More Related Content
Similar to ระบำโบราณคดี (20)
ระบำโบราณคดี
- 2. ระบำโบรำณคดี
เพลงระบำโบรำณคดีเกิดจำกแนวคิดของนำยธนิต อยู่โพธิ์ อดีตอธิบดีกรมศิลปำกร ซึ่งได้พบ
ภำพเขียน ภำพปั้น และภำพจำหลักตำมโบรำณสถำน และโบรำณวัตถุสมัยต่ำงๆ ทั้งที่พบในประเทศ
ไทย และประเทศใกล้เคียง จึงได้นำมำประกอบแนวคิดประดิษฐ์สร้ำงเครื่องดนตรี และท่ำนำฏศิลป์
แต่ละสมัยขึ้น เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๑๐ โดยขอให้นำยมนตรี ตรำโมท ผู้เชี่ยวชำญดนตรีไทย และศิลปิน
แห่งชำติ แต่งทำนองขึ้นตำมแนวคิดนั้น โดยมอบให้นำงลมุล ยมะคุปต์นำงเฉลย ศุขะวณิชและท่ำน
ผู้หญิงแผ้ว สนิทวงศ์เสนี ผู้เชี่ยวชำญกำรสอนนำฏศิลป์ไทย และศิลปินแห่งชำติ เป็นผู้ประดิษฐ์ท่ำรำ
- 4. ระบำทวำรวดี
ระบำทวำรวดี เป็นระบำชุดที่ ๑ ในระบำโบรำณคดีที่เกิดขึ้นจำกแนวควำมคิดของนำยธนิตอยู่โพธิ์ (อดีตอธิบดีกรม
ศิลปำกร) ซึ่งต้องกำรศึกษำ และเรียนรู้เรื่องเครื่องแต่งกำยของมนุษย์ เพื่อประโยชน์แก่วิชำประวัตศำสตร์ และ
โบรำณคดี โดยทูลขอร้องให้หม่อมเจ้ำยำใจ จิตรพงศ์ ซึ่งขณะนั้นดำรงตำแหน่งสถำปนิกพิเศษของกรมศิลปำกร ทำง
ศึกษำแบบอย่ำง และเขียนเลียนแบบเครื่องแต่งกำรสมัยทวำรวดีบำงรูป โดยในครั้งแรกคิดจะจัดสร้ำงเครื่องแต่งกำยตำมสมัย
โบรำณคดี ถวำยทอดพระเนตรในงำนเสด็จพระรำชดำเนินทรงเปิดกำรแสดงศิลปะโบรำณวัตถุในอำคำร สร้ำงใหม่ ใน
พิพิธภัณฑสถำนแห่งชำติ พระนคร แต่หลังจำกได้ภำพตำมต้องกำรแล้ว จึงเปลี่ยนแนวควำมคิดใหม่ในกำรจัดแสดงระบำ
โบรำณคดีชุดต่ำง ๆ ถวำยพระบำทสมเด็จพระเจ้ำอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จพระนำงเจ้ำสิริกิติ์ พระบรมรำชินีนำถ
ทอดพระเนตรแทนกำรจัดแสดงเครื่องแต่งกำย
ระบำนี้ประดิษฐ์ขึ้นจำกกำรนค้นคว้ำหลักฐำนทำงโบรำณคำดีสมัยทวำรวดี ท่ำรำและ เครื่องแต่งกำยได้แนวคิดจำก
ภำพสลัก ภำพปั้นที่ขุดค้นพบ ณ โบรำณสถำนที่ตำบลคูบัว อำเภอ อู่ทอง จังหวัดนครปฐมและที่ตำบลโคกไม้เดน จังหวัด
นครสวรรค์ ฯลฯ นักโบรำณคดี สันนิฐำนว่ำชำวทวำรวดีเป็นต้นเชื้อสำยพวกมอญ ดังนั้นลีลำท่ำรำ รวมทั้งเนียงทำนองเพลง จึง
เป็นแบบมอญ ท่ำรำบำงท่ำได้ควำมคิดมำจำกภำพสลัก และภำพปูนปั้นที่ค้นพบโบรำณสถำนที่สำคัญ
- 5. กำรแต่งกำย
เครื่องแต่งกำยชุดระบำทวำรวดี ได้แบบอย่ำงมำจำกภำพปูนปั้น ที่ค้นพบตำมสถำนที่
สำคัญต่ำงๆ สมัยทวำรวดี และได้นำมำประดิษฐ์ให้เหมำะสมกับกำรแสดง ซึ่งมีดังนี้
๑. ผมเกล้ำสูงกลำงศีรษะในลักษณะคล้ำยลูกจันแบน สวมเกี้ยวรัดผม
๒. สวมกระบังหน้ำ
๓. สวมต่ำงหูเป็นห่วงกลมใหญ่
๔. สวมเสื้อในสีเนื้อ ( แทนกำรเปลือยอกตำมภำพปั้น )
๕. นุ่งผ้ำลักษณะคล้ำยจีบหน้ำนำงสีน้ำตำลแถวหนึ่ง
และสีเหลืองอ่อนแถวหนึ่ง มีตำลสีทองตกแต่งเป็นลำย
พำดขวำงลำตัว
๖. ห่มสไบเฉียง ปล่อยชำยไว้ด้ำนหน้ำ และด้ำนหลัง
๗. สวมกำไลข้อมือ ต้นแขนโลหะ และแผงข้อเท้ำผ้ำติดลูกกระพรวน
๘. สวมจี้นำง
๙. คำดเข็มขัดผ้ำตำดเงิน หรือเข็มขัดโลหะ
- 7. ระบำศรีวิชัย
ระบำศรีวิชัยเป็นระบำโบรำณคดี เกิดขึ้นเมื่อกลำงปี พ.ศ. ๒๕๐๙ โดยได้รับแจ้งจำกคุณประสงค์ บุญเจิม
เอกอัครรำชทูตไทย ประจำกรุงกัวลำลัมเปอร์ ประเทศมำเลเซีย ว่ำท่ำนตนกู อับดุลรำห์มำน นำยกรัฐมนตรีแห่งมำเลเซีย
ต้องกำรจะได้นำฏศิลป์จำกประเทศไทยไปถ่ำยทำเป็นภำพยนตร์เรื่อง Raja Bersiyong ซึ่งเป็นเรื่องรำวเกี่ยวกับอำณำจักรศรี
วิชัยที่ท่ำนตนกูแต่งขึ้น จึงขอให้กรมศิลปำกรจัดระบำให้ ๒ ชุด คือ รำซัดชำตรี และระบำศรีวิชัย สำหรับระบำศรีวิชัยเป็น
กำรศึกษำค้นคว้ำขึ้นใหม่ โดยควำมคิดริเริ่มของนำยธนิต อยู่โพธิ์ อดีตอธิบดีกรมศิลปำกร
เมื่อ พ.ศ. ๒๕๑๐ มีนำงลมุล ยมะคุปต์ ผู้เชี่ยวชำญกำรสอนนำฏศิลป์ วิทยำลัยนำฏศิลป์ กรมศิลปำกร และนำงเฉลย
ศุขะวนิช ผู้เชี่ยวชำญกำรสอนนำฏศิลป์ วิทยำลัยนำฏศิลป์ กรมศิลปำกร และศิลปินแห่งชำติ เป็นผู้ประดิษฐ์ท่ำรำ โดยอำศัย
ท่ำทำงของนำฏศิลป์ชวำมำผสมผสำนเข้ำด้วยกัน และมีนำยมนตรี ตรำโมท ผู้เชี่ยวชำญด้ำนดุริยำงค์ไทย กรมศิลปำกรและ
ศิลปินแห่งชำติ เป็นผู้ประดิษฐ์ทำนองเพลง
โดยหำแบบอย่ำงเครื่องดนตรี เช่น เครื่องดีด เครื่องสี เครื่องตี เครื่องเป่ำ จำกภำพจำหลักที่พระสถูปบุโรพุทโธ ใน
เกำะชวำ และ เลือกเครื่องดนตรีของไทยที่มีลักษณะใกล้เคียงกันบ้ำง นำมำผสมปรับปรุงเล่นเพลงประกอบจังหวะระบำขึ้น มี
นำยสนิท ดิษฐ์พันธ์ เป็นผู้ออกแบบเครื่องแต่งกำย ตำมหลักฐำนศิลปกรรมภำพจำหลักที่พระสถูปบุโรพุทโธ ในเกำะชวำ
ท่ำรำระบำศรีวิชัยประดิษฐ์ขึ้นจำกภำพจำหลักและภำพปูนปั้นสมัยศรีวิชัย ประสมกับท่ำรำชวำและบำหลี สอดแทรก
ลีลำทำงนำฏศิลป์ ลักษณะรำบำงท่ำคล้ำยท่ำรำของชวำ และบำหลี เช่น กำรตั้งวงกันศอก ออกเป็นวงโค้ง กำรทำมือ กำรใช้คอ
ยักคอเหมือนนำฏศิลป์ชวำและบำหลี กำรตั้งท่ำนิ่ง ท่ำบิดสะโพกคล้ำยท่ำรำของบำหลี
- 8. กำรแต่งกำย
๑.เสื้อในนำง
๒.ผ้ำนุ่ง เป็นผ้ำโสร่งบำติค เย็บเป็นจีบหน้ำนำงเล็กๆ อยู่ตรงกลำงด้ำนหน้ำ ไม่มีชำยพก
๓.ผ้ำคำดรอบสะโพก ใช้ผ้ำแพรเนื้อบำง มี ๒ สี คือ สีเขียว และสีแดง
๔.เข็มขัด ทำด้วยโลหะชุบทอง ลำยโปร่งเป็นข้อๆต่อกัน หัวเข็มขัดทำด้วยหนังลงรักปิดทอง
ประดับพลอยสี
๕.ต่ำงหู เป็นต่ำงหูแบบห้อย ตรงส่วนแป้นหูทำด้วยหนังลงรักปิดทอง ประดับด้วยพลอยสี
๖.สร้อยคอ เป็นห่วงๆ ต่อกัน ประดับด้วยพลอยสีแดงและสีเขียว
๗.สร้อยสะโพก เป็นห่วงๆ ต่อกัน ทำด้วยหนังลงรักปิดทอง ประดับด้วยพลอยสีเขียวหรือสีแดง
๘.กำไลต้นแขน มีลักษณะโปร่งตรงกลำง ด้ำนหน้ำของกำไลเป็นรูปกลมเรียงสูงขึ้นไป ๓ ชั้น
๙.กำไลมือ มีลักษณะกลม ประดับด้วยพลอยสีขำว
๑๐.กำไลข้อเท้ำ ลักษณะกลมแต่ด้ำนในทึบ ตัวกำไลสลับลวดลำยทำด้วยหนังลงรักปิดทอง ประดับพลอย
๑๑.โบ โบเส้นเล็กๆ สำหรับสอดใต้เข็มขัด
๑๒.ผ้ำสไบ มีแผ่นโค้งเหนือไหล่ตอดสร้อยตัว ๒ เส้น ประกอบด้วยผ้ำแพรบำง ควำมยำวเท่ำกับสร้อย ชำย ผ้ำและสร้อยตัวทั้งสองข้ำงติดอยู่กับ
เครื่องประดับสีทอง ที่ใช้คล้องไว้บนไหล่เครื่องประดับนี้ ทำด้วยหนังลงรักปิดทอง ประดับด้วยพลอยสีเขียว สีแดง ส่วนสร้อยตัวเป็นโซ่ห่วง
ทองเล็กๆ ต่อให้ติดกัน ทำด้วยโลหะชุบทอง
๑๓.กะบังหน้ำ มีลักษณะคล้ำยกะบังหน้ำธรรมดำ ตรงกลำงด้ำนหน้ำเป็นรูปกลมและต่อยอดกลมให้แหลมถึงตรงปลำย ประดับด้วยพลอยสีขำว
๑๔.ปิ่นปักผม ตรงโคนที่ใช้ปักผมนั้นเรียวแหลม ส่วนตอนปลำยกลึงจนมีลักษณะกลม ประดิษฐ์ขึ้นด้วยไม้
- 10. ระบำลพบุรี
ระบำลพบุรี เป็นระบำชุดที่ ๓ ในระบำโบรำณคดีที่เกิดขึ้นจำกแนวควำมคิดของนำยธนิต อยู่โพธิ์ (อดีต
อธิบดีกรมศิลปำกร) เช่นเดียวกับระบำทวำรวดี อยู่ในระหว่ำงพุทธศตวรรษที่ ๑๖ – ๑๙ ประดิษฐ์ขึ้น โดยอำศัย
หลักฐำนจำกโบรำณวัตถุ และภำพจำหลักตำมโบรำณสถำน ซึ่งสร้ำงขึ้นตำมแบบศิลปะของขอม ที่อยู่ในประเทศ
กัมพูชำ และประเทศไทย อำทิ พระปรำงค์สำมยอดในจังหวัดลพบุรี ทับหลังประตูระเบียงตะวันตกของปรำสำท
หินพิมำยในจังหวัดนครรำชสีมำ ปรำสำทหินพนมรุ้งในจังหวัดบุรีรัมย์ เป็นต้น กำรแต่งทำนองเพลง กระบวนท่ำรำ
และเครื่องแต่งกำย จึงมัลักษณะคล้ำยเขมรเป็นส่วนใหญ่ ระบำลพบุรีแสดงครั้งแรกเพื่อถวำยพระบำทสมเด็จพระ
เจ้ำอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จพระนำงเจ้ำสิริกิติ์ พระบรมรำชินีนำถ ทอดพระเนตรในงำนเสด็จพระรำช
ดำเนินทำงเปิดกำรแสดงศิลปะโบรำณวัตถุในอำคำรสร้ำงใหม่ในพิพิธภัณฑสถำนแห่งชำติ พระนคร เมื่อวันที่ ๒๕
พฤษภำคม พ.ศ.๒๕๑๐ และภำยหลังได้นำออกแสดงในโรงละครแห่งชำติและที่อื่น ๆ เพื่อให้ประชำชนชม
นำยมนตรี ตรำโมท ผู้เชี่ยวชำญดุริยำงค์ไทย กรมศิลปำกร ศิลปินแห่งชำติ สำขำศิลปะกำรแสดง (ดนตรี
ไทย) ปีพุทธศักรำช ๒๕๒๘ เป็นผู้แต่งทำนองเพลง โดยมีสำเนียงออกไปทำงเขมร
นำงลมุล ยมะคุปต์ ผู้เชี่ยวชำญกำรสอนนำฏศิลป์ไทย วิทยำลัยนำฏศิลป กรมศิลปำกร และนำงเฉลย ศุขะ
วณิช ผู้เชี่ยวชำญกำรสอนนำฏศิลป์ไทย วิทยำลัยนำฏศิลป กรมศิลปำกร ศิลปินแห่งชำติ สำขำศิลปะกำรแสดง
(นำฏศิลป์) ปีพุทธศักรำช ๒๕๓๐ เป็นผู้ประดิษฐ์ท่ำรำ
นำยสนิท ดิษฐพันธ์ ออกแบบเครื่องแต่งกำย นำงชนำนันท์ ช่ำงเรียน สร้ำงเครื่องแต่งกำย นำยชิต แก้วดวง
ใหญ่ สร้ำงศิรำภรณ์ และเครื่องประดับ
- 11. เครื่องแต่งกำย
๑.เสื้อ ใช้ผ้ำยืดสีเนื้อ คอกลม แขนสั้นเหนือศอก ติดแถบสีทองโอบรอบคอตลอด หว่ำงอกและรอบเอว ตัวเอกปักดิ้น
เป็นลำยดอกประจำยำมหนึ่งดอกตรงระหว่ำงอก
๒.ผ้ำนุ่ง เย็บสำเร็จแบบซ้อนหน้ำ ชำยล่ำงโค้งมน ยำวคลุมเข่ำ ปักดิ้นลำย ประจำยำม
๓.ระปรำย มีผ้ำตำลสีทองทำบชำยกระโปรง ตัวเอกนุ่งผ้ำสีส้มแสด หมู่ระบำสีฟ้ำอมม่วง
๔.ผ้ำคลุมสะโพก สีม่วงอ่อน ชำยแหลมมนแยกเป็น ๒ ชิ้น หมู่ระบำริมผ้ำทำบ ด้วยผ้ำตำดสีทองตัวเอกทำบริมด้วยผ้ำ
ตำลสีเงิน
๕.ศีรษะของระบำชุดนี้ ประกอบด้วย
- กระบังหน้ำ หมู่ระบำใช้กระบังหน้ำประดับดอกไม้ไหว ตัวเอกกระบังหน้ำรูปดอกดำวกระจำย ๖ ดอก
- เกี้ยว
- พู่ไหมแซมเงิน
- ที่ครอบผม
๖.รัดต้นแขน ประดับกระจกสีต่ำง ๆ
๗.สร้อยคอ ประดับด้วยแก้ว หรือพลอย
๘.เข็มขัด
๙.กำไลข้อมือ ประดับด้วยแก้วหรือพลอย
๑๐.กำไลข้อเท้ำ ประดับกระจกต่ำง ๆ
- 13. ระบำเชียงแสน
ระบำเชียงแสน เป็นระบำชุดที่ ๔ ประดิษฐ์ขึ้นตำมแบบศิลปะ และโบรำณวัตถุสถำนเชียงแสน นักโบรำณคดี
กำหนดสมัยเชียงแสน อยู่ในระหว่ำงพุทธศตวรรษที่ ๑๗ – ๒๕ ซึ่งได้เผยแพร่ไปทั่วดินแดนภำคเหนือของประเทศไทย
ในสมัยโบรำณเรียกว่ำอำณำจักรลำนนำ ต่อมำมีนครเชียงใหม่เป็นนครหลวงของอำณำจักร และเป็นศูนย์กลำงแห่ง
กำรศึกษำพระพุทธศำสนำฝ่ำยหินยำนอันเจริญรุ่งเรือง จนถึงมีพระเถระไทยผู้เป็นนักปรำชญ์สำมำรถแต่งตำนำน และ
คัมภีร์พระพุทธศำสนำเป็นภำษำบำลีขึ้นไว้หลำยคัมภีร์ อำทิ คัมภีร์ชินกำลมำลีปกรณ์ และมังคลัตถทีปนี เป็นต้น ศิลปะ
แบบเชียงแสนได้แพร่หลำยลงมำตำมลุ่มแม่น้ำโขงเข้ำไปในพระรำชอำณำจักรลำว สมัยที่เรียกว่ำลำนช้ำง หรือกรุงศรี
สัตนำคนหุต แล้วแพร่หลำยเข้ำในประเทศไทยทำงภำคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนด้วย เช่น พระพุทธรูปบำงชนิดที่
นักโบรำณคดีบำงท่ำน บัญญัติเรียกว่ำ พระพุทธรูปเชียงแสนแบบลำว หรือพระลำวพุงขำว ด้วยเหตุนี้ระบำเชียงแสน
จึงมีลีลำท่ำรำ และกระบวนเพลงแบบสำเนียงไทยภำคเหนือ ลำว และแบบไทยภำตะวันออกเฉียงเหนือปนอยู่ด้วย
ระบำเชียงแสน จัดแสดงครั้งแรก เมื่อวันที่ ๒๔ พฤษภำคม พ.ศ.๒๕๑๐ และภำยหลังได้นำออกแสดงในโรงละคร
แห่งชำติ และที่อื่น ๆ เพื่อให้ประชำชนชม
นำยมนตรี ตรำโมท ผู้เชี่ยวชำญดุริยำงค์ไทย กรมศิลปำกร ศิลปินแห่งชำติ สำขำศิลปะกำรแสดง (ดนตรีไทย)
ปีพุทธศักรำช ๒๕๒๘ เป็นผู้แต่งทำนองเพลง
นำงลมุล ยมะคุปต์ ผู้เชี่ยวชำญกำรสอนนำฏศิลป์ไทย วิทยำลัยนำฏศิลป กรมศิลปำกร
และนำงเฉลย ศุขะวณิช ผู้เชี่ยวชำญกำรสอนนำฏศิลป์ไทย วิทยำลัยนำฏศิลป กรมศิลปำกร ศิลปินแห่งชำติ สำขำ
ศิลปะกำรแสดง (นำฏศิลป์) ปีพุทธศักรำช ๒๕๓๐ เป็นผู้ประดิษฐ์ท่ำรำ
นำยสนิท ดิษฐพันธ์ ออกแบบเครื่องแต่งกำย นำงชนำนันท์ ช่ำงเรียน สร้ำงเครื่องแต่งกำย นำยชิต แก้วดวง
ใหญ่ สร้ำงศิรำภรณ์ และเครื่องประดับ
- 16. ระบำสุโขทัย
ระบำสุโขทัย เป็นระบำชุดที่ ๕ อยู่ในระหว่ำงพุทธศตวรรษที่ ๑๙ - ๒๐ นับเป็นยุคสมัยที่
ชนชำติไทย เริ่มสร้ำงสรรค์ศิลปะด้ำนนำฏศิลป์ และดนตรีในเป็นสมบัติประจำชำติ โดยอำศัย
หลักฐำนอ้ำงอิงที่กล่ำวไว้ในเอกสำร และหลักศิลำจำรึก ประกอบศิลปกรรมอื่น ๆ กำรแต่ง
ทำนอง กระบวนท่ำรำ และเครื่องแต่งกำย ประดิษฐ์ขึ้นให้มีลักษณะที่อ่อนช้อยงดงำม ตำม
แบบอย่ำงของศิลปะสมัยสุโขทัย
ระบำชุดสุโขทัย จัดแสดงครั้งแรกเมื่อวันที่ ๒๕ พฤษภำคม พ.ศ.๒๕๑๐ และภำยหลังได้
นำออกแสดง ในโรงละครแห่งชำติ และที่อื่น ๆ เพื่อให้ประชำชนชม
นำยมนตรี ตรำโมท ผู้เชี่ยวชำญดุริยำงค์ไทย กรมศิลปำกร ศิลปินแห่งชำติ สำขำ
ศิลปะกำรแสดง (ดนตรีไทย) ปีพุทธศักรำช ๒๕๒๘ เป็นผู้แต่งทำนองเพลง โดยนำทำนองเพลง
เก่ำของสุโขทัยมำดัดแปลง
ท่ำนผู้หญิงแผ้ว สนิทวงศ์เสนี ผู้เชี่ยวชำญนำฏศิลป์ไทย กรมศิลปำกร ศิลปินแห่งชำติ
สำจำศิลปะกำรแสดง (นำฏศิลป์ไทย) ปีพุทธศักรำช ๒๕๒๘ เป็นผู้ประดิษฐ์ท่ำรำ
นำยสนิท ดิษฐพันธ์ ออกแบบเครื่องแต่งกำย นำงชนำนันท์ ช่ำงเรียน สร้ำงเครื่องแต่ง
กำย นำยชิต แก้วดวงใหญ่ สร้ำงศิรำภร
- 17. เครื่องแต่งกำย
๑.ศีรษะ ทรงยอดรัศมีสำหรับตัวเอก และทรงระฆังคว่ำสำหรับตัวรอง
๒.ต่ำงหู เป็นดอกกลม
๓.เสื้อในนำง สีชมพูอ่อน
๔.กรองคอ สีดำ ปักดิ้นและเลื่อม
๕.ต้นแขน ตัวรองพื้นสีดำ ปักดิ้นและเลื่อม
ตัวเอกทำด้วยหนังลงรักปิดทอง
๖.กำไลข้อมือ ตัวรองพื้นสีดำ ปักดิ้นและเลื่อม
ตัวเอกทำด้วยหนังลงรักปิดทอง
๗.ข้อเท้ำ ตัวรองพื้นสีดำ ปักดิ้นและเลื่อม ตัวเอกทำด้วยหนังลงรักปิดทอง
๘.ผ้ำรัดเอว ทำด้วยผ้ำสีดำ มีลวดลำยเป็นดอกไม้ประดับและห้อยที่ชำยเป็นรูปสี่เหลี่ยม
ขนมเปียกปูน มีริบบิ้นสีเขียวห้อยมำทั้งสองข้ำง
๙.ผ้ำนุ่ง เป็นกระโปรงบำนจีบหน้ำสีส้ม มีลูกไม้สีขำวระบำยเป็นชั้น ๆ
๑๐.ทรงผม เกล้ำผม ครอบด้วยที่รัดผม
- 19. ระบำศรีชัยสิงห์
“ระบำศรีชัยสิงห์” เป็นระบำโบรำณคดีที่วิทยำลัยนำฏศิลป กรมศิลปำกร ได้
สร้ำงสรรค์ประดิษฐ์ท่ำรำขึ้นใหม่จำกจินตนำกำรศิลปกรรมภำพจำหลัก ซึ่งภำพจำหลักนี้ ได้
ลอกเลียนแบบมำจำกปรำสำทเมืองสิงห์ เป็นโบรำณสถำนที่มีอำยุรำวพุทธศตวรรษที่ ๑๘
ดัดแปลงมำจำกท่ำรำของนำงอัปสรบำยน ในสมัยขอมบำยน มำเป็นหมู่ระบำนำงอัปสร
ฟ้อนรำถวำยพระนำงปรัชญำปำรมิตำ ซึ่งเป็นพระมำรดำแห่งพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร
สำเหตุที่ตั้งชื่อว่ำศรีชัยสิงห์ คิดว่ำ น่ำจะนำมำจำก ในสมัยพระเจ้ำชัยวรมันที่ ๗
เรียกเมืองกำญจน์ ว่ำ ศรีชัยยะสิงหปุระ
ประดิษฐ์ท่ำรำโดย นำงเฉลย ศุขวนิช ผู้เชี่ยวชำญทำงด้ำนนำฏศิลป์ไทย ของ
วิทยำลัยนำฏศิลปกรมศิลปำกร กำรแต่งกำยเลียนแบบภำพจำหลักนำงอัปสร ปรำสำทเมือง
สิงห์ บรรเลงโดยเพลงเขมรชมจันทร์และเพลงเขมรเร็ว
กำรแสดงเพื่อสงเสริมแหล่งท่องเที่ยวของไทย โดยกำรแสดงชุดนี้มีที่มำจำกแหล่ง
โบรำณคดีที่จังหวัดกำญจนบุรี คือปรำสำทเมืองสิงห์
- 20. เครื่องแต่งกำย
๑.เครื่องแต่งกำยตัวเอก
- เสื้อ รัดรูปสีน้ำตำลอ่อน คอกลม แขนสั้นเหนือศอก
- ผ้ำ นุ่ง เป็นกระโปรงสำเร็จรูปแบบป้ำย ทบซ้อนหน้ำ สีเหลืองทอง ยำวคลุมเข่ำ มีลูกไม้แถบสีทอง
เดินลำยและปักเลื่อมดอกสีทองตัดเย็บด้วยผ้ำผำดไทยชนิดมีลวดลำยในตัว
๒.ศีรษะของตัวเอก ประกอบด้วย
- กะบังหน้ำ - ยี่ก่ำ - เกี้ยว
- พู่หนัง - สำแหรก - ปลียอด
- ดอกไม้ไห; - ลำยท้ำย
๓.เครื่องประดับ
- รัดต้นแขน
- สร้อยคอ ๑ เส้น
- กำไลมือ
- กำไลเท้ำ
- กรองคอ
- สังวำล ๒ เส้น (ทำด้วยหนัง ลงลำยรักปิดทอง ประดับกระจก และพลอยหลำกสี)