น้ำมันผสมสีแต่ละประเภท แตกต่างกันอย่างไร

ในงานสีแต่ละประเภทล้วนแต่ต้องใช้น้ำมันหรือสารละลายเพื่อผสมสีให้สามารถใช้งานได้อย่างเหมาะสมหรือเพื่อล้างทำความสะอาด โดยน้ำมันที่ใช้เป็นสารละลายนั้นก็มีมากมายหลายประเภททั้ง ทินเนอร์ น้ำมันสน น้ำมันซักแห้ง และแอลกอฮอล์ รวมไปถึงน้ำที่ใช้ทำละลายสีได้เหมือนกันแต่ควรใช้ให้ทุกประเภท ซึ่งมือใหม่ที่ไม่ใช้ช่างก็อาจยังไม่รู้ว่าน้ำมันเหล่านี้สามารถใช้ผสมสีประเภทใดได้บ้าง วันนี้เรามีความรู้เบื้องต้นมาฝากกันค่ะ

1.ทินเนอร์

เป็นผลิตภัณฑ์ตัวทำละลาย และเจือจางสี ซึ่งเป็นน้ำมันที่มีความแรงสุดในกลุ่มผสมสี มีกลิ่นฉุน ลักษณะเหลวเหมือนน้ำเหมาะกับการใช้ผสมแลกเกอร์ สีพ่นอุตสาหกรรม สีพ่นพื้นเทา สีทาถนนเป็นต้น แต่ไม่ควรใช้กับยูริเทน สีย้อมไม้ สีน้ำมัน สีกันสนิม และแชล็คเพราะทินเนอร์จะทำละลายมากเกินไปทำให้กาวในสีละลายออกไปด้วยไม่สามารถใช้ทาบนพื้นผิวที่ต้องการได้นั่นเอง

2.น้ำมันสน

ผลิตภัณฑ์ผสมสีที่มีความแรงรองลงมาจากทินเนอร์ เป็นสารสกัดจากต้นสน มีกลิ่นฉุน และมีลักษณะเหลวคล้ายน้ำ น้ำมันสนจะไว้ใช้สำหรับช่างงานไม้เป็นหลักเพราะไว้ใช้ผสมสีจำพวกสีน้ำมัน สีรองพื้นกันสนิม สีรองพื้นไม้ สีย้อมไม้ สีรองพื้นปูนเก่า วานิชเป็นต้น แต่ไม่ควรใช้ผสมสีแลคเกอร์ สีพ่นอุตสาหกรรม และสียูรีเทน

3.น้ำมันซักแห้ง

เป็นผลิตภัณฑ์ชนิดเดียวกับน้ำมันสน ลักษณะการใช้งานเหมือนกัน มีความแรงในการละลายเท่ากัน แต่เหมือนใช้งานแล้วจะมีความเงาน้อยกว่าน้ำมันสน มีราคาถูกกว่าเล็กน้อยจนถึงเท่าๆกัน ปัจจุบันจึงไม่นิยมใช้น้ำมันซักแห้งแต่ใช้น้ำมันสนแทนนั่นเองค่ะ

4.เมทิลแอลกอฮอล์

เป็นตัวทำละลายที่อ่อนสุดในกลุ่มน้ำมัน ลักษณะเหลวใส ระเหยง่าย นิยมใช้เป็นตัวทำละลายในอุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์ เช่น สีทาไม้ น้ำมันเคลือบเงา ยาลอกสี และพวกสินค้า แชล็ค เป็นต้น

5.น้ำ

น้ำเป็นตัวทำละลายที่เรารู้จักกันดี อาจไม่เข้าพวกกับกลุ่มข้างต้นเท่าไรเพราะไม่ใช้น้ำมันเหมือนทินเนอร์ น้ำมันสน น้ำมันซักแห้ง หรือเมทิลแอลกอฮอล์ ใช้ในการทำลายสีได้แต่เป็นสีน้ำ สีอะคริลิค สีน้ำพลาสติก และห้ามผสมกับสีน้ำมันทุกชนิดเพราะน้ำไม่สามารถรวมตัวเข้ากับน้ำมันได้นั่นเองค่ะ

โดยตัวทำละลายหรือสารผสมสีข้างต้นนั้นมีมากมายหลายยี่ห้อหลายรุ่นซึ่งบางประเภทอย่างทินเนอร์นั้นก็มีผลิตภัณฑ์ที่ออกมาเพื่อใช้สำหรับงานไม้โดยเฉพาะซึ่งในการผสมก็ควรอ่านการใช้งานที่บรรจุภัณฑ์หรือสอบถามพนักงานขายเพื่อความชัวร์ว่าเมื่อน้ำไปใช้งานแล้วจะไม่เกินข้อผิดพลาดภายหลังนั้นเองค่ะ

credit: tsksuphan.com