เปิดคำสารภาพ ‘ทอย’ ฆ่าเผาอำพราง ‘น้องนุ่น’ ลงมือ-ต่อหน้าลูกน้อย ความรุนแรงในครอบครัว

ความรุนแรงในครอบครัวไม่เคยหมดไปจากสังคมที่ยังฝังหัวว่าผู้ชายเป็นใหญ่

ล่าสุด เกิดคดีหญิงสาวหายตัวลึกลับหลังทะเลาะกับสามี

ก่อนแม่และเพื่อนๆ ร้องสื่อมวลชนช่วยตามเบาะแสจนพบความจริง

ชวนสะพรึง!

ผัวโหดฆ่า-เผาเมีย

คดีสลดถูกเปิดเผยขึ้นเมื่อมีผู้ใช้เฟซบุ๊กโพสต์ตามหา น.ส.ชลลดา มุธุวงศ์ หรือน้องนุ่น อายุ 27 ปี ที่หายไปตั้งแต่หลังเที่ยงคืนวันที่ 18 กุมภาพันธ์ หลังกินเลี้ยงวันเกิดนายศิริชัย รักทอง หรือทอย อายุ 33 ปี สามี ที่ร้านอาหารย่านถนนเลียบด่วนรามอินทรา หลังจากร้านปิด 01.00 น. ก็แยกย้ายกันกลับบ้าน

โดยทางทอยสามีของน้องนุ่นอ้างว่าระหว่างขับรถกลับบ้านน้องนุ่นกับทอยมีเรื่องทะเลาะกัน แล้วน้องนุ่นลงจากรถเรียกแท็กซี่หนีไป ตอนนี้ยังไม่มีใครสามารถติดต่อได้

ทั้งที่ปกติแล้วจะออนไลน์อยู่ในโซเชียลตลอด จึงเกรงว่าจะเกิดอันตราย

ต่อมาวันที่ 19 กุมภาพันธ์ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เรียกนายศิริชัย สามีของผู้สูญหาย มาให้ปากคำเพิ่มเติม หลังจากที่ก่อนหน้านี้เจ้าตัวได้เข้ามาแจ้งความเอาไว้

นายศิริชัยเปิดเผยว่า ก่อนที่ภรรยาจะหายตัวไป มีปากเสียงทะเลาะกันเรื่องแฟนเก่าของตนมากดไลก์ให้

จากนั้นภรรยากระโดดลงจากรถเก๋ง BMW สีขาว ทะเบียน 1ขส6644 กรุงเทพมหานคร บริเวณคลองประปา จึงตามไปง้อและให้ภรรยาขึ้นรถมา

จนกระทั่งช่วงขับรถมาจนถึงปากทางเข้าหมู่บ้าน ภรรยาก็กระโดดลงจากรถอีกรอบ จากนั้นก็ขึ้นแท็กซี่แล้วหายไป

ซึ่งรอบ 2 ที่ภรรยากระโดดลงจากรถ ไม่ได้ไปตามหา เพราะที่ผ่านมาภรรยาของตนทำแบบนี้บ่อย เวลามีปากเสียงทะเลาะกัน ก็จะลงจากรถแล้วเดินหนีไป

จุดเผาอำพรางศพ

ล่าสุด ที่จับ GPS ภรรยาได้ คือที่บริเวณ จ.ฉะเชิงเทรา

ยอมรับว่ามีการลงไม้ลงมือในรถ จากนั้นแฟนกระโดดลงจากรถวิ่งหนีเข้าไปในซอย แต่ออกตามไม่ได้เนื่องจากลูกอยู่ในรถด้วย

นอกจากนี้ ยังพบว่าแฟนหยิบหนังสือเดินทางติดตัวไปด้วย เพราะก่อนหน้านี้แฟนเคยไปทำงานอยู่ที่ปอยเปต ประเทศกัมพูชา

นายศิริชัยยังให้สัมภาษณ์ทั้งน้ำตา ตัดพ้อต่อว่าภรรยาว่า จะใจร้ายใจดำกับตนไปถึงไหน ตอนนี้เครียดมาก พยายามตามหาภรรยาจนสุดความสามารถแล้ว ขอให้กลับมาเถอะ เลิกน้อยใจได้แล้ว ไม่รู้จะทำอย่างไรให้ภรรยาอารมณ์เย็นลง ฯลฯ

แต่ที่สะกิดใจเพื่อนๆ และมารดาของน้องนุ่นคือนายศิริชัยบอกมารดาของน้องนุ่นว่า “แม่ทำใจนะ 50/50” เพราะเพื่อนที่สนิทกันจะรู้ดีว่านายศิริชัยเป็นคนอารมณ์รุนแรงมีพฤติกรรมลงไม้ลงมือกับน้องนุ่นที่เป็นภรรยา ที่ผ่านมาเคยถูกแจ้งความขึ้นโรงพักมาแล้วหลายครั้ง แต่สุดท้ายฝ่ายหญิงก็ใจอ่อนยอมถอนแจ้งความ

เมื่อมีเหตุให้ชวนสงสัยเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน ภ.จว.นนทบุรี พร้อมตำรวจโรงพักปากเกร็ด และเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน นำกำลังเข้าตรวจสอบบ้านพักหรูภายในหมู่บ้านแห่งหนึ่งย่านเมืองทองธานีของนายศิริชัย เพื่อเก็บรวบรวมพยานหลักฐานก่อนเชิญตัวนายศิริชัยมาสอบสวนเพื่อคลี่คลายคดี

ภายหลังเป็นข่าวมีหนุ่มพลเมืองดีติดต่อผ่านเฟซบุ๊กของเพื่อนน้องนุ่น เพื่อให้เบาะแสกับทางแม่และเพื่อนน้องนุ่น ว่าพบเห็นเหตุการณ์ชายอุ้มลูกพร้อมใช้มือตบเขย่าตัวหญิงสาวที่นอนหมดสติอยู่ที่พื้น บริเวณริมถนนแจ้งวัฒนะ แต่ตอนนั้นคิดว่าพยายามปลุกฝ่ายหญิงที่เมามากจึงไม่ได้สนใจ จนมาเห็นข่าวตามหาหญิงสาวหายตัว เมื่อประมวลเหตุการณ์พบว่าทั้งคนและรถเก๋งมีลักษณะคล้ายกัยทอยและน้องนุ่น แต่เหตุเกิดที่ถนนแจ้งวัฒนะ ไม่ตรงกับคำให้การของทอย ที่อ้างว่าทะเลาะกันริมถนนเลียบคลองประปา

เมื่อได้เบาะแสใหม่ ทางแม่และเพื่อนๆ รีบพาพลเมืองดีรายดังกล่าวไปพบตำรวจและให้ข้อมูลกับสื่อทีวี ก่อนนำไปสู่การตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดบริเวณจุดดังกล่าวจนพบความจริงที่ชวนสยอง!

นาทีหยิบก้อนอิฐทุบหัว

นาทีลงมือสุดโหด

ภาพจากกล้องวงจรปิด บันทึกภาพขณะนายศิริชัยลงมือทำร้ายร่างกายภรรยา ทั้งเตะทั้งต่อยและใช้เท้ากระทืบอย่างโหดร้ายทารุณอยู่บริเวณริมถนน แม้ภรรยาจะพยายามลุกหนีแต่ก็ยังถูกเตะเข้าที่ใบหน้าและศีรษะอย่างรุนแรงก่อนใช้ก้อนอิฐทุบที่ศีรษะอีกหลายครั้ง นานกว่า 10 นาที

กระทั่งเมื่อเวลา 20.00 น. วันที่ 20 กุมภาพันธ์ มีการพบโครงกระดูกมนุษย์เผาในป่ายาง พื้นที่บ้านมาบเหวียง หมู่ที่ 10 ต.หนองโพรง อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี ห่างจากถนนสาย 359 (สระแก้ว-เขาหินซ้อน) 200 เมตร ที่สำคัญข้อมือของศพสวมสร้อยข้อมือคล้ายของน้องนุ่น จึงประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจสอบ

ด้านนายศิริชัยที่ถูกนำตัวมาสอบปากคำและยืนยันมาตลอดว่าตัวเองเป็นผู้บริสุทธิ์ แต่พอเห็นว่าตำรวจมีหลักฐานทั้งกล้องวงจรปิดนาทีทำร้ายภรรยาและพบศพที่ถูกเผาแล้วก็เปิดปากสารภาพว่า พลั้งมือทำร้ายร่างกายน้องนุ่นบริเวณริมถนนแจ้งวัฒนะ ก่อนจะอุ้มลูกสาววัยขวบเศษ แล้วดึงร่างของน้องนุ่นมาขึ้นรถขับกลับบ้าน พอมาถึงก็ใช้อิฐบล็อกทุบศีรษะทำร้ายซ้ำๆ ซึ่งขณะลงมือลูกสาวก็อยู่ด้วย จนช่วงเช้าถึงรู้ว่าเมียตายจึงตัดสินใจนำศพใส่กระเป๋าเดินทางไปเผาอำพรางคดี แล้วกลับมาเข้าแจ้งความเพื่อกลบเกลื่อนความผิด

ตอนหนึ่ง นายทอยเล่าว่า “พอเขาตาย ผมคิดว่าจะทำยังไง กลัวเพื่อนบ้านเขารู้ ผมก็จัดการให้เสร็จเรียบร้อย แล้วก็มาขอโทษเขา ถ้าจะมาเอาชีวิตกัน ให้พี่รับกรรม ก็ขอให้ลูกไม่อยู่ก่อน นุ่นไปแล้ว ผมก็ไม่ห่วงอะไรแล้ว ผมก็พูดกับเขาขณะที่ตาย แล้วผมก็ขึ้นไปเอากระเป๋าเดินทางใบใหญ่ลงมา เอาเขาใส่เข้าไป แล้วเอาไปขึ้นรถ เขาตัวเล็กอยู่แล้ว เขานอนกอดอก ขดตัวได้อยู่แล้ว เอาตัวเขาใส่เข้าไป ไม่ได้หั่น”

รูปคู่ นุ่นกับทอย

“หลังจากเอาเขาใส่กระเป๋าเสร็จ ก็ยังหลอนคิดว่า เชื่อว่าเขานอนหลับหรือเปล่า ตื่นขึ้นมาเหอะ ลูกตื่นแล้ว มาอยู่กับลูก ไปจับชีพจรเขาดู ชีพจรก็ไม่มีแล้ว ชัดเจนแล้วว่าเขาเสียแล้ว คือตัวเขาเย็นไปหมด ตัวเขาแข็งแล้ว เลยตัดสินใจปิดกระเป๋า เอาลูกขึ้นรถ เอาเขาขึ้นรถแล้วมานั่งดื่มย้อมใจ เมาได้ที่ก็ขับรถไปซื้อน้ำมัน ที่ปั๊ม ปตท. ระหว่างทางก็ดื่มเบียร์ไปด้วยเรื่อยๆ ไปแวะเซเว่นซื้อไฟแช็ก”

“ออกจากบ้านช่วง 9 โมงเช้า ถึงปราจีนฯ บ่ายๆ ไปถึงยังไม่ได้ทำอะไร เอากระเป๋าลงมาแล้วเปิด นั่งเฝ้าเขาอยู่ตรงนั้น เกือบชั่วโมง ก่อนลงมือเผา”

นอกจากนี้ นายศิริชัยยังกล่าวขอขมาแม่น้องนุ่นที่อยู่ในอาการร้องไห้เศร้าโศกเสียใจอยู่ตลอดเวลาว่า “ไม่ว่าแม่จะให้อภัย หรือไม่ให้อภัย ผมก็จะขอชดใช้กับทุกสิ่งที่อยู่ ที่ผมได้ทำพลาดลงไปแล้ว” โดยแม่น้องนุ่นถามว่า ทำกับลูกแม่ทำไม

นายศิริชัยกล่าวว่า “มันเป็นเหมือนแค้นสะสมมาหลายอย่าง ก็ตามที่แม่ได้ยิน เวลาผมคุยกับเขา ผมจะเป็นฝ่ายง้อตลอด แต่ไม่ว่าจะทำดีแค่ไหน เขาก็ไม่เคยมองว่าผมดี อคติที่เขาเอามาพูดซ้ำอีก เรื่องที่เคยเคลียร์กันไปแล้วเขาก็เอามาทะเลาะซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนกระทั่งโมโห สะสม เก็บกดสะสมมา”

“เขาไม่ยอมให้อภัยผมสักครั้ง ไม่ว่าผมจะทำดีแค่ไหน พูดอะไรไป ก็ผิดใจเขาตลอด ผมไม่เคยคิดจะฆ่า หรือทำให้เขาตาย แต่ด้วยความเมาและโมโห เลยทำให้เกิดเหตุการณ์แบบนั้นขึ้น ต่อให้ผมออกมาจากคุก ผมก็ไม่กล้าสู้หน้าครอบครัวนุ่นและครอบครัวผม ไม่มีหน้าไปเจอลูกตัวเอง ผมเลยมาบอกลาทุกคน ไม่ต้องให้เขาจำผมก็ได้ บอกว่า พ่อของเขาตายไปแล้วก็ได้”

วันที่ 21 กุมภาพันธ์ ตำรวจคุมตัวนายศิริชัย หรือทอย สามีโหดไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่บ้านพักในหมู่บ้านแห่งหนึ่งภายในเมืองทองธานี โดยนายศิริชัยได้แสดงท่าทางในขณะที่ลงมือก่อเหตุใช้อิฐบล็อกทุบศีรษะน้องนุ่นซ้ำอีกครั้งในบ้านพักจนทำให้เสียชีวิต ก่อนจะนำร่างใส่กระเป๋าแล้วนำขึ้นรถเก๋งขับมุ่งหน้าไปที่สวนยางในจังหวัดปราจีนบุรี พร้อมกับแวะซื้อน้ำมันที่ปั๊มน้ำมันจำนวน 2 แกลลอน เพื่อนำไปใช้เป็นเชื้อเพลิงเผาร่างของภรรยาสาว

โดยจุดที่ลงมือเผาร่างน้องนุ่น นายศิริชัยแสดงท่าเปิดกระเป๋าเดินทางออก ก่อนราดน้ำมันใส่พร้อมจุดไฟเผาแล้วเดินทางกลับ ทางเจ้าหน้าที่ใช้เวลาทำแผนในจุดนี้นานประมาณ 10 นาที จึงแล้วเสร็จก่อนที่สื่อมวลชนเข้าไปสัมภาษณ์แต่ทางเจ้าตัวไม่ยอมปริปาก

ทั้งนี้ นายศิริชัยเคยให้การสารภาพถึงสาเหตุที่เลือกนำร่างของน้องนุ่นมาเผาในสวนยางดังกล่าวว่า เพราะเป็นเส้นทางคุ้นเคยที่ใช้รับส่งน้องนุ่นขณะเดินทางข้ามแดนไปทำงานที่ฝั่งปอยเปตเป็นประจำ จึงรู้เส้นทางและเห็นว่าสวนยางแห่งนี้เป็นสถานที่เปลี่ยวไม่มีผู้คนพลุกพล่าน

ซึ่งสอดคล้องกับคำให้การของนายสงคราม ธรรมะ ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ที่ 10 บ้านมาบเหวียง ที่กล่าวว่า พื้นที่ตรงนี้เป็นพื้นที่ป่ายางติดกับป่ายูคาลิปตัส ช่วงกลางคืนจะไม่มีคนผ่าน เป็นพื้นที่มืดมีช้างป่าเข้ามาหากินในพื้นที่ การที่จะเอาศพมาทิ้งตรงนี้มันก็เป็นที่ปลอดภัยจากผู้คน เมื่อ 10 กว่าปีก่อนก็เคยมีเหตุการณ์แบบนี้มาแล้วครั้งหนึ่ง

แม้นจะปิดคดีลงได้ แต่ผลของความรุนแรงในครอบครัว สุดท้ายแล้วก็กลายเป็นบาดแผล ฝังลึกในใจผู้เกี่ยวข้องและครอบครัวอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้