“สวัสดีค่ะทุกคน เฟิร์นเพิ่งกลับจากทริปปากีมา และจากที่ทุกคนเห็นว่าทำไมเฟิร์นถึงหยุดอัพเดทเพจไปเลยระหว่างทริป เพราะเฟิร์นเจอเรื่องราวมากมายที่ขอมาสรุปในโพสต์นี้ทีเดียว กับทริป #ปากีไม่ตรงปก
1. เฟิร์นอยากไปปากีมานานมาก ๆ เป็นความฝันมาตลอด 10 ปี และที่ตัดสินใจมาตอนนี้ ไม่ช้าไปกว่านี้ เพราะเฟิร์นตั้งใจจะสร้างครอบครัวแล้ว ประเทศนี้เดินทางลำบากก็เลยต้องรีบเก็บก่อน และเลือกที่จะมากับสามีด้วยเพราะเราอยากมีความทรงจำในสถานที่แห่งความฝันของเฟิร์น
2. เฟิร์นเลือกรูปแบบ Private photo trip เพราะอยากไปแบบส่วนตัว คนน้อย ๆ มีคนที่อยากไปโดยจุดประสงค์เดียวกัน คือ ถ่ายรูปสวย ๆ และที่สำคัญในรายละเอียดทริประบุว่า มี ช่างภาพมืออาชีพ ให้สองท่าน คุณจะได้รูปสวย ๆ กลับไปแน่นอน และหนึ่งในช่างภาพเป็น บล็อกเกอร์ ที่เราชื่นชอบผลงาน …. นี่เป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่เฟิร์นจอง เพราะเฟิร์นก็อยากมีรูปสวยๆ กับสามีเฟิร์นบ้าง ที่ผ่านมาที่ทุกคนเห็นว่าเฟิร์นไม่มีรูปคู่กันเท่าไหร่ เพราะไม่มีคนถ่ายให้ค่ะ แต่ทริปนี้ในที่สุดก็จะมีรูปคู่บ้างแล้ว
3. เนื่องจากว่าเราพอจะรู้จักทางช่างภาพส่วนตัว เราเลยถามรายละเอียดทริปผ่านทางช่างภาพมาโดยตลอด เฟิร์นทักไปถามครั้งสุดท้ายในวันที่ 13/2 และทำการจองตั๋วเครื่องบินวันที่ 14/2
4. ในวันที่ 15/2 ทางช่างภาพได้ดึงเราเข้ากรุ๊ปไลน์รวมกับผู้ร่วมทริปท่านอื่น เพื่อที่จะแจ้งว่าทริปนี้จะไม่ใช่ Private trip แต่จะกลายเป็น Join trip …. เอาแล้วสิ กลิ่นเริ่มแปลกๆ แต่ด้วยความไว้ใจเพราะเห็นว่ารู้จักกันอยู่ ก็ไปต่อ (ไม่น่าเลย…)
5. ขอให้ข้อมูลเพื่อความเข้าใจ ปากีสถานเที่ยวเองไม่ได้นะคะต้องมี Local guide นำเที่ยว ส่วนใหญ่เลยจะเป็นรูปแบบที่มีทัวร์ฝั่งไทยจัด และไปร่วมกับฝั่ง Local อีกทีค่ะ
6. ช่วงระหว่างเดินทาง 5-15 เมษายน สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ ทริปนี้ไม่ใช่ทั้ง private เพราะการที่นำเราไปรวมกับกรุ๊ปทัวร์อื่นๆ อีกถึง 9 คน (ที่ซื้อทัวร์จากที่อื่นมา ไม่ใช่ในรูปแบบ Photo trip แต่ก็ดันต้องเอามารวมกันเพื่อให้เต็มรถ) ทำให้เราไม่สามารถถ่าย Landscape ได้อย่างที่ตั้งใจ เนื่องจากจำนวนคนที่เยอะมากต่อ 1 สถานที่ กับเวลาอันจำกัด
7. ซ้ำแล้วเมื่อบอกว่าเป็น Photo trip ก็ดูจะไม่ใช่อีกเช่นกัน ทั้งรูปแบบการเที่ยวที่เป็นเหมือนทัวร์ปกติ หรือที่บอกว่ามีช่างภาพมืออาชีพ ก็ไม่ได้ช่วยถ่ายรูปให้ลูกทัวร์อย่างคำที่โฆษณา แต่กลับเอาสินค้ามากมายมาถ่ายเพื่อ #รีวิวลงเพจ ของตัวเอง เรียกได้ว่ารับงานซ้อนงาน แต่ให้ความสำคัญกับงานซ้อนมากกว่างานหลัก
8. และถึงแม้ในบางสถานที่จะไม่ได้เอาสินค้ามาถ่ายรีวิวลงเพจตัวเอง แต่ช่างภาพทั้งสองท่าน (ซึ่งเป็นครอบครัวเดียวกัน) ก็มักจะถ่ายรูปกันเองอยู่สองคน
9. นี่ยังไม่นับมารยาทในการถ่ายรูปร่วมกับผู้อื่น ทั้งบังเฟรม ขวางเฟรม หรือการกดดันให้เฟิร์นที่ถ่ายอยู่ตรงนั้นต้องหลบไป ทั้ง ๆ ที่เฟิร์นจ่ายค่าทริปมา และเขาเป็นช่างภาพ… นี่เฟิร์นเข้าใจผิดไปเองหรอว่าเฟิร์นควรจะได้ Priority ในการถ่ายก่อนเขา
10. เมื่อความไม่พอใจเกิดขึ้น เริ่มเกิดการพูดคุยเรื่องเงินส่วนต่างที่ควรจะได้รับเพราะเราไม่ได้เดินทางในรูปแบบที่เราซื้อมา (private tour)
11. ทางช่างภาพแจ้งอยู่หลายครั้งว่าจะประสานทางทัวร์ให้
12. จนวันที่เฟิร์นกลับไทยมา เฟิร์นติดต่อไปทางทัวร์เพื่อร้องเรียนเรื่องที่เกิดขึ้น แต่กลับต้องพบว่า “ทางทัวร์ไม่ได้ operate ทริปนี้มาตั้งแต่ 12/2 แล้ว และเงินอยู่ที่ช่างภาพทั้งสองทั้งหมด” ……………(เฟิร์นจอง 14/2 แปลว่าจริง ๆ ช่างภาพควรจะแจ้งเฟิร์นก่อนจองเพราะมันมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นก่อนแล้ว ถ้าแจ้งเฟิร์นจะได้ไม่จองไง)
13. สาเหตุที่ทางทัวร์ไม่ได้ operate แล้วเป็นเพราะทางช่างภาพขอเปลี่ยน Local ฝั่งปากี ซึ่งไม่ใช่ partner กับฝั่งทัวร์เดิม จึงทำให้ทัวร์ไม่ได้ดำเนินการกับทริปนี้ต่อ ….. ที่ผ่านมาทางช่างภาพมีโอกาสหลายครั้งที่จะแจ้งพวกเราแต่เลือกที่จะไม่แจ้ง ไม่พอ ยังเลือกที่จะพูดให้ลูกทัวร์เข้าใจว่าเงินทั้งหมดอยู่ที่ทัวร์อีกต่างหาก
14. หลังจากนั้นเฟิร์นได้รับรู้อีกหลายเรื่องที่ทางช่างภาพพูดในวันที่เคลียร์กัน ไม่ตรงกับข้อมูลที่เฟิร์นมาคุยกับทางทัวร์ทีหลัง เช่น บทบาทการมาในครั้งนี้ของทางช่างภาพทั้งสองที่เขาแจ้งว่าเขาไม่ได้ต้องมาถ่ายคนแต่มาเพื่อถ่ายวิว แต่ทางทัวร์แจ้งอย่างชัดเจนว่าได้ตกลงกับช่างภาพว่าต้องมีการถ่ายคนด้วย
15. กว่าทางช่างภาพจะยอมรับในข้อนี้ก็ตอนที่เราประชุมรวมกันทุกฝ่าย แต่อย่างไรก็ตาม หลังจบทริปเมื่อเราได้รูปแล้วก็พบว่าช่างภาพทั้งสองไม่ได้ทำหน้าที่ตัวเองอย่างเต็มที่ ลูกทัวร์ไม่ได้มีรูปครบทุกคน ครบทุกสถานที่ … ลูกทัวร์บางคนมีรูปจากตากล้องท่านหนึ่งเพียงแค่ 2 รูปเท่านั้น จากทริป 10 วัน .. ช่างภาพให้เหตุผลว่ามัวแต่โฟกัสกับการถ่ายรีวิวลงเพจตัวเอง เลยอาจจะทำหน้าที่ไม่ได้เต็มที่
16. ลูกทัวร์ต้องการเหตุผลจากทางช่างภาพว่าทำไมถึงเปลี่ยนโลคอลโดยไม่บอก เพราะนั่นคือสาเหตุที่พวกเราไม่สามารถเดินทางแบบ private photo trip ได้อย่างที่ตั้งใจ ซึ่งเหตุผลที่ทางช่างภาพบอกเป็นการ Discredit คนอื่นที่ไม่มีอะไรพิสูจน์ได้จริง จนสุดท้ายถึงจะพูดว่า “กลัวลูกทัวร์จะรู้ว่าใช้โลคอลเจ้าไหนแล้วไปจองตรง หรือถ้าใครได้ราคาดีกว่าแล้วจะมาขายตัดราคา” …… เราในฐานะลูกทัวร์เรามองว่าเรื่องนี้ไม่ยุติธรรมกับผู้บริโภคเลย เราควรมีสิทธิเลือก โดยเฉพาะเมื่อคุณไม่สามารถให้สินค้าเราที่ตรงตามคำโฆษณาได้
17. มาถึงตรงนี้เราเริ่มสับสนบทบาทแล้วว่าสรุปช่างภาพทั้งสองมาในฐานะอะไรกันแน่? ช่างภาพก็ไม่น่าใช่เพราะไม่ได้ทำหน้าที่ตรงนี้ … เพื่อนชวนเที่ยว? ก็ไม่น่าใช่เพราะทั้งสองท่านยอมรับด้วยตัวเองว่าต้องการกำไรจากการจัด … หรือจะเป็นทัวร์? แต่เป็นทัวร์มันต้องมีใบอนุญาตนี่นะ ไม่ใช่ใครก็ทำได้ ก็แปลว่า?
18. ถึงแม้จะมีรายละเอียดอื่น ๆ มากกว่านี้แต่เราขอสรุปเลยแล้วกันค่ะว่าลูกทัวร์ได้เงินคืนจากตากล้องกันคนละ 8,400 บาท แต่ถ้าถามเรามันไม่ได้มีความหมายอะไรมากมายถ้าเทียบกับสิ่งที่เราเสียไป เวลา ความรู้สึก ประสบการณ์ ความทรงจำต่าง ๆ ที่มันแย่มาก ๆ ความฝันเป็น 10 ปีของเรามันกลายเป็นแบบนี้ ทริปนี้รูปคู่เราก็เป็นรูปเซลฟี่เหมือนเดิม บางสถานที่สวย ๆ ก็ไม่ได้มีรูปถ่ายด้วยซ้ำ
19. จริง ๆ เรื่องนี้เราตั้งใจจะเล่าแค่ในเฟสบุคส่วนตัวที่มีเพื่อนหลักร้อยเท่านั้น แต่หลังจากลงไปมีคนแจ้งเรื่องเพิ่มเติมของช่างภาพทั้งสองถึงความไม่โปร่งใสและความไม่โปรในการทำงาน ทำให้เราตัดสินใจลงเรื่องราวในเพจเพื่อ #เตือนภัย
20. ใครจะซื้อทัวร์อะไรอย่าดูเพียงแค่ผลงาน ให้ดูประสบการณ์จริงจากผูัร่วมทริปก่อนๆ ด้วย และก่อนไปทัวร์ไหนอย่าลืมถามหาใบอนุญาตนะ อันนี้สำคัญมาก บางคนรู้หน้าไม่รู้ใจ ขนาดรู้จักกันยังไม่รู้ใจกันเลย
21. และสำหรับคนทำงานก็ขอฝากไว้มีฝีมือก็ใช้ฝีมือทำงาน อย่าใช้หัว(หมอ) ทำงานเลยค่ะ เงินอะใครก็อยากได้ แต่อย่าอยากได้เงินบนความเดือดร้อนของคนอื่นแบบนี้เลยค่ะ #ฝากไว้ให้คิด
ปล. ทัวร์โลคอลฝั่งปากีดีมากๆค่ะ (ใครอยากไปปากีแล้วอยากได้ชื่อทัวร์โลคอล เฟิร์นพร้อมแนะนำต่อนะคะ เค้าดูแลดีจริงๆ) น้า ๆ บนรถที่ได้ร่วมทริปกันก็ดีมาก ๆ เพื่อนร่วมทริปคนอื่นๆ ก็ดีมากเลยค่ะ ในเรื่องที่เกิดขึ้นก็ยังเจอคนดีอยู่นะ ขอบคุณทุกคนค่ะ”
เมื่อโพสต์ดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไป มีผู้กดไลก์แล้วกว่า 4.1 พันไลก์ และถูกแชร์ออกไปกว่า 1.4 พันครั้ง พร้อมทั้งมีผู้เข้ามาร่วมแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับกรณีที่เกิดขึ้นอย่างแพร่หลาย อาทิ
- “ลค.ซื้อทัวร์ที่แจ้งขายทริป+ช่างภาพ แต่ไปถึงแล้วช่างภาพไม่ทำงานให้ทัวร์ ทำให้ลูกทัวร์ไม่ได้รับบริการถ่ายภาพ อยากรู้เลยช่างภาพเพจไหน”
- “เป็นกำลังใจให้นะคะ ขอบคุณที่มาส่งข่าว เกือบจองไปเหมือนกันค่ะ”
- “ผมเองก็เกือบไปกับเจ้านี้แล้ว ดีว่าช่วงนั้นไม่ว่าง ชอบไปถ่าย landscape เหมือนกันครับ”
- “เจอแบบนี้แย่มากเลยค่ะ”
- “แย่มาก ๆ ในฐานะคนเดินทางคนนึง ประสบการณ์ในการเดินทางแต่ละครั้งกว่าจะได้มา มันแลกกับหลายอย่าง เวลา จังหวะ ช่วงวัย เงิน และมันควรจะได้ประสบการณ์ที่มีค่ามากกลับมา แต่ต้องถูกพรากไปจากคนแย่ ๆ แบบนี้เชียร์ให้เอาเรื่องให้ถึงที่สุดเพื่อไม่ให้เค้าทำแบบนี้กับใครอีก”
ล่าสุดมีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งซึ่งคาดว่าเป็นช่างภาพผู้จัดทัวร์ดังกล่าว ออกมาโพสต์ข้อความชี้แจง โดยระบุเป็นข้อความว่า
“สืบเนื่องจากทริปปากีสถานของนิวและเนล เมื่อวันที่ 5-15 เมษายน ที่ผ่านมานั้น นิวและเนลต้องขออภัยผู้ร่วมทริปทุกคน ในแง่ของการบริหารจัดการทริป, การดูแลผู้ร่วมทริปได้ไม่ดีพอ และทำให้ทริปไม่ได้เป็นไปตามที่ทุกคนคาดหวัง
.
นิวและเนลต้องขอโทษผู้ร่วมทริปทุกคนและผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่าย จากใจอีกครั้งหนึ่งด้วยค่ะ
.
Kneilx & Nelson
17 เมษายน 2567”
ซึ่งเมื่อโพสต์ดังวกล่าวถูกเผยแพร่ มีผู้เข้ามาร่วมแสดงความคิดเห็นในเชิงวิพากษ์วิจารณ์การกระทำช่างภาพ/ผู้จัดทริปรายนี้เป็นจำนวนมาก อาทิ
- “โอ้ว แบบนี้ไม่น่ารักเลย คืนเงินบางส่วนก็จริง แต่มันทั้งเสียทั้งเวลา เสียความรู้สึก และสุดท้ายเลยคือเสียความเชื่อใจค่ะ”
- “ผู้ร่วมทริป หรือผู้ซื้อทัวร์ครับ”
- “อ่านแล้วเหมือนไม่มืออาชีพเลย”
- “ผลลัพธ์เกิดจากเจตนา กล้ามากครับ เป็นผม ผมอายว่ะ”
- “สรุปว่า รับงานเป็นหัวหน้าทัวร์(private tour)+เป็นช่างภาพ จากบริษัททัวร์ แล้วทำทั้ง หน.ทัวร์, ช่างภาพ, รีวิวสินค้า, คอนเทนต์ลงเพจตัวเอง จริงมั้ยครับ ปกติเป็นหัวหน้าทัวร์หรือช่างถ่ายภาพร่วมกับทัวร์ ไม่น่าจะมีเวลา และไม่ควรทำทุกอย่างนะครับ (เพราะต้องดูแลลูกทัวร์)”
- “ชี้แจงง่ายจังอะ ทำไมเอากล้องสปอนเซอร์ไปซ้อนงานกับทริปทัวร์ แค่นี้ความรับผิดชอบก็เห็นเลยว่าไม่มี”
นอกจากนี้ เฟิร์น เจ้าของช่อง BIVOYAGE ผู้ที่เดินทางไปกับทริปดังกล่าวก็ได้ใช้เฟซบุ๊กส่วนตัวไปแสดงความคิดเห็นตอบกลับด้วยว่าเช่นกัน โดยระบุเป็นข้อความว่า
“เราคิดว่านิวจะใช้คำว่า ไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง คงจะเป็นคำที่ผิดนะ เพราะสิ่งที่พวกเราเจอมันไม่ได้มาตราฐานด้วยซ้ำ และมันคือการหลอกลวงผู้บริโภคนะคะ”