ใครขึ้นแท่นผู้ประกอบการรายใหญ่ที่สุดในโลกใน “อุตสาหกรรมยา”

“ไฟเซอร์” รั้งตำแหน่งสูงสุดประจำปีของบริษัทเภสัชกรรม 50 อันดับแรกของโลก สำหรับการขายยาที่ต้องสั่งโดยแพทย์ (Rx) ประจำปีล่าสุด จากรายรับในส่วนนี้ที่ 72 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2021 มากกว่าครึ่งหนึ่งเกิดจากวัคซีน Comirnaty ของบริษัท Pfizer (วัคซีนที่ใช้ในการป้องกันโรคโควิด-19 ที่เกิดจากไวรัส SARS-CoV-2) หรือที่เราเรียกกันว่าวัคซีน Pfizer และยังมีค่าใช้จ่ายด้านการวิจัยและพัฒนาสูงสุดในการจัดอันดับนี้ ด้วยงบประมาณเกือบ 14 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ


ทั้งนี้ ไฟเซอร์เป็นผู้นำในการจัดอันดับนี้ในระหว่างปี 2015-2019 แต่ถูกแซงหน้าโดยบริษัทโรช ฟาร์มาซูติคอลส์ สัญชาติสวิสในปี 2020 เนื่องจากมีบทบาทสำคัญในการวิเคราะห์การทดสอบ/ตรวจหาเชื้อโควิด-19

Roche

อย่างไรก็ตาม บริษัท AbbVie ซึ่งตั้งอยู่ในรัฐอิลลินอยส์ ประเทศสหรัฐอเมริกา คือผู้ผลิตยาที่เติบโตเร็วที่สุดใน 10 อันดับแรกของยอดขาย Rx และในแง่ของมูลค่าตลาด แต่ที่น่าสนใจคือ บริษัทนี้ไม่ได้ขายผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับ โควิด-19 เพราะมีผลิตภัณฑ์ยาเด่นที่ คือ Humira เป็นยาฉีดซึ่งมีฤทธิ์ลดการอักเสบและลดการตอบสนองทางภูมิคุ้มกัน โดยใช้รักษาอาการต่างๆ เช่น โรคข้ออักเสบ โรคโครห์น และโรคสะเก็ดเงิน ถือเป็นยา Rx ที่ไม่ใช่วัคซีนที่ทำรายได้สูงสุดในปี 2021
จากการตีพิมพ์ 2022 Pharm Exec Top 50 Companies Pfizer ระบุว่า อย่างไรก็ตาม ไฟเซอร์ก็สามารถทำลายสถิติยอดขาย Humira ในปี 2022 ด้วยยา Paxlovid ซึ่งเป็นยาต้านไวรัสที่ใช้สำหรับรักษาโรคโควิด-19 ในผู้ป่วยที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไปที่ไม่ต้องการออกซิเจนเสริม และเป็นผู้ที่มีความเสี่ยงสูงต่อการลุกลามไปเป็นโรคโควิด-19 ที่มีอาการรุนแรง

Pfizer

กำไรมหาศาล แต่จะยั่งยืนและรักษาความอู้ฟู่นี้ไว้ได้หรือไม่?

Pfizer และ Moderna เป็นหนึ่งในกลุ่มไบโอฟาร์มาที่ได้รับผลตอบแทนจากโชคลาภที่มีชื่อว่า “โควิด-19” หลังจากพัฒนาวัคซีนโรคระบาดนี้จนประสบความสำเร็จ จากตัวเลขยอดขายดังกล่าว จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่ไฟเซอร์จะกระโดดจากอันดับที่ 8 ในการจัดอันดับก่อนหน้านี้มายืนหนึ่งเหนือตาราง โดยมียอดขาย Rx เพิ่มขึ้นมากถึง 102%
อันที่จริง ผลลัพธ์ของ Comirnaty ด้วยตัวมันเองจะทำให้ Pfizer อยู่ในอันดับที่ 9 โดยรวม ในเดือนพฤษภาคม บริษัทยายักษ์ใหญ่รายนี้ได้รายงานผลประกอบการซึ่งเป็นไตรมาสที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ของบริษัท โดยมีรายได้รวม (ไม่ใช่แค่ Rx) ที่ 25.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และคาดว่ารายรับทั้งปี 2022 จะอยู่ระหว่าง 98-102 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
Moderna
ด้าน Moderna เข้าสู่ Pharma 50 เป็นครั้งแรกหลังจากทำยอดขายได้มากถึง 17.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯในปี 2021 Moderna ครองอันดับที่ 17 ด้วยรายรับ Rx ทั้งหมด 19.2 พันล้านดอลลาร์ และบริษัทนี้ขายวัคซีนโควิด-19 ได้ 5.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้
ขณะที่บริษัทยาที่มีผลประกอบการก้าวกระโดดเพราะอานิสงส์จากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในการจัดอันดับนี้ ได้แก่ AstraZeneca (AZ) ซึ่งวัคซีน Vaxzevria มียอดขายถึง 4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปีที่แล้ว ช่วยให้บริษัทประสบความสำเร็จในการขาย Rx เพิ่มขึ้น 41.5% และขึ้นสู่อันดับ 9 จากอันดับ 11
อุตสาหกรรมยา
10 อันดับแรกของบริษัทยาขาใหญ่ที่สุดของโลก ประจำปี 2021
ด้าน Gilead Sciences ก็เช่นกัน ที่สามารถก้าวขึ้นสู่อันดับที่ 12 (เพิ่มขึ้น 13.4%) หลังยาต้านไวรัส Veklury (Remdesivir) ของบริษัท ทำรายได้ 5.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และ Johnson & Johnson (J&J) ซึ่งมีรายได้จาก Rx ถึง 49.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2021 รักษาอันดับที่ 4 ในการจัดอันดับนี้ไว้ได้ โดยมียอดขายดังกล่าวเพิ่มขึ้น 15.5% จากปีก่อนหน้า ขณะที่วัคซีนโควิดของบริษัทซึ่งวางตลาดโดยหน่วยงานของ Janssen ทำรายได้ 2.39 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2021
อุตสาหกรรมยา
แม้จะไม่ได้ติด Top 10 แต่บริษัทยาเหล่านี้ก็เกาะ Top 20 ไว้ได้
ทั้งนี้ การจัดอันดับนี้ในปีหน้าอาจเป็นการรักษาหรือวัคซีนโควิด-19 ที่ชัดเจนสำหรับใช้ในกรณีฉุกเฉินหรือขยายขอบเขตการใช้ในสหรัฐอเมริกาและ/หรือยุโรปในปลายปี 2021/ต้นปี 2022 จาก Eli Lilly, Merck, GSK และ Sanofi (ตัวอย่างเช่น รายได้จากแอนติบอดีต้านไวรัสโควิด-19 ทั้งสองตัวของ Eli Lilly เพิ่มขึ้น 660 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในไตรมาสแรกของปีนี้ โดยทั้งคู่ทำเงินได้ 2.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2021 และโมลนูพิราเวียร์ ยาต้านไวรัสในช่องปากของ Merck มีมูลค่า 3.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในไตรมาสที่ 1)

โควิด-19

คำถามคือ เมื่อหลายประเทศทั่วโลกเริ่มผ่อนคลายมาตรการต่างๆ เกี่ยวกับโควิด-19 ลง รวมถึงการประกาศให้เป็นโรคติดต่อประจำถิ่น ขณะที่ผู้คนก็เริ่มไม่ใส่ใจหรือเห็นความสำคัญของการฉีดวัคซีน กระทั่งปฏิเสธการรักษาด้วยยาโควิด-19 (หากอาการไม่รุนแรง) ด้วยเหตุและปัจจัยเหล่านี้อาจทำให้บริษัทยาต่างๆ ที่เคยกอบโกยรายได้และกำไรมหาศาลจากโรคระบาดนี้ อาจจะต้องพิจารณาแผนธุรกิจใหม่ หากต้องการรักษาระดับผลประกอบการและกำไรในระดับนี้ไว้ต่อไป

ที่มา :