นายช่าง สำนักช่างสิบหมู่ ปั้นประติมากรรมจากหัวใจ ถวายในหลวง ร.9

นายช่าง สำนักช่างสิบหมู่ ปั้นประติมากรรมจากหัวใจ ถวายในหลวง ร.9

นายช่าง สำนักช่างสิบหมู่ ปั้นประติมากรรมจากหัวใจ ถวายในหลวง ร.9
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

 

นายภคคีตา แก้วกัญญา ปาล์ม นายช่างศิลปกรรมปฎิบัติการ สำนักช่างสิบหมู่ กรมศิลปากร ผู้ออกแบบท้าวธตรฐ และรับผิดชอบดูแลการปั้นครุฑ 1 องค์ ประดับพระเมรุมาศงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในหลวง รัชกาลที่ 9

p1

เขาเติบโตที่ อ.โขงเจียม จ.อุบลราชธานี ที่นี่เองทำให้นายภคคีตามีทักษะในการปั้นตั้งแต่อายุ 16 ปี ด้วยการเริ่มแกะสลักเทียน ซึ่งเป็นงานที่คล้ายกับงานประติมากรรม จากนั้น 20 ปีต่อมาเขาก้าวมาเป็นนายช่างศิลปกรรมปฎิบัติการ สำนักช่างสิบหมู่ กรมศิลปากร

2

จากวันที่เริ่มแกะสลักเทียนพรรษานั่นเองทำให้เขาตัดสินใจเข้าเรียน ปวช. และ ปวส. ด้านวิจิตรศิลป จนมาจบปริญญาตรีที่ สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ หลังจากนั้นเขาทำงานปั้นอิสระมาก่อน พอทางสำนักช่างสิบหมู่ เปิดรับเมื่อ 2 ปีที่แล้วจึงได้สมัคร และได้มาเป็นข้าราชการในปัจจุบัน

111

13 ตุลาคม พ.ศ. 2559 ในช่วงเวลาที่ข่าวพระราชสำนักประกาศว่าในหลวง รัชกาลที่ 9 สวรรคต นายภคคีตา เล่าถึงวินาทีนั้นด้วยน้ำเสียงนิ่งสงบ แต่แววตาเต็มไปด้วยอารมณ์และความรู้สึกว่า

"ตอนนั้นผมปั้นท่านอยู่นะรูปหนึ่ง ปั้นแต่ยังไม่เสร็จน่ะ ตอนนั้นมันเบลอ และร้องไห้ ผมก็นั่งอยู่ตรงงานที่ปั้นท่าน ผมปั้นท่านตอนกำลังออกตรวจงานถือแผนที่ คือปั้นเพื่อจะเก็บไว้ ปั้นฝึกมือไปด้วย ปั้นแล้วก็มีข่าว ก็ช็อกมาก ร้องไห้ มันเหมือนบ้านเมืองมันเงียบ เงียบไปวูบหนึ่ง คือคนรอบข้างเราอยู่ดี ๆ ก็ไม่มีใครพูดอะไรขึ้นมา ก็จะนิ่ง ๆ กันทุกคน" หลังจบประโยคนี้ขณะสัมภาษณ์ทุกอย่างรอบตัวก็นิ่งสงบเช่นเดียวกัน

001

นายภคคีตา เล่าต่อว่าวันนั้นปั้นต่อไม่ได้เลย มือมันไม่ไปแล้ว หลังจากนั้นก็มารับหน้าที่ปั้นประติมากรรมตกแต่งพระเมรุมาศ ทำให้รูปปั้นในหลวง รัชกาลที่ 9 ชิ้นนั้นยังไม่เสร็จสมบูรณ์

p2

 ความโศกเศร้าที่พระองค์สวรรคต ทำให้เขาได้ทำงานถวายในหลวง รัชกาลที่ 9 เป็นครั้งสุดท้าย ได้ส่งพระองค์สู่สรวงสวรรค์อย่างสมพระเกียรติ ทำให้เขาเกิดความภาคภูมิใจ และทำให้ชีวิตเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นหลากหลายมุม

นายภคคีตา ตอบ NoozUP ว่า สิ่งที่ภาคภูมิใจมากเป็นพิเศษ เรียกว่าภูมิใจที่สุดในชีวิตนี้ คือการได้ปั้นและออกแบบท้าวธตรฐ ซึ่งเป็นหนึ่งในท้าวจาตุโลกบาลทั้ง 4 ที่มีความถนัดในการดนตรี และ ศิลปะ ท้าวธตรฐครอบครองสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา ด้านทิศตะวันออก

p3

เขาบอกว่าที่ภูมิใจมากที่ได้ปั้นท้าวธตรฐเพราะตามตำแหน่งของเขาไม่สามารถปั้นเทพได้ ผู้ที่จะปั้นนั้นต้องเป็นปฏิมากรเท่านั้น แต่งานนี้ปฏิมากรที่มี ได้รับหน้าที่กันหมดแล้ว หัวหน้าจึงตัดสินใจให้เขาได้ลองใช้ฝีมือที่มี เริ่มต้นด้วยสเก็ตช์ท้าวธตรฐ หรือ ปั้นท้าวธตรฐขนาดย่อขึ้นมาก่อน เมื่อผ่านการตรวจจากหัวหน้า และ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ก็ได้ขยายงานมาเป็นรูปปั้นใหญ่ ขนาด 2 เมตร

03

การถวายงานครั้งนี้ทำให้ฝีมือในการปั้นของเขาได้รับการพัฒนาเป็นอย่างมาก เพราะได้เรียนรู้กับผู้ที่มีความสามารถระดับประเทศ ทำให้ปั้นงานได้เร็วและแม่นยำขึ้นมาก ส่วนเรื่องที่เชื่อว่าเกิดขึ้นกับทุกคนที่ได้ถวายงานคือความตั้งใจ และความกระตือรือร้นในการทำงาน เพราะทุกคนอยากถวายงานที่ดีที่สุดให้ในหลวง รัชกาลที่ 9 ทุกคนจะไม่ปล่อยผ่านงานไปง่าย ๆ แม้แต่รายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็ต้องมีการแก้งาน ทุกงานที่เกิดขึ้นผ่านการแก้มาแล้วทั้งนั้น

p4

ส่วนตัวเขาในสิ่งที่เปลี่ยนไปในกิจวัตรประจำวันคือชีวิตมีระเบียบวินัยมากขึ้น และมีความรับผิดชอบมากขึ้น ตั้งแต่เรื่องการแต่งกายที่จริง ๆ ถือเป็นเรื่องเล็กน้อยมาก ๆ ไปจนถึงเรื่องการดื่มที่ลดลง การมาถวายงานมีส่วนมากเพราะไม่อยากมาทำงานแบบไม่พร้อม จึงทำให้เขาฉุกคิดอยู่ตลอดว่าพรุ่งนี้เช้าต้องไปทำงานถวายพระองค์ ก็ทำให้การดื่มลดลงไป ส่วนเรื่องอยู่ทำงานจนถึงดึกก็มีบ้าง แต่ว่างานประติมากรรมต้องใช้แสงเป็นหลักจึงทำให้ไม่ได้อยู่ดึกบ่อยนัก แต่ถ้าอยู่ก็นั่งเก็บงานเล็ก ๆ น้อย ๆ เป็นครั้งคราว

p5

ในวันงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพในหลวง รัชกาลที่ 9 เขาไม่ได้เข้าร่วมงาน จึงจะรอดูทางโทรทัศน์ และไม่รู้สึกเสียใจ เพราะตอนนี้ได้ถวายงานให้พระองค์อย่างเต็มที่ สุดฝีมือที่มี นำวิชาความรู้ที่มีมาใช้จนหมด จริง ๆ บางอย่างมากกว่าฝีมือที่มีอยู่เดิม เพราะต้องหาข้อมูลเพิ่มเยอะมาก ๆ การปั้นนี้ประกอบไปด้วยหลายอย่าง ยิ่งมีคำว่าพระมหากษัตริย์เข้ามาก็จะมีเรื่องของงานอนุรักษ์ด้วย รวมถึงการปั้นสัดส่วนของอวัยวะต่าง ๆ ให้ถูกต้อง

บางงานอาจไม่ถูกใจบางท่าน แต่งานปั้นในครั้งนี้ไม่ใช่งานของใครคนใดคนหนึ่งมันเป็นงานของคนไทยทั้งหมด เราต้องทำตามใจคนส่วนรวม ถ้าส่วนรวมว่าไม่สวยก็ยินดีแก้ แก้เกือบทุกอย่างที่ได้รับคำติ เขาย้ำอีกครั้งด้วยน้ำเสียงที่นิ่งสงบแต่หนักแน่นว่า เพราะงานนี้ไม่ใช่งานของเราคนเดียว เรามีหน้าที่แค่มารับผิดชอบงานตรงนี้แทนทุกคนในประเทศเท่านั้น

p6

ตั้งแต่ทำงานมาจนถึงวันนี้ นายภคคีตากล่าวว่า รักในหลวง รัชกาลที่ 9 มากขึ้นเป็นอย่างมาก ได้เห็นทุกคนที่มาทำด้วยใจ อย่างอาสาหลายคนที่มาทำโดยไม่ได้อะไรเลย แล้วเราคนที่มีหน้าที่โดยตรงจะไม่ทำงานตรงนี้ออกมาให้เต็มที่ได้อย่างไร เพราะจริง ๆ แล้วกลุ่มงานของเราเป็นงานประติมากรรมที่เกี่ยวกับพระมหากษัตริย์อยู่แล้ว ทำหน้าที่ปั้นพระอนุสาวรีย์ต่าง ๆ ก็จะมีข้อมูลเกี่ยวกับพระมหากษัตริย์เยอะมากที่นี่ ตั้งแต่เรื่องเข็มทิศ รวมถึงประวัติของทรงฉลองพระองค์ว่าใส่ที่ไหน ใส่ทำอะไรวันไหน แบบนี้เราต้องมีรายละเอียดทั้งหมด ทำให้เรารักสถาบันพระมหากษัตริย์ รักในหลวง รัชกาลที่ 9 อย่างมากเกินจะบรรยาย

p7

นอกจากนี้สิ่งที่รู้สึกประทับใจเป็นอย่างมากคือการได้เห็นคนที่รักในหลวงรัชกาลที่ 9 มากมายออกมาทำสิ่งต่าง ๆ เพื่อพระองค์ท่าน นายภคคีตา ยกตัวอย่างอาสาสมัครหญิงท่านหนึ่ง จะมาร้องเพลงให้ฟังเกือบทุกอาทิตย์ "คือความสามารถของพี่เขาที่มีคือการร้องเพลง เขาปั้นไม่ได้ เขาก็มาร้องเพลงให้เราฟังแทบทุกอาทิตย์เอาอาหารมาด้วย จิตอาสาเหล่านี้ไม่ได้อะไร นอกจากรอยยิ้มและความสุขที่มอบให้ผู้อื่น พอเราเห็นความสามัคคี เห็นทุกคนรักพระองค์ท่านเหมือนเราก็ปีติไปด้วย เพราะมันมากมายมาก ๆ" สุดท้ายนายภคคีตาพูดพร้อมใบหน้าที่เปื้อนยิ้ม

p8

"ผมอยากให้เป็นอย่างที่ในหลวง รัชกาลที่ 9 ทรงมีพระราชดำรัสไว้ว่า อยากให้พวกเราคนไทยสามัคคีกัน ผมอยากให้เป็นแบบนั้นนะ อยากให้ความรัก ความสามมัคคีแบบนี้ยังคงอยู่ ไม่ใช่พอหมดงานของพระองค์แล้วเราก็จะไม่รักกันแล้ว ก็อยากให้รักและสามัคคีกันแบบนี้ เพราะจริง ๆ แล้วพวกเราทำได้ และควรทำได้ตลอดไป"

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook