ระบบรัฐสภา ตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
ระบบรัฐสภา ตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
รัฐสภา หมายถึง สถาบันที่ใช้อำนาจนิติบัญญัติซึ่งเป็น 1 ใน 3 ของอำนาจอธิปไตยตามหลักการปกครองระบอบประชาธิปไตยในระบบรัฐสภา โดยนับตั้งแต่เปลี่ยนแปลงการปกครอง พุทธศักราช 2475 เป็นต้นมาประเทศไทยมีรัฐสภา 2 ระบบ คือ ระบบสภาเดียว ซึ่งส่วนใหญ่สภาเดียวมักจัดตั้งขึ้นภายหลังการปฏิวัติ รัฐประหารโดยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรมาจากการเลือกตั้งหรือแต่งตั้ง ส่วนระบบสองสภาประกอบด้วยสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา ซึ่งสมาชิกมาจากทั้งการเลือกตั้งและแต่งตั้ง ทั้งนี้ เป็นไปตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยหรือธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักรแต่ละฉบับ ดังนี้
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย | ระบบรัฐสภา | รัฐสภา |
---|---|---|
พระราชบัญญัติธรรมนูญการปกครองแผ่นดินสยามชั่วคราว พุทธศักราช 2475 | สภาเดียว | สภาผู้แทนราษฎร |
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรสยาม พุทธศักราช 2475 | สภาเดียว | สภาผู้แทนราษฎร |
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2489 | สองสภา | พฤฒสภาและสภาผู้แทน |
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2490 | สองสภา | วุฒิสภาและสภาผู้แทน |
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2492 | สองสภา | วุฒิสภาและสภาผู้แทน |
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2475 แก้ไขเพิ่มเติม พุทธศักราช 2495 |
สภาเดียว | สภาผู้แทนราษฎร |
ธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักร พุทธศักราช 2502 | สภาเดียว | สภาร่างรัฐธรรมนูญ |
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2511 | สองสภา | วุฒิสภาและสภาผู้แทน |
ธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักร พุทธศักราช 2515 | สภาเดียว | สภานิติบัญญัติแห่งชาติ |
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2517 | สองสภา | วุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎร |
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2519 | สภาเดียว | สภาปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน |
ธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักร พุทธศักราช 2520 | สภาเดียว | สภานิติบัญญัติแห่งชาติ |
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2521 | สองสภา | วุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎร |
ธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักร พุทธศักราช 2534 | สภาเดียว | สภานิติบัญญัติแห่งชาติ |
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธคักราช 2534 | สองสภา | วุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎร |
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 | สองสภา | สภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา |
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2549 | สภาเดียว | สภานิติบัญญัติแห่งชาติ |
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 | สองสภา | สภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา |
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557 | สภาเดียว | สภานิติบัญญัติแห่งชาติ |
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 | สองสภา | สภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา |
หน้าที่และอำนาจของรัฐสภาตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยพุทธศักราช 2560 สรุปสาระสำคัญ ดังนี้
ด้านการประชุม (ตามมาตรา 156) ให้รัฐสภาประชุมร่วมกัน ในกรณีต่อไปนี้
1. การให้ความเห็นชอบในการแต่งตั้งผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ (ตามมาตรา 17)
2. การปฏิญาณตนของผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ต่อรัฐสภา (ตามมาตรา 19)
3. การรับทราบการแก้ไขเพิ่มเติมกฎมณเฑียรบาลว่าด้วยการสืบราชสันตติวงศ์ พระพุทธศักราช 2467 (ตามมาตรา 20)
4. การรับทราบหรือให้ความเห็นชอบในการสืบราชสมบัติ (ตามมาตรา 21)
5. การให้ความเห็นชอบในการปิดสมัยประชุม (ตามมาตรา 121)
6. การเปิดประชุมรัฐสภา (ตามมาตรา 122)
7. การพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (ตามมาตรา 132)
8. การปรึกษาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญหรือร่างพระราชบัญญัติใหม่ (ตามมาตรา 146)
9. การพิจารณาให้ความเห็นชอบ กรณีอายุของสภาผู้แทนราษฎรสิ้นสุดลงหรือมีการยุบสภาโดยยังไม่ได้ให้ความเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติ คณะรัฐมนตรีที่ตั้งขึ้นใหม่สามารถร้องขอให้สภาพิจารณาต่อไป (ตามมาตรา 147)
10. การเปิดอภิปรายทั่วไป (ตามมาตรา 155 และมาตรา 165)
11. การตราข้อบังคับการประชุมรัฐสภา (ตามมาตรา 157)
12. การแถลงนโยบายของคณะรัฐมนตรีที่จะเข้าบริหารราชการแผ่นดิน (ตามมาตรา 162)
13. การให้ความเห็นชอบในการประกาศสงคราม (ตามมาตรา 177)
14. การรับฟังคำชี้แจงและการให้ความเห็นชอบหนังสือสัญญา (ตามมาตรา 178)
15. การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ (ตามมาตรา 256)
16. กรณีอื่นตามที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ
ด้านการตรากฎหมาย
1. การตราร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญและร่างพระราชบัญญัติ (ตามมาตรา 81)
2. การพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (ตามมาตรา 132)
3. การปรึกษาร่างพระราชบัญญัติใหม่และการยืนยันร่างพระราชบัญญัติตามเดิม (ตามมาตรา 146)
4. การให้ความเห็นชอบตามที่คณะรัฐมนตรีร้องขอให้พิจารณาบรรดาร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมหรือร่างพระราชบัญญัติที่รัฐสภายังมิได้ให้ความเห็นชอบที่ตกไป (ตามมาตรา 147)
5. การอนุมัติพระราชกำหนด โดยให้คณะรัฐมนตรีเสนอพระราชกำหนดนั้นต่อรัฐสภาเพื่อพิจารณาโดยไม่ชักช้า (ตามมาตรา 172 วรรคสาม)
6. การเสนอญัตติขอแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญและการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม (ตามมาตรา 256)
ด้านการถ่วงดุลอำนาจกับฝ่ายบริหาร
1. คณะรัฐมนตรีที่จะเข้าบริหารราชการแผ่นดินต้องแถลงนโยบายต่อรัฐสภาภายใน 15 วันนับแต่วันเข้ารับหน้าที่ ซึ่งต้องสอดคล้องกับหน้าที่ของรัฐ แนวนโยบายแห่งรัฐ และยุทธศาสตร์ชาติ และต้องชี้แจงแหล่งที่มาของรายได้ที่จะนำมาใช้จ่ายในการดำเนินนโยบาย โดยไม่มีการลงมติความไว้วางใจ (ตามมาตรา 162)
2. ในกรณีที่มีปัญหาสำคัญเกี่ยวกับความมั่นคงปลอดภัยหรือเศรษฐกิจของประเทศ สมควรที่จะปรึกษาหารือร่วมกันระหว่างรัฐสภาและคณะรัฐมนตรี ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรจะแจ้งไปยังประธานรัฐสภาขอให้มีการเปิดอภิปรายทั่วไปก็ได้ (ตามมาตรา 155)
3. ในกรณีที่มีปัญหาสำคัญเกี่ยวกับการบริหารราชการแผ่นดินที่คณะรัฐมนตรีเห็นสมควรจะฟังความคิดเห็นของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภา นายกรัฐมนตรีจะแจ้งไปยังประธานรัฐสภาขอให้มีการเปิดอภิปรายทั่วไปในที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภาก็ได้ (ตามมาตรา 165)
ด้านการให้ความเห็นชอบ
1. การให้ความเห็นชอบในการประกาศสงคราม (ตามมาตรา 177)
2. การให้ความเห็นชอบหนังสือสัญญาที่มีบทเปลี่ยนแปลงอาณาเขตไทยหรือเขตพื้นที่นอกอาณาเขตซึ่งประเทศไทยมีสิทธิอธิปไตย หรือมีเขตอำนาจ และหนังสือสัญญาอื่นที่อาจมีผลกระทบต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจ สังคม การค้า หรือการลงทุนของประเทศอย่างกว้างขวาง (ตามมาตรา 178)
ด้านอื่นหรือกรณีตามบทเฉพาะกาล
1. ให้คณะรัฐมนตรีแจ้งความคืบหน้าในการดำเนินการตามแผนการปฏิรูปประเทศต่อรัฐสภาเพื่อทราบทุก 3 เดือน (ตามมาตรา 270 วรรคหนึ่ง)
2. ร่างพระราชบัญญัติที่จะตราขึ้นเพื่อดำเนินการตามหมวด 16 การปฏิรูปประเทศ ให้เสนอและพิจารณาในที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภา (ตามมาตรา 270 วรรคสอง)
3. ในวาระเริ่มแรกภายในอายุของวุฒิสภา (ตามมาตรา 269) การพิจารณาร่างพระราชบัญญัติที่วุฒิสภาหรือสภาผู้แทนราษฎรยับยั้งไว้ (ตามมาตรา 137 (2) หรือ (3)) ให้กระทำโดยที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภา ถ้าร่างพระราชบัญญัตินั้นเกี่ยวกับ (1) การแก้ไขเพิ่มเติมโทษหรือองค์ประกอบความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการหรือต่อตำแหน่งหน้าที่ในการยุติธรรม หรือความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ เฉพาะเมื่อการแก้ไขเพิ่มเติมนั้นมีผลให้ผู้กระทำความผิดพ้นจากความผิดหรือไม่ต้องรับโทษ (2) ร่างพระราชบัญญัติที่วุฒิสภามีมติด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่า 2 ใน 3 ของจำนวนสมาชิกวุฒิสภาทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ว่ามีผลกระทบต่อการดำเนินกระบวนการยุติธรรมอย่างร้ายแรง (ตามมาตรา 271)
4. ในระหว่าง 5 ปีแรกนับแต่วันที่มีรัฐสภาชุดแรกตามรัฐธรรมนูญนี้ การให้ความเห็นชอบบุคคล
ซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีให้กระทำในที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภา (ตามมาตรา 272)
ที่มา : เว็บไซต์ หอสมุดรัฐสภา https://library.parliament.go.th/th/node/4174. สืบค้นวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2567
เรียบเรียงโดย : นางสาวสุทธิรา ชมเจริญ วิทยากรปฏิบัติการ กลุ่มงานผลิตเอกสารเผยแพร่ สำนักประชาสัมพันธ์
นำข้อมูลเข้าสู่ระบบโดย : นางสาวหวันยิหวา อาดำ เจ้าพนักงานธุรการปฏิบัติงาน กลุ่มงานผลิตเอกสารเผยแพร่ สำนักประชาสัมพันธ์
ภาพประกอบโดย : https://www.freepik.com