สัมภาษณ์
เขตประกอบการอุตสาหกรรมฟอกหนัง ถนนสุขุมวิท กม.30 และ กม.34 จังหวัดสมุทรปราการ ถือเป็นที่ตั้ง 130 โรงงานฟอกหนังแหล่งใหญ่ของประเทศไทย ปัจจุบันธุรกิจดังกล่าวกำลังได้รับผลกระทบอย่างหนักจากกระแสต่อต้านการนำหนังสัตว์มาทำผลิตภัณฑ์กระเป๋า รองเท้า เฟอร์นิเจอร์ ฯลฯ “ประชาชาติธุรกิจ” มีโอกาสสัมภาษณ์ “สุวัชชัย วงษ์เจริญสิน” ประธานกรรมการ บริษัท ซีพีแอล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ผู้ดำเนินธุรกิจโรงงานฟอกหนัง จ.สมุทรปราการ ในฐานะประธานกลุ่มอุตสาหกรรมหนัง และเครื่องหนัง สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) และนายกสมาคมอุตสาหกรรมฟอกหนังไทย ถึงภาพรวมอุตสาหกรรมหนัง และเครื่องหนังต่อกระแสดังกล่าว และทิศทางการเติบโตของธุรกิจ
- เช็กที่นี่ เบี้ยผู้สูงอายุ พฤษภาคม 2567 เงินเข้าวันไหน
- เงินอุดหนุนบุตร 600 บาท เดือนพฤษภาคม 2567 เงินเข้าวันไหน เช็กที่นี่
- เปิดอันดับ “ประเทศที่อากาศมีมลพิษที่สุดในโลก” ไทยไม่ติดท็อป 10 !
ต้านใช้หนังยอดลดราคาดิ่ง
สุวัชชัยบอกว่า กระแสต่อต้านจากกลุ่มพวกกินผัก เป็นกระแสแรง และใหญ่มากในระดับโลก มีการรณรงค์ลดการใช้หนัง การเลี้ยงวัว และมีกระแสในเรื่องการบริโภคเนื้อวัวที่ทำจากพืช รวมถึงปัจจัยเรื่องค่าเงินบาทแข็ง และสงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐ ทำให้ปี 2562 ภาพรวมอุตสาหกรรมหนัง และเครื่องหนังในเชิงของออร์เดอร์ อยู่ในภาวะทรง ๆ และถดถอยลง ทุกบริษัทยอดขายตกก็จริง แต่ยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดี ขณะที่ราคาหนังดิบทั่วโลกต่ำลงมาก ๆ จนน่ากลัว ต่อเนื่องมาตั้งแต่ปลายปี 2561 ถึงปัจจุบัน เช่น หนังวัว ปกติราคาขาย 70-80 เหรียญต่อตัว ตอนนี้เหลือ 30 เหรียญต่อตัว ราคาตกลงมา 40%
เทรนด์รักษ์โลก+วัสดุอื่นมาแรง
ปัจจุบันพฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยน ความต้องการสินค้าในตลาดมีการพิจารณาเรื่องคุณลักษณะการใช้งานมากขึ้น มีการใช้หนังน้อยลง การผลิตกระเป๋า 1 ใบ ต้องใช้วัสดุหลากหลาย เช่น ผ้า ดังนั้นสมาคมพยายามผลักดันไปยังตลาดใหม่ให้ดีไซเนอร์ ผู้ผลิตรองเท้า ผู้ผลิตเครื่องหนังมองเห็นตลาด และยอมรับที่จะใช้หนังประเภทนี้ เพื่อทำงานร่วมกับสินค้าประเภทอื่น ๆ ยกตัวอย่าง กลุ่มเครื่องนุ่งห่มในเมืองไทยเอง มีผ้าใยสับปะรดขายได้ดีในตลาดญี่ปุ่น รวมถึงการใช้ผ้าพื้นเมืองมาใช้ประกอบเป็นกระเป๋า หากมีการนำผ้าในลักษณะเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมาผนวกกับหนังที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม จะทำให้ตัวสินค้ามีมูลค่าในตัวเองมากขึ้น
อนาคตหนังที่ใช้ทำรองเท้า กระเป๋า ต้องผลิตด้วยกระบวนการรักษ์โลกมากขึ้น เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และมีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น การฟอกหนังที่ใช้โลหะหนักโครเมียม มีราคาถูกและทนทาน ปัจจุบันเปลี่ยนมาใช้เคมีออร์แกนิก ย่อยสลายเร็วกว่าวัสดุที่ทำจากผ้า แต่ต้นทุนเพิ่ม 10-15% การฟอกหนังใช้วิธีใหม่ ๆ เพื่อประหยัดสารเคมี ประหยัดน้ำ และนำกลับมารีไซเคิลได้ และตัวหนังเองย่อยสลายได้ง่าย เปอร์เซ็นต์ที่มีสารตกค้างน้อย ปัจจุบันตลาดต้องการสินค้าเหล่านี้
ดัน FTA หนังแกะภาษี 0%
สุวัชชัยบอกว่า ตอนนี้ทางสมาคมกำลังผลักดันการนำหนังแกะ และหนังแพะมาใช้แทนหนังวัว ด้วยคุณสมบัติ 1.น้ำหนักเบา 2.ผิวพรรณมีความละเอียดมากกว่า รองเท้าที่ทำมาจากหนังแกะ หนังแพะ ขายได้ราคาได้สูงกว่าหนังวัว แต่เวลาคนฟอกหนังดิบขาย ราคาหนังวัวจะแพงกว่า เพราะคิดตามน้ำหนัก
“ในฐานะที่เป็นนายกบริหารสมาคมเห็นว่า ในเมื่อตลาดหนังวัวไปไม่ได้แล้ว มีการตีตลาดจากเมืองจีนเข้ามา มันควรจะออกตลาดไปในรูปเครื่องหนังทดแทน เช่น หนังของสัตว์อื่น ๆ เลยโฟกัสไปตลาดหนังแกะ หนังแพะ ให้ตลาดเกิดการรับรู้ให้มากขึ้น เชื่อว่าถ้าดีไซเนอร์ คนผลิตออกแบบสินค้าโดยใช้หนังแกะ หนังแพะ เช่น กรอบไอโฟนหนังแกะ หนังแพะ ราคาจะดีกว่าการผลิตจากหนังวัว คุณค่าแวลูจะต่างกัน เชื่อว่าถ้าทำให้เกิดการรับรู้ เมืองไทยจะมีตลาดเกิดใหม่ขึ้นมา”
วัตถุดิบหนังแกะ หนังแพะ ต้องนำเข้าจากประเทศปากีสถาน บังกลาเทศ ตุรกี มีข้อจำกัดเรื่องภาษีนำเข้า 5% ตอนนี้ทางสมาคมได้ทำหนังสือไปยังกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ว่าขอให้เจรจา FTA ไทย-ปากีสถาน และ FTA ไทย-ตุรกี ให้ภาษีนำเข้าเหลือ 0%
ชงพัฒนาวัวไทยเพิ่มมูลค่า
สุวัชชัยบอกว่า ธุรกิจฟอกหนังส่วนใหญ่เป็นการผลิตสินค้าตามคำสั่งซื้อของโรงงานผลิตรองเท้าแบรนด์ดัง ๆ ทำให้มียอดนำเข้าหนังดิบ และหนังสำเร็จรูป ปี 2562 อยู่ที่ 39,000 ล้านบาท ยอดส่งออก 35,000 ล้านบาท
ที่ผ่านมาทางสมาคมพยายามหาวิธีการ จะทำอย่างไรให้หนังดิบไทยมีราคาที่อยู่กันได้สมเหตุสมผล ปัจจุบันราคาหนังวัวดิบของไทย 9 บาทต่อกิโลกรัม ราคาหนังวัวดิบต่างประเทศ คุณภาพดีอยู่ที่ 30 เหรียญ/กก. (ประมาณ 948.42 บาท/กก.) วัว 1 ตัวน้ำหนักหนัง 30 กิโลกรัม เพราะคุณภาพดีกว่า ขณะที่วัวไทยคุณภาพต่างกัน ลักษณะการเลี้ยงไม่เหมือนกัน เกษตรกรเลี้ยงกัน 5-10 ตัว แต่ต่างประเทศเลี้ยงเป็นระบบฟาร์ม การจัดส่ง ฆ่า ถลกหนัง เก็บรักษา มีคุณภาพ พร้อมส่งออกต่างประเทศ เกษตรกรไทยต้องพัฒนาการเลี้ยง
โควิด-19 ตัวแปรทิศทางปี’63
สุวัชชัยบอกว่า ภาพรวมธุรกิจเครื่องหนังปี 2563 พอกับปีที่แล้ว มีปัจจัยที่เป็นตัวแปรจากความต้องการการใช้หนังลดน้อยลง ในเรื่องราคาวัตถุดิบในตลาดโลกที่ตกต่ำ สงครามการค้า ค่าเงินต้องการความมีเสถียรภาพอย่าขึ้น-ลงเร็ว และมาเรื่องไวรัสโควิด-19 หากแพร่ระบาดไป 6 เดือน ปีนี้น่าจะเหนื่อยมาก ๆ เพราะสมาชิกสมาคมมีการส่งสินค้าเข้าเมืองจีน 40% ที่เหลือเวียดนาม อินโดนีเซีย อินเดีย เราไม่ได้ห่วงเมืองจีนอย่างเดียว แต่เราห่วงประเทศคู่ค้าอื่นชัตดาวน์ไปด้วย ตอนนี้ขึ้นอยู่กับระยะเวลาการแก้ปัญหาเรื่องไวรัสเลย
ตอนนี้เอเชียมีการชะงัก ปัญหาน่าจะมีมากในปีนี้ ภาวนาให้ทางเมืองจีนจบเรื่องไวรัสได้เร็ว เพราะเมืองจีนเป็นฐานการผลิตสินค้าต่าง ๆ ของโลก จะเกิดการขาดแคลนซัพพลายอัตโนมัติ เวลาเราไปเดินห้างจะไม่มีสินค้ารองเท้ารุ่นใหม่ออกมาวางขาย ขณะที่สินค้ารุ่นเก่าจะหมดไป
ในภาคธุรกิจมองว่า ภายใน 1 เดือนจะเกิดปัญหาชอร์ตซัพพลายเออร์ในการผลิตสินค้าป้อนตามออร์เดอร์ของลูกค้าจากทั่วโลก ตอนนี้รอดูว่ารองเท้าหลายแบรนด์ใหญ่ มองปัญหาตรงนี้อย่างไร และหาวิธีแก้ไขอย่างไร
คาดการณ์ว่าถ้าจีนปิดโรงงาน ออร์เดอร์อาจจะไหลออกมาผลิตในต่างประเทศ เช่น ย้ายมาผลิตรองเท้าที่เวียดนาม ก็อาจจะมาสั่งหนังฟอกจากเมืองไทยเข้าไปผลิต ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีเพียงเวียดนาม และไทยที่เป็นผู้ผลิตวัตถุดิบหนังหลักให้กับกลุ่มผู้ผลิตรองเท้าแบรนด์ดัง