“เป็นเครื่องเตือนใจให้ประชาราษฎรของเราทวีความพยายามยิ่งขึ้นที่จะยกเกียรติยศแห่งชาติอันเป็นที่รักของเราให้ดำเนินไปถึงที่ตั้งมั่นอันสูงสุดซึ่งจะพึงถึงพร้อมด้วยดีทุกประการ บัดนี้เรามีความยินดีรับคำเชื้อเชิญของท่านทั้งหลายแล้ว แลจะได้เปิดถาวรอนุสาวรีย์อันเป็นเครื่องหมายแห่งความสโมสรสามัคคีของชาติชาวสยาม ขอให้ตั้งอยู่เป็นเครื่องหมายน้ำใจของชาติอันใหญ่ อันจะมีสืบไปทุกชั่วทุกชั้นในกาลภายหน้า”
พระราชดำรัสพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ในการพระราชพิธีรัชมังคลาภิเษก ที่พลับพลาหน้าพระลาน เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน รัตนโกสินทรศก 127(พ.ศ.2451)
พระบรมรูปทรงม้า
เครื่องเตือนใจตามพระราชดำรัสดังกล่าวนี้คือ พระบรมรูปทรงม้า อนุสาวรีย์ที่ประดิษฐานเป็นถาวรอนุสารีย์อยู่ ณ ลานพระราชวังดุสิต อันเป็นที่เคารพสัการบูชากันต่อเนื่องตลอดมาในวันปิยมหาราช 23 ตุลาคมทุกปี โดยพระองค์ทรงมอบไว้ให้เป็นเครื่องหมายแห่งสโมสรสามัคคีของประเทศและรำลึกถึงพระบารมีปกเกล้า ที่ทุกคนน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณแห่งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ที่พระองค์ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ผู้มีพระปรีชาสามารถในทุกด้าน มีพระทัยใส่ต่อประโยชน์โดยรวม ทรงเป็นสมเด็จพระมหาธรรมราชาของอาณาจักรและไพร่ฟ้าข้าแผ่นดิน จนได้รับพระราชสมัญญานามว่า “สมเด็จพระพุทธเจ้าหลวง”
การปั้นหุ่นพระบรมรูปทรงม้า
พระราชกรณียกิจต่างๆ ของพระองค์นั้นเป็นที่ทราบกันดีว่า ล้วนแต่สร้างคุณประโยชน์ต่ออาณาประชาราษฎร์ที่ได้เข้ามาอยู่ในใต้ร่มพระบรมโพธิสมภารให้มีความร่มเย็นเป็นสุข ทรงรับเป็นพระราชธุระที่ขจัดปัดเป่าความทุกข์ร้อนให้ประชาชนด้วยการพระราชจริยวัตรแห่งสมเด็จพระมหาธรรมราชา ที่ครองแผ่นดิน ทรงตั้งอยู่ในทศพิธราชธรรมและสุขุมคัมภีรภาพในการแก้ปัญหาของชาติบ้านเมืองจนทำให้อาณาจักรสยามแห่งนี้สามารถที่จะดำรงความเป็นเอกราชอยู่ประเทศเดียวท่ามกลางความสูญเสียดินแดนของประเทศรอบบ้าน ดังพระราชปณิธานว่า “เราตั้งใจอธิษฐานว่า เราจะกระทำการจนเต็มกำลังอย่างที่สุดที่จะให้กรุงสยาม เป็นประเทศอันหนึ่งซึ่งมีอิสรภาพและความเจริญ”
คาถาภาษิตที่ตราแผ่นดิน
การครองแผ่นดินของสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงนอกจากการปฏิรูปการปกครอง การศึกษา และพัฒนาบ้านเมืองในทุกด้านแล้ว ได้มีเรื่องที่น่าสนใจถึงพระราชกิจอันเนื่องมาจากความรักที่พระองค์ทรงเป็นพระราชสวามีที่ปฏิบัติต่อพระมเหสีและพระโอรสพระธิดา เป็นเจ้าชีวิตของอาณาประชาราษฎร์ ด้วยตลอดพระชนม์ชีพของพระองค์นั้นทรงพระเมตตากรุณาโปรดปรานไปยังพระมเหสี พระราชโอรสพระราชธิดา พระประยูรญาติวงศ์ และขุนนาง ตลอดจนผู้ใกล้ชิดอย่างบริบูรณ์แล้ว พระองค์ยังได้สร้างความสนิทเสน่หาเผื่อแผ่พระมหากรุณาธิคุณนั้นไปยังไพร่ฟ้าประชาชนที่อยู่ห่างไกล จนทรงคบหากับ “เพื่อนต้น”ที่เป็นชาวบ้านธรรมดา พระราชกรณียกิจของสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงนั้นว่าพระองค์ทรงเป็นพระราชาธิบดี ที่มีพระทัยรักใคร่ห่วงใยอาทรในทุกเรื่อง ดังปรากฏจากพระราชหัตถเลขาที่พระองค์ ทรงมีไปถึงพระมเหสีพระราชโอรส พระราชธิดา พระบรมวงศานุวงศ์ และเจ้านายผู้ใกล้ชิดอย่างสม่ำเสมอ จนยากที่รวบรวมไว้ได้ครบถ้วน และพระราชหัตถเลขาของพระองค์นั้นมีจำนวนมากซึ่งปัจจุบันได้รับการประกาศยกย่องว่าเป็นมรดกความทรงจำของโลก
จารึกแผ่นโลหะ
พระบรมรูปทรงม้านี้ หล่อด้วยโลหะทองบรอนซ์ สร้างส่วนพระองค์ใหญ่กว่าขนาดจริงเล็กน้อย ในลักษณะพระองค์เสด็จประทับอยู่บนหลังม้าพระที่นั่ง โดยมีตราแผ่นดินนี้เดิมเรียกพระราชลัญจกรประจำแผ่นดินสำหรับตีหรือประทับเอกสารทางราชการ ในรัชกาลที่ 5 ปัจจุบันเลิกใช้แล้ว และเปลี่ยนใช้ตราครุฑแทนมาตั้งแต่รัชกาลที่ 6ตรานี้มีคาถาภาษิตที่จารึกข้างใต้ภาพว่า “สพฺเพสํ สงฺฆภูตานํ สามคฺคี วุฑฺฒิสาธิกา” แปลความว่า “ความพร้อมเพรียงของบุคคลทั้งปวง ผู้อยู่เป็นหมวดหมู่กัน ย่อมเป็นเครื่องทำความเจริญให้สำเร็จ” นั้น ซึ่งมีพระราชนิพนธ์พระบรมราชาธิบายว่าด้วยความสามัคคีแก้ความ (คืออธิบายความ) ในคาถาแล้วซึ่งยังถือว่ามีความทันสมัยอยู่ทุกเมื่อและเป็นประโยชน์ต่อปวงชนชาวไทย ที่พระองค์ทรงมุ่งเน้นความสมัครสมานสามัคคีโดยทรงให้ “พระบรมรูปทรงม้า” นั้นเป็นเครื่องหมายเตือนสติแห่งอาณาประชาราษฎร์มาถึงทุกวันนี้
ตราแผ่นดิน
ตราแผ่นดิน 1 ซ้าย
พระบรมรูปทรงม้าที่ลานสวนดุสิต
พระบรมรูปทรงม้าในวันเปิด
พิธีเปิดพระบรมรูป
พิธีเปิดพระบรมรูปทรงม้า
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี