เพื่อลดโอกาสแพร่โรคต่างๆ ที่ติดต่อผ่านเจ้าหน้าที่ผสมเทียม
– บันทึกรายละเอียดการผสมเทียมลงในแบบบันทึกต่างๆ
เมื่อทำการผสมเทียมเรียบร้อยแล้ว เจ้าหน้าที่จะให้คำแนะนำแก่เกษตรกรเจ้าของโคในการตรวจการเป็นสัดครั้งถัดไป และกลับมาตรวจท้องเพื่อติดตามการเกิดของลูกโคหลังจากการผสมเทียมไปแล้ว 45-60 วัน