จับตาการ Rebranding ของน้ำมันพืชเกสรครั้งสำคัญ สู่การจุดประกายเพื่อให้ทุกจานเป็นไปได้

 

ผลพวงจากโควิดส่งผลให้หลายคนมีความสามารถพิเศษใหม่ๆ เพิ่มเติม หนึ่งในนั้นคือทักษะด้านการทำอาหาร แม้ว่าสถานการณ์จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว แต่ทักษะการทำอาหารนั้นยังคงติดตัวอยู่ หลายคนพัฒนาทักษะให้เก่งขึ้น แต่ก็ยังขาดวัตถุดิบที่ดีที่จะช่วยให้อาหารดูสวยงามน่ารับประทาน โดยเฉพาะวัตถุดิบสำคัญที่จะช่วยให้อาหารมีรสชาติที่อร่อยมากยิ่งขึ้น

โดยเฉพาะน้ำมันพืช ซึ่งน้ำมันพืชที่ดีนอกจากจะช่วยดูแลสุขภาพแล้วยังเพิ่มความอร่อยให้กับอาหาร นั่นคือมุมมองความอร่อยของ คุณต่อพงศ์ ตริยานนท์ กรรมการบริษัท น้ำมันพืชปทุม ผู้ผลิต น้ำมันพืชเกสร

 

ทำความรู้จักน้ำมันพืชเกสร

น้ำมันพืชเกสร ผลิตโดย บริษัท น้ำมันพืชปทุม ที่เปิดดำเนินการมายาวนานกว่า 48 ปี ด้วยประสบการณ์ที่ยาวนานในการผลิตน้ำมันพืชคุณภาพให้กับผู้บริโภค ส่งผลให้ปัจจุบันมีสินค้าภายใต้บริษัท น้ำมันพืชปทุม ทั้งหมด 4 ผลิตภัณฑ์ ทั้งน้ำมันปาล์มบริสุทธิ์ น้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์ น้ำมันรำข้าวบริสุทธิ์ และเนยเทียม โดยสินค้าทั้งหมดอยู่ภายใต้แบรนด์ เกสร ดอกไม้ เกสรเพียว และกัปตัน ขณะที่กลุ่มลูกค้าจะมีความหลากหลาย ทั้งระดับ เชฟมืออาชีพ กลุ่มผู้บริโภคทั่วไป ร้านอาหาร และพ่อค้าแม่ค้าต่างๆ ไปจนถึงโรงงานผลิตอาหารชั้นนำ

“เพราะบริษัทของเราเป็นผู้ผลิตน้ำมันไบโอดีเซลรายใหญ่ของประเทศ ส่งผลให้เราใช้น้ำมันปาล์มดิบเป็นจำนวนมาก เราจึงมีโอกาสคัดเลือกเฉพาะน้ำมันปาล์มที่มีคุณภาพเกรดพรีเมี่ยม เพื่อเข้าสู่กระบวนการผลิตน้ำมันพืช เพราะหัวใจหลักของเรา คือการเน้นเรื่องของคุณภาพสินค้า เรามีทีมงานที่เป็นมืออาชีพตรวจสอบและควบคุม ตั้งแต่การคัดวัตถุดิบไปจนถึงกระบวนการผลิตก่อนจะส่งถึงมือผู้บริโภค”

 

 

คุณต่อพงศ์ยังเน้นว่า สิ่งที่น้ำมันพืชเกสรให้ความสำคัญมากที่สุด คือเรื่องคุณภาพ น้ำมันจะต้องมีสีอ่อนใส นั่นหมายถึงกระบวนการผลิตที่ดีได้มาตรฐานช่วยให้น้ำมันพืชเสื่อมสภาพช้า สามารถใช้ได้ต่อเนื่อง ไม่มีกลิ่นรบกวนอาหาร ทอดไม่อมน้ำมัน ที่สำคัญน้ำมันพืชเกสรยังได้รับรางวัล Superior Taste Award ถึง 2 ปีซ้อน เป็นการการันตีเรื่องคุณภาพโดยผ่านการทดสอบจากเชฟระดับมืออาชีพทั่วโลก

 

รีแบรนด์ผ่าน Insight ผู้บริโภค

ที่ผ่านมาน้ำมันพืชเกสรเติบโตมาจากค้าปลีกค้าส่งแบบดั้งเดิมที่เรียกว่า Traditional Trade กลุ่มยี่ปั๊ว ซาปั๊ว โดยจุดประสงค์หลักของการรีแบรนด์เพื่อสร้างการรับรู้ โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ที่อาจจะไม่รู้จักน้ำมันพืชเกสรเท่าไหร่นัก

“ต้องยอมรับว่าตลาดในปัจจุบันมีการแข่งขันสูงมากแต่ก็ยังมีการเติบโต น้ำมันพืชเกสรเข้าจำหน่ายในห้างสรรพสินค้าและซุปเปอร์มาร์เก็ตประมาณเมื่อ 10 ปี ที่ผ่านมา เพราะฉะนั้นเราจึงต้องขยายฐานลูกค้าพร้อมสร้างการรับรู้ในแบรนด์ เพื่อให้แบรนด์เข้าไปอยู่ในใจของผู้บริโภค นั่นคือเหตุผลที่ทำให้เราต้องทำการ Rebranding โดยเราได้ทำการศึกษาลูกค้าอย่างละเอียด เพื่อให้เข้าใจความต้องการที่แท้จริงของลูกค้าในแต่ละกลุ่ม เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้ดีที่สุด”

 

 

นอกจากนี้ คุณต่อพงศ์ ยังเสริมว่า การ Rebranding ครั้งนี้จะช่วยปรับภาพลักษณ์ของแบรนด์ให้ดูทันสมัยมากขึ้น โดยการปรับเปลี่ยนโลโก้และฉลากให้ดูโดดเด่นสวยงามมีการปรับเปลี่ยนดีไซน์ขวดใหม่ให้สามารถจับได้กระชับมากขึ้น เพิ่มดีไซน์กลีบดอกเกสรประดับเป็นลวดลายบนขวดจะช่วยขับสีทองของน้ำมันพืชให้ดูเป็นประกาย สีน้ำมันที่อ่อนใสซึ่งเป็นจุดเด่นของน้ำมันพืชเกสร ซึ่งข้อมูลที่ได้จากการวิจัยพบว่า ผู้บริโภคชอบน้ำมันที่มีสีเหลืองอ่อนใสช่วยให้ดูน่าใช้ยิ่งขึ้น

 

เจาะกลุ่มเป้าหมาย New Gen

คนรุ่นใหม่ Gen Y กำลังอยู่ในวัยทำงานและมีกำลังซื้อ ซึ่งจะเป็นฐานลูกค้าสำคัญในอนาคต จากการศึกษาพบว่า คนรุ่นใหม่ชอบความท้าทาย ชอบค้นหาประสบการณ์ใหม่ๆ น้ำมันพืชเกสรคือผู้เชี่ยวชาญด้านน้ำมันพืช และพร้อมเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยรังสรรค์อาหารทุกจานให้สำเร็จได้

“เราอยากช่วยจุดประกายให้อาหารทุกจานของลูกค้าเป็นไปได้ ช่วยพัฒนาทักษะด้านอาหารไปอีกขั้น สามารถลงมือทำแล้วสำเร็จออกมาตามความต้องการของลูกค้าทุกคน ไม่ว่าจะเป็นมือใหม่หรือมีประสบการณ์การทำอาหารแล้วก็ตาม โดยด้านหลังฉลากจะมี QR Code เพื่อเข้าสู่ Menu Creation ที่จะบอกวิธีการในการปรุงอาหารตั้งแต่เตรียมวัตถุดิบ ขั้นตอนการทำแต่ละขั้นตอน วิธีปรุงจนออกมาเป็นอาหารที่อร่อยและสวยงาม ชนิดที่เรียกว่าจับมือทำ”

 

 

นั่นเป็นที่มาของการ Rebranding ครั้งนี้ เพื่อให้กลุ่มคนรุ่นใหม่รับรู้แบรนด์และเข้าใจภาพลักษณ์ของน้ำมันพืชเกสรได้ชัดเจนขึ้น โดยเฉพาะการเน้นเรื่องของคุณภาพเป็นหลัก โดยเรานำเสนอในแง่ของการเป็นผู้สนับสนุนให้สามารถทำอาหารได้ง่ายขึ้น พร้อมนำเสนอแนวคิดไอเดียใหม่ๆ เพื่อช่วยให้การทำอาหารในทุกเมนูสนุก ท้าทาย และประสบความสำเร็จ

 

ปรับทัศนคติความเข้าใจผิดของน้ำมันพืช

คุณต่อพงศ์ ยังอธิบายถึงเรื่องของน้ำมันพืชที่คนส่วนใหญ่ยังเข้าใจผิด โดยหลายคนยังมีความเข้าใจว่า น้ำมันพืชมีคอเลสเตอรอล ซึ่งในความเป็นจริงน้ำมันพืชไม่มีคอเลสเตอรอล

“แต่คอเลสเตอรอลส่วนใหญ่จะอยู่ในน้ำมันที่มาจากน้ำมันจากสัตว์ เช่น น้ำมันหมู ดังนั้นน้ำมันพืชเกสรผลิตจากผลปาล์มน้ำมัน จึงมั่นใจได้ว่าไม่มีคอเลสเตอรอล”

 

 

ความอร่อยควบคู่สุขภาพที่ดี

หลายคนเข้าใจว่าน้ำมันพืชไม่ดีต่อสุขภาพ แต่ในความเป็นจริงแล้วขึ้นอยู่กับวิธีการใช้ ซึ่งน้ำมันพืชเกสรได้มีการประชาสัมพันธ์ข้อมูลการเลือกใช้น้ำมันพืชแต่ละประเภทให้เหมาะกับการปรุงอาหาร โดยเฉพาะน้ำมันปาล์ม รวมถึงให้ข้อมูลคุณประโยชน์ของน้ำมันปาล์ม ผ่านการจัดกิจกรรมต่างๆ ที่กระจายไปทั่วประเทศ ไม่ว่าจะเป็นการออกบูธกับห้างสรรพสินค้า และซุปเปอร์มาร์เก็ตต่างๆ

การเลือกใช้น้ำมันพืชให้ถูกประเภท เช่น เมนูทอดส่วนใหญ่จะใช้ความร้อนสูง น้ำมันปาล์มเป็นน้ำมันที่เหมาะสำหรับทอดมากที่สุด เพราะน้ำมันปาล์มทนความร้อนได้สูง ขณะที่น้ำมันชนิดอื่นๆ อาจจะเหมาะกับเมนูที่ใช้ความร้อนต่ำ การใช้น้ำมันบางชนิดที่ไม่ทนความร้อนมาทอดอาหารจะส่งผลไม่ดีต่อสุขภาพได้

“น้ำมันปาล์มมีจุดเด่นที่สำคัญ คือ มีวิตามินอีสูง มีโอเมก้า 3, 6, 9 ซึ่งเป็นประโยชน์กับร่างกาย น้ำมันไม่มีกลิ่นหืน และไม่มีกลิ่นไปรบกวนอาหาร เช่น เราอยากจะผัดเมนูกุ้ง อาหารที่ได้ก็จะมีกลิ่นกุ้ง ผัดเมนูปลาก็จะได้กลิ่นปลา     นอกจากนี้เรายังได้คุณสมชนะ กังวารจิตต์ ผู้ก่อตั้ง บริษัท Prompt Design ที่มีความชำนาญด้านการออกแบบระดับสากลมาช่วยเราออกแบบทั้งฉลากและรูปแบบขวด ซึ่งเหตุผลหลักที่ทำให้เราออกแบบฉลาก มา 3  แบบ เพื่อต้องการให้เห็นถึงความหลากหลายในการทำอาหารในเมนูต่างๆ ด้วยน้ำมันพืชเกสร  ซึ่งน้ำมันพืชเกสรสามารถใช้ได้ทั้งเมนูทอดและผัด”

 

 

ฉลากแบบแรกจะเป็นรูปกุ้งทอดไซส์ใหญ่ (Oversize) เพื่อสื่อถึงการใช้น้ำมันพืชเกสรทอดอาหารจะช่วยให้กรอบนาน ไม่อมน้ำมัน สีสันสวยงาม สำหรับฉลากแบบที่ 2 เป็นรูปผัดผัก เพื่อสื่อถึงการใช้น้ำมันพืชเกสรผัดอาหาร ซึ่งสีของอาหารจะออกมาสวย ไม่มีกลิ่นน้ำมันรบกวนอาหาร ส่วนฉลากแบบสุดท้ายเป็นฉลากรูปนักเก็ตหน้ายิ้ม โดยน้ำมันพืชเกสรต้องการสื่อถึงความสุข  ซึ่งจากการทำวิจัยพบว่า เมื่อทำอาหารออกมาแล้ว คนทำจะมีความภูมิใจมีความสุขที่ได้ทำอาหารให้ครอบครัว ให้คนที่รัก คนที่ทานก็มีความสุขที่ได้ทานอาหารอร่อยได้ร่วมกิจกรรมกันในครอบครัว

 

ชู 3 เมนูสร้างความสุขผ่าน TVC

น้ำมันพืชเกสร ได้นำเสนอภาพยนตร์โฆษณาทางทีวี (TVC) โดยเรื่องราวของภาพยนตร์โฆษณาจะแบ่งการทำอาหารเป็น 3 เมนู โดยเริ่มต้นที่เมนูแรกกับเมนูพื้นๆ ง่ายๆ “ไข่เจียวกุ้งกรอบ” ที่มีวิธีการทำไม่ได้ยุ่งยากทุกคนสามารถทำได้ และเป็นเมนูจานอร่อยสำหรับทุกบ้าน จากเมนูพื้นฐานเมนูแรก พัฒนาสู่เมนูที่สอง “ไข่เจียวซูเฟล่” (Souffle)

 

 

“สำหรับไข่เจียวซูเฟล่ ต้องอาศัยความชำนาญในการทำอาหารเพิ่มเข้าไป รวมถึงยังมีรายละเอียดประกอบมากขึ้น ซึ่งต้องพัฒนาฝีมือขึ้นไปอีกระดับ ส่วนเมนูสุดท้ายก็จะเป็นความท้าทายอย่างสูงกับเมนู “กุ้งทอด” โดยการใช้เทคนิค Deconstruction เป็นการแยกส่วนประกอบต่างๆของวัตถุดิบออกมาปรุงใหม่และนำมาจัดวางบนจานให้วัตถุดิบแต่ละอย่างโดดเด่นและสวยงามมากยิ่งขึ้น ซึ่งต้องใช้ความชำนาญขั้นสูงและต้องอาศัยประสบการณ์ที่สะสมมาจากเมนูต้นๆ นี่คือสิ่งที่เราต้องการสื่อว่า ในทุกขั้นตอนการทำอาหารจะมีประสบการณ์ใหม่ๆ มีความท้าทายใหม่ๆ โดยเฉพาะสำหรับคนรุ่นใหม่ และมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เป็นการจุดประกายให้ทุกคนลุกขึ้นมาทำอาหารเพื่อพบประสบการณ์ใหม่ๆ และทำให้ทุกจานเป็นไปได้”

 

 

คุณต่อพงศ์ ยังเสริมอีกว่า นอกจากภาพยนตร์โฆษณาจะช่วยจุดประกายการทำอาหารแล้ว อีกแง่หนึ่งภาพยนตร์โฆษณาต้องการสื่อถึงความสุขด้วย โดยใน TVC ก็จะเห็นรอยยิ้มและความสุขของคนทำอาหาร เป็นการสื่อว่าน้ำมันพืชเกสรเน้นเรื่องคุณภาพ ช่วยให้การทำอาหารมีความสุขทุกครั้งที่ได้ลงมือทำ รวมถึงคนที่ทานอาหารก็มีความสุขทั้งในเรื่องของความอร่อยและเรื่องของสุขภาพ

 

ช่องทางขายและการสื่อสาร

น้ำมันพืชเกสรมีการสื่อภาพยนตร์โฆษณา โดยกระจายไปตามสื่อต่างๆ บนทีวี ขณะที่ช่องทางออนไลน์ก็ถือเป็นสื่อที่มีความสำคัญในปัจจุบัน และเป็นช่องทางที่สามารถเข้าถึงกลุ่มคนทุกรุ่น โดยเฉพาะกลุ่ม Gen Y และ Gen Z ดังนั้นน้ำมันพืชเกสรจึงให้ความสำคัญกับการใช้สื่อออนไลน์เป็นพิเศษ อย่างเช่น Facebook, YouYube และ TikTok

 

 

“สำหรับการสื่อสารบนโลกออนไลน์จะสื่อสารผ่าน KOL และ Influencer ซึ่งสามารถให้ความรู้กับผู้ติดตามได้ ตัวอย่างเช่น TikTok เราจะทำผ่านช่องครัวสนาม แม่เมนูนี้ทำไง ทำอาหารให้สามี เป็นต้น ในส่วนของ Facebook เราทำผ่าน Influencer เพื่อสื่อให้กลุ่มคนรุ่นใหม่ได้รับรู้และรู้จักแบรนด์ ช่วยให้ทราบว่าเราได้ปรับบุคลิกของแบรนด์ และเชิญชวนร่วมเปิดประสบการณ์ใหม่ๆ ในการทำอาหารกับน้ำมันพืชเกสร”

สำหรับช่องทางจำหน่าย น้ำมันพืชเกสรยังคงจำหน่ายผ่านค้าปลีกค้าส่งแบบดั้งเดิม (TraditionalTrade) ผ่านยี่ปั๊ว ซาปั๊ว โดยยังคงมีการขยายฐานลูกค้าอย่างต่อเนื่อง และ พร้อมทั้งจำหน่ายผ่านห้างหลักๆ ไม่ว่าจะเป็น โลตัส บิ๊กซี  แม็คโคร ท็อปส์ เซเว่นอีเลฟเว่น เป็นต้น และช่องทางออนไลน์โดยผ่านแพลตฟอร์มของห้าง ซึ่งช่องทางออนไลน์เป็นช่องทางที่มีการเติบโตค่อนข้างดี และเรายังคงขยายช่องทางการจำหน่ายอย่างต่อเนื่อง

 

 

สำหรับเป้าหมายหลัก ของการ Rebranding ในครั้งนี้ คือ การสร้างการรับรู้ ในลูกค้าปัจจุบันและการรับรู้ในกลุ่มลูกค้าใหม่ที่ยังไม่เคยใช้น้ำมันพืชเกสร เพื่อให้เกิดการลองใช้พร้อมเปิดประสบการณ์ใหม่ แล้วจะรู้ว่าทุกจานที่คิด ทุกจานที่ทำสามารถเป็นไปได้ น้ำมันพืชเกสร “จุดประกายให้ทุกจานเป็นไปได้”