พรีเมียร์ลีกใช้เงินซื้อนักเตะสูงสุดในประวัติศาสตร์ ทะลุ 86,000 ล้านบาท

พรีเมียร์ลีกใช้เงินซื้อนักเตะสูงสุดในประวัติศาสตร์ ทะลุ 86,000 ล้านบาท

หลังจากที่ตลาดนักเตะพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ปิดลง เมื่อช่วงเวลา 05.00 น. ของเช้าวันที่ 2 กันยายน ตามเวลาประเทศไทย สรุปการใช้เงินในการซื้อขายย้ายทีมในรอบนี้ มากกว่า 2,000 ล้านปอนด์ (86,000 ล้านบาท) ทำลายสถิติการใช้เงินในตลาดซัมเมอร์ปี 2017 ที่ใช้ไป 1,450 ล้านปอนด์ (62,350 ล้านบาท)

“เดลี่เมล” วิเคราะห์สาเหตุที่ทำให้การซื้อขายครั้งนี้มีมูลค่าสูงมาจากการที่บางสโมสรมีเจ้าของคนใหม่ จึงมีการทุ่มเงินซื้อนักเตะเพื่อสร้างความมั่นใจให้แฟนบอลมากขึ้น ทั้งเชลซีที่มีท็อดด์ โบห์ลี่, นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด ที่มีเจ้าของใหม่เป็นมหาเศรษฐีจากซาอุดีอาระเบีย ใช้เงินไป 122 ล้านปอนด์ (5,246 ล้านบาท) ใช้เงินซื้ออเล็กซานเดอร์ อิซัก กองหน้าสวีเดนจากรีล โซเซียดัด ด้วยค่าตัวสูงสุดถึง 60 ล้านปอนด์ (2,580 ล้านบาท) เช่นเดียวกับน็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ ทีมน้องใหม่ ที่มีอีแวนเจลอส มารินาคิส เจ้าของสโมสรชาวกรีก ซื้อนักเตะใหม่ 19 คน เพื่อรับมือกับการเลื่อนชั้นครั้งแรกในการบริหารงานของเขา ใช้เงินไป 150.9 ล้านปอนด์ (6,488.7 ล้านบาท)

ส่วนแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่แฟนบอลออกมาต่อต้านเจ้าของสโมสรอย่างตระกูลเกลเซอร์ ทำให้เกลเซอร์อนุมัติงบประมาณในการเสริมทีมมากที่สุดในตลาดซัมเมอร์ตลอดการก่อตั้งสโมสรมากถึง 258.5 ล้านปอนด์ (11,115.5 ล้านบาท)

อีกสาเหตุ คือ การได้รับค่าตอบแทนลิขสิทธิ์ของแต่ละสโมสรมากขึ้น จากเดิมที่เคยได้รวมกันในฤดูกาล 2018-2019 ประมาณ 5,200 ล้านปอนด์ และ 2019-2020 ประมาณ 4,500 ล้านปอนด์ เพราะการแพร่ระบาดของโควิด-19 แต่ในฤดูกาลนี้ได้อยู่ที่รวมกัน 6,000 ล้านปอนด์ สูงสุดในประวัติศาสตร์ ทำให้มีงบประมาณในการเสริมทีมกันมากขึ้น

Advertisement

การแย่งชิงท็อปโฟร์ เพื่อไปเตะยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ที่มีค่าตอบแทนสูง ทำให้หลายสโมสรยอมทุ่มเงินในการเสริม และรับได้กับการถูกโก่งค่าตัวที่สูงขึ้นเรื่อยๆ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image