เก็บรักษาความทรงจำอันทรงคุณค่า ถ่ายทอดสู่อัญมณีน้ำงาม "เจมโมรีส์"

เก็บรักษาความทรงจำอันทรงคุณค่า ถ่ายทอดสู่อัญมณีน้ำงาม "เจมโมรีส์"

เก็บรักษาความทรงจำอันทรงคุณค่า ถ่ายทอดสู่อัญมณีน้ำงาม "เจมโมรีส์"
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

สำหรับหนุ่มสาวยุคใหม่การสวมใส่เครื่องประดับอัญมณี นอกจากจะช่วยเติมเต็มลุคให้ดูดีสมบูรณ์แบบแล้ว ก็คงจะดีไม่น้อยหากเครื่องประดับนั้นมีเรื่องราวของความรักความผูกพันบันทึกอยู่ภายใน ซึ่งแนวความคิดนี้เกิดจากไอเดียของ "ภัสสร ภัสสรศิริ" ผู้คิดค้นนวัตกรรมการนำวัตถุที่มีคุณค่าทางจิตใจมาแปรสภาพเป็นอัญมณี เพราะสำหรับมนุษย์สิ่งที่มีค่าต่อความรู้สึกมากที่สุดก็คือ ‘ความทรงจำ’ และหากความทรงจำที่มีต่อบุคคลอันเป็นที่รักได้ถูกถ่ายทอดลงบนอัญมณีน้ำงาม ย่อมสามารถสร้างความอิ่มเอมใจให้กับผู้สวมใส่ได้อย่างไม่รู้ลืม

‘เจมโมรีส์’ (GEMORIES) ผู้เชี่ยวชาญด้านการบันทึกเรื่องราวความทรงจำในทุกขณะของช่วงชีวิต จากการนำอัฐิและอินทรียสารของบุคคลหรือสัตว์เลี้ยงมาแปรสภาพให้กลายเป็นอัญมณี โดยผ่านกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ด้วยเทคโนโลยีเสมือนจริงอันทันสมัย ที่สามารถผลิตอัญมณีให้เกิดขึ้นได้ภายในระยะเวลาอันรวดเร็ว ซึ่งยังคงเอกลักษณ์ของบุคคลหรือสัตว์เลี้ยง ผ่านสีสัน รูปแบบ และขนาดของอัญมณี เปรียบได้กับสิ่งแทนใจที่ได้เห็นครั้งใดก็สามารถนึกถึงเรื่องราวที่บันทึกไว้ในความทรงจำได้ในทันที

ภัสสร ภัสสรศิริ กล่าวถึงวัตถุประสงค์การก่อตั้งแบรนด์นี้ว่า ‘เรามองว่าจิวเวลรี่เป็นของสวยงามที่อยู่ใกล้ตัวคนมากที่สุด ก็เลยเกิดความคิดว่าจะทำยังไงให้เครื่องประดับที่เราสวมใส่มีค่ามากกว่าความสวยงาม ซึ่งหลังจากที่เราศึกษาหาข้อมูลอยู่นานก็เกิดไอเดียว่าถ้าสามารถเก็บเรื่องราวความทรงจำไว้ในแบบที่เป็นรูปธรรมได้ก็คงจะดี เพราะสิ่งที่มีค่าต่อความรู้สึกของมนุษย์ก็คือความทรงจำ จากนั้นเราจึงค้นคว้าหาเทคโนโลยีที่สามารถสร้างความทรงจำให้อยู่ในรูปแบบของจิวเวลรี่ได้ ซึ่งพบว่าเทคโนโลยีนี้ก็เป็นที่ยอมรับในระดับสากลเช่นกัน และคนไทยก็มีความชื่นชอบในการสวมใส่เครื่องประดับหรือเก็บสะสมอัญมณีอยู่แล้ว และหากถ้าเป็นอัญมณีที่มีเรื่องราวความเป็นมาที่เฉพาะเจาะจงเพียงชิ้นเดียวในโลกก็คงสร้างมูลค่าทางจิตใจได้ไม่น้อย’

การบันทึกเรื่องราวความทรงจำของ ‘เจมโมรีส์’ นั้นได้ถูกถ่ายทอดออกมาในรูปแบบของอัญมณีน้ำงาม และแก้วหินอ่อนหรือ Marble Glass ที่เกิดจากการหลอมรวมของมวลสารและเนื้อแก้วที่อุณหภูมิสูงจนเกิดความใส แวววาว ให้สีสันบริสุทธิ์ สวยงามเหมาะสำหรับตั้งโชว์ไว้ให้เป็นที่ระลึก โดยอินทรียสารที่สามารถนำมาทำเป็นอัญมณีได้นั้น ได้แก่ อัฐิของบุคคลอันเป็นที่รักเปลี่ยนให้เป็นอัญมณีเพื่อเป็นสิ่งแทนใจ อีกทั้งยังสามารถส่งต่อให้เป็นของที่มีมูลค่าทางจิตใจจากรุ่นสู่รุ่นได้อีกด้วย, เส้นผมสู่อัญมณีที่มีเพียงชิ้นเดียวในโลกสำหรับบันทึกความทรงจำอันเปี่ยมความมหายของแต่ละบุคคล, สายสะดือ และฟันน้ำนม มอบของขวัญชิ้นพิเศษสำหรับลูกน้อยด้วยการนำสายสะดือของเด็กแรกเกิด หรือฟันน้ำนมของเด็กเล็ก มาแปรสภาพให้กลายเป็นอัญมณีตัวแทนแห่งความรักความผูกพันของคนเป็นพ่อและแม่, กระดูก เส้นขน และส่วนต่างๆ ของสัตว์เลี้ยง ความรักที่เจ้าของมีต่อสัตว์เลี้ยงจะถูกเก็บรักษาไว้ในรูปแบบของอัญมณีดีไซน์พิเศษ แม้ในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ รวมไปถึงเสื้อผ้า, ดอกไม้ หรือของชิ้นสำคัญที่มีค่า ก็สามารถนำมาเก็บรักษาไว้ในรูปแบบของอัญมณีได้เช่นกัน

สำหรับการบันทึกความทรงจำในรูปแบบพลอยนั้น สามารถทำได้ในขนาดด้วยกัน ได้แก่  3, 5 และ 9 กะรัต โดยมีรูปทรงให้เลือกทั้งหมด 4 รูปทรง ได้แก่ รูปทรงกลม (Round Cut), รูปทรงสี่เหลี่ยม (Princess Cut), รูปทรงหัวใจ (Heart Cut) และรูปทรงวงรี(Oval Cut) ผ่านโทนสีขั้นพื้นฐานที่มี 8 สีด้วยกัน ได้แก่ สีฟ้า (Aquamarine), สีน้ำเงินอ่อน (Blue Aster), สีน้ำเงิน (Dark Sapphire), สีเขียว (Peridot), สีชมพู (Rose), สีน้ำตาลอ่อน (Champagne Topaz), สีน้ำตาลเข้ม (Smoky Quartz), สีดำ (Pure Black) และ           

สีพรีเมี่ยม สีแดง (Ruby) ซึ่งมีเอกลักษณ์พิเศษด้วยส่วนผสมของทองคำบริสุทธิ์ที่มีขนาดเล็กระดับนาโน รวมถึงฟังก์ชั่น Multi-Colors Change ที่สามารถเลือกได้ 3 สี ด้วยกัน ได้แก่ สีเหลือง (Sunset), สีน้ำตาลเขียว (Brownish Green) และสีม่วง (Violet / Blue) ซึ่งเป็นนวัตกรรมที่ได้รับการจดสิทธิบัตรเฉพาะของเจมโมรีส์เท่านั้น ซึ่งนอกจากการผลิตอินทรียสารสู่อัญมณีแล้วทาง ‘เจมโมรีส์’ ยังมีบริการประกอบเข้าตัวเรือนในรูปแบบของแหวน สร้อย และจี้ ใน ‘เดอะ คลาสสิค คอลเลกชั่น’ (The Classic Collection) ที่ได้รับการออกแบบให้สวมใส่ได้ในทุกวัน สะท้อนถึงรูปแบบของการบันทึกความทรงจำที่ไร้กาลเวลา รวมถึงคอลเลกชั่นดีไซน์พิเศษจากนักออกแบบชั้นนำ

นอกจากนี้เหล่าแฟนคลับแบรนด์ต่างก็ได้ร่วมเผยถึงความทรงจำที่มีต่อสิ่งที่รัก รวมถึงเคล็ดลับการดูแลความรัก ผ่านอัญมณีดีไซน์พิเศษจากทาง ‘เจมโมรีส์’  เริ่มจากเซเลบริตี้สาว ปิยะวิภา อินทรทัต บุตรสาวของ พล.อ.ไตรรงค์ อินทรทัต เผยว่า ‘เราแบ่งเอาอัฐิของคุณพ่อมาทำเป็นจิวเวลรี่เพราะเราเองก็เป็นเด็กยุคใหม่ที่อาจจะไม่ค่อยมีความรู้ในการเก็บดูแลอัฐิมากนัก พอได้มาเราก็นำมาทำเป็นสร้อยห้อยคอ ให้เป็นสิ่งที่อยู่ใกล้ตัวและมันมีมูลค่าทางจิตใจ เพราะตอนที่คุณพ่อยังอยู่กับเรา เราค่อนข้างสนิทกัน ไปเที่ยวด้วยกัน คุยกันตลอด ในแต่ละวันเราก็จะคอยดูแลท่านไม่ให้ขาดตกบกพร่อง โดยเฉพาะเรื่องสุขภาพ แต่พอในวันที่เขาไม่อยู่แล้วเราก็ต้องเสียใจมากอยู่แล้ว แต่ก็ต้องเข้มแข็งเพราะเรายังมีคุณแม่ที่ต้องดูแลก็คิดว่าต้องรับผิดชอบดูแลในส่วนที่คุณพ่อเคยทำไว้ ซึ่งคิดว่าท่านก็คงอยากให้เป็นแบบนั้น ซึ่งพอเรามีส่วนหนึ่งของท่านติดตัวอยู่มันทำให้รู้สึกสบายใจ และอุ่นใจอยู่เสมอ’

ถัดมาที่คุณแม่ยังสวย ชุติมา ลิ้มเจริญรัตน์ เล่าว่า ‘เราเอาเส้นผมของคุณแม่ ของตัวเอง แล้วก็ของลูกสาว มาทำเป็นจี้ เพราะรู้สึกว่าเราเป็นสามเจเนอเรชั่นที่เป็นผู้หญิงเหมือนกัน และเราเองก็สนิทกับแม่มากพอมีลูกก็เข้าใจเลยว่า ความรักของคนเป็นแม่ที่มีต่อลูกมันงดงามและบริสุทธิ์ขนาดไหน ทุกวันนี้เราก็พยายามทำหน้าที่ของแม่ให้ดีที่สุด เลี้ยงลูกเอง เพราะอยากมีเวลาให้เขามากๆ ในทุกช่วงเวลาที่เขาได้เติบโตก็อยากให้มีเราอยู่ด้วย ที่ตัดสินใจทำอัญมณีกับ เจมโมรีส์ เพราะรู้สึกว่าจิวเวลรี่มันก็เป็นของที่อยู่คู่กับผู้หญิงอยู่แล้วที่ปกติเราก็ใส่กันแค่เพื่อความสวมงาม แต่ถ้ามันมีสัญลักษณ์ของคนที่เรารักอยู่ในนั้นด้วยมันก็จะยิ่งมีค่ามากขึ้น เราก็เลยอยากทำเป็นของขวัญเก็บไว้ให้ลูกเรา’

คนต่อมานักแสดงสาวรักสัตว์ ชลลดา เมฆราตรี เผยว่า ‘เวลาเรารักหรือผูกพันกับใคร เราก็อยากจะมีเขาไว้ใกล้ตัว นี่คือธรรมชาติของมนุษย์ ซึ่งสำหรับเราเองก็เป็นหนึ่งคนที่ชอบเลี้ยงสุนัขแล้วก็รักและผูกพันกับเขามาก เพราะถูกคุณพ่อปลูกฝังมาตั้งแต่เด็กๆ ว่าถ้าอยากจะมีสัตว์เลี้ยงก็ต้องมีเวลาเล่นกับเขา ให้ข้าวให้น้ำ ไม่สบายก็ต้องพาไปหาหมอ ฉีดวัคซีนให้ตรงเวลา เราก็เลยเข้าใจและปฏิบัติเป็นกิจวัตรมาตลอดจนกลายเป็นความเคยชิน อย่างตัวที่ชื่อปังปอนด์เป็นสุนัขตัวแรกในชีวิตและเขาอายุยืนที่สุดอยู่กับเรามา 19 ปี เป็นที่รักของคนในครอบครัวมาก ช่วงที่เขาป่วยเราก็เลยเอาขนของเขาไปทำเป็นจิวเวลรี่ เพราะเรารู้อยู่แล้วล่ะว่าเขาใกล้ไปแล้วก็เลยอยากทำเก็บไว้ ซึ่งพอเราได้อัญมณีมาเราก็ให้ทางแบรนด์ช่วยดีไซน์ตัวเรือนแบบพิเศษให้ทำเป็นสร้อยคอกับต่างหู ซึ่งมันก็เป็นของมีค่าสำหรับเรานอกจากสวยงามแล้ว มันมีคุณค่าทางใจ’

ปิดท้ายที่เซเลบริตี้สาวสวย หม่อมราชวงแม้นนฤมาส ยุคล สวัสดิ์-ชูโต เล่าว่า ‘เครื่องประดับของเราเป็นจี้สร้อยคอรูปหัวใจที่ทำมาจากดอกไม้แห้งจากพานธูปเทียนแพที่ใช้ในวันสมรสซึ่งประทานจากพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ ที่เราเลือกนำดอกไม้แห้งนี้มาทำเป็นจิวเวลรี่ก็เพราะเราจะได้สามารถใส่ติดตัวไปไหนมาไหนกับเราได้ถูกที เหมือนเป็นสิ่งแทนใจให้ระลึกถึงวันแต่งงานซึ่งเป็นวันสำคัญของชีวิต ส่วนวิธีดูแลความรักและชีวิตคู่นั้น เรามักจะคุยกันในทุกๆ เรื่อง คอยใส่ใจรายละเอียดของอีกฝ่ายอยู่เสมอ และทำทุกวันให้เหมือนกับวันแรกที่รักกันเสมอ’

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook